ซ่อนรัก บทที่ 19 : ได้พบแล้ว

ซ่อนรัก บทที่ 19 : ได้พบแล้ว

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

พักเที่ยงแล้ว

พนักงานบริษัทเพชรอนันต์สำนักงานใหญ่ทยอยกันออกจากชั้นที่ทำงานไปทานอาหารกลางวัน

ในบริษัทก็มีโรงอาหารให้ทาน จำหน่ายอาหาร เครื่องดื่ม ในราคาพิเศษ ราคาถูก และมีอาหารหลากหลาย แต่พนักงานที่ทานบ่อยๆ ก็เบื่อบ้าง

กุลวดีเข้าไปถามเจ้านายว่า ต้องการทานอะไรหรือไม่ นิกรปฏิเสธว่าจะไปกินอาหารกับพี่ชาย

ได้พักหนึ่งชั่วโมง กุลวดีจึงชวนหฤทัยว่า

“ไปกินที่โรงอาหารในบริษัทกัน”

หฤทัยโบกมือ

“ไม่…ไม่…เบื่อ กินมาสองวันติดแล้ว ไปตึกศูนย์การค้า กินอาหารที่ศูนย์”

“ที่นั่นแพงกว่าเป็นเท่าเลยนะ”

“ก็สั่งแบบไม่เกินร้อยก็ได้”

“เก็บเงินไว้ดีไหม”

“อย่าขี้เหนียวเลย พรุ่งนี้ก็เงินเดือนออกแล้ว”

“ต้องเก็บเงินไว้หน่อย”

พื้นฐานคุณวดีเคยจนมาก ตั้งแต่เด็กอดมื้อกินมื้อ ตอนนี้มีงานทำเป็นหลักแหล่ง เงินเดือนพอใช้ชีวิต แต่ก็ยังติดนิสัยประหยัด

ผิดกับหฤทัยที่พอมี แต่ก็หมดไปกับการแต่งตัวและซื้อของราคาแพง โชคดีที่หฤทัยมีเงินเก่าจากมรดกมากพอที่จะใช้ชีวิตต่อไปอย่างสบายๆ

“ไป…ไป…ฉันเลี้ยงแกก็ได้”

“ไม่ได้…ต่างคนต่างออก ไม่มีเหตุผลอะไรพอจะเลี้ยง รอให้แกถูกรางวัลสิ จะให้เลี้ยง”

หฤทัยหัวเราะ

“ไม่ค่อยมีโชคด้านสลากเลย ซื้อทุกงวดไม่ถูกเลย”

“เล่นซื้อทีเป็นปึก เสียดายเงินแทน”

“อย่าบ่นเพื่อนนักเลย ยัยแม่แก่ ไป…ไปกินข้าวกัน มีเวลาเหลือจะได้เดินช้อปปิ้งด้วย”

“ที่ทำงานติดกับศูนย์การค้าและมีทางเดินถึงกันอย่างสบายๆ เย็นๆ ทำให้บรรยากาศคึกคัก คนเดินไปมาพอสมควร สองสาวทักทายกับคนรู้จัก เพื่อนร่วมงานเกือบตลอดทาง

เมื่อทานอาหารกลางวันแล้ว หฤทัยแวะซื้อชานมไข่มุก เครื่องดื่มโปรด แต่กุลวดีปฏิเสธว่าจะไปกินน้ำเปล่าที่ออฟฟิศ

“ยังมีเวลา เหลือเดินเล่นกันก่อนนะ” หฤทัยดื่มไปพูดไป เดินผ่านร้านรวงในศูนย์การค้า

จนมาผ่านร้านเพชรที่กำลังตกแต่ง

เดินผ่านไป มองผ่านๆ… ไป…

ทว่า…กุลวดีต้องหยุดกึกทันที ผ่านไปแล้วชะงัก…เบิกตากว้าง…พอหยุด หฤทัยที่ก้าวไปก่อนสองก้าวต้องหยุด และมองเพื่อน

“เฮ้อ…ทำไมไม่เดิน?”

“เดี่ยว…เดี๋ยว…”

“แกเป็นอะไร?”

ตอนนี้ กุลวดีไม่ตอบ พอชะงักและเดินย้อนกลับสองก้าว และมองไปที่ร้านกำลังตกแต่ง

ในร้านมีช่างสามคนกับอีกคน…คนนี้ล่ะ…คนที่กำลังสำรวจและมองการทำงานของช่าง

เขา…ใช่สินะ…เขาคนนั้น

คนที่นิกรต้องการพบตัวมากที่สุด

คนที่ช่วยนิกรให้ผ่านพ้นวิกฤติที่ทำเพชรร่วงหายได้อย่างหวุดหวิด

กุลวดีดีใจจนต้องรีบก้าวเข้าไป ทั้งที่หฤทัยกำลังนึกในใจว่า

“เฮ้ย…แกบุกรุกร้านเขาทำไม” แต่ก็รีบก้าวตาม

กุลวดีจ้องมอง…คนนั้น…วิศว์…

“คุณ…คุณ…นั่นเอง”

วิศว์เลิกคิ้ว ถามว่า

“มีธุระกับผมหรือครับ?”

“คุณ…คุณวิศว์”

“รู้จักชื่อผมด้วย?”

“ฉันชื่อกุลวดี เป็นเลขาคุณนิกร บริษัทเพชรอนันต์ค่ะ”

พูดถึง ‘เพชรอนันต์’ วิศว์ตาโต

“อ๋อ…ใช่…ผมจำคุณได้แล้ว คุณเลขา”

“วันก่อนคุณเอาเพชรไปคืน แล้วไม่รอคุณนิกรก็รีบกลับไปเลย คุณนิกรอยากพบคุณมาก คุณมาทำอะไรที่นี่คะ?”

“ผมมาดูแลการแต่งร้านไหมครับ ผมทำงานบริษัทอินทีเรียร์กับออกแบบผลิตภัณฑ์”

“อยู่ใกล้กันแค่นี้เอง” กุลวดีนึกขอบใจเพื่อน ที่หฤทัยให้ออกมาทานอาหารในศูนย์การค้า จนได้พบชายที่เจ้านายตนอยากพบ

“ผมมาทำงานเกือบทุกวัน”

“ดีใจมากค่ะ ไปพบคุณนิกรหน่อยได้ไหมคะ เอ้อ…ไม่ดีสิ ต้องให้คุณนิกรมาพบคุณเอง”

“ไม่เป็นไรหรอกครับ ถ้าเป็นเรื่องนั้น ของหายก็ต้องคืนเจ้าของที่แท้จริง”

“แต่คุณนิกรติดหนี้บุญคุณคุณ”

“ผมยืนยันนะ ไม่เป็นไรครับ”

“เอ้อ…ค่ะ…ค่ะ”

“เรื่องเล็กครับ” วิศว์ทำเหมือนไม่สนใจเรื่องนั้นจริงๆ

กุลวดีกับหฤทัยจึงขอตัวออกมา และกุลวดีก็พูดกับเพื่อนรัก

“กลับบริษัททันที จะต้องรีบไปบอกคุณกี” แล้วก็แทบจะวิ่ง

หฤทัยโคลงศีรษะ พูดพึมพำ

“แหม…แหม…ถ้าเป็นเรื่องคุณกร รีบเสมอนะ เพื่อนเรา แอบรักเจ้านายก็เป็นแบบนี้ล่ะ ไม่รู้จะสมหวังไหม นั่นเจ้านายเชียวนะ”

 

เมื่อกลับมาถึงบริษัท เลขาสาวรีบไปพบชายหนุ่ม

เจ้านายอยู่ที่โต๊ะ กำลังทำงาน เขาขยันเสมอ เพราะรู้ความสามารถของตัวเอง ขยันทำงานมากกว่าคนอื่น

ขณะนั้นนี้ก่อนลุกขึ้นมายืนยืดเส้นยืดสายที่หน้าโต๊ะ พอกุลวดีพรวดพราดเข้ามา แบบแทบจะลืมเคาะประตู นิกรก็เลิกคิ้ว

“อ้าว…คุณวดี”

หญิงสาวละล่ำละลักรายงานว่า

“พบแล้วค่ะ เจอตัวแล้วค่ะ”

“พบ…เจอใคร?”

“คุณวิศว์ค่ะ คุณวิศว์ เขาเป็นอินทิเรียดีไซน์เนอร์อยู่ที่ร้านในศูนย์การค้าค่ะ”

นิกรดีใจ โผกอดเลขาสาว

“ดีมาก ดีที่สุด ผมอยากพบเขามาก”

กุลวดีตัวแข็ง เจ้านายหนุ่มทำอะไร

อารามดีใจ เขาก็ไม่รู้ตัวเองว่ากำลังกอดสาว แต่สาวน่ะสิ ตื่นเต้น ใจเต้นแรง หน้าแดงก่ำ

แหม…ก็คนแอบรัก แอบปลื้มตั้งแต่ทำงานวันแรก ผู้ชายอะไรเห็นแต่แรกก็ทำใจสั่น

ขาว….หน้าตาดี สุภาพเรียบร้อย ซื่อสัตย์

กอดแน่นมาก…และหญิงสาวตัวเล็ก ผิวคล้ำก็พอใจมาก

จน..จน…เขาเห็นหน้าเธอ…ใบหน้าแดงก่ำเสียอย่างนั้น จึงได้รู้สึกตัวว่าทำอะไรลงไป

ชายหนุ่มเองก็มีสีหน้าเก้อเขินทันที พึมพำ

“ขอโทษครับ ผมลืมตัว”

“ไม่…ไม่…เป็นไรค่ะ” ตัวเองก็พอใจ จะให้พูดอย่างไรล่ะ

“พาผมไปพบเขาเลย เดี๋ยวนี้ครับ”

ใจร้อนและตื่นเต้น กุลวดีพานิกรออกจากสำนักงาน และเดินผ่านทางเชื่อมระหว่างอาคารสำนักงานกับศูนย์การค้าไปยังบริเวณที่ตั้งงร้านจิวเวลรี่

“นั่นค่ะ เขายังอยู่” กุลวดีบอก

ช่วงนี้วิศว์มาคุมงานเกือบทุกวัน เพราะเป็นงานเร่งด่วน เงินดี และเขาต้องการให้เสร็จเร็วๆ เพราะเกรงว่าปารีสจะรู้สึกอย่างไรที่เขาทำงานให้อดีตคนรักของเธอ

นิกรรีบเดินเข้าไปทันที

“คุณวืศว์”

คนถูกเรียกหันกลับมา และขมวดคิ้ว

“คุณ…คุณนิกร?”

“ครับ…ครับ…ผมเอง วันก่อนผมยังไม่ทันพูดอะไรเลย รีบเอาเพชรไปให้พี่ชาย พอกลับมาที่ห้องรับรอง ก็พบว่าคุณออกไปแล้ว”

วิศว์เลิกคิ้ว

“ก็ไม่มีอะไรนี่ครับ หมดหน้าที่ผม ผมก็กลับ”

“ของมูลค่าสูงขนาดนั้น..”

“ต่อให้เป็นบัตรประชาชนใบเดียว ผมก็คืนครับ ถ้าผมเก็บได้จะได้ไม่ต้องยุ่งยากไปทำใหม่”

“คุณเป็นคนดีเหลือเกิน”

“อย่ายกย่องผมขนาดนั้น ผมก็ปุถุชนธรรมดา มีรัก โลภ โกรธ หลง”

“ผมจะตอบแทนบุญคุณ”

วิศว์รีบโบกมือ

“อย่ายุ่งยากอะไรเลยครับ ของไม่ใช่ของผม ผมคืนเจ้าของถูกต้องและธรรมดาที่สุดแล้วครับ”

“ไม่ได้ครับ ผมอยากตอบแทน”

“ผมเน้นเลยครับ ไม่ต้องตอบแทนหรอกครับ”

ในขณะนั้นกุลวดีอยู่ด้วย และมองสองหนุ่มที่สนทนากัน คนหนึ่งอยากตอบแทน เพราะถือว่าเป็นผู้มีพระคุณ แต่อีกหนุ่มก็เห็นเป็นเรื่องเล็กๆ ไม่ได้เก็บมาใส่ใจเลย

มองๆ แล้วสองหนุ่มน่ารักเหลือเกิน หน้าตาดีทั้งคู่ ผิวขาวทั้งคู่

ว้าย…ดูๆ ไปทั้งสองคนก็หน้าตาคล้ายกันอยู่นะ แต่ที่สำคัญน่ารักมากทั้งสองคนล่ะ

 

และเมื่อนิกรกลับมาที่บริษัทก็รีบไปพบพี่ชาย

พบว่าพี่ดุสิตกำลัง โทรคุยกับสาว…โดยประโยค้ทายๆ ก็พูดว่า

“โอเคครับ…คืนนี้พบกัน พร้อมของขวัญวันเกิดพิเศษ…”

และพอวางโทรศัพท์มือถือ พี่ชายก็บ่นกับน้องชาย

“ทำไมผู้หญิงต้องโลภมากขนาดนี้ ทวงของขวัญทุกเทศกาล ไม่ว่าจะวันเกิด วันปีใหม่ วันครบรอบคบกัน วัน…สารพัด… ต้องมีของขวัญและราคาก็ต้องแพงขึ้นเรื่อยๆ แกก็นะ ไม่คบกับสาวไหนเลย ไม่คิดจะมีความรักหรือไง”

นิกรหัวเราะเบาๆ

“ก็พี่สิตเสน่ห์แรงมากนี่ครับ สาวๆ เลยเยอะ”

“แกก็อย่าซื้อให้มากนัก พ่อกับแม่อยากมีหลานอุ้ม”

“เรื่องสาวๆ ผมไม่ค่อยถนัด”

“อายุก็ยี่สิบสี่แล้วนะ ไม่เด็กแล้วนะ”

“ผมไม่ถนัดเรื่องผู้หญิงจริงๆ ครับ”

“มันก็ดีอย่างที่ไม่ปวดหัวแบบพี่”

“ขนาดปวดหัว พี่สิตยังมีผู้หญิงตั้งหลายคน”

คราวนี้พี่ชายหัวเราะเบาๆ

“ก็ต้องคบเผื่อเลือก…แต่ยังไม่ผ่านเลยสักคน”

“พี่สิตต้องแต่งงานก่อนผม”

“เออ…เออ…ว่าแต่ แกมีอะไรกับพี่ล่ะ”

“ผมเจอแล้วครับ…เจอแล้ว”

“อย่าบอกว่าเจอสาวถูกใจ” ถามยิ้มๆ

นิกรรีบโบกมือเป็นพัลวัน

“เจอคนที่เก็บเพชรได้ครับ เขาทำงานอยู่ที่ศูนย์ เป็นอินทิเรียร์ตกแต่งร้านเพชรครับ วดี…วดีครับ เป็นคนไปเจอ ผมเลยรีบไปพบเขา แต่เขาไม่ต้องการอะไรตอบแทนเลยครับ”

พี่ชายพยักหน้าช้าๆ

“อืมม์…ก็ถือว่าเป็นคนดีนะ”

“แต่ผมอยากตอบแทนมากครับ ไม่งั้นผมเหมือนติดค้าง”

“อยากตอบแทนอะไรก็ตอบแทนไปสิ”

“อะไรที่เหมาะสมล่ะครับ”

“แกก็เป็นซะแบบนี้ รู้จักตัดสินใจเองเป็นมั้ย”

“คือผม…”

“ไปตัดสินใจเองสิ” อ้าวจะให้พี่ชายช่วยแนะนำ กลับให้คิดเอง

และวันนั้นเมื่อกลับมาทานอาหารค่ำที่บ้านกับครอบครัว วันนี้สมาชิกอยู่ครบ เพราะไม่มีใครติดธุระเลย

คุณอนันต์จะชอบมาก ถ้าอยู่ครบจะเจริญอาหารได้มากเป็นพิเศษ ยิ่งคนเยอะ ยิ่งทานได้มาก

“อืมม์…อาหารอร่อย” ท่านชม

คุณนาถจึงพูดอย่างรู้ทัน

“แหม…ก็วันนี้ลูกชายอยู่ครบ ทั้งที่ปกติ สิตจะติดสังสรรค์กับเพื่อนๆ กับลูกค้าเสมอ คุณก็เลยเจริญอาหาร”

“บ้านเราก็มีกันแค่นี้ ผม คุณ ลูกสองคน กับน้องสาว ยัยนุช ห้าคนเองนะ ไม่รู้สึกเหงาบ้างเรอะ?”

“ก็ต้องโทษลูกชายเราสองคนไม่หาเมียสักที จะได้มีคนมาเพิ่ม มีสะใภ้ มีหลานมาเพิ่ม”

คุณอนันต์หัวเราะชอบใจ

“ก็ต้องเร่งให้ลูกชายทั้งสองคนสิ ว่าไงสิต มีสาวเยอะ รีบหน่อย”

ดุสิตโบกมือ

“บอกตามตรงครับ ผมยังไม่ถูกใจจริงๆ เลยสักคน เพราะทุกคนรักผมเพราะผมเป็นลูกชายคนโตของพชรอนันต์ รักเงินของผมมากกว่ารักตัวผมซะอีก”

“เพราะแกยังไม่รักใครจริงๆ ต่างหาก ถ้ารักแล้ว แกจะไม่มีเงื่อนไขใดๆ ทั้งสิ้น ไม่ว่าคนนั้น จะนิสัยอย่างไร ยากดีมีจน แกจะรับได้หมดล่ะ”

“เหมือนคุณพ่อที่รักคุณแม่อย่างหมดใจ อย่างไม่มีเงื่อนไข ทั้งที่คุณแม่เอาแต่ใจใช่ไหมครับ” ดุสิตพูดออกไปโดยไม่สังเกตใบหน้าของมารดาเลยว่าจะผิดปกติ



Don`t copy text!