การเดินทางของเด็กน้อยหัวใจครึ่งดวง : บทส่งท้าย

การเดินทางของเด็กน้อยหัวใจครึ่งดวง : บทส่งท้าย

โดย : อลิสา กัลยา

อ่านเอา มี นิยายออนไลน์ ให้คุณได้อ่านเพลิดเพลิน มีคอลัมน์หลากหลายให้ได้เปิดโลก และ “การเดินทางของเด็กน้อยหัวใจครึ่งดวง” เรื่องราวของคุณแม่ชาวไทยในโอซาก้าที่พบว่าลูกน้อยที่กำลังจะลืมตาออกมาดูโลกนี้มีเพียงหัวใจแค่ครึ่งดวง จะเต็มไปด้วยความสุข ความทุกข์และความรู้สึกต่างๆ ที่ถาโถมจนทำให้การเดินทางครั้งนี้ประทับใจไม่รู้ลืม

…………………………………………………

– บทส่งท้าย –

 

อีกไม่กี่เดือน มิอุจะอายุครบ ๘ ขวบ ลูกสาวของฉันยังคงใช้ชีวิตปกติเหมือนเด็กประถมปีที่ ๒ ทั่วไป มองย้อนเวลากลับไป หลายอย่างที่เคยคิดว่าหนักหนาสาหัสตอนนั้น พอมาคิดดูตอนนี้ กลับอยากหัวเราะตัวเองที่เป็นกังวลมากมายเหลือเกิน แต่นั้นไม่ได้หมายความว่า ชีวิตจากนี้ไปจะปราศจากความกังวลใดๆ อีก ตรงกันข้าม อาจเป็นช่วงเวลาที่ต้องใช้ความอดทนมากขึ้นด้วยซ้ำ

ตอนมิอุยังเล็ก ฉันได้อ่านโพสต์ของคุณแม่ชาวอเมริกันคนหนึ่งในเพจ Tricuspid Atresia บอกเล่าประสบการณ์ตอนที่ลูกชายของเธอโตพอจนสามารถรับรู้ถึงโรคหัวใจที่ไม่สามารถรักษาให้เป็นปกติได้

“ตอนนั้นลูกชายของฉันอายุได้สิบขวบ ระหว่างนั่งกินข้าวเย็นกันอยู่ในครัว อยู่ๆ เขาก็ถามฉันขึ้นมาว่า แม่ครับ ผมจะต้องตายใช่มั้ยครับ ตอนแรกฉันเข้าใจว่า เขาคงมีความอยากรู้อยากเห็นเรื่องความตายตามประสาเด็ก เลยตอบเขาไปว่า คนเราเกิดมาก็ต้องตายทั้งนั้นแหละจ้ะ แต่เขากลับเริ่มร้องไห้ฟูมฟายแล้วบอกว่า ไม่ใช่! ผมหมายถึง ผมต้องตายก่อนเพื่อนๆ ใช่มั้ย? เพราะร่างกายของผมไม่เหมือนเด็กคนอื่น

“ฉันร้องไห้ตามลูกชายทันที โผเข้าไปกอดเขาแน่น หัวสมองว่างเปล่า ถามตัวเองว่าควรปลอบลูกชายยังไงให้เขาสงบลง

ได้แต่เพียงกอดเขาแน่นๆ แล้วบอกว่า ลูกผ่านการผ่าตัดมาหมดแล้ว ตอนนี้ร่างกายก็สามารถใช้ชีวิตประจำวันเหมือนเพื่อนคนอื่นๆได้ เรื่องในอนาคตจะเป็นอย่างไรแม่ไม่รู้หรอก แต่แม่สัญญาว่าเราจะผ่านมันไปด้วยกัน ฉันนั่งกอดลูกชายอยู่เป็นนาน จนตะวันเริ่มคล้อยหายไปเขาถึงสงบลงได้”

ข้อความที่คุณแม่อเมริกันเขียนนั้นยาวมาก แต่ฉันกลับจำได้ทุกตัวอักษร มิอุเติบโตขึ้นทุกวัน และนี่เป็นเรื่องหนึ่งที่ฉันกลัวอยู่ในเบื้องลึกของจิตใจอยู่เสมอ ฉันควรจะบอกเธออย่างไรโดยรักษาความรู้สึกของมิอุไว้ให้ได้มากที่สุด

ระหว่างการตรวจร่างกายกับคุณหมอคาวาตะครั้งหนึ่ง ฉันเอ่ยปากถามคุณหมอเกี่ยวกับความกังวลนี้ คุณหมอแนะนำเพียงว่า  “คุณแม่ต้องเริ่มบอกแล้วล่ะครับ ค่อยๆ บอกตอนมิอุจังตั้งแต่ตอนนี้ อย่ารอให้ถึงวันที่เขารับรู้ทุกอย่างด้วยตัวเอง”

ตอนเด็กกว่านี้ มิอุเคยถามฉันหลังจากป้อนยาโรคหัวใจใส่ปากเธอ

“หม่าม้า มิอุกินยาแล้วจะหายใช่มั้ย?” ฉันสะดุดหยุดกึกกับสิ่งที่ได้ยิน ในใจเกิดความวุ่นวายขึ้นมาฉับพลัน มิอุคงสับสนระหว่างการกินยาแก้หวัดก่อนหน้านั้น ที่ฉันชอบบอกว่าเธอว่า  “ถึงไม่ชอบ แต่มิอุต้องกินยาอันนี้นะ จะได้หายหวัดไงลูก”

เธอคงเข้าใจว่ายาที่เธอต้องกินทุกวันเช้าเย็น จะทำให้เธอหายจากโรคหัวใจเช่นกัน ตอนนั้นฉันไม่ได้ตอบอะไรเธอไป แต่พอเธอโตขึ้น เธอพูดถึงเรื่องนี้เมื่อไร ฉันจะอธิบายว่า หัวใจมิอุอาจจะอ่อนแอหน่อย แต่ยานี้จะทำให้มิอุแข็งแรงขึ้นนะ อันที่จริง ฉันอยากพูดต่อไปอีกว่า “แต่ลูกต้องกินไปเรื่อยๆ นะ” แต่ต้องหยุดตัวเองไว้ รอเวลาอีกหน่อยที่จะอธิบายให้มิอุเข้าใจว่า มันเป็นสิ่งจำเป็นที่เธอต้องกินยาไปตลอดชีวิต

ความกังวลยังรวมถึงความเป็นไปได้ที่เธออาจต้องรับการผ่าตัดอีกในอนาคต อาจจะเป็นการปลูกถ่ายหัวใจ ตับ หรือไต เพราะการเปลี่ยนแปลงระบบหมุนเวียนโลหิตและการต้องกินยาอยู่ทุกวัน ส่งผลไปถึงการทำงานของอวัยวะส่วนอื่นด้วย แต่นี่เป็นเรื่องในอีก ๑๐-๒๐ ปีข้างหน้า ที่แม้แต่คุณหมอคาวาตะเองก็ยังไม่สามารถให้คำตอบที่แน่นอนกับฉันได้

การเดินทางของมิอุยังคงดำเนินต่อไป โดยฉันเองไม่สามารถหยั่งรู้ได้เลยว่า การเดินทางครั้งนี้จะนำพาครอบครัวเราไปถึงจุดหมายปลายทางแบบไหน หลายสิ่งหลายอย่างที่ได้เรียนรู้ตลอดมาตั้งแต่มิอุเกิด การเดินทางในบางครั้ง ระหว่างทางต่างหากที่สอนให้เราเติบโต ในขณะที่มิอุเติบโตขึ้นทุกวัน ฉันเองก็เติบโตขึ้นไปทีละนิดพร้อมกับมิอุด้วย และในการเดินทางครั้งนี้จะขาดสิ่งที่คอยยึดเหนี่ยวโอบอุ้มตัวฉันและมิอุไม่ได้เลย นั่นก็คือความห่วงหาอาทร การคอยให้กำลังใจ จากครอบครัวฉัน ครอบครัวสามี และเพื่อนๆ ของฉัน ฉันสัมผัสได้ว่ามิอุเป็นที่รักของคนรอบข้างสมกับชื่อเธอที่แปลว่า ‘ดอกมะลิ’ ดอกไม้ที่มีกลิ่นหอมที่ใครๆ ก็ชอบ ตัวฉันเองอาจพังทลายไปแล้วหากปราศจากพลังใจเหล่านี้ สิ่งที่ได้เรียนรู้ระหว่างทางยังทำให้ฉันบอกกับตัวเองว่า แม้จะกังขากับจุดหมายปลายทางว่าจะเป็นเช่นไร  สิ่งหนึ่งที่แน่นอนบนหนทางที่ไม่แน่นอนนี้ก็คือ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ฉันจะอยู่เคียงข้างมิอุเสมอ…

 

ฤดูใบไม้ร่วง ปีเฮเซที่ ๓๐

ปีสุดท้ายของยุคเฮเซ

 

 

Don`t copy text!