บ่วงพราย บทที่ 2 : ศพใคร ?

บ่วงพราย บทที่ 2 : ศพใคร ?

โดย : ทอม สิริ

Loading

บ่วงพราย เมื่อเจ้าของโฮมสเตย์ถูกพบเป็นศพเหลือครึ่งตัวลอยมาเกยหาด ใครๆ พากันลือกันว่าเธอกลายเป็นพรายทะเลกลับมาเพราะหวงห่วงสามีจอมเจ้าชู้ และที่กลางทะเลลึก…พรายทะเลมาปรากฏตัวให้ลลนาเห็น ขณะที่มาวินไม่เคยเชื่อว่าพรายมีจริง จนได้เห็นมันกับตา “บ่วงพราย” โดย ทอม สิริ นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้คูณได้ อ่านออนไลน์ ได้ลงจนจบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกไว้ให้อ่านกันที่อ่านเอาและหากติดใจอยากอ่านต่อคุณผู้อ่านสามารถติดต่อสั่งซื้อโดยตรงได้ที่ Facebook ของนักเขียน  Facebook : Tom Siri

……………………………………………………………….

-2-

 

อาหารกองถ่ายขึ้นชื่อว่าอร่อยเลิศ เพราะทางบริษัทโพรดักชั่นเฮ้าส์มักเลือกทีมแม่ครัวพ่อครัวที่ทำอาหารเก่งถูกปากคนกินมาออกกองด้วย คนทำงานหนักได้กินอาหารดีๆ รสมืออร่อยถือเป็นรางวัลให้พนักงาน และลูกค้าอย่างบริษัทโฆษณาก็ถูกอกถูกใจ มื้อเช้าของทุกคนที่มีปูหลน ผักสดกรอบสดชื่น และโป๊ะแตกรสแซ่บจึงผ่านไปด้วยเสียงซี้ดซ้าดสมการรอคอย

อภิภูแนะนำลลนาและเพื่อนทั้งสองให้ผู้กำกับและทีมงานอีกสองสามคนได้รู้จัก คนกองถ่ายอิ่มแล้วก็ทยอยกันไปเตรียมงานของตนต่อ อภิภูและบุษบันตามผู้กำกับไปตรงโลเคชันที่จะถ่ายทำในเช้าวันนี้ ส่วนพิมรักยังคงนั่งอยู่ที่โต๊ะกับทีมของลลนาเพื่อดื่มกาแฟร้อนตบท้ายกัน

“พี่พิม คุณปริญญ์นี่เขาเป็นลูกครึ่งเหรอ หน้าฝรั่งแต่ชื่อไทย” ลลนาเอ่ยถามเพื่อนรุ่นพี่ด้วยความอยากรู้

“ลูกครึ่งไทยออสเตรเลีย เขาโตที่นี่ ภรรยาเขาชื่อคุณรสริน หรือโรส คุณโรสก็เป็นคนที่นี่ โฮมสเตย์นี่ก็ของแก” พิมรักอธิบายพลางจิบกาแฟร้อน

“ว้า เซ็งอ่า มีเมียแล้ว” เม้าทำหน้าเหม็น

“ถ้ายังไม่มีเมีย แกจะทำไม” มาวินเลิกคิ้วถามน้องสาว

“ฉันจะยกเพื่อนสาวประเคนให้เขา เพราะพี่ชายฉันมันซื่อบื้อ” เม้ายกมือป้องปากทำท่ากระซิบกับพี่ตัวเอง แต่ก็ไม่ได้เบาเสียงลง พูดจบก็ตั้งท่าจะหลบฝ่ามือใหญ่ของมาวิน

แต่ชายหนุ่มกลับยกถ้วยอเมริกาโนขึ้นจิบ ไม่ต่อปากต่อคำด้วย

คนที่ดีดติ่งหูเม้าจนร้องครางก็คือลลนา

“ฉันไม่ใช่ถังสังฆทาน ไม่ต้องประเคน…” หญิงสาวค้อนเพื่อนแล้วหันไปคุยกับพิมรักต่อ “หนูนาเห็นสีหน้าคุณปริญญ์ไม่ค่อยดีเลย ตอนที่พี่พิมถามถึงคุณโรส เกิดอะไรขึ้นหรือคะ”

พิมรักถอนใจ “สองวันก่อนตอนที่พวกเรามาถึง มันมีเรื่องน่าอึดอัดใจนิดหน่อย คือคุณปริญญ์กับคุณโรสเขาทะเลาะกัน เรื่องอะไรพี่ก็ไม่รู้นะ เดาว่าคงเรื่องผู้หญิงละมัง ได้ยินเสียงตะโกนใส่กันดังแว่วๆ มาถึงบ้านพักพวกเรา พอเช้าวันรุ่งขึ้นคุณโรสก็ไม่อยู่บ้านแล้ว เห็นว่าไม่ได้นอนที่บ้านนะ แม่บ้านบอกเตียงยังเก็บเรียบ คุณปริญญ์แกก็ดูหงุดหงิด แต่ไม่ได้ตกใจอะไร”

“อ้าว เขาไม่ได้นอนด้วยกันเหรอคะ” เม้าเอ่ยถาม

“มั้ง” พิมรักยกไหล่ “พี่จะไปรู้ได้ไงล่ะจ๊ะ เม้าก็” หญิงสาวพูดกลั้วหัวเราะ

“เนอะ” เม้าเกาคอยุกยิกเพราะเขิน

ลลนาเห็นด้วยว่าคนที่เป็นภรรยาอาจจะงอนเรื่องผู้หญิงอย่างที่พิมรักบอก ก็ครูสอนดำน้ำคนนี้ออกจะหล่อจนหัวใจแทบหยุดเต้นนี่นา มีสามีหล่อก็คงไม่พ้นเรื่องกลุ้มใจ

“คุณโรสน่ะ เป็นคนที่นี่ก็จริง แต่ไปเรียนไปโตที่กรุงเทพเลยไม่มีเพื่อนที่นี่ และเท่าที่รู้มาจากคุณปริญญ์เวลาทะเลาะกัน ภรรยาแกจะขับรถไปนอนกับเพื่อนที่กรุงเทพ” พิมรักเล่าต่อ

“โห…ท่าทางจะทะเลาะกันแรง” เม้าออกความเห็น ในขณะที่มาวินนั่งจิบกาแฟไป มองคนกองถ่ายเตรียมอุปกรณ์การถ่ายทำไป ชายหนุ่มดูเหมือนไม่ได้สนใจเรื่องของชาวบ้านเหมือนสองสาว

“คุณปริญญ์แกบอกว่าแกก็ตามไปง้อตลอดละ แต่คราวนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง…” พิมรักหยุดเพื่อเติมกาแฟถ้วยที่สอง ทำเอาคนฟังเร่งให้เล่าต่อ

“เกิดอะไรขึ้นหรือคะ” ลลนาย่นหัวคิ้ว

“คุณโรสไม่ได้เก็บเสื้อผ้าใส่กระเป๋า และรถที่แกใช้ประจำก็ยังจอดอยู่ในโรงรถ คุณปริญญ์โทรเข้ามือถือก็ปรากฏว่าแกไม่ได้เอาไปด้วย มันวางอยู่ที่โต๊ะเครื่องแป้ง แบตเตอรี่ใกล้จะหมด คุณปริญญ์โทรศัพท์ไปตามบ้านเพื่อนที่แกเคยไปพักด้วย แต่ทุกคนบอกว่าคุณโรสไม่ได้มาหาเลยสักคน” พิมรักกะพริบตาปริบ สีหน้ามีกังวล

“อ้าว” เม้าพูดได้คำเดียว

“เอ…ไม่ปกตินะครับ” คราวนี้มาวินเปรยขึ้นมา ดูเขาไม่ได้สนใจ แต่ชายหนุ่มก็คงฟังอยู่

“ค่ะ คุณปริญญ์แกถึงกังวลใจมาก เกรงว่าจะเกิดอันตรายหรือมีเรื่องร้าย เห็นแกว่าหลังจากสอนดำน้ำเสร็จวันนี้อาจจะไปแจ้งความ”

“หายไปกี่วันนะครับ” มาวินถาม

“สองวันแล้วละ”

“เป็นหนูนา คงไม่ใจเย็นขนาดนี้” หญิงสาวถอนใจ

“นั่นน่ะสิ ทำไมไม่แจ้งตำรวจตั้งแต่แรก” เม้าเห็นด้วย

“อาจจะรอให้ครบยี่สิบสี่ชั่วโมง หรือไม่ก็คิดว่าสองสามวันผ่านไปภรรยาหายงอนแล้วจะกลับมา เพราะเท่าที่ฟังพี่พิมเล่ามานี่ คุณโรสแกทำแบบนี้บ่อยๆ ใช่ไหมครับ” มาวินออกความเห็น

พิมรักพยักหน้า “ใช่ น่ากลุ้มนะ”

“มีแฟนหล่อใช่ว่าจะดีหรอก ช้ำใจนะแก…” เม้ายื่นหน้ามากระซิบกับเธอ

“มันเกี่ยวอะไรกับฉันล่ะ แกนี่ก็” ลลนาย่นจมูกใส่เพื่อน

ในตอนนั้นลลนาก็เห็นหญิงชาวบ้านคนหนึ่งเดินอย่างเร่งรีบเข้ามาที่เต็นท์อาหาร มีตำรวจนายหนึ่งเดินตามมาด้วย หญิงวัยกลางคนสอดส่ายสายตาไปมาเหมือนกำลังมองหาใครบางคน

“ป้าพวง มองหาใครคะ” พิมรักทักขึ้น

“นี่คุณ เห็นคุณปริญญ์ไหม”

ลลนาคิดว่าป้าแกคงกำลังรีบจัด จึงเอ่ยถามเสียงห้วนๆ หน้าตาก็บึ้งตึง

“เห็นว่าจะไปโทรศัพท์ตามเรือค่ะ น่าจะอยู่ที่บ้านพักของแก เกิดอะไรขึ้นหรือคะ” ด้วยสีหน้าท่าทางรีบร้อนกระวนกระวายของหญิงผู้นั้นและยังมีตำรวจในเครื่องแบบที่ตามมาด้วย ทำให้พิมรักถามออกไป

“ตำรวจค่ะ เขามาที่หมู่บ้านประมงข้างๆ นี่เต็มไปหมด พวกเขาโทรหาคุณปริญญ์แล้วไม่มีสัญญาณ พอดีฉันนั่งกินข้าวอยู่แถวนั้นกับไอ้พงษ์ พอเขารู้ว่าฉันเป็นแม่บ้านที่โรส โฮมสเตย์นี่ เลยขอแรงให้พามาตามคุณปริญญ์ไปที่หมู่บ้านประมง” นางพูดแล้วหันไปค้อนตำรวจ “ถามก็ไม่ยอมบอกว่ามีเรื่องอะไร”

ตำรวจหนุ่มยืนทำตาปริบๆ ไม่พูดอะไร

“ฉันไปตามคุณปริญญ์ก่อนละค่ะ” นางพวงพาตำรวจนายนั้นออกเดินไปยังบ้านพักริมหาด หลังที่อยู่ตรงกันข้ามกับบ้านที่ทีมครีเอทีฟพัก

“เอ ท่าจะไม่ดีเสียแล้ว” พิมรักหันมาพูดกับลลนา แล้วหยิบสมาร์ตโฟนของเธอขึ้นมาต่อสายถึงอภิภู “พี่ภูคะ มีตำรวจมาที่นี่ บอกว่ามาตามคุณปริญญ์ไปที่หมู่บ้านประมงข้างๆ นี่ค่ะ”

ลลนาได้ยินเสียงอภิภูถามกลับมาแว่วๆ

“พิมยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่คิดว่าจะตามไปดูหน่อยนะคะ เผื่อว่ามีอะไรที่เราพอจะช่วยเหลือคุณปริญญ์ได้บ้าง เลยโทรมาบอกพี่ก่อน พี่ภูกับบุษทำงานไปเถอะค่ะ วันนี้คิวนางแบบวันสุดท้ายด้วย เดี๋ยวได้เรื่องอะไรแล้วพิมติดต่อไปอีกที” หญิงสาวพูดเร็ว หยุดฟังทางปลายสายตอบกลับแล้วสรุปก่อนจะวางสาย ตามนิสัยคล่องงานของเธอ

“พวกเราไปด้วยค่ะพี่พิม” ลลนาลุกตามพิมรักทันที

ทั้งหมดจึงเดินไปสมทบกับปริญญ์ที่บ้านพักของเขา และตามตำรวจคนนั้นไปที่หมู่บ้านประมง

ซื้อหนังสือที่ www.naiin.com ไม่ว่าเล่มใดก็ตาม

ทุกยอดการสั่งซื้อจะมีส่วนแบ่งกลับมาเพื่อสนับสนุนเว็บไซต์อ่านเอา

ชุมชนแห่งการอ่านของพวกเรา : )

ชายหาดที่เคยเงียบสงบ ขณะนี้กลับกลายเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยความวุ่นวาย ที่ปลายสุดถนนของหมู่บ้านซึ่งมาสิ้นสุดตรงชายหาดมีรถของตำรวจเปิดไฟกะพริบวาบๆ อยู่สองคัน และรถปิกอัปต่อเติมหลังคาของมูลนิธิการกุศลคันหนึ่งจอดอยู่ใกล้กับหาดมากที่สุด ครอบครัวชาวประมงออกมายืนออกันเป็นกลุ่มๆ กระจายทั่วไปทั้งหาด

ลูกเด็กเล็กแดงที่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นสามสี่คนยังคงวิ่งไล่จับกันอยู่บนหาดห่างออกไปเล็กน้อย พวกเขาคิดว่าหมู่บ้านมีเทศกาลอะไรพวกผู้ใหญ่จึงดูตื่นเต้น เด็กๆ ก็เลยพลอยคึกคักไปด้วย เด็กโตบางคนที่รู้ความยืนจับกลุ่มอยู่กับพวกผู้ใหญ่ที่พากันพูดวิพากษ์วิจารณ์ถึงเหตุการณ์ระทึกขวัญที่เกิดขึ้นบนหาดแห่งนี้เมื่อตอนเช้าตรู่

“เขาว่าไอ้สินมันอ้วกพุ่งเลยนะ ท่าจะสยดสยองน่าดู” หญิงชราวัยหกสิบกว่าแต่รูปร่างแข็งแรงอ้วนพี ยืนเท้าเอวพูดกับชาวบ้านอีกสองสามคนที่อยู่ในกลุ่มของนาง

“ยายสาเห็นหรือเปล่า” หนึ่งในกลุ่มเอ่ยถาม

“มาไม่ทันสิวะ ไอ้สินมันโทรแจ้งตำรวจตั้งแต่เช้ามืด ตอนที่รู้น่ะฉันเพิ่งล้างหน้าล้างตากำลังติดเตาจะหุงข้าว ก็รีบวิ่งมาดู ยังไม่ทันไรพวกตำรวจก็เปิดหวอมากันแล้ว เร็วชิบ- มาถึงก็จัดการเอาเชือกออกมาล้อมหาดเชียว ไม่มีใครเดินเข้าไปใกล้ได้สักคน พวกเจ้าหน้าที่ก็เข้าไปมุงกันอีตรงที่พบศพ ข้าชะเง้อเสียคอยืดคอยาวยังไม่เห็นศพเลย” นางถอนหายใจหนักๆ อย่างหงุดหงิด

“แหม แก…จะไปอยากดูทำไมวะ ติดหูติดตาเปล่าๆ” ชายชราร่างผอมยืนกอดอกอยู่ใกล้ๆ ดักคอ

“ก็ข้าอยากรู้ว่าศพใครนี่หว่า แล้วแกออกมายืนเต๊ะท่าอยู่นี่ ไม่ได้อยากรู้อยากเห็นหรอกเรอะ ฮี่ธ่อ…” ยายย้อนทำเอาตาเงียบไป

“ขอทางหน่อยครับ”

เสียงจ่าตำรวจที่เดินนำหน้าคนกลุ่มหนึ่งร้องบอก พวกชาวบ้านที่ยืนออกันอยู่จึงขยับหลีกทางให้

“ขอให้คุณปริญญ์เข้าไปคนเดียวนะครับ คนที่เหลือรบกวนให้รออยู่ตรงนี้ก่อน” เขาหันมาบอกคนในกลุ่ม

ลลนาเห็นใบหน้าของปริญญ์ซีดเผือด ชายหนุ่มก้าวตามจ่าตำรวจไปที่รถของมูลนิธิซึ่งมีนายตำรวจสองสามคนยืนรออยู่แล้ว ความรู้สึกบางอย่างบอกเธอว่าสิ่งที่ตำรวจตามตัวปริญญ์มาที่นี่คงจะอยู่ในรถคันนั้น

“ยายสา เกิดอะไรขึ้นเนี่ย” เสียงของแม่บ้านที่ชื่อพวงเอ่ยถามหญิงชรา เรียกให้ลลนาและทุกคนหันไปมองและรอคอยคำตอบเช่นกัน

“โฮ้ย…พวงเอ๊ย…สยดสยองจริงๆ เมื่อเช้ามืดไอ้สินกับไอ้ยาวมันกลับเข้าฝั่งกำลังจะลงกุ้ง เสือกเดินไปเจอศพผู้หญิงเข้าน่ะสิ” หญิงชรากลืนน้ำลาย เล่าสิ่งที่แกรู้มาอีกที

คำพูดนั้นทำให้หัวใจของลลนาเต้นแรง เธอมองหน้าพิมรัก เม้า และมาวิน ก็รู้ว่าทุกคนต่างก็คิดสังหรณ์ใจเหมือนกันกับเธอ เพียงแต่ไม่มีใครพูดออกมาในเวลานั้น

“อะไรนะ ศพผู้หญิงเหรอ ศพใครวะ” นางพวงย่นหัวคิ้ว

“ข้าก็ไม่รู้ เพราะไม่ได้เห็นกับตานะ แต่สินมันคงรู้แหละว่าใคร ก็ตำรวจสอบมันเป็นนานสองนาน แต่ที่หนักก็คือศพนั่นน่ะมันเหลือแค่ครึ่งตัวเอง ไอ้คนเจอเลยอ้วกเสียไม่มีดี” หญิงชราเล่าเพิ่มเติม

มันเป็นคำพูดที่ทำให้ทุกคนเห็นภาพในมโนนึกได้ชัดเจนเหมือนกับเจอมากับตัว แต่ละคนจึงนิ่งอึ้งเงียบงันไป และตอนนั้นเองที่ได้ยินเสียงปริญญ์ร้องออกมาดังลั่น

“ไม่…ไม่จริง โธ่ ทำไมเป็นอย่างนี้”

เมื่อลลนาหันไปมองก็เห็นปริญญ์กำลังถูกนายตำรวจสองคนล็อกแขนไว้ เพราะเขาพยายามจะเข้าใกล้สิ่งที่อยู่ในรถ ปริญญ์ใบหน้าแดงก่ำ ร้องไห้โฮเหมือนเสียสติ สองมือไขว่คว้าปะป่ายออกไปเบื้องหน้าเหมือนเขาอยากจะดึงสิ่งที่สูญเสียให้กลับมา จนนายตำรวจที่ดูอาวุโสที่สุดในกลุ่มพูดอะไรบางอย่างกับเขา พักหนึ่งชายหนุ่มจึงค่อยสงบลง

จากนั้นนายตำรวจคนนั้นก็พาปริญญ์เดินตรงมาที่กลุ่มซึ่งยืนรออยู่

“เกิดอะไรขึ้นนี่ ใครเป็นอะไร” ป้าพวงหน้าซีดเผือด แต่ไม่มีใครพูดอะไรเพราะมีนายตำรวจคนหนึ่งเดินมาทักพอดี

“สวัสดีครับ ผมสารวัตรปิติ” เขาแตะปลายหมวก และทุกคนในกลุ่มยกมือไหว้เพราะนายตำรวจน่าจะอายุราวสี่สิบกว่า

“สวัสดีค่ะ ฉันพิมรักกับน้องๆ ค่ะ ”

“พวกคุณคงจะเป็นแขกของ โรส โฮมสเตย์ ที่มาพักในช่วงสองสามวันนี้ใช่ไหมครับ”

“ใช่ค่ะ”

“มาพักผ่อนหรือทำอะไรกันครับ ผมเห็นมีรถปั่นไฟด้วย”

“พวกเรามาถ่ายทำหนังโฆษณาค่ะ”

“อ่า…ผมอยากจะขอความร่วมมือจากทุกคน ถ้ายังไงขอให้เราเดินกลับไปที่โฮมสเตย์ ผมจะใช้ที่นั่นเป็นที่สอบปากคำเบื้องต้นทุกคนในวันนี้ครับ หวังว่าคงจะไม่มีอะไรขัดข้อง” สารวัตรปิติเป็นคนพูดเร็ว และรวบรัด

“ดิฉันและเพื่อนๆ ยินดีให้ความร่วมมือทุกอย่างค่ะ แต่สามคนนี่เขาเป็นรุ่นน้องของดิฉัน ไม่ได้ทำงานด้วยกันและไม่ได้รู้จักกับคนที่นี่มาก่อน เพียงแต่มาเที่ยวและเพิ่งจะมาถึงเมื่อเช้านี้เอง ต้องให้สอบปากคำด้วยไหมคะ” พิมรักหันมาทางกลุ่มของลลนา

“ตอนนี้คงยังไม่ต้องครับ หลักๆ คงมีคุณปริญญ์และทีมงานของคุณ” นายตำรวจหันไปมองปริญญ์

ชายหนุ่มยืนหน้าซีดเผือด เหม่อมองไปทางรถของมูลนิธิที่กำลังกลับรถและแล่นออกไปจากสถานที่นั้นอย่างช้าๆ

“คุณตำรวจคะ พอจะบอกเราได้ไหมคะว่าเกิดอะไรขึ้นที่นี่” พิมรักเอ่ยถามออกไปตรงๆ

แม้จะหวั่นใจ แต่เมื่อสารวัตรปิติตอบกลับมาก็ทำให้ลลนาใจหายวูบ อดไม่ได้ที่จะหันไปมองปริญญ์ เธอเห็นดวงตาของเขาแดงก่ำ คลอคลองด้วยน้ำตาของลูกผู้ชาย

“มีคนพบศพหญิงนิรนามเสียชีวิตอยู่ที่ชายหาด และเราได้รับการยืนยันจากคุณปริญญ์แล้วว่า ผู้ตายคือคุณรสรินหรือโรส ภรรยาของเขาครับ”

 

 


บ่วงพราย_ปก

บ่วงพราย เมื่อเจ้าของโฮมสเตย์ถูกพบเป็นศพเหลือครึ่งตัวลอยมาเกยหาด ใครๆ พากันลือกันว่าเธอกลายเป็นพรายทะเลกลับมาเพราะหวงห่วงสามีจอมเจ้าชู้ และที่กลางทะเลลึก…พรายทะเลมาปรากฏตัวให้ลลนาเห็น ขณะที่มาวินไม่เคยเชื่อว่าพรายมีจริง จนได้เห็นมันกับตา “บ่วงพราย” โดย ทอม สิริ นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้คูณได้ อ่านออนไลน์ ได้ลงจนจบบริบูรณ์เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ทางผู้เขียนใจดีมอบ 5 บทแรกไว้ให้อ่านกันที่อ่านเอาและหากติดใจอยากอ่านต่อคุณผู้อ่านสามารถติดต่อสั่งซื้อโดยตรงได้ที่ Facebook ของนักเขียน  Facebook : Tom Siri

——————————————



Don`t copy text!