ถ้ำอาถรรพ์ 1 : ถ้ำพญานาค

ถ้ำอาถรรพ์ 1 : ถ้ำพญานาค

โดย : จินต์ชญา

Loading

ไม่ใช่แค่ นิยายออนไลน์ เพียงอย่างเดียวที่มีให้อ่านได้ อ่านดี อ่านฟรี ที่อ่านเอา แต่เรามีเรื่องให้ อ่านออนไลน์ กันมากมาย เช่นเดียวกับคอลัมน์ คอลัมน์  ‘เรื่องผีที่ฉัน (อยาก) เล่า’ ของ ‘จินต์ชญา’ ซึ่งคราวนี้เล่าถึงเรื่องความลึกลับเหลือเชื่อของถ้ำ ซึ่งมักจะมีความเชื่อกันในหลายท้องถิ่นว่า มีความเกี่ยวพันกันกับพญานาค

……………………………………

” ถ้ำ น้ำพวกนี้ โบราณเขาว่า

เป็นเมืองลับแล หรือเมืองบังบด  

อาจจะมีทางเข้าออกที่ซ้อนมิติกันอยู่

เป็นปากทางเข้าเมืองพญานาค”

 

ฉันเป็นคนชอบท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแบบธรรมชาติ แบบเยี่ยมชมศิลปวัฒนธรรม อารยธรรมโบราณ หรือไปสถานที่แปลกๆ ที่คนสร้างขึ้นก็ตาม เที่ยวธรรมชาตินี่ดีที่สุด ไปหาภูเขา ทะเล ป่าไม้ ที่ๆ เราสามารถวางชีวิตอันวุ่นวายในเมืองหลวง ไปชาร์จแบตเตอรี่ให้เต็มด้วยการท่องเที่ยว ไม่ว่าในหรือนอกประเทศก็ตาม   

แต่แหล่งหนึ่งที่ฉันไม่ค่อยจะชอบเข้าไปเป็นการส่วนตัวนัก คือการเที่ยว ถ้ำ เพราะเป็นพื้นที่ปิด ถ้าช่วงอากาศร้อนอบอ้าว ก็จะร้อนจนเหงื่อไหลเต็มหลัง ออกจากปาก ถ้ำ มาเหงื่อโชกยิ่งกว่าอาบน้ำ แต่ถ้าใกล้ฝนตก จะหนาวเยือกเพราะไม่มีแสงแดด และถ้าเพดาน ถ้ำ เตี้ยเกินไป อากาศหายใจไม่ค่อยสะดวก เดินลำบาก ต้องคอยดูแง่งหินให้ดีๆ ยิ่งถ้าทางเข้าแคบ ต้องคลานหรือต้องปีนลง ปีนขึ้นเข้าไปด้วย ยิ่งไม่ปรารถนาจะเข้าใหญ่ แถมถ้าไม่มีการติดตั้งไฟฟ้า ก็จะต้องเดินถือตะเกียงเข้าไปในความมีดอีกด้วย ชวนให้เสียวไส้ถึงสัตว์มีพิษต่างๆ ยิ่งไม่ค่อยจะถูกกับค้างคาวและสัตว์มีพิษจำพวกงูเงี้ยวเขี้ยวขออยู่ด้วย

ถ้ำ ที่มีชื่อเสียงที่สุดของประเทศตอนนี้ เห็นจะหนีไม่พ้น ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน จังหวัดเชียงราย ที่ทีมฟุตบอลและผู้ช่วยโค้ชเข้าไปติดอยู่หลายวัน เรื่องแบบนี้แม้ว่าจะเป็นเรื่องบังเอิญ หรือภัยธรรมชาติ หรือความโชคร้ายอะไรก็ตาม ไม่พ้นคนคิดเรื่องการบังบด หรือบังตา จากเจ้าที่เจ้าป่า หรือสิ่งที่มองไม่เห็นในถ้ำ เพราะมีทีมกู้ภัยเข้าค้นหามากมาย โดยที่ไม่ประสบความสำเร็จรวดเร็ว แถมเจออุปสรรคนานัปประการ

ตำนานแห่ง ถ้ำหลวง ขุนน้ำนางนอน ได้กล่าวไว้ว่า

“ข้านี้คือนางแห่งความระทม นางนอนนิทรารมณ์
อาบแดดลมกลางไพร นางใดไม่แม้นข้า รักพาวางวาย

รักจางห่างร้างไกล ให้ช้ำใจอยู่ช้านาน”


เช่นเดียวกันกับตำนานประเภทที่คิดมโนเรื่องรูปร่างธรรมชาติของขุนเขา หรือเกาะแก่งต่างๆ ในประเทศไทย ที่มีเรื่องเล่าขานตำนานประเภทรักไม่สมหวัง (มีทุกที่) ดอยนางนอนก็เหมือนกัน ถ้าข้บรถจากอำเภอเมืองไปอำเภอแม่สาย ฝั่งซ้ายมือ จะมองเห็นภูเขาสูงทอดตัวยาว เป็นรูปร่างคล้ายสรีระของหญิงสาวที่นอนตะแคงทอดตัว โดยมีดอยตุงอยู่ตรงส่วนของท้อง รูปร่างของภูเขา ก่อให้เกิดเรื่องตำนานเล่าลือกันถึงเรื่องราวรักต่างชนชั้นที่ไม่สมหวังของเจ้าหญิงเชื้อสายไทลื้อแห่งเมืองเชียงรุ้ง แคว้นสิบสองปันนา ซึ่งมีพระสิริโฉมงดงาม ได้แอบรักกับชายเลี้ยงม้าในวัง จนตั้งครรภ์ ผิดโบราณราชประเพณี จึงหนีตามกันมาถึงที่ราบใกล้แม่น้ำโขง

เมื่อเสด็จฯ ต่อไปไม่ไหว รออยู่ ให้สวามีไปหาอาหารแล้วกลับมารับ แต่รอแล้วรอลับ สวามีไม่กลับมาเพราะโดนทหารเชียงรุ้งที่ตามมาฆ่าตายไปแล้ว นางจึงใช้ปิ่นปักเกศาแทงพระเศียรจนตายเลือดไหลเป็นสาย คือ แม่น้ำแม่สาย อิตถีเพศของพระนางกลายเป็น ถ้ำหลวง และส่วนของพระอุทรที่ทรงครรภ์ก็เป็น ดอยตุง ส่วนที่เป็นพระเศียรกลายเป็น ดอยท่า หรือ ดอยจ้อง” พระถันกลายเป็น ดอยแม่ย่า ในปัจจุบัน

เขาใหญ่โตเห็นแต่ไกลนี้ มี ถ้ำ ที่มีชื่อเสียงคือ ถ้ำหลวงนางนอน ที่ลึกที่สุดในภูมิภาคนี้ ขนาดยังไม่เคยมีใครสำรวจได้ทั่ว เชื่อกันว่า สามารถไปทะลุ ถ้ำ เชียงดาว ที่จังหวัดเชียงใหม่ได้ บางคนว่าสามารถทะลุไปถึงพม่าได้เลย และเป็น ถ้ำ ที่ยาวที่สุดในประเทศไทย

ซึ่งหากกล่าวในเชิงวิชาภูมิศาสตร์ ชื่อแนวเขาลูกนี้คือ เทือกเขาแดนลาว ที่ใช้เป็นเส้นแบ่งเขตแดนระหว่างประเทศไทยและประเทศพม่า  ดังนั้นทำให้เชื่อกันว่าพื้นที่ขุนเขาแห่งนี้ เจ้าแม่นางนอน รวมถึงเจ้าป่าเจ้าเขา หรือผีอารักษ์คอยดูแลรักษาอยู่ เป็นความเชื่อของคนไทยโบราณ ที่ฉันเองก็อาจจะมีการอบรมในเรื่องนี้มากกว่าเด็กปัจจุบัน เพราะได้รับการสั่งสอนจากพ่อให้สำรวมปากเวลาเข้าป่าเข้าเขามาแต่เด็ก

มีเรื่องลึกลับประเภทวิญญาน เจ้าป่าเจ้าเขาใน ถ้ำ นี้มากมาย เล่าลือในกลุ่มชาวบ้านในแง่ความมหัศจรรย์ที่ว่าวันพระจะได้ยินเสียงฆ้องเสียงกลองดังออกมาจากภายใน ถ้ำ หรือ เล่ากันว่ามีครูบาในเชียงรายสามารถจุดเทียนเล่มหนึ่งเดินผ่าน ถ้ำหลวง ดอยนางนอน ไปโผล่ที่ถ้ำหลวง เชียงดาวบ้าง ไปโผล่ที่พม่าบ้างในเวลาใกล้เคียงกัน ซึ่งถ้าเคยได้ยินเรื่องพระสงฆ์ผู้สำเร็จบารมี ได้อภิญญาก็ไม่แปลกอะไร  

อย่างชาวบ้านทั่วไป มีเรื่องราวน่าสนใจ คือสองปีที่แล้ว มีคนโพสต์เรื่องที่ว่าอยู่ๆ ก็ไปได้ปลาดุกมาจากตลาด เพื่อเอาไปปล่อย  แล้วก็เกิดอยากไป ถ้ำหลวง ตอนเย็น เอาของไปไหว้ เดินลึกเข้าไปคนเดียว เจอว่า มีลมออกมาจากโพรง ถ้ำ เหมือนมีอะไรมาจนหนาว เหมือนมีอะไรเลื้อยอยู่ที่พื้นมีเสียงดัง…ครึดๆ…ทั้งข้างหน้าข้างหลังตลอดเวลา เอาโทรศัพท์มาถ่ายรูป เจอแสงวิ่งเป็นเส้นยาวๆ ผ่านหน้าไปจนเจ้าของโพสต์บอกกลัวมาก อันนี้มีรูปถ่ายประกอบ ซึ่งก็ไม่รู้ว่า นี่คืออะไร เป็นความเชื่อส่วนบุคคล ดูคล้ายจะลากเข้าไปเป็นเรื่องพญานาค

พิธีกรรมความเชื่อที่มีการไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของถ้ำนั้น คนไม่เชื่อ พูดให้ตายก็ไม่เชื่อ แถมมีพระมาโปรดพ่อแม่เด็ก มาให้กำลังใจเจ้าหน้าที่ ดันปากเสีย เกรียนคีย์บอร์ดไปด่าพระอีก บาปกรรมมาก แต่หากบางท่านมองว่าเป็นประโยชน์แง่ของการตอบสนองในเชิงจิตวิทยา มากกว่าจะไปมองประโยชน์ในเชิงรูปธรรม ก็ไม่เป็นไร เพราะเราจะได้แน่ใจว่า ทำทุกวิถีทางจริงๆ เพราะเรื่องผีลักซ่อน หรือผีบังบดนี่ เกิดขึ้นบ่อยๆ ตามป่า ตามเขา ให้ได้ยินกันเสมอๆ มาแต่ไหนแต่ไร

ถ้ำน้ำพวกนี้ โบราณเขาว่าเป็นเมืองลับแล หรือเมืองบังบด  อาจจะมีทางเข้าออกที่ซ้อนมิติกันอยู่ เป็นปากทางเข้าเมืองพญานาค อย่างที่ฉันเคยเข้าไปที่ถ้ำดินเพียง หรือวัดถ้ำศรีมงคล จ. หนองคาย ที่เขาว่าเป็นถ้ำพญานาค  ฉันเคยได้ไปเดินอยู่ในถ้ำมาครั้งหนึ่ง ก็รู้สึกว่า ติดไฟเดินสะดวกขึ้น แต่ก็ยังต้องคลานลอดอยู่ดี เพราะลักษณะถ้ำเป็นโพรงที่มีลักษณะเหมือนรูงูอยู่มากมาย แถมเพดานและผนังก็ดูราบเรียบเหมือนมีอะไรเลื้อยเข้าออกประจำ แถมมีน้ำไหลเอื่อยๆ นิดหน่อยแฉะๆ อีกด้วย  ชาวบ้านบอกว่าเป็นถ้ำพญานาคและทางเข้าเมืองบาดาล หรือเมืองลับแล

ชาวบ้านที่ค้นพบถ้ำนี้อย่างเป็นทางการ คือลุงคำสิงห์ เกศศิริ เล่าว่า เมื่อปี พ.ศ. 2530 ได้เข้ามาถากถางทำไร่ที่นี่ อยู่มาวันหนึ่งก็ได้เห็นสัตว์ป่าออกมาเดินหากิน และตกลงหลุมไปพร้อมๆ กับมีค้างคาวบินออกมาจากหลุม ก็เลยนึกเอะใจว่าน่าจะมีถ้ำอยู่ข้างในแน่ๆ จึงได้ลงไปสำรวจเจอโพรงถ้ำเป็นห้องและคูหามากมาย  แต่ก็ไม่ได้สนใจเท่าไหร่

จนวันหนึ่ง…….ได้มาทำไร่แถวนี้อีกและเผลองีบหลับไป ฝันไปว่า มีพญานาคตัวสีเหลืองใหญ่ยาวขึ้นมาจากแม่น้ำโขง บอกให้ช่วยเฝ้าดูแลรักษาถ้ำเพราะเคยเป็นคนเฝ้าถ้ำแห่งนี้มาก่อนเมื่อชาติที่แล้ว ตื่นขึ้นมาก็ไม่ได้สนใจ เพราะไม่เชื่อและไม่ยอมทำตาม แต่จากนั้นไม่กี่วันก็เป็นไข้ป่า รักษาหมอปัจจุบันเท่าไหร่ก็ไม่หาย เลยไปหาหมอนั่งทางในเขาบอกว่าให้ไปขอขมาพญานาค พอทำตามก็หาย นับจากนั้นเลยมาช่วยดูแลถ้ำ คอยพาคนลงไปเที่ยวชมถ้ำ

ถ้ำ นี้ไม่ใหญ่โต แต่ยาวมาก แม้อาจจะไม่ยาวเท่าถ้ำหลวงนางนอน ลุงคำสิงห์เล่าว่า มีอยู่ครั้งหนึ่งได้ร่วมไปกับคณะสำรวจเป็นเวลาถึง 6 วัน ซึ่งพิสูจน์ว่า เส้นทางในถ้ำดินเพียงสามารถไปสู่แม่น้ำโขงได้จริง แต่ต้องเป็นผู้เชี่ยวชาญ นักท่องเที่ยวไม่สามารถไปได้ เพราะการเดินทางไปยังจุดนั้นยังอันตราย มีช่องทางคดเคี้ยวเลี้ยวลดไปมามากมาย อาจทำให้พลัดหลงได้ง่ายๆ อีกทั้งขนาดของเส้นทางก็แคบมาก ไม่สามารถยืนหรือเดินเข้าไปแบบธรรมดาได้เลย จะต้องก้มตัว มุด ลอด หมอบ คลาน ไปตลอดทาง เรียกว่าต้องเคลื่อนที่ไปให้เหมือนกับงูก็ว่าได้ (แล้วจะเข้าไปเพื่อ?)

ฉันเคยไปกราบหลวงปู่เย็น ที่วัดพระพุทธบาทภูควายเงิน จังหวัดเลย  ซึ่งวัดนี้เป็นโบราณสถาน สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2300 มีหลวงปู่เย็น เจ้าอาวาส จำพรรษาอยู่เพียงรูปเดียว อายุประมาณ 90 แล้ว หลวงปู่เป็นตำรวจเก่า เคยเป็นสันติบาล เล่าว่าปลอมตัวแทรกตามหมู่บ้านเพื่อปราบคอมมิวนิสต์ เคยวิสามัญคนมาแล้วมากมาย แต่ได้เกษียณอายุราชการและบวชถวายพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 ตอนมีการเฉลิมฉลองครบรอบพระชนมวาร เพราะหลวงปู่เกิดปีเถาะปีเดียวกัน แล้วก็ไม่ได้สึกอีกเลย

ที่นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ มีรอยพระพุทธบาทโบราณอยู่ ปัจจุบันขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถาน ตั้งแต่ พ.ศ. 2478 ฉันเคยคุยกับพระอาจารย์นิพนธ์ เจ้าอาวาสวัดศาลาน้อย และวัดสมเด็จภูเรือมิ่งเมืองที่ใหญ่โตสวยงามมาก  ท่านเคยมาสวดทั้งคืนที่นี่ ท่านบอกว่า เทวดาเยอะมากบนนี้ ในกุฎิหลวงปู่ มีหินผลึกสีเหลือง ก้อนใหญ่มาก ถ้าเราอยากทราบอะไร ให้กำหนดจิตอธิษฐานสิ่งที่ต้องการทราบ แล้วยกหินเสี่ยงทายดู ก็เป็นไปตามนั้น แปลกดี

ตามตำนาน เขาว่า มีทางเข้าเมืองบาดาลหรือเมืองพญานาคบนวัดนี้  ฉันเคยถามหลวงปู่ว่าในวัด มีพญานาคหรือไม่ หลวงปู่ตอบว่า มี หลวงปู่เคยธุดงค์ขึ้นไปบนเขา ไปเอาแร่ผงๆ สีเงินๆ อย่างหนึ่งลงมา บอกว่า ถูเข้าไปในข้อเข่า สักพัก จะซึมเข้าผิว ทำให้แข็งแรง หลวงปู่ยังเดินเหินได้คล่องกว่าคนที่อายุน้อยกว่ามาก ฉันเลยลองเอาผงแร่นี้มาลองถูมือดู ผลลัพธ์ก็แปลกนะ ถูไปถูมาสักพัก ผงนี้กลายเป็นน้ำมันและก็ซึมเข้าผิวหนังไปหมด แต่มือก็ยังมีประกายระยิบระยับอยู่นาน ฉันถามว่าคือผงอะไร หลวงปู่บอกว่า “ขี้เหล็กไหล” สีเงินๆ ซึ่งตามตำนานของเขานี้ ชื่อก็บอกแล้วว่า ภูควายเงิน

หลวงปู่เล่าว่า เคยเข้าธุดงค์ไปในถ้ำดินเพียงสมัยยังหนุ่มกว่านี้ และได้เคยเดินออกไปทะลุประเทศลาวได้ด้วย เจอห้องโถงมีหินรูปร่างแปลกๆเยอะ มีห้องต่างๆ มากมาย มีสมบัติด้วย แต่ปัจจุบันทางไปประเทศลาวได้สร้างเจดีย์ปิดไว้แล้ว  

ถามท่านว่า แล้วเราจะลงไปอีกได้หรือไม่

หลวงปู่ตอบสั้นๆ ว่า ใครจะไปต้องเป็นพระปฎิบัติเท่านั้น……

เพราะ….

ถ้ำนี้…….ไม่ธรรมดา !!

 

Don`t copy text!