ขอบน้ำจรดขอบฟ้า บทที่ 3 : ลา รัมบลา

ขอบน้ำจรดขอบฟ้า บทที่ 3 : ลา รัมบลา

โดย : กฤษณา อโศกสิน

Loading

ขอบน้ำจรดขอบฟ้า โดย กฤษณา อโศกสิน ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ปี พ.ศ. 2531 กับการเดินทางครั้งสำคัญของสมุทรไทที่นำพาความมหัศจรรย์มาสู่ชีวิตอันอ้างว้างของเขา นิยายออนไลน์ ที่ อ่านเอา อยากให้คุณ อ่านออนไลน์

……………………………………………………………….

-3-

 

ห้องที่น้องของปรายจองไว้เป็นบูติกโฮเต็ลเกรดเอ ในย่านกลางใจเมืองบาร์เซโลนา เขาเลยขอดูห้องปู่ย่า ก็เห็นว่าไม่ผิดกัน ที่ดีกว่านั้นก็คือ ได้อยู่ชั้นเดียวกัน

นักท่องเที่ยวในยามนี้คงไม่มีใคร ‘อุตริ’ เท่าน้องสาวเพื่อนดังที่เพื่อนว่า แต่เขากลับเห็นด้วยกับหล่อน รวมทั้งเห็นด้วยกับปู่ย่าที่ชอบด้วยซ้ำกับการเช่าที่พักแถวนี้

เนื่องด้วยจริงดังที่เขาคาดไว้ไม่มีผิด

เพียงแต่รถยนต์ยี่ห้อดังของสายการบินเลี้ยวถึง ‘พลาซ่ากาตาลุนญา’ อันคือจัตุรัสที่พาเข้าสู่ถนนลา รัมบลาเจ้าปัญหาเมื่อเดือนที่ผ่านมานั้น ก็แลเห็นตำรวจม้ายืนม้าเป็นสง่าผึ่งผายอยู่มิไกล เลยไปอีกหน่อยหนึ่งจึงพบรถตำรวจจอดสงบคอยรักษาความปลอดภัยด้วยท่าทีที่ดูก็รู้ว่ายังอยู่ในระยะที่ประมาทมิได้

‘น้องมึงมันหัวไวกว่ามึง’ ชายหนุ่มนึกในใจ

เขาเองก็เชื่ออยู่แล้วว่า ที่ที่ถูกก่อการร้าย จะต้องมีหน่วยเฉพาะกิจเข้ามาดูแลความเรียบร้อยให้ร้านค้า ประชาชน และนักท่องเที่ยวถ้วนหน้า อย่างน้อยก็ควรต้องเกิน 1 เดือน

‘ปู่ย่ามึงก็หัวไวกว่า มีแต่มึงแหละ กลัวไม่เข้าเรื่อง’

หากเขาก็ขำเมื่อนึกถึงปรายผู้ใจร้อน ลูกชายคนที่ 3 ของพ่อแม่ผู้สืบทอดกิจการค้าเหล็กมาตั้งแต่บรรพบุรุษ จนถึงบัดนี้ จากซื้อขายเศษเหล็กมาสู่บริษัทอุตสาหกรรมค้าเหล็ก หนึ่งในหลายบริษัทใหญ่ของกรุงเทพฯและสาขา ทั้งต่างจังหวัดและต่างประเทศ

รถของสายการบินส่งเขาเทียบหน้าโรงแรม คนขับช่วยยกกระเป๋าเดินทางใหญ่หนึ่งเล็กหนึ่งลงจากท้ายรถ

เว้นห่อสี่เหลี่ยมใหญ่ สูงราว 2 ฟุตครึ่ง กว้าง 2 ฟุต ที่ตั้งไว้บนเบาะข้างตัวเท่านั้นที่เขาหิ้วเอง

ก็เลยส่งทิปค่อนข้างมากให้คนขับซึ่งส่งเขาถึงที่อย่างปลอดภัย ท่ามกลางสถานการณ์ที่คล้าย ‘ยังไม่พ้นหน้าสิ่วหน้าขวาน’

เช็กอินแล้ว บริกรนำกระเป๋าเข้าห้อง ก็เลยทิปอีกครั้ง

ภารกิจที่สำคัญคราวนี้มิใช่อันใดอื่น

นอกจากตั้งพระบรมรูปไว้หน้ากระจกตามเคย ขณะที่ยามค่ำมาถึงพอดี

เพียงแต่เวลาที่นี่ก็เหมือนเวลาในยุโรปทุกประเทศ นั่นก็คือต้นเดือนนี้เพิ่งผ่านจากฤดูร้อนสู่ฤดูใบไม้ร่วง กลางวันยังคงยาวกว่ากลางคืน ระหว่างกันยายนถึงพฤศจิกายน

ทั่วทั้งท้องถนนจึงยังคงสว่าง แม้จะเลยหนึ่งทุ่มไปแล้ว

ป่านนี้ ในไทยก็คงราวๆเที่ยงคืน

สมุทรไทเคยมาบาร์เซโลนาแล้วครั้งหนึ่งกับอาจารย์ที่ปรึกษา มาชมผลงานอันเป็นศิลปะที่ยอดสถาปนิกเอก ‘อันตอนี เกาดี’ รังสรรค์ไว้เป็นมหาสมบัติประดับเมือง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง โบสถ์ ‘ซากราดา ฟามิเลีย’ ที่ยังสร้างไม่เสร็จ

แต่เขาจะยังไม่ไปไกลมากจากโรงแรม

ดังนั้น เท้าก็เลยพาไปเรื่อยๆตามบาทวิถีที่บัดนี้ผู้คนมิรู้ว่ามาจากไหน เดินสวนกันไปมาเต็มถนน ข้ามจากฟากนี้ไปฟากนั้นฟากโน้น ลานตาขวักไขว่

แต่แทนที่จะกลุ้มใจกลับชอบใจ

ชายหนุ่มเริ่มชื่นบานในความมีชีวิตชีวาของชาวเมือง

ถนนลา รัมบลาคือถนนคนเดินอย่างแท้จริง

มาถึงสเปนแล้ว จะไม่ลองชิมอาหารของเขาสักหน่อยจะได้อย่างไร

ดังนั้น เมื่อเดินจนได้ที่ ผ่านไปตามฝูงชนอันคลาคล่ำ เขาก็เลยจัดการกับกระเพาะโดยแวะเข้าไปในร้านเล็กๆซึ่งดูจะเข้าทีเข้าท่าด้วยหนุ่มสาวชาวคาตาลันกำลังกินดื่มกันอย่างสนุก

สั่ง ตาปัส มาสนองความหิวพร้อมดื่มเบียร์เย็นจนทั้งอิ่มและไม่ผิดหวัง ด้วยว่าถาดเล็กแต่รสชาติใหญ่ ช่วยให้อาการร่วงผล็อยเมื่อคืนฟื้นขึ้นมา เลยใช้เท้าย่ำต่อจนกว่าจะอยากกลับไปนอน

ตอนนี้ เท่าที่เขาสังเกตดู พวกล้วงกระเป๋าหรือพิคพ็อคเก็ตค่อนข้างบางตาลงไป ตราบใดที่รถตำรวจยังจุกอยู่ตามช่องต่างๆแถวหัวถนน

นึกถึงตลาดใหญ่มีชื่อเสียงทั่วโลก ‘โบเกเรีย’ ขึ้นมาได้ สมุทรไทจึงเดินเลยไปดู

พื้นตลาดที่ปูกระเบื้องโมเสกยังคงสะอาดสะอ้าน ไฟเปิดสว่าง

ผู้คนคับคั่งเต็มไปด้วยร้านสินค้า ที่ขึ้นหน้าสุดยอด ก็คือ อาหารสด ประเภท ปลา เนื้อ หมู ผัก ผลไม้ ดอกไม้ ล้วนแล้วด้วยคุณภาพ

พรุ่งนี้ ถ้าปู่กับย่าของปรายไม่เหนื่อยเกินไป เขาก็กะจะพาทั้งคู่มาชมตลาด หวังว่าย่าคงชอบ

ขณะกำลังเดิน กะจะให้สุดตลาด แล้วอ้อมกลับไปอีกทาง ไปโผล่ที่ถนนใหญ่เลยทีเดียว ก็พอดีมือถือดัง

“ถึงเรียบร้อยแล้วนะ ห้องเป็นไงมั่ง”

“ดี…ใช้ได้…มีครัวให้หุงต้มทอดเสร็จสรรพ”

“ย่าทำครัวได้” ปรายบอกมา “นี่กูก็เพิ่งเสร็จส่งเขา เหนื่อยว่ะ” เสียงเพื่อนค่อนข้างเพลีย “ดูเหมือนเครื่องจะออกช้านิดนึง แต่ก็คงไม่เป็นไร เพราะเขาก็คงอยู่ด้วยกันที่เลานจ์”

“ถึงดูไบเมื่อไหร่”

“ก็บินราว 6 ชั่วโมงหรือไงนี่แหละ ถึงดูไบก็ราวตี 5 ครึ่ง พักราว 2 ชั่วโมงถึงจะบินต่อ บินอีก 6 ชั่วโมง ก็ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นยังไงกันไหมน่ะ”

ผู้ฟังอดซาบซึ้งในความห่วงใยของหลานชายที่มีต่อปู่ย่ามิได้

ชวนให้หวนรำลึกถึงปู่กับย่าของตนเอง ผู้วายชนม์ไปก่อนหน้านี้ราว 3-4 ปี ปู่ไปก่อน ย่าตามไปภายใน 1 ปี หลังจากนั้น

ปู่กับย่าเลี้ยงเขามาตั้งแต่คลอดออกจากครรภ์มารดาเลยทีเดียว

นั่นก็เนื่องด้วย แม่ของเขาตายไปหลังคลอดไม่กี่วัน เนื่องจากครรภ์เป็นพิษ

ชีวิตเขานับแต่นั้นเป็นต้นมา จึงมีแต่ปู่กับย่าคอยฟูมฟัก

 



Don`t copy text!