การเดินทางของเด็กน้อยหัวใจครึ่งดวง ตอนที่ 20 : คำขอบคุณ

การเดินทางของเด็กน้อยหัวใจครึ่งดวง ตอนที่ 20 : คำขอบคุณ

โดย : อลิสา กัลยา

Loading

อ่านเอา มี นิยายออนไลน์ ให้คุณได้อ่านเพลิดเพลิน มีคอลัมน์หลากหลายให้ได้เปิดโลก และ “การเดินทางของเด็กน้อยหัวใจครึ่งดวง” เรื่องราวของคุณแม่ชาวไทยในโอซาก้าที่พบว่าลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาออกมาดูโลกนี้มีเพียงหัวใจแค่ครึ่งดวง จะเต็มไปด้วยความสุข ความทุกข์และความรู้สึกต่างๆ ที่ถาโถมจนทำให้การเดินทางครั้งนี้ประทับใจไม่รู้ลืม

…………………………………………………

-20-

 

“ถ้าเธอจะต้องจากฉันไป ฉันอยากให้เธอไปตอนเธอยังเป็นทารกอยู่” ฉันเริ่มบทสนทนากับเพื่อนคนหนึ่งระหว่างมื้อกลางวัน ตอนนั้นมิอุยังอยู่ในท้องของฉัน อายุครรภ์นับได้ประมาณเจ็ดเดือน

ฉันคิดว่าเพื่อนจะทำหน้าแปลกใจ เมื่อได้ยินสิ่งที่ฉันได้พูดออกไป อีกไม่ถึงสิบอาทิตย์จะถึงกำหนดคลอดแล้ว ฉัน—ผู้ที่จะกลายเป็นแม่คนอยู่รอมร่อ—กลับพ่นบางสิ่งที่ฟังแล้วเหมือนจะไม่น่าพิศมัยเสียเท่าไร

“ฉันเห็นแก่ตัวเนอะเธอว่ามั้ย แต่เธอก็รู้นี่ มนุษย์เราน่ะนะ ยิ่งเวลาผ่านไปเท่าไร เราก็จะยิ่งผูกพันกับสิ่งนั้นมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าฉันจะต้องเสียสิ่งที่รักและมีค่าไป ฉันอยากเสียไปตอนฉันเพิ่งเริ่มผูกพันกับสิ่งนั้นมากกว่า” ฉันระบายสิ่งที่วนเวียนอยู่ในหัวมาหลายสัปดาห์ออกมา

“ฉันเข้าใจเธอนะ” ผิดคาด เพื่อนชาวฟิลิปปินส์มีปฏิกริยาต่างจากที่ฉันคาดหวังไว้ “พี่สาวฉัน ก็เสียไปตอนอายุได้แค่หกเดือนเอง เธอเป็นบลูเบบี้เหมือนลูกเธอนั่นแหละ” ใบหน้าเธอเผยให้เห็นถึงความเห็นใจ “แม่ฉันเล่าให้ฟัง ตอนนั้นแม่อาจจะรู้สึกเหมือนเธออยู่ก็ได้”

จากบทสนทนาในวันนั้น ล่วงเลยมาเข้าปีที่ ๗ ฉันยังจดจำบทสนทนาและความรู้สึกได้อย่างไม่ลืมเลือน

วันนี้ก็เช่นกัน… วันฉลองเข้าสู่วัยเจ็ดขวบของมิอุ

เราไปที่ศาลเจ้าในช่วงบ่ายวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ปกติแล้ว เทศกาลชิจิโกะซัง จะตรงกับวันที่ ๑๕ พฤศจิกายนของทุกปี ซึ่งปีนี้ตรงกับวันธรรมดา คนญี่ปุ่นส่วนใหญ่จึงเลือกทำพิธีในช่วงสุดสัปดาห์แทน, ครอบครัวเราก็เช่นกัน

มิอุเลือกชุดกิโมโนสีฟ้า เธอหมายมั่นบอกฉันตั้งแต่ก่อนวันที่จะต้องไปลองชุดแล้วว่า เธอต้องใส่สีฟ้าเท่านั้น เราใช้เวลาเลือกชุดไม่กี่สิบนาที ผิดกับตอนมิอุสามขวบ ที่เธอยังเล็ก และไม่เป็นตัวของตัวเองเท่าตอนนี้

บ่ายวันอาทิตย์ที่อากาศดีมาก ท้องฟ้าสดใส มีลมพัดเย็นเบาๆ สมกับเป็นต้นฤดูใบไม้ร่วง หลังจากแต่งองค์ทรงเครื่องเสร็จ มิอุเดินฉับๆ ออกไปยังที่ทำพิธีอย่างเร็วไว เธอเจ้ากี้เจ้าการ บอกฉันให้ถ่ายรูปเธอในท่าต่างๆ ไม่นานนัก มีเสียงจากลำโพงเรียกชื่อเด็กทั้งหมดที่จะเข้าร่วมพิธี ผู้ดูแลศาลเจ้า เปล่งเสียงอกมา กล่าวชื่อมิอุ และที่อยู่ พร้อมสวดมนต์อะไรสักอย่างที่ฉันเข้าใจว่า น่าจะเพื่อให้พระเจ้าคุ้มครองมิอุให้เธอมีสุขภาพที่แข็งแรง

อยู่ๆ ฉันรู้สึกตื้นตันอย่างบอกไม่ถูก ครอบครัวเราเดินบนเส้นทางนี้มาได้จะเจ็ดปีแล้ว มิอุโตขึ้นทุกวัน ภายนอกเธอดูเหมือนเด็กธรรมดาที่แข็งแรงทั่วไป หลายครั้งที่ฉันต้องเตือนตัวเองว่า มิอุมีโรคประจำตัวที่อาจคร่าชีวิตเธอไปก่อนวัยอันควร แล้วฉันก็นึกถึงบทสนทนากับเพื่อนชาวฟิลิปปินส์ขึ้นมาอีกครั้ง

ฉันมักจะโกหกคนรอบข้างบ่อยๆ เวลาพวกเขาถามถึงโรคหัวใจของมิอุ “เธอแข็งแรงดี ไปโรงเรียนทำกิจกรรมอื่นๆ ได้เหมือนเด็กคนอื่นๆ”  มันอาจจะไม่ใช่คำโกหก เพราะมิอุแข็งแรงเติบโตเหมือนเด็กทั่วไปจริงๆ แต่มันอาจเป็นความจริง ณ เวลานั้นเท่านั้น ลึกเข้าไปในใจ ฉันรู้ดีว่าอนาคตของเธอไม่แน่นอน เมื่อเธอเติบโตเป็นผู้ใหญ่ ในเคสที่ร้ายแรงที่สุด เธออาจจำเป็นต้องได้รับการปลูกถ่ายหัวใจใหม่ แต่นั่นแหละ ฉันตัดบทสนทนาทั้งหลายโดยบอกว่าทุกอย่างโอเค—และนี่เท่ากับว่าฉันยังโกหกกับความรู้สึกตัวเองด้วย

ถึงแม้ฉันจะพยายามเป็นแม่ที่ดีเสียเพียงใด แต่ฉันก็ต้องเตือนตัวเองอยู่บ่อยๆ ว่า ฉันจะเผลอใจกับสิ่งปกติที่เกิดขึ้น ณ ตอนนี้ไม่ได้ บางคนอาจคิดว่า ฉันมองโลกในแง่ร้าย แต่พวกเขาไม่รู้หรอกว่า การมองโลกอย่างเป็นจริงนั้น เป็นส่วนประกอบหนึ่งที่ทำให้ฉันเป็นอย่างทุกวันนี้ได้

คนญี่ปุ่นมักพูดประโยคหนึ่งเสมอเวลามีชีวิตใหม่ถือกำเนิดขึ้นมา “生まれて良かった (อุมะเระเตะ โยะกัตตะーเป็นเรื่องน่ายินดีที่เธอเกิดขึ้นมา)” แม้ฉันจะรู้สึกผิดอยู่เล็กๆ ถึงบทสนทนาที่เห็นแก่ตัววันนั้น แต่ฉันก็ไม่อาจปฏิเสธได้ที่จะบอกมิอุว่า “แม่ดีใจนะ ที่มิอุเกิดขึ้นมา….”

 

Don`t copy text!