ซ่อนรัก บทที่ 7 : เพื่อพ่อ

ซ่อนรัก บทที่ 7 : เพื่อพ่อ

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

ปารีสตกใจ

“พ่อเป็นโรคหัวใจหรือคะ ไม่เห็นบอกปาเลย” หันมาทางมารดา “ทำไมแม่ไม่บอกปาคะ”

คุณวาสนาพยักหน้าช้าๆ

“ไม่อยากให้ลูกกังวล อยู่คนละประเทศ”

“แต่เรื่องใหญ่ขนาดนี้”

“ก็หมอนัดผ่าตัดแล้ว”

“ปารู้ว่ามันอันตรายนะคะ”

“พ่อเขาถึงอยากให้แกรีบแต่งงานกับอุเทนซะ”

แล้วคุณวรวิทย์ก็หัวเราะขึ้นเบาๆ แล้วพูดว่า

“เรื่องของเรื่อง พ่อกลัวไม่ได้เห็นหน้าหลาน รีบแต่งเลยนะ หลังผ่าตัด พ่อจะรีบบินไปงานแต่งของแกกับอุเทน”

“เอ้อ”

“อ้าว…ทำไมล่ะ”

“คือว่า…”

“ไม่…ไม่…” คุณวรวิทย์โบกมือ “ทะเลาะกับอุเทนมาสิท่า ยังไงก็เลิกไม่ได้ ทะเลาะกันก็กลับไปคืนดีกันซะ มิน่าล่ะ หลายวันก่อนพ่อคุยกับอุเทนทางไลน์ ก็เห็นเขาตอบและพูดกับพ่อแปลกๆ เหมือนไม่อยากคุยเรื่องของแก ทะเลาะกันแน่ๆ”

“คือ…”

“แกก็เป็นซะแบบนี้ เอาแต่ใจ พ่อรู้นิสัยแกดี เอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็ก ต้องเอาชนะด้วย ประเภทแพ้ไม่เป็น เรื่องของความรัก อย่าทิฐิให้มันมากนัก อย่านึกว่าอุเทนรักแกมาก เอาใจและตามใจแกทุกอย่าง แกงอน เขาก็ตามง้อ นี่เขาจะง้อแกมาถึงฝรั่งเศสไหมล่ะ”

หญิงสาวกลืนน้ำลายยากเย็น เจ็บแปลบ

คิดว่ามีวิศว์ แล้วจะลืมอุเทนได้สนิท ก็ยังเลย ยังจริงๆ เพราะถือว่าบาดแผลยังสดมาก เลือดพร้อมจะกลับมาซิบๆ อีกครั้ง ยิ่งถูกบิดามารดาพูดถึง…เน้น…แล้วเน้นอีก เจ็บนะ…เจ็บ

ยังดี…ในส่วนลึก หล่อนยังได้กำลังใจจากคนที่อยู่นอกบ้าน

ยังดี…มีวิศว์

ยังดี…มีคนรักษาแผลให้

ยังดี…ได้พบพี่ชายแสนดีในวัยเยาว์

“เขาไม่มาหรอกค่ะ”

“ไม่แน่นะ อุเทนรักแกมาก เขาต้องตามมาง้อแกสิ”

“ครั้งนี้เขาไม่มีทางมาหรอกค่ะ ไม่มาแน่นอนค่ะ”

“แสดงว่าโกรธกันรุนแรง ทะเลาะเรื่องอะไรล่ะ ยังไงพ่อว่าเลยว่าแกต้องเป็นฝ่ายผิดชัวร์ๆ เลย เอ้า…โทรไปง้อซะ”

ปารีสลำบากใจ

“เอ้อ…”

“โทรสิ…พ่อจะช่วยพูดกับอุเทนให้”

ยิ่งทำให้หล่อนลำบากใจ อึดอัด

และแล้วมารดาก็ถามเสียงดัง

“อ้าว…มีใครอยู่ข้างนอกนั่นล่ะ”

คุณวาสนาเห็นร่างของวิศว์ที่อยู่นอกบ้านบริเวณหน้าต่างที่คนในบ้านสามารถมองออกมาเห็นวิวทัศน์ที่เป็นธรรมชาติ

บ้านที่สร้างอยู่บนเนินเล็กๆ แวดล้อมด้วยธรรมชาติงดงาม ปรากฏชายคนหนึ่งอยู่ที่นอกหน้าต่าง

“โจรหรือเปล่านี่” มารดาเริ่มโวยวาย จะรีบคว้าโทรศัพท์แจ้งตำรวจ

ปารีสรีบห้าม

“แม่คะ…เขาเป็น…เป็นเพื่อนของปาค่ะ ชื่อวิศว์ค่ะ”

เพื่อน!

วิทย์ก้าวเข้ามาแล้ว ในสายตาผู้ใหญ่ วิศว์ดูโดดเด่น ทั้งหน้าตา ท่าทาง อุเทนว่าหล่อแล้ว แต่วิศว์คนนี้ดูดียิ่งกว่า

วิศว์…เพื่อน…

เขาก็ได้ยินชัดเจน ปารีสแนะนำว่าเขาเป็นเพื่อน

แค่…เพื่อน!

ชายหนุ่มละทิ้งความงุนงงไว้ และฝืนยิ้ม

“สวัสดีครับ คุณน้า” เรียกน้า…แทนจะเป็นพ่อกับแม่

คุณวาสนาขมวดคิ้ว ลืมรับไหว้เสียสนิท เพราะสงสัย

“นี่…นี่…มาด้วยกันเรอะ”

“ครับ”

ปารีสอึดอัด รีบพูดว่า

“ค่ะ…แต่ว่า”

ต้องรีบหาเหตุผล เพราะชายหญิงเดินทางด้วยกัน ถึงจะสมัยใหม่แค่ไหน บิดามารดาคงรับไม่ได้ ยิ่งในใจของท่านอุเทนคือว่าที่ลูกเขยสุดรักจะมีใครมาแทนที่ไม่ได้เลย

“คุณวิศว์เป็นเหมือนพี่ชายของปาค่ะ พ่อกับแม่จำเขาได้มั้ยคะ”

“วิศว์?”

เหตุการณ์ผ่านมาสิบกว่าปีแล้ว ตั้งแต่ปารีสยังเด็กอยู่ และชื่อวิศว์ก็ยังน่าจะอยู่ในความทรงจำไม่เปลี่ยนแปลง

“เด็กผู้ชายคนนั้น!” คุณวรวิทย์โพล่ง “คนที่อยู่กับลูกสาวเราทั้งคืนตอนหลงป่า”

“ครับ ผมเองครับ”

ตอนนี้ละ ท่าทางตึงเครียดเมื่อครู่จึงผ่อนคลายลง

คุณวาสนาถึงกับเข้ามาสวมกอด

“วิศว์…น้าขอบใจมากๆ เพราะวิศว์ละนะ ปาถึงได้ปลอดภัยเพราะวิศว์แท้ๆ”

“แล้วหนีไปเจอกันที่ไหน อย่างไรล่ะ” คุณวรวิทย์ถาม

“เจอกันตั้งแต่ที่สนามบินแล้วครับ บังเอิญเดินทางด้วยกัน แต่ยังไม่รู้จักกัน เพิ่งมารู้ว่าใครเป็นใครก็ตอนคุณปาถูกกระชากกระเป๋า และผมเห็นเอกสารในกระเป๋า ชื่อ ปารีส อรัญวิทย์ ผมจึงจำเธอได้ครับ”

“มันเป็นชะตาลิขิตนะ ที่กลับมาพบกัน แล้วนี่มาด้วยกัน”

“ผมมาพักผ่อน คุณปาก็มาเที่ยวพักผ่อน เส้นทางตรงกันครับ และรู้ว่าเธอจะมาพบคุณน้าทั้งสอง ผมเลยขอตามมาด้วยครับ”

“โถ…น่ารัก น้าทั้งสองยังคิดถึงบุญคุณคุณอยู่เสมอ ที่ช่วยดูแลเด็กน้อยเจ็ดขวบในตอนนั้น มา…มานั่งคุยกัน…มาคุยกันนานๆ เลยนะ อย่าเพิ่งรีบกลับ พักไหนล่ะ”

“เอ้อ…จองโรงแรมในเมืองไว้ครับ”

ดีที่วิศว์ยังเตรียมไว้ เพราะตอนแรกปารีสว่าจะให้เข้ามาพักที่บ้าน บ้านของบิดามารดามีห้องของหล่อน มาพักด้วยกัน จะบอกครอบครัวว่าเขาเป็นสามีเธอ แต่สถานการณ์ขณะนี้เปลี่ยนไป

วิศว์กลายเป็นคนนอก เขาเตรียมไว้ว่าเผื่อเขากับปารีสจะพักที่โรงแรม จึงจองเผื่อไว้ก่อน

ใช่สิ เขาได้นอนโรงแรม

ปารีสล่ะ

จะไปพักโรงแรมด้วยกันไหม

“ขากลับเอารถที่บ้านไปใช้ได้นะ จะอยู่กี่วันจะได้สะดวกสบาย ส่วนปาคืนนี้ต้องนอนคุยกับแม่นะ คุยกันให้หายคิดถึงเลย”

เป็นอันแน่นอนแล้วว่า เขากับปารีสต้องแยกกันนอนคนละที่

วิศว์อยู่ทานอาหารด้วย

ปารีสเข้าครัวกับคุณวาสนา

วิศว์นั่งคุยกับคุณวรวิทย์ ผู้ชายด้วยกันคุยกันถูกคอ ยิ่งมีความสัมพันธ์ในวัยเยาว์แล้ว ความสนิทสนมจึงเกิดขึ้นไม่ยาก

สำหรับชายหนุ่ม เขาคิดว่าเป็นพรหมลิขิต พบกันวัยเยาว์คือจุดเริ่มต้น และการพบกันอีก เสมือนรักแรกพบ

หลังอาหาร ปารีสเดินมาส่งวิศว์ที่หน้าบ้าน ที่บริเวณจอดรถและส่งกุญแจให้เขา

“เอารถไปใช้นะคะ ที่นี่มีรถสองคัน” แต่เขาไม่รับกุญแจ

“ไม่ครับ ผมเช่ารถขับในเมืองสะดวกกว่า” หันซ้ายหันขวา ถามเธอเบาๆ “คุณไม่มีอะไรจะพูดกับผมเรอะ”

หญิงสาวกัดริมฝีปากก่อนกล่าวว่า

“ขอโทษค่ะ”

“แค่นั้น?”

“คุณก็เห็นแล้วว่า พ่อกับแม่ยังปลื้มอุเทนอยู่”

ชายหนุ่มโคลงศีรษะ

“มันไม่ใช่เหตุผลนะ”

คราวนี้หญิงสาวก็โคลงศีรษะ

“เหตุผลสำคัญด้วยค่ะ โดยเฉพาะคุณพ่อท่านเป็นโรคหัวใจ ต้องผ่าตัด ก่อนผ่าตัด ฉันไม่อยากให้พ่อคิดมาก กังวล หรือห่วงใยความรู้สึกฉันที่ถูกอุเทนทิ้งไปแต่งงานกับเจ้านาย ซึ่งเป็นเจ้าของร้านเพชร!”

“แล้วความรู้สึกผมล่ะ”

“เราแค่เพิ่งเริ่มต้น…”

“ใช่ครับ แค่เพิ่งเริ่มต้น” น้ำเสียงประชด

“อย่าทำเสียงแบบนั้นสิคะ”

รู้ว่าน้ำเสียงเขาเปลี่ยนไป เปลี่ยนโดยอัตโนมัติ

จริงอยู่ วิศว์อาจรู้สึกหงุดหงิดบ้างที่เปิดเผยความจริงไม่ได้ ใจของผู้ใหญ่ทั้งสองมีแต่อุเทน

“นาฬิกานั้น ท่านเข้าใจว่าอุเทนซื้อให้ท่าน ฉันจะคืนเงินให้คุณนะคะ”

ชายหนุ่มโบกมือ

“ผมไม่รับคืนเงินครับ”

“คุณ…”

“ผมจะกลับแล้ว!” รู้สึกลึกๆ ไม่ดีเท่าไร

“เราคงต้องคุยกัน”

“ใช่…ต้องคุยกันแน่ๆ แต่คงไม่ใช่วันนี้ พ่อแม่คุณรอที่บ้าน คุณกลับเข้าไปเถอะครับ”

ปารีสลังเลอะไรบางอย่าง ดูจากท่าทีของชายหนุ่ม เขาไม่พอใจ

เข้าใจผู้ชายบ้างไหม

เพิ่งแต่งงานใหม่ๆ ต้องแยกกันแล้ว แถมไม่กล้าบอกความจริงกับผู้ใหญ่ ตัวตนของวิศว์แทบไม่มีเลย ยังดีที่ความหลังในอดีตที่เคยช่วยชีวิตเธอไว้ พ่อกับแม่ของเธอจึงรู้สึกปลื้มเขาบ้าง

ไม่อย่างนั้นเขาคงยิ่งกว่าอากาศธาตุ

“เราจะคุยกันวันไหน”

“แล้วแต่คุณ” วิศว์พูดเรียบๆ

“งั้นพรุ่งนี้ ฉันจะไปพบคุณที่โรงแรมแต่เช้า ฉันจะไปทานอาหารเช้ากับคุณ”

ชายหนุ่มพยักหน้าแทนคำตอบ

 

คืนนั้น ปารีสมีโอกาสคุยกับเพื่อนสาวคนสนิททั้งสอง กุลวดีกับหฤทัย คุยกันแบบเห็นหน้า ถึงอยู่คนละทวีป การติดต่อไม่เคยขาดหาย

เธอไม่เคยมีความลับกับเพื่อน

รู้จักและแลกแหวนแต่งงานกับวิศว์หน้ามหาวิหารในเวนิส ทุกอย่างเพื่อนรักรับรู้ รวมทั้งวันนี้ด้วยที่ต้องปกปิดความจริงกับบิดามารดา

หฤทัยโวยวายกับเพื่อน

“แกจะบ้าเรอะที่ปิดบังพ่อแก พระเอกของแกคงเสียใจแย่”

“ดูท่าทางตอนเขากลับไปโรงแรม เขาโกรธๆ นะ”

“เป็นใครก็ต้องโกรธทั้งนั้นละ”

“ก็มันช่วยไม่ได้”

“แถมนาฬิกาที่ซื้อก็ต้องให้เครดิตอุเทนอีก ทั้งๆ ที่คนทรยศควรถูกตำหนิ ถูกด่า กลับกลายเป็นพระเอกแทนเสียงั้น”

“พ่อต้องผ่าตัดนะ ไม่อยากให้พ่อกังวล ตอนนั้นมันกะทันหัน”

“ความจริงเป็นสิ่งไม่ตาย”

“ฉันสับสนไปหมดแล้ว”

“ก็แกมันลังเล ฉันเชียร์พระเอกของแก ยิ่งประทับใจว่า คยช่วยแกมาตอนเด็ก มันเป็นบุพเพเลยนะโว้ยเพื่อน แกกำลังดีวันดีคืน มีคนมาช่วยดามใจ แกดันทำเสียเรื่อง”

ปารีสหน้าจ๋อย

กุลวดีเป็นคนชอบประนีประนอมพูดแทรกว่า

“เห็นใจปามันบ้างสิ พ่อทั้งคนนะ มันเป็นคนกลาง มันลำบากใจ อุเทนเคยทำคะแนนดีกับน้าวิทย์กับน้าวาสนามาตลอด รู้จักกันมาสามสี่ปี มันนานพอจะทำคะแนนได้ระดับหนึ่ง เราก็รู้กันอยู่ว่าอุเทนน่ะ เอาใจคนแก่เก่งจะตาย อ่อนหวาน นุ่มนวลกับคนแก่ ใครเห็นใครเจอ ใครก็ต้องรัก”

ประนีประนอมพูดอย่างไร ตอนท้ายสะกิดแผลปารีสจนได้

หฤทัยรีบปราม

“เฮ้ย…เฮ้ย…วดี…แกหยุดพูดก่อน ตอนท้ายน่ะ อุเทนกับคนแก่ มันหมายถึงอุเทนกับคุณรัศมีนะ”

กุลวดีทำหน้าตกใจ

“ก็…ก็…คุณรัศมียังไม่แก่มาก แค่สี่สิบห้าเอง”

“เทียบกับพวกเรา ก็ห่างกันยี่สิบปีนะโว้ย คนมันคนละรุ่นเลย”

“ใครจะไปรู้ว่า มันจะลงเอยแบบนี้”

“เออ…เออ…มันก็เป็นไปแล้ว”

ทั้งสองสาวกลับมามองหน้าปารีส ภาพในจอไม่ชัดเจนนัก แต่ก็ดูออกว่าเพื่อนกำลังกลุ้มใจ คิดหนักพอควร

“ฉันยกให้คุณวิศว์เป็นพระเอกขี่ม้าขาว” หฤทัยพูด “หน้าตาก็หล่อจะตาย”

“เชย…เชย…” กุลวดีพูดโพล่ง

“ว่าไง…ยัยปารีสแสนสวย จะแก้ปัญหากับสามีกะทันหันยังไง เขาขี่ม้าขาวมาช่วยแกนะโว้ย แกกลับไล่ส่ง ลองเป็นแกดูสิ จะรับได้ไหม”

ปารีสเม้มริมฝีปาก

“มาเป็นฉันสิ จะรู้ว่าฉันอึดอัดแค่ไหน ฉันต้องแก้ปัญหาเฉพาะหน้า”

“แบบไม่ถูกต้อง”

“จะผิดจะถูก ฉันก็ตัดสินใจไปแล้ว บอกพ่อกับแม่ไม่ได้เด็ดขาด พวกแกจะรุมว่าฉันก็เชิญ ว่า…ว่ามาเลย”

“เฮ้ย…เพื่อนกันนะ ฉันให้กำลังใจแก” หฤทัยเสียงอ่อนลง

 



Don`t copy text!