แนะนำให้อ่าน “เคหาสน์ดาว”

แนะนำให้อ่าน “เคหาสน์ดาว”

โดย :

Loading

นอกเหนือจากนวนิยายและบทความที่ผ่านการเลือกสรรและผ่านกระบวนการบรรณาธิการพิจารณาเป็นอย่างดี ทีมงานอ่านเอายังริเริ่มโปรเจ็กต์ “Anowl Showcase” พื้นที่ใหม่สำหรับคนชอบเขียนขึ้น เพื่อเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ที่จะให้เว็บ www.anowl.co ของพวกเราเป็นชุมชนสำหรับคนรักการอ่านและการเขียนทุกคน

*************************

เมื่อสิบกว่าปีมาแล้วได้หนังสือเล่มนี้ ‘เคหาสน์ดาว’ โดย คุณวาณิช จรุงกิจอนันต์ มาจากกองหนังสือลดราคา เลือกหยิบขึ้นมาพลิกอ่านและตัดสินใจซื้อกลับบ้านเพราะแค่เห็นชื่อเรื่องก็คิดถึงละครเรื่องโปรด เคหาสน์ดาว เวอร์ชั่นพี่แท่ง (ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) พี่นุส (นุสบา วานิชอังกูร (นามสกุลเดิมตอนเล่นละครเรื่องนี้) ย้อนไปไกลมากกก… ขออภัยถ้ามีน้องคนไหนยังไม่เกิด ละครน่ารักมาก เป็นแนวรอมคอมใสๆ ความจริงจะไม่อยากอ่านหนังสือที่เคยดูละครมาก่อนเพราะเนื้อเรื่องถูกสปอยล์จนหมด เรื่องราวเป็นยังไง ลงเอยแบบไหน รู้ทุกอย่างแล้ว แต่ด้วยความที่ก่อนหน้านี้ไม่นานได้อ่านนิยายเรื่อง ปราสาทมืด ซึ่งเป็นการอ่านนิยายหลังดูละคร ปรากฏว่าประทับใจหนังสือมากกว่าละครเสียอีกถึงแม้จะรู้เนื้อเรื่องหมดแล้วก็ตามก็ยังซาบซึ้ง ประทับใจกับเรื่องราว กับอะไรหลายๆ อย่างที่อยู่ในเรื่องนั้น นี่สินะที่เรียกว่าวรรณศิลป์

ประทับใจ

ประทับใจเรื่องนี้ที่สุดตรงไหน? ประทับใจตั้งแต่ชื่อเรื่อง ‘เคหาสน์ดาว’ ตั้งชื่อได้น่ารักจัง คิดว่าคำที่ฟุ่มเฟือยที่สุดสำหรับการพูดถึงนิยายเรื่องนี้น่าจะเป็นคำว่า ‘น่ารัก’ นี่แหละ นอกจากชื่อเรื่องยังประทับใจตรงที่ผู้เขียนได้ถ่ายทอดเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวที่สุดแสนจะธรรมดาคู่หนึ่ง ความรักที่เรียบเรื่อย ไม่มีอะไรหวือหวา ไม่ได้รักกันปานจะกลืน ไม่มีอุปสรรคยากเย็นแสนเข็ญให้ฟันฝ่า ไม่มีเรื่องราวดราม่าน้ำตาท่วมจอ ไม่มีพระเอกหล่อ รวย เท่ๆ แมนๆ นางเอกก็ไม่ใช่ผู้หญิงที่สวยสุดในสามโลก ใครเห็นเป็นต้องตะลึง ไม่มีอะไรแบบนั้นเลย แต่ผู้เขียนได้ถ่ายทอดออกมาได้น่ารัก ละมุน อบอุ่น พอให้ยิ้มๆ ไปได้ทั้งเรื่อง

ความยาวของเรื่อง / ความหนาของเล่ม

เรื่องนี้เล่มเล็กนิดเดียว อ่านแป๊บเดียวจบ เป็นนวนิยายขนาดสั้น เฉพาะเนื้อหามีทั้งหมด 227 หน้า ในขนาดเล่มพ็อกเกตบุ๊ก คือจะเล็กกว่าเล่มนิยายปกติ

เรื่องราวเกี่ยวกับ

‘เคหาสน์ดาว’ เป็นเรื่องราวความรักของ ‘คุณเขียว’ สถาปนิกหนุ่มธรรมดาๆ คนหนึ่ง กับ ‘คุณจ๋อม’ อาจารย์มหาวิทยาลัยสาวสวยที่ ‘ทวนธน’ เพื่อนของเขาแนะนำให้เขามาเขียนแบบบ้านให้คุณจ๋อมที่กำลังจะสร้างบ้านหลังเล็กๆ อยู่กับแม่และน้องสาวพิการ

ตัวละคร

‘คุณเขียว’ แม้ว่าจะมีอาชีพเป็นสถาปนิกที่ปกติแล้วในนิยายหรือละครเรื่องอื่นอาจใส่ภาพสถาปนิกให้เท่กว่านี้ อาจจะมีบุคคลิกติสต์ๆ ออกแบบบ้าน รีสอร์ตหรือโรงแรมชิคๆเก๋ๆ หรือไม่ก็เป็นสถาปนิกผู้ออกแบบโครงการร้อยล้านพันล้านอะไรทำนองนั้น แต่เรื่องนี้ไม่ใช่เลย ‘คุณเขียว’ พระเอกของเรา เป็นสถาปนิกของมหาวิทยาลัยเมื่อ 30 กว่าปีที่แล้ว เป็นข้าราชการเงินเดือนน้อยนิด ไม่มีรถเป็นของตัวเอง นั่งรถเมล์ไปส่งนางเอกที่บ้าน เป็นมนุษย์เดินดินกินข้าวแกง แถมบุคลิกก็ไม่ได้ห้าวหาญ ไม่มีวีรกรรมเท่ๆ อะไรสักอย่างเดียว ใช้ชีวิตเรื่อยๆ เฉื่อยๆ จัดเป็นผู้ชายเกรดซีก็ได้ แต่ในความผู้ชายเกรดซีของพระเอก ผู้เขียนได้ค่อยๆ ให้คนอ่านได้รู้จัก ‘คุณเขียว’ ไปทีละนิด ค่อยๆ เผยให้เห็นมุมน่ารัก จะเห็นว่าแม้ไม่รวยเงินทอง แต่รวยเพื่อนเพราะเป็นคนมีน้ำใจ ใจเย็น ใจคอกว้างขวาง เห็นอกเห็นใจผู้อื่น ช่วยอะไรใครได้ก็ช่วย แม้จะต้องเสียเงิน เสียเวลา เสียแรงกายหรือขาดทุนบ้าง ก็ถือเอาความสบายใจเป็นที่ตั้ง

‘คุณจ๋อม’ อาจารย์มหาวิทยาลัยสาวสวย ไม่รวย แต่โพรไฟล์ดูดีกว่าพระเอก จบปริญญาโทจากเมืองนอก ขยัน มุ่งมั่น ตรงนี้เองที่ทำให้ ‘คุณเขียว’ ทึ่ง แอบชื่นชม คุณเขียวเป็นสถาปนิกทำงานมาหลายปียังไม่มีโอกาสได้เขียนแบบบ้านของตัวเองเลย ‘คุณจ๋อม’ มีความพอดีทั้งในการแต่งกาย ไม่เปรี้ยวไม่หวานเกินไป พอดีในกิริยามารยาท มั่นใจแต่ไม่หยิ่งผยอง ขี้เกรงใจ รู้จักตัวเองดีว่าเป็นคนแบบไหน ต้องการอะไรในชีวิต เป็นตัวของตัวเอง ในสายตาของคุณเขียว ‘คุณจ๋อม’ สวยมีเสน่ห์ในแบบของตัวเอง…ที่เห็นว่าเธอเป็นผู้หญิงที่สวยดีในครั้งแรกนั้นเห็นจะต้องเปลี่ยนใหม่ว่าเธอเป็นคนสวยมากๆ ทีเดียว โดยเฉพาะเวลาที่เธอยิ้มเยอะๆ อย่างนี้……

‘แสนเสน่ห์’ เรื่องนี้สมกับเป็นนิยายแนวรอมคอมฟีลกู้ด คือไม่มีนางร้ายหรือนางอิจฉาตามขนบ มีแค่ตัวละครที่เป็นอุปสรรคความรักเล็กๆ น้อยๆ ของพระนาง อย่าง ‘แสนเสน่ห์’ แสนเสน่ห์เป็นคนรักของพระเอก เป็นตัวละครที่น่ารักอีกตัวหนึ่งมีเสน่ห์สมชื่อ ร่าเริง คุยสนุก สบายๆ มั่นใจในตนเอง ไม่มีนิสัยแย่ๆอย่างนางร้าย ไม่คิดร้ายหรือพูดจาไม่ดี ข้อเสียเห็นจะมีอย่างเดียวคือรักอิสระเกินไปเท่านั้นเอง จำได้ว่าในละคร คุณหมู พิมพ์ผกา (ใช่ค่ะ แม่น้องนายสุดหล่อนั่นเอง) เล่นเรื่องนี้ได้น่ารักมาก ทั้งสวย หุ่นดี เสียงก็น่ารักมากด้วย ละครเวอร์ชันนั้นแคสต์ดีมาก เหมือนทุกตัวหลุดออกมาจากหนังสือเลยทีเดียว

‘ทวนธน’ น่าจะเป็นตัวละครที่เด่นอีกตัวหนึ่ง ทวนธนทำหน้าที่สำคัญในเรื่องคือเป็นกามเทพที่ทำให้พระเอกนางเอกมาเจอกัน และยังเป็นผู้ช่วยพระเอกช่วยชี้ทางสว่างให้พระเอกของเราหายซื่อบื้ออีกด้วย ทวนธนเป็นนักธุรกิจ รวย เป็นคนโผงผาง ตรงไปตรงมา บางทีก็ขวานผ่าซากแต่กวนน้อยกว่าพระเอก จริงใจ หวังดีกับทั้งพระเอกและคุณจ๋อมที่เป็นเพื่อนของภรรยา

การเล่าเรื่อง

ผู้แต่งเล่าเรื่องผ่าน ‘ผม’ ซึ่งหมายถึงคุณเขียว เล่าด้วยภาษาง่ายๆ ด้วยสำนวนการพูดของคุณเขียว ทำให้คนอ่านคุ้นเคยกับคุณเขียวมากขึ้นเรื่อยๆ ใช้ภาษาซื่อๆ ตรงๆ จริงใจกับความรู้สึกของตัวเอง บางที ‘ผม’ คนเล่าก็ยังมีความสับสนในอารมณ์ ในความคิด ในความรู้สึกของตนเอง อ่านแล้วได้อารมณ์เหมือนเรากำลังนั่งฟังเพื่อนเล่าเรื่องของเขาให้ฟัง

ประโยค / ข้อความประทับใจ

ประทับใจบทสนทนาสั้นๆ ระหว่างพี่เขียวกับแสนเสน่ห์ ที่ผู้เขียนเลี่ยงการเขียนบรรยายไปตรงๆ ว่าพระเอกเริ่มตกหลุมรักนางเอกตอนไหน ผู้เขียนกลับเลือกให้แสนเสน่ห์เป็นคนบอกทั้งพระเอกและคนอ่านแทน

“พี่เขียวชอบคุณจ๋อมคนนั้นใช่ไหม”

“ฮื่อ…” ผมสะดุ้ง “แสนรู้ได้ยังไง”

“แหม ถึงกะตกกะใจเชียวหรือ แสนรู้น่า เห็นพี่เขียวเดินไปส่งเขาแค่นั้นแสนก็รู้แล้ว พี่เขียวไม่เคยทำท่าอย่างนั้นกับแสนเลย” ถึงตอนนี้ผมหัวเราะก๊าก “พี่ทำยังไง ไหนลองบอกมาซิ” “ก็ทำท่าเขินๆ แล้วก็ไม่มองอะไรอื่นเลยนอกจากคอยตั้งใจฟังคุณจ๋อมนั่นพูด” แสนเสน่ห์พูดงอนๆ

และอีกฉากที่ประทับใจ คือฉากจบของเรื่อง ความจริงทั้งฉาก สถานที่ และสถานการณ์ก็แสนจะธรรมดาเหมือนเดิม ไม่ตื่นเต้น ไม่หวือหวา ไม่สวีทหวานหยด แต่ผู้เขียนยังคงรักษาจังหวะ รักษาโทนความธรรมดา  ความเรียบง่ายแต่กรุ่นด้วยความรัก ทำให้คนอ่านยิ้มๆ ตั้งแต่ต้นจนจบเรื่องได้ ฉากนี้ไม่อยากยกมาให้อ่าน เพราะถ้าสปอยล์ฉากนี้ก็จบกัน อาหารจะอร่อยหรือไม่อร่อย เราไม่อาจรับรู้ได้ด้วยการฟังเขาเล่ามา เราต้องชิมเองถึงจะรู้รส เพราะฉะนั้น อยากให้คนที่ยังไม่เคยอ่านต้องลองไปชิมด้วยตัวของคุณเอง

บทเรียนจากเรื่องนี้ / เรื่องนี้ให้อะไร

บางทีความรักก็ไม่ใช่เรื่องลำบาก ความรักคือการได้เป็นตัวของตัวเอง ไม่ประดิษฐ์ ความรักคือความสบายใจ และความรักคือการยอมรับในกันและกัน

 

– มาลี –

 

Don`t copy text!