ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 8 : ข้าวแมวต้องบี้ให้ละเอียด (1)
โดย : หมอนอิงพิงหลัง
ถนนสายนี้มีแมวเหมียว โดย หมอนอิงพิงหลัง นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาขอเอาใจนักอ่าน โดยเฉพาะนักอ่านทาสแมว กับเรื่องราวของ น้ำปิง เจ้าพ่อแห่งความเพอร์เฟคที่โดนวงล้อโชคชะตาเล่นตลกและแมวสามสี….ที่ทำให้เขาต้องเผชิญกับเรื่องราวสารพัดจนเขาหลงรักชีวิตแบบแมวๆ เข้าอย่างจัง น้ำปิงกับถนนสายแมวเหมียวจะเป็นอย่างไร อ่านกันได้เลยค่ะ
“เร็วๆ ส้มจุก ไปสายอีกแล้ววันนี้” เสียงยายดังแว่วมาในยามเช้า ใบหูเรดาห์ผมกระดิกหมุนไปมาตามเสียงยาย สงสารส้มจุกที่ยังไม่ชินกับการตื่นเช้าไปโรงเรียน
“คุณครูพิมพ์ใจดี ไปสายก็ได้” ส้มจุกตอบ
“เดี๋ยวยายตีตายเลย ไปโรงเรียนสายได้ไง” แล้วก็มีเสียงปิดประตูบ้านลงคราวนี้ยายบ่นแมวบ้าง
“ดูสิ เมื่อคืนให้ไอ้พวกแมวมันกินเยอะไป งานการไม่ทำ นอนตื่นสายกินบ้านกินเมือง ไปได้แล้วส้มจุก”
ผมสะดุ้งลืมตาลุกขึ้น เดี๋ยวนะแมวตื่นสายนี่กินบ้านกินเมืองด้วยเหรอ เป็นแมวหรือเป็นรัฐบาล ว่าแล้วก็ช่างมันเหอะ ผมเหยียดตัวยาวแบบสไตล์แมว ไม่อยากจะบอกเลยว่า เวลาคนเราบิดขี้เกียจตอนเช้านี่ยังไงก็ไม่สะใจเท่าแมวบิดขี้เกียจ กล้ามเนื้อทั้งตัวนี่คลายลงตัวแบบเห็นๆ เลย ความเมื่อยทั้งหลายนี่บินหายไปในวับเดียว
ไมเคิลยังหลับอยู่ ผมเห็นแมวนอนขดตัวกลมน่ารักดี เลยเอาหน้าลงไปซุกแทนหมอน
“แง้ววววว” เสียงไมเคิลร้อง ตกใจตื่นตัวลอยขึ้นมาจากพื้น ขนชี้ตั้งฟู ตาเบิกโต ผมก็ตกใจเด้งถอยหลัง เผลอยืนสองขาเหมือนกัน แต่พอคิดได้
“ขอโทษนะไมเคิล ตกใจเหรอ” ผมเห็นไมเคิลกลัวตัวสั่นเลยพยายามปลอบลง
ไมเคิลมองซ้ายมองขวาสักพักหันมามองผมเขม่นคิ้วติดกัน แล้วก็กระโดดงับที่หูผมกลับ
“โอ๊ยๆๆ ขอโทษ ดีกันนะๆ” เสียงเราสองคนเล่นกันสนุกสนานรับยามเช้าแดดสดใส
“นี่ๆ เราไปดูกันดีกว่าว่ายายทำอะไรให้พวกเรากิน” ผมเริ่มชวนคุยเรื่องอื่นเพราะสู้ไมเคิลไม่ได้ ไมเคิลปล่อยหางผมที่ถูกกัดอยู่แล้วก็พยักหน้าวิ่งแซงผมลงไปชั้นล่าง
พวกเราลงไปเจอกินข้าวแมวที่ยายวางไว้ ไมเคิลเดินมาดมๆ ดูแล้วเลียปากแพล่บๆ หลังจากนั่งดูอยู่สักพักก็เริ่มกินข้าว
“ข้าวคลุกปลาทูเหรอ” ผมพูดแบบเซ็งๆ พร้อมถามตัวเองว่าใครมันเป็นคนเริ่มคิดนะว่าแมวต้องชอบกินข้าวคลุกปลาทู ถ้าเป็นแมวตลอดไปต้องกินปลาทูอีกกี่ตัวเนี่ย ไม่รู้ว่าแมวหรือปลาทูที่โชคร้ายกันแน่ งั้นกินแค่พอรองท้องละกัน
ผมกินไปบ่นไป พอไปได้สักครึ่งจานก็เบื่อละ พอหันไปมองเห็นไมเคิลกินข้าวเหลือก็เลยเอามือตบไหล่เห็นอกเห็นใจเพื่อนร่วมชะตากรรม ไมเคิลไม่รู้เรื่องอะไรเลียอุ้งมือทำความสะอาดตัวต่อ เฮ้อข้าวปลาทูยายถึงจะอร่อย แต่พอกินซ้ำๆ กันชักจะสู้ไก่ย่างไม้ชมพูของซ้อพิ้งค์ไม่ได้แล้วสิ ว่าแล้วผมก็ชวนไมเคิลออกจากบ้าน
วันนี้ผมเดินนำไมเคิล ผมกระโดดขึ้นกำแพงได้ในการกระโจนรอบเดียว แล้วก็เดินได้รวดเร็ว เดินบนขอบสะพานก็ได้ แถมสามารถเดินไปเผือกไปได้ด้วย รู้ตัวอีกทีก็จะถึงวัดแล้ว ผมหันไปมองไมเคิลว่ายังเดินตามมาอยู่ไหม หรือแอบเข้าไปในบ้านตาหลวยอีกแล้ว
“น้ำปิง วันนี้คล่องแคล่วเหมือนแมวนักเดินทางแล้วนะ” ไมเคิลยืดอกภูมิใจมากที่สามารถถ่ายทอดสกิลแมวให้ผมได้ถูกต้องไม่เสียชาติแมว
“หืม ฟุดฟิดๆ กลิ่นไก่ไม้ชมพูนี่” แล้วไมเคิลก็วิ่งนำผมเข้าไปในวัดและดิ่งตรงไปยังศาลาริมน้ำที่เก่า
ผมอ้าปากค้างเมื่อเห็นเศษไม้สีชมพูเกลื่อนไปทั่วพื้น ลุงจอน สปีด และช็อกบอล กำลังเคี้ยวไก่ตุ้ยๆ กัน
“เมื่อวานเราสัญญากันแล้วนี่ว่าจะไม่ไปเอาไก่ย่างอีก”
ลุงจอนตกใจทำไก่หล่นจากปาก
“เรามีสัญญาอะไรแบบนั้นกันด้วยเหรอ” ลุงจอนพูด สปีดกับช็อกบอลก็พยักหน้าเสริมลุงจอน
อะไรเนี่ยแบบนี้ก็มีด้วยเหรอ ความจำเสื่อมกันทั้งแก๊งเลย ระหว่างที่ผมตกใจทำอะไรไม่ถูก ไมเคิลก็ตะโกนถามว่าใครจะเอาไก่เพิ่มบ้าง แล้วทุกตัวก็วิ่งกรูกันตามไมเคิลไปทิ้งผมไว้ที่ศาลาคนเดียว
ไม่นานนักทุกตัวก็เดินเรียงกันกลับมาพร้อมไม้ไก่ย่างในปาก ไมเคิลนั้นพิเศษกว่าเพื่อนเพราะได้มาถึงสองไม้
“อะ น้ำปิง อันนี้ของน้ำปิงนะ” ไมเคิลแบ่งไม้ที่ใหญ่กว่าให้ผมอย่างไม่ลังเล แล้วทุกตัวก็เริ่มแทะไก่กันอย่างมัวเมา
ผมยืนถือไก่ย่างไม้นั้น ตลกตัวเอง ตกลงนี่เราเป็นส่วนหนึ่งของฝูงไปแล้วสินะ ผมนั่งลงกินไก่ไม้นั้นพร้อมลูบหัวไมเคิลแทนคำขอบคุณ ไมเคิลที่หน้าเปื้อนไก่หันมาร้องเหมียว
พอกินกันจนอิ่ม สัตว์เล็กพวกนี้ก็ไม่ทุกข์ร้อนอะไรแล้ว นอนๆ เล่นๆ กันมีความสุขอยู่ที่ท่าน้ำ นอนก่ายกันท่ามกลางแสงแดดรำไรใต้ต้นปีบที่ศาลาริมน้ำ ระหว่างที่ผมคิดถึงเรื่องกุญแจดอกสุดท้ายว่ามันคืออะไรกันแน่ ผมก็เริ่มวางแผนว่าพอกลับไปเป็นคนแล้วจะทำอะไรบ้างดี ไอ้เราก็พอมีสตางค์เก็บอยู่นิดหน่อย ถ้าต้องออกจากงานจริงก็ไปสมัครงานใหม่ละกัน เดี๋ยวขอให้พี่เป๊กเป็นคนรับรองให้ พี่เขาก็น่าจะแนะนำโรงแรมดีๆ ให้ได้ แล้วก็เอาเงินไปอัปเกรดมอเตอร์ไซค์เอารุ่นใหญ่กว่านี้ บิ๊กไบค์ไปเลยดีกว่า แล้วก็หาแฟนสักคน ไม่เอาละอยู่กับต้นกระบองเพชร ถ้าได้นางฟ้าแบบครูพิมพ์ก็ดีนะ แล้วผมก็นึกได้
“ไมเคิล ได้เวลาส้มจุกเลิกเรียนแล้ว ไปกันเถอะ” ผมมองเห็นสปีดกับช็อกบอลเล่นเกมกัดหางเดิมๆ กันอยู่ ลุงจอนก็นอนหลับสบายใจ แล้วก็เห็นก้อนส้มๆ นอนอยู่บนเก้าอี้ไม้
“ไมเคิล ไปกันๆ” ผมเรียกอีกครั้ง
“น้ำปิงไปก่อนเลย ขอไมเคิลนอนต่อนะ” ไมเคิลลุกขึ้นมาบอกผมแล้วก็นอนต่อ
“งั้นเจอกันที่บ้านนะ” ว่าแล้วผมก็เปิดแอปคิตตี้แมพ กำหนดที่หมายเป็นโรงเรียนของส้มจุก รายการโปรด ตั้งเตือนทุกวัน จันทร์ถึงศุกร์ โอเคเรียบร้อย แล้วก็รีบวิ่งไปรับครูพิมพ์ เอ้ย ส้มจุกอย่างรวดเร็ว
ผมมาถึงหน้าโรงเรียนเห็นผู้ปกครองมากมายกำลังรอลูกหลาน ผมแอบลงข้างริมเสาไฟฟ้าเพื่อนซี้ อ้าวนั่นครูพิมพ์นี่ คุณครูกำลังพูดคุยกับกลุ่มผู้ปกครองแล้วก็พาคุณยายคำมูลไปนั่งที่เก้าอี้หินใต้ต้นไม้ ครูพิมพ์ยิ้มแย้มแจ่มใจเป็นพิเศษวันนี้และในชั่วขณะนั้นเอง สายตาเราก็ประสานกันใจผมก็เต้นรัว
ผมเห็นภาพครูพิมพ์วิ่งเข้ามาหาแบบสโลว์โมชัน มีประกายออร่าเปล่งไปทั่ว ริมฝีปากสีชมพูค่อยๆ เข้ามาใกล้ใบหน้าผม เหมือนดูหนังฉากที่เจ้าหญิงวิ่งอยู่กลางทุ่งหญ้า ทำให้ใจผมเต้นเร็วถึง 250 ครั้งต่อนาที นี่ถ้าเป็นคนคงช็อกตายคาที่ไปแล้ว โชคดีที่ตอนนี้เป็นแมว เพราะปกติหัวใจแมวเต้น 140 ถึง 200 ครั้งต่อนาทีอยู่แล้วเลยรอดไป สรุปนี่คนหรือนางฟ้ากันแน่นะ
“เจ้าทองแต้ม แมวอ้วน วันนี้ก็มารับส้มจุกเหรอ” ครูพิมพ์ย่อตัวลงช้อนตัวผมขึ้นและชูขึ้นฟ้า ยิ้มหวานให้ดวงตาเป็นประกาย
เอ่อ เอ่อ ผะ ผะ ผม ผม มารับ รับ รับ ส้มจุก จุก จุก จุก จุกครับ คับ คับ มันจุกข้างในจนพูดไม่ออกไม่รู้ตอนนี้กี่จุกแล้วเนี่ย นับไม่ทัน
“มะ มะ เมี้ยวๆ แมะ แมะ เมี้ยวๆๆๆ แมะ แมะ” แล้วผมก็มองครูอ้าปากค้าง
“ฮ่า ฮ่า ทำไมทำเสียงตลกจัง ชวนครูพิมพ์คุยเหรอคับเจ้าแมวเหมียว” ครูพิมพ์วางผมลงและย่อตัวลงมาคุยด้วย
“นี่ทองแต้ม วันนี้เป็นวันพิเศษของโรงเรียนนะ ครูใหญ่ให้เด็กๆ เอาดอกไม้มาไหว้พ่อแม่ทุกๆ เปิดเทอมและปิดเทอม จริงๆ ท่านบอกว่าอยากจะให้เด็กๆ ไหว้พ่อแม่ทุกวันๆ ก่อนมาโรงเรียนด้วยซ้ำ ครูก็เห็นด้วยนะแต่ครูจะเหนื่อยเกินน่ะสิ และนี่ทองแต้มก็เป็นผู้ปกครองส้มจุกด้วยละสิเลยมาเนี่ย ฉลาดเหลือเกินนะเราน่ะ” ครูพิมพ์เอามือเล็กๆ มาขยี้หัวผมจนฟู แล้วก็ลูบกลับให้เรียบร้อย
“เอาละ หล่อแล้ว ครูไปทำงานต่อก่อนนะเจ้าอ้วน”
เธอจิ้มจมูกผมอีกหนึ่งทีก่อนกลับไปต้อนรับผู้ปกครองคนโน้นคนนี้ต่อ ตอนนี้ผมละลายกลายเป็นไอติมแมวกองอยู่บนพื้นตรงนั้นเลย คนอะไรทำไมน่ารักแบบนี้
กว่าผมจะรู้ตัวอีกทีเด็กๆ ก็ออกมาตรงหน้าโรงเรียนกันแล้ว อ้าวแล้วส้มจุกไปไหนล่ะ ผมเห็นยายคุยกับครูคนหนึ่งแล้วก็เดินเข้าไปในโรงเรียนจึงวิ่งตามไป เจอส้มจุกถือดอกไม้เล็กๆ ในมือกำลังนั่งอยู่บนเก้าอี้ใต้ต้นปีบ
“ยายจ๋า” ส้มจุกผละรีบลุกจากเก้าอี้วิ่งมาหายาย
“ยายมาแล้วจ้า รอนานไหม” ยายก้มลงกอดหลาน
“ไม่นานเลยจ้ะยาย นี่ค่ะดอกไม้ให้ยาย” เธอชูดอกไม้สีแดงเล็กๆ ที่ถูกกำจนแน่นให้ยาย
“ส้มจุกคิดถึงแม่ไหมลูก” ยายถาม
“ไม่ค่ะ หนูรักยายที่สุด” ส้มจุกกอดขายาย กำมือแน่น แต่ไม่นานนักเธอก็ร้องไห้ออกมา
“หนูคิดถึงแม่ หนูคิดถึงแม่” แล้วเธอก็ร้องไห้แบบที่ผมไม่คิดว่าเด็กเข้มแข็งแบบส้มจุกจะร้องได้
ผมเดินเข้าไปหาส้มจุก เธออุ้มผมแล้วกอดไว้แน่น ครูพิมพ์เดินมาดูยายกับหลานแล้วพาทั้งไปนั่งใต้ตึกเรียน ยายปลอบส้มจุกจนหลับไปบนตักแล้วเล่าให้ครูพิมพ์ฟัง
พ่อกับแม่ของส้มจุกจากไปด้วยอุบัติเหตุตั้งแต่ส้มจุกยังเล็ก ยายจึงต้องเลี้ยงส้มจุกตัวคนเดียว ทุกวันนี้ที่พออยู่ได้ก็ด้วยเงินที่ลูกสาวคนโตทำงานส่งเสียประกอบกับรายได้เล็กๆ น้อยๆ จากการขายขนมคอยจุนเจือ ครูพิมพ์สัญญาว่าจะช่วยดูแลส้มจุก ยายขอบใจแล้วเราทั้งสามก็กลับบ้านกัน
ไมเคิลนอนรออยู่ที่แคร่หน้าบ้าน วันนี้ดูแปลกไปเพราะไม่เล่นจับจิ้งหรีดเหมือนเคย เย็นนี้ยายเสิร์ฟข้าวใส่ปลาชิ้นโตเหมือนจะรู้แล้วว่าแมวสองตัวไม่ชอบให้บี้ปลาจนแหลกละเอียด ผมดีใจมากเพราะตั้งแต่อยู่บ้านนี้มาไม่เคยได้กินอะไรที่เป็นชิ้นๆ เลย ไมเคิลกินแต่ปลาท็อปปิ้งแล้วก็ไปนอนต่อที่แคร่ ผมสงสัยเลยไปดูไมเคิลก่อนทิ้งข้าวเอาไว้ ไมเคิลบอกว่าเขาแค่เหนื่อยๆ เลยอยากมานอนตากลมเล่นตรงนี้และชวนผมมานอนเล่นกัน
“อุวะ ไอ้แมวพวกนี้มันกินแต่กับ” ว่าแล้วยายก็หยิบกะละมังข้าวสองใบไปรวมกันแล้วบี้ปลาส่วนของผมรวมกับข้าวที่เหลือทั้งหมด งานเข้าผมแล้วสินะ มื้อนี้ข้าวแมวสีขาวพิเศษ เหมือนส้มจุกจะเห็น เลยแอบแบ่งปลาชิ้นเล็กให้ผมชิ้นนึง ส้มจุกขยิบตาให้ผมเป็นอันรู้กัน แต่ก็ไม่พ้นสายตายายเลยจับไปบี้ซ้ำอีก
“ข้าวแมวมันต้องบี้ให้ละเอียด ไม่งั้นจะติดคอแมวนะส้มจุก อย่าให้ปลาเหลือเป็นชิ้นๆ เดี๋ยวมันจะเหลือข้าว”
ผมเห็นส้มจุกทำหน้างง ตกลงยายกลัวปลาติดคอแมวหรือกินข้าวเหลือกันแน่ แต่ผมต้องสู้เพื่ออนาคตของตัวเองจึงพยายามอธิบายยายว่า แมวน่ะชอบกินปลา ปลาที่มันเป็นตัวๆ ไม่ได้ชอบกินข้าวสวย แล้วชื่อมันก็คือข้าวคลุกปลาทู ไม่ใช่ข้าวบี้ปลาทู แต่เสียงที่ออกไปมีแต่
“เมี้ยว”
“จ้ะ ยายรู้แล้ว ทองแต้มก็เห็นด้วยกับยายใช่ไหม กินข้าวให้หมดนะทองแต้ม ชาวนาอุตส่าห์ลำบากปลูกข้าวให้เรากินจนหลังขดหลังแข็ง” ยายยิ้มให้อย่างใจดีพร้อมขยิบตาให้ผมเป็นอันรู้กัน
หลังจากที่ผมใช้เวลากับภูเขาข้าวขาวกลิ่นปลาทูสักพักหนึ่ง สุดท้ายมันก็หมดจนได้ ผมค่อยๆ เคลื่อนตัวไปยังแคร่หน้าบ้านขณะที่ยายหลานกำลังเล่นเป็นคุณครูส้มจุกกับนักเรียนคำมูลอยู่
“ไมเคิล นายทำกับเราเจ็บแสบมากนะ” ผมทิ้งตัวลงนั่งกระแทกแคร่สั่น ไมเคิลหันมาทำหน้าไม่รู้เรื่อง ตาแป๋วจ้องมองที่พุงผม
“น้ำปิง เราว่านายต้องลดความอ้วนแล้วนะ เดี๋ยวตอนกระโดดขึ้นกำแพงจะปวดเข่าเอา เราว่าบีเอ็มไอนายเกินมาตรฐานแล้วละ” ไมเคิลพูดด้วยความเป็นห่วงเป็นใยพร้อมเอามือน้อยๆ ลูบพุงผม เชอะ ผมมองพุงไมเคิลกลับก็ใหญ่ไม่แพ้กันละวะ
ก็เพราะใครล่ะ ผมพูดอยู่ในใจแต่แล้วเราก็คุยกันเรื่องจิปาถะแทน ผมนึกขึ้นมาได้ว่ายังไม่ได้พาไมเคิลข้ามไปยูโทเปียเลย มาติดอยู่ตรงที่ร้านซ้อพิ้งค์กัน ทุกวันมีแต่เรื่องอะไรเต็มไปหมด เราเลยสัญญากันว่าพรุ่งนี้จะเดินข้ามร้านซ้อพิ้งค์ข้ามสะพานไปยังยูโทเปียกัน
คืนนี้ไมเคิลนอนท่าขนมปังก้อนอยู่มุมห้องน่ารักดี ผมกำลังจะเข้าไปขย้ำแต่กลัวเขาจะตกใจอีกเลยกลับมานอนเพ้อถึงเรื่องต่างๆ เหมือนทุกวันที่มุมเดิมๆ ของห้อง หลานยังเล่นเป็นครูอยู่ไม่เลิกแต่ตอนนี้ครูกำลังจะโดนนักเรียนคำมูลตีแทนแล้วที่ไม่ยอมเข้านอน
เช้านี้อากาศสดใส แม่บ้านนกก็คุยกันไปเรื่อยเปื่อยรับอรุณเหมือนเช่นเคย ส้มจุกกำลังแต่งตัวไปโรงเรียนอยู่ เสียงตะหลิวเคาะกระทะดังมาจากชั้นล่าง แต่ไมเคิลไม่อยู่ในห้องแล้ว ผมมองผ่านหน้าต่างลงไปเห็นเงาของไมเคิลตะคุ่มๆ อยู่ที่พุ่มไม้ สักพักก็เดินโซเซออกมาแล้วเข้าไปในบ้าน
ส้มจุกคว้าผมจากข้างหน้าต่างไปนั่งเก้าอี้เล็กที่โต๊ะทำการบ้านของส้มจุก การละเล่นครูนักเรียนจากเมื่อวานนั้นยังไม่จบ ตอนนี้เป็นวิชาภาษาไทย แล้วคุณครูส้มจุกเริ่มสอนนักเรียนแมวอ่าน ก.ไก่ ข.ไข่ จนกระทั่งมีเสียงยายเรียกไปกินข้าว
ส้มจุกอุ้มผมลงมา พวกเราเห็นไมเคิลนั่งขดอยู่ในกล่องส้มใบเล็ก ส้มจุกหัวเราะ เธอวางผมลงและไปลูบหัวไมเคิล แล้วก็วิ่งไปช่วยยายจัดจานที่ครัว
“ไมเคิลนายเล่นอะไรอยู่” ผมถามแบบขำๆ
“เรากำลังชาร์จไฟแบบรถอีวีน่ะ กล่องมันอุ่นดีแก้ปวดท้อง”
“อ้าว ปวดท้องเหรอ แล้วนี่เป็นไงมั่ง ดีขึ้นยัง” ผมถามแบบเป็นห่วง มิน่าล่ะเมื่อวานกินข้าวน้อย
“ไม่ต้องห่วงนะ เราโอเคอยู่” ไมเคิลตอบ
ผมเอาอุ้งมือแตะหัวไมเคิลดู ไม่เห็นจะรู้อะไรเลยมีแต่ขน ผมเลยลองจับพุงแทนเทียบกันกับพุงผม ก็อุ่นๆ นิ่มๆ ไม่รู้อะไรอีกเหมือนกัน อ๊ะคงไม่เป็นไรมั้งอาจจะแค่กินไก่เยอะไปเฉยๆ ท้องอืดท้องเฟ้อ เรอเหม็นเปรี้ยว กดไปกดมา ปุ๊ด เสียงลมน้อยๆ ผ่านช่องแคบของไมเคิล
“อี๋ ทำไมเหม็นขนาดนี้ล่ะไมเคิล เดี๋ยวเพื่อนไม่คบนะ” ผมหัวเราะเล่นกันกับไมเคิล พร้อมปลีกตัวหลบมาปล่อยให้ไมเคิลนั่งแช่ในกล่องส้มเน่าต่อไป
ข้าวเช้าวันนี้ยายก็ทำข้าวคลุกปลาทูให้เหมือนเดิม ผมกินไม่ไหวแล้ว ชัวร์มากๆ ว่าตอนเย็นก็จะเป็นข้าวปลาทูเหมือนกัน ไมเคิลก็ไม่ไหวเหมือนกัน เอาแต่นั่งมองแล้วก็เดินหนีไป ส้มจุกดูรู้ว่าแมวเบื่อข้าวคลุกปลาแล้วเลยพยายามจะหยิบกระดูกหมูทอดจากจานยายให้ แต่ยายไหวตัวทันเลยตีมือเพี้ยะเสียก่อน เราก็เลยอดไปตามระเบียบ
“ส้มจุก แมวมันชอบกินปลาลูก อย่าให้อย่างอื่นกิน เดี๋ยวข้าวเหลือ” ยายพูดเสร็จก็จัดแจงเตรียมข้าวของออกจากบ้านไปส่งส้มจุกที่โรงเรียน
“ปะ ไมเคิล ได้เวลาแล้ว” ผมมองซ้ายขวาหาไมเคิลไม่เจอเลยออกมาดูนอกบ้าน เห็นไมเคิลนอนอยู่บนดินใต้ต้นไม้เย็นๆ ชมนกชมไม้อยู่
“ไปยูโทเปียเหรอน้ำปิง” ไมเคิลลุกขึ้นด้วยความดีใจ
“ใช่แล้ว ไปกัน”
“แล้วลุงจอน สปีด กับช็อกบอลไปด้วยไหม” ไมเคิลถามผม
เออใช่ เราลืมคิดถึงเรื่องนี้ไปเลย นี่ถ้าไปกันเป็นขบวนจะเป็นไรไหมนะ ผมคิดอยู่ครู่หนึ่งคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
“งั้นเราไปที่วัดกันก่อนไหม” ผมถาม ไมเคิลพยักหน้าดีใจแล้วก็เดินนำหน้าไป
ผมเดินบนกำแพงชมนกชมไม้ตามทางไปเรื่อย เยี่ยมบ้านพี่ชบามั่ง แวะทักทายตาหลวยมั่ง แต่วันนี้ไมเคิลเลือกเดินบนทางเท้าแทน เดินไปก็แวะดมตามเสาไปเรื่อย สักพักผมก็เห็นครูพิมพ์ยืนรอรถอยู่ที่ท่ารถตู้
ครูพิมพ์ ผมดีใจตะโกนเรียกพร้อมวิ่งเข้าไปทักทาย
“อ้าวทองแต้มนี่ ส้มจี๊ดด้วย” ครูพิมพ์เห็นผมกับไมเคิลเลยมาทักทายตามประสา
วันนี้คุณครูก็สวยเหมือนเดิมเลยนะครับ เป็นแมวนี่ดีอย่างนะ อยากพูดอะไรก็พูดได้ไม่มีใครรู้ ในชีวิตจริงเราน่ะเหรอ จะมองหน้ายังไม่กล้าเลย เอ๊ะ แบบนี้เราจะเหมือนเกรียนคีย์บอร์ดไหมนะ
“เมี้ยวๆๆ” ผมส่งภาษาผ่านร่างทองแต้ม
“อะไรกัน ทองแต้มเป็นแมวที่คุยเก่งมากเลยนะรู้ไหม” ครูพิมพ์ลูบหัวผมทีหนึ่ง
วันนี้ครูพิมพ์แต่งตัวสบายๆ แต่ก็เรียบร้อย เสื้อเชิ้ตสีฟ้ากับกางเกงสีเบจและรองเท้าผ้าใบสีขาว
“เมี้ยวๆๆๆ” จะไปไหนครับคุณครู แต่งตัวเสียสวยเชียว
“อยากรู้ว่าครูไปไหนเหรอ ครูจะไปสมัครเรียนจ้ะ ทองแต้มอยากไปด้วยกันไหม”
“เมี้ยวๆ” ไปคับ ไปคับ แล้วก็มีรถตู้เข้าเมืองคันหนึ่งวิ่งมาจอด ผู้คนเริ่มทยอยขึ้นรถกัน
“คุยเก่งจังนะเราน่ะ รถมาแล้วครูไปก่อนนะ ไว้เจอกันนะทองแต้มส้มจี๊ด” แล้วครูพิมพ์ก็วิ่งขึ้นรถตู้ไป
อ้าวไหนบอกจะให้ไปด้วยไง โชคดีนะครับคุณครู ผมนั่งยิ้มอยากให้ครูพิมพ์อุ้มผมขึ้นรถไปด้วยจัง ฝันเราจะเป็นจริงเมื่อไหร่นะ แล้วอยู่ๆ ก็มีคุณยายที่ท่ารถมากอดผมแทน
“ขึ้นรถไปกับยายไหมเจ้าอ้วน” ยายยิ้มเห็นเหงือกที่ไม่ได้ใส่ฟันปลอม กลิ่นยายหอมอบอวลไปด้วยกลิ่นหงษ์ไทย
“แง้วว” ผมตกใจกระโดดหนี วิ่งนำไมเคิลไปที่วัด
“รอด้วย…น้ำปิง” ไมเคิลร้องวิ่งตามหลังผมมา
พวกเรามาถึงวัดโดยสวัสดิภาพ วันนี้ผมวิ่งเร็วกว่าไมเคิลด้วยแรงอะดรีนาลีนสูบฉีด ไม่รู้ว่าด้วยความดีใจหรือตกใจกันแน่
“รอด้วย…น้ำปิง” ไมเคิลหยุดพักหายใจที่หน้าลานวัด แมวอย่างเราวิ่งได้เร็วก็จริง แต่ปกติเราไม่วิ่งทางยาวๆ แบบนี้กันนะ ไมเคิลค่อยๆ เดินไปจนถึงศาลาริมน้ำแล้วก็ล้มลงหอบแฮ่กๆ
วงปาร์ตี้ไก่ซ้อพิ้งค์วันนี้ก็ยังดำเนินอยู่ ลุงจอนหัวหน้าวงดูมีน้ำมีนวลขึ้น สปีดเริ่มดูไม่ค่อยสปีดแล้วเป็นสโลว์แทน ช็อกบอลก็ดูกลายเป็นช็อกเค้กลาวา นี่เราทำอะไรผิดไปหรือเปล่าเนี่ย ผมเริ่มกลุ้มใจที่สอนหมาแมวพวกนี้ให้ไปขอไก่ย่าง แต่คงไม่เป็นไรมั้งยังไงเจ๊ก็ต้องทิ้งไก่พวกนี้อยู่แล้ว แต่เอ๊ะ ทำไมเหลือไก่ทิ้งเยอะอย่างนี้ทุกวันล่ะ ผมเริ่มมีลางสังหรณ์ไม่ค่อยดี อย่างนี้อย่าพาไปยูโทเปียดีกว่าเดี๋ยวเรื่องจะบานปลายไปใหญ่
“ลูกพี่น้ำปิงสุดหล่อครับ วันนี้เราจะไปที่ไหนกันดี”
“เราจะไปเที่ยวยูโทเปียกันไอ้น้อง” ผมยิ้มหน้าบานลืมตัว ฉิบหายละ ก็บอกตัวเองอยู่ว่าเดี๋ยวเรื่องใหญ่ๆ เฮ้อ ไอ้น้ำปิงเอ๊ย ผมบ่นพึมพำกับตัวเอง
“ไปกันเลยไหมๆ” ไมเคิลเด้งขึ้นจากที่นอนอยู่ กลับมามีแรงอีกครั้งและมายืนรวมกลุ่มกับพรรคพวก
นี่ถ้าเราได้เป็นผู้จัดการพวกน้องๆ จะรักเราแบบพวกนี้ไหมเนี่ย ผมลืมเรื่องกุญแจดอกสุดท้ายไปสนิทเลยแต่คิดว่าทุกวันนี้สนุกสนานกันแบบนี้ไม่ต้องรีบหรอกเดี๋ยวก็คงเจอเองแหละ แบบดอกที่ผ่านๆ มาไง
“ปะ เดินทางกันเลย” แล้วผมก็มีลูกน้องเดินตามสี่ตัวเรียงแถวกันเหมือนลูกเป็ดออกจากวัดไป เราเดินผ่านแม่น้ำที่เล่นกับแสงแดดระยิบระยับ เงาจากใบไม้ทอดลงมาบนพื้นถนนสีเทา ถนนอบอุ่นหนทางข้างหน้าดูสงบสุขสวยงามเช่นเคย
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 8 : ข้าวแมวต้องบี้ให้ละเอียด (1)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 7 : ไม้เสียบไก่สีชมพู (2)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 7 : ไม้เสียบไก่สีชมพู (1)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 6 : ตัวแสบและผองเพื่อน
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 5 : ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ (2)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 5 : ใต้ร่มกาสาวพัสตร์ (1)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 4 : สมาคมหมาแมว (2)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 4 : สมาคมหมาแมว (1)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 3 : อะไรที่พยายามไขว่คว้า (2)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 3 : อะไรที่พยายามไขว่คว้า (1)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 2 : ฝันประหลาด (2)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 2 : ฝันประหลาด (1)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 1 : ภาพที่งดงามไม่มีวันลืม (2)
- READ ถนนสายนี้มีแมวเหมียว บทที่ 1 : ภาพที่งดงามไม่มีวันลืม (1)