การเดินทางของเด็กน้อยหัวใจครึ่งดวง ตอนที่ 14 : หมอคาวาตะ ーคุณหมอแจมมุโอจิซัง

การเดินทางของเด็กน้อยหัวใจครึ่งดวง ตอนที่ 14 : หมอคาวาตะ ーคุณหมอแจมมุโอจิซัง

โดย : อลิสา กัลยา

อ่านเอา มี นิยายออนไลน์ ให้คุณได้อ่านเพลิดเพลิน มีคอลัมน์หลากหลายให้ได้เปิดโลก และ “การเดินทางของเด็กน้อยหัวใจครึ่งดวง” เรื่องราวของคุณแม่ชาวไทยในโอซาก้าที่พบว่าลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาออกมาดูโลกนี้มีเพียงหัวใจแค่ครึ่งดวง จะเต็มไปด้วยความสุข ความทุกข์และความรู้สึกต่างๆ ที่ถาโถมจนทำให้การเดินทางครั้งนี้ประทับใจไม่รู้ลืม

…………………………………………………

-14-

 

คุณหมอคาวาตะเป็นศัลยแพทย์หัวใจเด็กผู้ต่อชีวิตให้มิอุมาทั้งสามครั้ง เด็กโรคหัวใจที่จำเป็นต้องผ่าตัด ณ โรงพยาบาลแห่งนี้ต่างผ่านการลงมีดผ่าตัดโดยคุณหมอคาวาตะด้วยกันทั้งนั้น

ฉันไม่รู้ถึงอายุที่แท้จริงของคุณหมอ แต่เส้นผมสีขาวทั้งศีรษะ รวมถึงริ้วรอยทั่วใบหน้า คุณหมอคาวาตะน่าจะมีอายุเฉียด ๖๐ ปีได้ ไม่รู้เพราะอาชีพศัลยแพทย์หัวใจเด็ก เป็นอาชีพที่เต็มไปด้วยความเครียดหรือเปล่า คุณหมอคาวาตะจึงมีบุคลิกที่ไม่เป็นมิตรเสียเท่าไรนัก ที่จริงจะว่าไม่เป็นมิตรอาจจะเป็นคำพูดที่เกินจริงไปเสียหน่อย เอาเป็นว่าโอก้าซังมักจะพูดลับหลังคุณหมออยู่บ่อยๆ ว่า คุณหมอคนนี้ช่างเหมือนหุ่นยนต์เสียนี่กระไร

ตั้งแต่มิอุเข้ารับการรักษากับคุณหมอตั้งแต่ผ่าตัดครั้งแรกจนกระทั่งตอนนี้ ฉันแทบจะนับครั้งรอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าของคุณหมอคาวาตะได้ แถมรอยยิ้มมักจะเป็นยิ้มแบบมุมปากเพียงนิดเดียวเสียด้วย

คุณหมอคาวาตะ ยังเป็นคนพูดอะไรตรงๆ อยู่เสมอ บางครั้งค่อนไปทาง ‘ขวานผ่าซาก’ เลยทีเดียว ฉันยังจำครั้งแรกที่เจอคุณหมอได้เป็นอย่างดี ตอนนั้นมิอุอายุได้เพียงสามเดือน หลังจาก ฉันกับสามีตกลงที่จะให้มิอุเข้ารับการผ่าตัดครั้งแรกได้ไม่กี่สัปดาห์ ในห้องประชุมแพทย์ของโรงพยาบาลมิอุ คุณหมอคาวาตะในฐานะศัลยแพทย์ผู้ทำการผ่าตัดและคุณหมอผู้ช่วยอีกคนนั่งประจันหน้าฉันและสามี ระหว่างสองฝั่ง มีหัวใจจำลองขนาดใหญ่วางตั้งอยู่

หลังจากคุณหมอคาวะตะและผู้ช่วยแนะนำตัวเองเสร็จ คุณหมอคาวาตะก็เริ่มอธิบายขั้นตอนในการผ่าตัดทั้งหมด พลางชี้ไปที่หัวใจจำลอง เพื่อให้พวกเราเห็นภาพมากขึ้น

กว่าสิบห้านาทีอันแสนอึดอัดได้จบลง คุณหมอคาวาตะถามพวกเราว่า มีคำถามอะไรที่อยากถามหรือเปล่า ฉันไม่รอช้า ถามถึงความเสี่ยงจากการผ่าตัดว่ามีมากหรือน้อยเพียงใด แม้ฉันจะเคยค้นข้อมูลทางอินเทอร์เน็ตมาแล้วว่า การผ่าตัดครั้งแรกนี้ไม่ใช่ผ่าตัดใหญ่ประเภทต้องหยุดหัวใจ ความเสี่ยงในการเกิดโรคแทรกซ้อนตามมาไม่ได้อยู่ในระดับสูงนัก

“เราตอบไม่ได้หรอก ความเสี่ยงมันเกิดขึ้นได้ทั้งนั้น หลายครั้งหลังผ่าตัดเรากลับพบว่า เด็กบางคนมีความซับซ้อนของโรคซ่อนอยู่ บางคนมีปัญหาใหม่เกิดขึ้นหลังจากนั้น”

มันช่างเป็นคำอธิบายที่ต่างจากสิ่งที่ฉันคาดหวังจะได้ยินเสียเหลือเกิน ฉันพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลออกมา เลือกที่จะมองไปที่หัวใจจำลองที่วางอยู่ตรงหน้า แทนที่จะมองหน้าคุณหมอคาวาตะ

ทีมหมอออกจากห้องไปแล้ว เหลือเพียงฉัน สามี และหัวใจจำลองที่ยังวางอยู่บนโต๊ะเหมือนเดิม — หัวใจอันสมบูรณ์แบบดวงหนึ่งแต่ปราศจากชีวิต และหัวใจอีกสองดวงซึ่งเต็มไปด้วยชีวิตที่เจ้าของพยายามประคองอารมณ์เพื่อไม่ให้มันแตกสลาย

หลังจากเหตุการณ์วันนั้นก็ยังมีอีกหลายครั้งที่คำพูดที่ตรงไปตรงมา ปราศจากการเจือของอารมณ์ของคุณหมอคาวาตะ ทำให้หัวใจฉันห่อเหี่ยว

ไม่ว่าจะเป็นตอนที่ฉันถามคุณหมอว่าเมื่อไหร่มิอุจะนั่งเครื่องบินได้ และได้คำตอบมาว่า “ตอนนี้คงจะไม่ได้นะ ต้องดูอาการไปก่อน อาจจะนั่งเครื่องบินได้แค่ระยะสั้นๆ เช่น ไม่เกินสามชั่วโมง เด็กบางคนหลังผ่าตัดแล้ว หมอไม่แนะนำให้นั่งเครื่องบินไปตลอดเลยก็มี”

หรือจะเป็นหลังจากการผ่าตัดครั้งล่าสุดที่คุณหมอบอกว่า “ในอนาคต อีกสิบปีหรือยี่สิบปีข้างหน้า ลูกสาวคุณอาจจะต้องทำการปลูกถ่ายหัวใจ หรืออวัยวะบางอย่าง เช่น ตับ หรือไต อย่างที่หมอเคยอธิบายไปนั่นแหละ การผ่าตัดนี้ในระยะยาวอาจทำให้อวัยวะพวกนี้ทำงานได้ไม่เต็มที่ แต่นี่เป็นตามงานวิจัย ณ ตอนนี้นะ มันอาจจะไม่เกิดขึ้นกับทุกคนหรอก”

ฉันไม่เคยรู้สึกโกรธเคืองวาจากระแทกหัวใจของคุณหมอคาวาตะเลย ส่วนหนึ่งเพราะฉันยอมรับความจริงได้ว่า บทสนทนาทั้งหมดคือการประเมินการณ์อันวางอยู่บนข้อเท็จจริงและประสบการณ์ทางการแพทย์ทั้งสิ้น ฉันไม่สามารถกรีดร้องคาดคั้นบอกให้คุณหมอพูดอะไรแบบที่ฉันต้องการได้ยินได้

อาจจะมีบางครั้งที่ฉันคิดว่า หากไม่รู้อะไรเหล่านี้เลยก็คงดีเหมือนกัน เมฆหมอกในใจน่าจะเลือนหายไปได้บ้าง ฉันอยากวิ่งออกไป วิ่งไปเรื่อยๆ… เรื่อยๆ แต่ไม่ว่าฉันจะออกแรงวิ่งมากเพียงใด เมฆเหล่านี้กลับยังตามอยู่เหนือตัวฉันอยู่ตลอดเวลา ทางเดียวที่จะทำให้พวกมันหายไปได้ อาจเป็นการรอเวลาที่มันจะโดนพัดพาจากฉันไปเอง

เมื่อถึงจุดหนึ่งของการรอคอย หัวใจของฉันกลับไม่สะทกสะท้านต่อบทสนทนากับคุณหมอคาวาตะเท่าไหร่นัก

“สิ่งที่ฉันจะต้องการจากคุณหมอไม่ใช่คำพูดอันแสนหวาน หากเป็นการร้องขอให้คุณหมอช่วยต่ออายุให้มิอุต่างหาก” และคุณหมอก็สามารถเติมเต็มคำร้องขอจากฉันได้เป็นอย่างดี บางครั้งดีมากเกินกว่าความคาดหวังของฉันด้วยซ้ำ

การผ่าตัดครั้งที่สองและสามของมิอุ เป็นการผ่าตัดใหญ่ชนิดที่ต้องเปิดหัวใจ การผ่าตัดประเภทนี้มักกินเวลายาวนานหลายชั่วโมงตั้งแต่เช้าจรดค่ำ หลังการผ่าตัด คุณหมอเดินมาพบครอบครัวเราที่ห้องพักสำหรับญาติคนไข้ อธิบายถึงความเป็นไปและผลสำเร็จของการผ่าตัด พวกเราคำนับให้กันและกัน หลังจากคุณหมอหันหลังกลับไป ไม่ใช่เพียงแค่ใบหน้าอย่างเดียวที่ดูอ่อนล้า แต่ท่วงท่าการเดินของคุณหมอหลังจากผ่าตัดก็เช่นกัน

แต่ไม่ว่าจะเหนื่อยล้าแค่ไหน เช้าวันรุ่งขึ้น คุณหมอก็จะมาปรากฏตัวที่ห้องไอซียูและห้องคนไข้ปกติ ทำการออกตรวจคนไข้ เสมือนหนึ่งว่า เมื่อวานคุณหมอไม่ได้ใช้กำลังและความสามารถทั้งหมดในการขีดชะตาชีวิตให้กับเด็กน้อยบางคน ฉันอดไม่ได้ที่จะนึกในใจว่า สำหรับชายวัยห้าสิบต้องใช้พลังและความทุ่มเทมากเท่าไหร่ ถึงจะสามารถรับมือกับความเป็นไปของชีวิตอย่างปกติเช่นนี้ได้

วันหนึ่งในระหว่างการฟื้นตัวจากการผ่าตัดครั้งที่สาม ฉัน มิอุ และเด็กอีกสองสามคน นั่งกินข้าวเช้ากันอยู่ที่ห้องของเล่นประจำแผนกหัวใจเด็ก ระหว่างนั้น คุณหมอคาวาตะได้เดินผ่านไป ฉันเดาว่าคงเพิ่งตรวจคนไข้ตามตารางช่วงเช้าเสร็จ ปกติแล้ว คุณหมอจะเดินฉับๆ อย่างว่องไวด้วยใบหน้าไร้อารมณ์ หากบังเอิญสบสายตากับฉัน ก็จะเป็นเพียงแค่ คำทักทายสั้นๆ

แต่เช้านี้ ย่างก้าวอันรวดเร็วของคุณหมอ ถูกทำให้หยุดด้วยคำทักทายที่อยู่ๆ ก็โพล่งขึ้นมา

“อรุณสวัสดิ์ครับ คุณหมอแจมมิอุโอจิซัง” คุณหมอหยุดนิ่ง พยายามหาต้นเสียงของคำทักทายใสๆ นี้ โคทาโร่คุง เด็กชายผู้เกลียดการกินข้าว แต่รักการดื่มนมเป็นชีวิตจิตใจ เด็กน้อยผู้เข้าออกโรงพยาบาลนับครั้งไม่ถ้วน โบกมือไปมาให้กับคุณหมอคาวาตะอยู่

แจมมุโอจิซัง เป็นหนึ่งในคาแรกเตอร์หลักของการ์ตูนยอดฮิต อันปังแมน ที่ครองใจเด็กญี่ปุ่นมาเนิ่นนาน เป็นคนทำขนมปังผู้ให้กำเนิดอันปังแมน และมักจะปรากฏกายในการ์ตูนด้วยหนวดและผมสีขาวเทา สวมชุดเชฟทำขนมปังสีขาวอยู่เสมอ

โคจังอาจหยอกล้อคุณหมอคาวาตะเพียงเพราะว่าคุณหมอมีหนวดและผมที่ขาว แถมใส่เสื้อกาวน์สีขาวตลอดเวลา ไม่ต่างจากแจมมุโอจิซัง หรือลึกลงไปแล้ว โคตะคุงอาจจะเข้าใจเหมือนฉันว่าคุณหมอคาวาตะเป็นแจมมุโอจิซังจริงๆ เมื่อไหร่ก็ตาม ที่อันปังแมนได้รับบาดเจ็บ บางส่วนที่เป็นขนมปังมักจะขาดหายไป เผยให้เห็นไส้ถั่วแดงข้างใน แจมมุโอจิซังคนนี้นี่แหละที่จะคอยอบขนมปังเพื่อซ่อมแซมศีรษะและให้ชีวิตใหม่กับอันปังแมนอยู่ทุกครั้ง

ใช่แล้ว คุณหมอคาวาะตะก็คือแจมมุโอจิซังของเหล่าเด็กโรคหัวใจ

และตอนนั้น เป็นครั้งแรกที่ฉันได้เห็นแจมมุโอจิซังของพวกเรายิ้มกว้าง พลางหัวเราะ อย่างที่ฉันไม่เคยเห็นมาก่อน

 

***

Don`t copy text!