ไม่ต้องใส่ถุง

ไม่ต้องใส่ถุง

โดย : Writer From Mars

Loading

นิยายออนไลน์ หลากหลายสไตล์ที่มอบความสนุกๆ ให้กับผู้อ่าน ‘อ่านเอา’ ยังมีคอลัมน์ ‘Opinion เขียนขำๆ’ โดย Writer from Mars นักคิด นักเดินทาง ผู้ที่อยากจะร่วมแชร์ประสบการณ์และมุมมองของเรื่องราวต่างๆ สารพัดสารพัน ตั้งแต่เรื่องเล็กๆ ยันเรื่องใหญ่ๆ ให้คุณได้ อ่านออนไลน์

…………………………………………………………………………

 

“ไอ้ตัวทำลายสิ่งแวดล้อม สร้างขยะ

ทำไมไม่เตรียมถุงมา

เพิ่มมลภาวะ มันไม่ย่อยสลาย ฯลฯ”

 

“ทำไมถุงพลาสติกเต็มห้องไปหมด” คือความคิดที่แวบเข้ามาในหัวผมวันหนึ่งหลังกลับจากทำงาน คือจริงๆ มันสุมกันอยู่มุมห้องแล้วปลิวออกมาใบหนึ่ง ทำให้ผมลองหยิบเอาก้อนๆ ที่กองนั้นมานั่งดูทีละใบ ว่ามันคือถุงจากที่ไหนกันบ้าง ส่วนใหญ่มันก็มาจากร้านสะดวกซื้อนั่นแหละ ผมเก็บถุงพลาสติกไว้ เผื่อจะรียูสเป็นถุงขยะ แต่เอาเข้าจริง ตัวมันนั่นแหละคือขยะ เพราะขยะของผมไม่ได้มีทุกวัน แต่ถุงพลาสติกมันเพิ่มขึ้นทุกวัน

ผมกลับมานั่งสังเกตวิถีชีวิตประจำวันของตัวเองและคนรอบข้าง เออ คนไทยชอบถุงพลาสติกมาก เวลาไปร้านสะดวกซื้อนี่ซื้ออะไรนิดๆ หน่อยๆ เขาก็ใส่ถุง ไม่ว่าจะซื้ออะไรเล็กน้อยแค่ไหน ถุงพลาสติกมาแล้ว ผมไปซื้อแซนด์วิช พนักงานเอาใส่ถุงให้ ผมรับมา เดินออกจากร้าน แกะแซนวิชกิน ทิ้งถุง… โห ถุงทำหน้าที่ของมันยังไม่ถึง 1 นาทีเลยนะ ประมาณสิบวินาทีได้ โดนทิ้งกลายเป็นขยะไปแล้ว แบบนี้วันหนึ่งๆ ขยะจะเกิดขึ้นมากมายแค่ไหนกัน

หลังจากนั้นผมพยายามปฏิเสธถุงพลาสติกทุกครั้งที่ผมซื้ออะไรเล็กๆ น้อยๆ “ไม่ต้องใส่ถุงครับ” เป็นประโยคที่พูดประจำ แต่มันก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้นเพราะคุณต้องพูดเร็วจริงๆ ถึงจะไม่ได้ถุง เพราะพนักงานจะเอาของใส่ถุงเร็วมาก เรียกว่าจังหวะนั้นห้ามจามกันเลยทีเดียว  มีครั้งหนึ่งประทับใจผมสุดๆ ผมบอกพนักงานว่าไม่ต้องใส่ถุงครับ แต่พนักงานยังพยายามเปิดลิ้นชักเพื่อหาถุง ผมบอกอีกทีว่า “ไม่เป็นไรครับ ไม่ต้องใส่ถุง” จังหวะนั้นเขาคว้าถุงได้พอดี จับแซนด์วิชผมยัดเข้าถุงทันที พร้อมกับบอกว่า “ใส่ไปแล้วค่ะ” เฮ้ย มันต้องขนาดนั้นเลยเหรอน้อง แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไรเขานะ อาจจะเป็นกฎของทางร้านก็ได้ พนักงานคนไหนไม่หยิบสินค้าใส่ลงถุงให้ลูกค้า คนนั้นต้องไปกระโดดตบสามสิบที

แล้วการไปซื้อของหนึ่งครั้ง ไม่ใช่ว่าจะได้แค่ถุงเดียว เพราะเราซีเรียสมากเรื่องถุง ของร้อนของเย็นต้องแยกถุงกัน ของใช้ของกินก็ต้องแยกถุงกันอีก ของอันไหนดูหนักๆ หน่อย ซ้อนถุงเข้าไปจ้ะ สามสี่ชั้น เรียกว่าแข็งแรงยังกับผ้าใบ ไม่แปลกเลยที่ห้องผมจะเต็มไปด้วยถุงพลาสติก

ตอนที่ผมไปอังกฤษ ซื้อของที่ร้านเค้าจะถามทุกครั้งว่า “วุด ยู ไลก์ อะ แบ็ก??” …งง อะไรนะ ได้แต่ตอบว่า “เยส” โอเค ได้ของ ได้ถุงมาแบบงงๆ อ๋อ เค้าถามว่า “Would you like a bag?” แปลว่า เอาถุงมั้ย หลังจากนั้นก็ตอบ โนๆ มาโดยตลอด ซึ่งคนส่วนใหญ่เขาก็จะตอบโนนะ เพราะถ้าเอาถุงพลาสติก คิดเงินเพิ่มจ้า ถึงราคาไม่ได้สูงมากมายอะไรแต่มันก็เหมือนเราต้องจ่ายเพิ่มโดยไม่จำเป็น แล้วทีนี้ถ้าไปซื้อของเยอะๆ ทำไงอะ ไม่มีถุงแล้วจะแบกของกลับมาได้ยังไง ก็ต้องเตรียมถุงผ้าไปช้อปปิ้ง ต่างประเทศส่วนใหญ่ทำแบบนี้กันทั้งนั้น ทุกคนมีกระเป๋า มีถุงผ้าเตรียมไป วางแผนไปช้อปปิ้ง วันนี้จะซื้อของเยอะก็เตรียมถุงไปหลายใบ ถ้าไม่ได้วางแผนมาก็จ่ายเงินค่าถุงไป ยิ่งถ้าเป็นที่เยอรมนีนะ เขาจะยิ่งซีเรียสกันมากเรื่องสิ่งแวดล้อม เรื่องความยั่งยืน จะไม่ทำอะไรที่ไปกระทบสิ่งแวดล้อม บ้านเรายังไม่เท่าไร มีการรณรงค์บ้างเล็กน้อยแต่ไม่ได้เป็นกระแสหลักอะไร

แต่จริงๆ เรื่องขยะนี่เป็นเรื่องใกล้ตัวมากๆ ที่เราไม่ค่อยจะใส่ใจ เอาง่ายๆ แค่เรื่องแยกขยะ ส่วนใหญ่ก็จะไม่ค่อยทำกัน ทั้งๆ ที่เมืองนอกเขาทำกันเป็นกิจวัตร เยอรมนีทำเรื่องแยกขยะมาหลายปี แยกขยะแล้วได้อะไร คือบางอย่างมันทำการรีไซเคิลได้มันเลยต้องแยก ขยะบางประเภทต้องมีวิธีกำจัดอีกแบบหนึ่ง ก็ต้องแยกออกไป  ซีเรียสกันมากถึงขนาดถังขยะนี่มีประมาณ 4-5 ถังในจุดเดียว มีสีที่แตกต่างกันออกไปอย่างชัดเจน แต่มันก็ไม่สำคัญเท่าวินัยของประชาชน แยกขยะตามถังกันอย่างมีวินัยมาก มีแบบเครื่องที่รับคืนขวดแล้วได้เงินด้วย ทุกอย่างมันส่งเสริมด้วยแหละนะ หรือจะเป็นฝั่งเอเชียอย่างญี่ปุ่น เขาก็มีการแยกขยะกันเป็นธรรมดาและหนักเข้าไปอีกโดยแต่ละบ้านจะมีกำหนดเลยว่ารถขยะจะวิ่งมาเก็บขยะวันไหนบ้าง วันไหนไม่มาเก็บก็ทิ้งให้เน่าอยู่แบบนั้น เรียกว่าปลูกฝังกันมาตั้งแต่วัยเยาว์ มันเลยติดตัวมาจนโต แล้วทุกคนทั้งประเทศเป็นเหมือนกันหมด ประเทศจะไม่เจริญได้ยังไง

ประเทศเรามีการแยกขยะเหมือนกัน แต่มีบางจุด บางจุดก็มีหลายถังให้แยก บางจุดก็ไม่มี บางคนก็สงสัยว่า จะแยกไปทำไม เวลารถขยะมาเก็บก็เห็นเทรวมกัน แล้วจะแยกไปเพื่อ? แต่จริงๆ เขาแยกนะ เพราะอย่างที่บอกว่าขยะแต่ละประเภทต้องมีวิธีกำจัดของมัน แต่พอเราไม่ได้แยกมาตั้งแต่ต้นอย่างเคร่งครัด เขาเอามารวมกัน สุดท้ายก็ต้องมานั่งแยกอีกทีอยู่ดี ทำให้เวลาในการกำจัดขยะเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งขั้นตอน

บ้านผมอยู่ริมน้ำ ทุกวันจะเห็นขยะลอยมาอยู่เรื่อยๆ กล่องโฟมบ้าง ถุงขนมบ้าง เห็นคนเอาขยะบ้านตัวเองมาโยนลงน้ำบ้าง ของพวกนั้นไม่ได้ย่อยสลายง่ายๆ นะ สมัยนี้นี่แหละ ปี 2018 ยังมีคนทำแบบนั้นอยู่ ผมก็นั่งมองไปพยายามคิดบวกว่า เออ บางทีลมมันพัดรึเปล่า เขาไม่ทันระวัง ของมันเล็กๆ น้อยๆ มันต้องมีพลาดหลุดลงน้ำบ้าง จนกระทั่งวันหนึ่งผมเห็นที่นอนลอยมานั่นแหละ โอ้โฮ จะบ้าหรือเปล่า ใครจะเผลอทิ้งที่นอนลงน้ำ  ลมอะไรมันแรงขนาดพัดที่นอนได้ มันอยู่ที่วินัยคนนี่แหละ เขาจงใจที่จะทิ้งแน่นอนอยู่แล้ว

ตัดกลับมาเรื่องพฤติกรรมอาจจะเป็นเพราะทุกวันนี้เราหิ้วถุงพลาสติกกันพะรุงพะรังเป็นเรื่องปกติ ทุกคนก็ทำ ทำให้เราไม่ตระหนักถึงเรื่องปริมาณขยะ แต่ลองไปอยู่ในเมืองที่ไม่มีใครใช้ถุงพลาสติก ไม่ต้องไปพูดถึงที่นอนลอยน้ำมา ทุกคนพกถุงผ้าไปซื้อ ต่อให้เราจ่ายเงินเพื่อซื้อถุงพลาสติกก็ตาม เราก็จะทนสายตาผู้คนที่มองมาที่ถุงพลาสติกของเราไม่ไหว  “ไอ้ตัวทำลายสิ่งแวดล้อม สร้างขยะ ทำไมไม่เตรียมถุงมา เพิ่มมลภาวะ มันไม่ย่อยสลาย ฯลฯ” เป็นสิ่งที่คิดไปเองล้วนๆ เขาไม่ได้พูดออกมาให้เราได้ยิน แต่… โอยยย… ขอโทษ ทีหลังจะไม่ทำแล้ว ทีหลังจะเตรียมถุงผ้ามา อย่างมองกันแบบนี้ รู้สึกผิดมาก ขอบอก

Don`t copy text!