
ลางกระดิ่งลม
โดย :
นอกเหนือจากนวนิยายและบทความที่ผ่านการเลือกสรรและผ่านกระบวนการบรรณาธิการพิจารณาเป็นอย่างดี ทีมงานอ่านเอายังริเริ่มโปรเจ็กต์ “Anowl Showcase” พื้นที่ใหม่สำหรับคนชอบเขียนขึ้น เพื่อเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ที่จะให้เว็บ www.anowl.co ของพวกเราเป็นชุมชนสำหรับคนรักการอ่านและการเขียนทุกคน
*************************
เสียงนั้น… มันดังขึ้นอีกแล้ว!
ฉันสะดุ้งตื่นจากนิทราก่อนหันซ้ายแลขวาด้วยความตื่นตระหนก เสียงคุ้นหูยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับเสียงฝนและลมพายุที่พัดกระหน่ำจากด้านนอกหน้าต่าง แสงฟ้าแลบส่งผลให้เงาของต้นไม้ปรากฏขึ้นในสภาพหงิกงอ ดูคล้ายกับมือของผีร้ายที่กำลังเรียกฉันให้เข้าไปหา
ทว่า หากมองดูดีๆ ก็จะพบว่ามันคล้ายกับมือของพี่มินนี่ ที่กำลังกรีดร้องขอความช่วยเหลือเช่นเดียวกัน!
…น้ำตาพลันไหลอาบใบหน้าอย่างไม่อาจควบคุม ฉันเริ่มสะอื้นไห้พร้อมกรีดร้องลั่นราวกับคนเสียสติ ภาพเหตุการณ์ในวันนั้นย้อนกลับเข้ามาในห้วงความคิด… แจ่มชัดขึ้นในมโนภาพราวกับกำลังตอกย้ำให้ฉันรู้สึกผิด ทั้งที่ตอนนี้ ความรู้สึกผิดก็เอ่อล้นจิตใจจนยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด!
…เพราะกระดิ่งลมพวงนั้น… กระดิ่งลมที่พรากชีวิตพี่สาวของฉันไป! ไม่สิ… พูดให้ถูกคือกระดิ่งลมของฉัน… ฉันคือสาเหตุที่ทำให้พี่มินนี่ต้องตาย!
ภาพเหตุการณ์เมื่อหกวันก่อนยังคงแจ่มชัดอยู่ในมโนภาพ… ฉันขอร้องให้พี่มินนี่ช่วยแขวนกระดิ่งลมที่ซื้อมาใหม่ให้ มันประกอบไปด้วยกระดิ่งใบเล็กใบน้อยสีเขียวอ่อนเจ็ดใบ ยามที่ลมพัด โลหะด้านในจะกระทบกันโดยไล่ตั้งแต่บนลงล่าง… เกิดเป็นเสียงแหลมเล็กไล่ตั้งแต่เสียงต่ำไปเสียงสูง ฟังแล้วรื่นหูเสียจนฉันอดควักเงินในกระปุกซื้อมาถึงสองพวงไม่ได้
ฉันเป็นนักเรียนชั้นมัธยมปลาย ขณะที่พี่มินนี่เพิ่งเข้าเรียนมหาวิทยาลัย เราทั้งคู่ชอบกระดิ่งลม หรือจะเรียกว่า ‘คลั่งไคล้’ เลยก็คงไม่ผิดนัก นั่นคือสาเหตุที่ทำให้รอบบ้านเต็มไปด้วยเสียง ‘กรุ๊งกริ๊ง’ สบายหูยามลมพัด กระดิ่งลมถูกแขวนไว้ตามที่ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นต้นไม้ ระเบียง หรือแม้แต่บนราวตากผ้า! พี่สาวของฉันยังเคยพูดติดตลกด้วยซ้ำว่าถ้าจะตายก็ขอให้ตายท่ามกลางเสียงกระดิ่งลม… ตายในสภาพที่ลอยอยู่กลางอากาศ รายล้อมด้วยกระดิ่งลมหลากสีสันและรูปแบบที่ส่งเสียงระงมไปพร้อมกัน
…ไม่นึกเลยว่ามันจะเกิดขึ้นจริงๆ เพราะทันทีที่พี่โน้มตัวออกไปเพื่อแขวนกระดิ่งไว้กับตะขอ มือที่ยึดขอบหน้าต่างไว้เกิดลื่น ส่งผลให้ร่างผอมบางเสียหลักและหงายหลังตกหน้าต่างไปอย่างรวดเร็ว! ฉันกรีดร้องลั่นพร้อมวิ่งเข้าไปหา หมายจะคว้ามือของอีกฝ่ายเอาไว้ ทว่าสายเกินไป…!
ภาพที่เห็นตอนไปถึงขอบหน้าต่าง… คือภาพใบหน้าตื่นตระหนกของพี่มินนี่ ร่างของอีกฝ่ายหมุนคว้างกลางอากาศ มือข้างหนึ่งยื่นขึ้นมาด้านบน หมายจะไขว่คว้ามือของฉันที่ยื่นเข้าไปหา ปลายนิ้วของเราห่างกันเพียงไม่กี่เซนติเมตร…
ฉันมาช้าไปเพียงเสี้ยววินาที… น้ำตาไหลอาบใบหน้าโดยที่ไม่รู้ตัว ความรู้สึกตอนนั้นคล้ายกับหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ รู้ตัวอีกที ก็พบว่าตนเองกำลังมองร่างของพี่สาวที่นอนแผ่หราอยู่บนพื้น รายล้อมด้วยเศษกระดิ่งลมที่แตกกระจายและคราบโลหิตที่สาดกระเซ็นไปทั่ว
โลกทั้งใบพลันดับวูบ… ฉันรู้ในตอนนั้นเองว่าความรู้สึกช็อกจนหัวใจแทบหยุดเต้นนั้นเป็นอย่างไร
หลังกลับมาจากให้การที่สถานีตำรวจ กระดิ่งลมอีกพวงที่เหลืออยู่ก็ถูกนำมาแขวนไว้นอกหน้าต่างห้อง… เป็นของต่างหน้าและเครื่องยึดเหนี่ยวจิตใจในเวลาเดียวกัน เสียงกระดิ่งเจ็ดใบพลิ้วไหวไปตามสายลม เกิดเป็นสำเนียงรื่นหูแต่ก็เศร้าโศกอยู่ในที
วันแรกผ่านไปอย่างเศร้าหมองและหดหู่ ศพของพี่มินนี่ถูกนำไปไว้ที่วัดเพื่อรอการฌาปนกิจ ฉันยืนมองโลงไม้ที่บรรจุร่างของพี่สาวด้วยดวงตาว่างเปล่า ตอนนั้นเอง เสียงคุ้นหูก็ดังแว่วมากับสายลม… มันคือเสียงกระดิ่งที่ดังกังวาน ก้องลึกและทุ้มต่ำ เพียงแค่ได้ยิน ก็รู้ทันทีว่ามันคือเสียงของกระดิ่งลมพวงนั้น
…กระดิ่งลมแบบเดียวกับที่พี่มินนี่ถือตอนตกลงไป
ไม่… ฉันบอกตนเองพลางส่ายหัว ในวัดแห่งนี้อาจมีกระดิ่งแบบเดียวกันอยู่ก็เป็นได้ ทั้งหมดเป็นเรื่องบังเอิญ… มันคือเรื่องบัง…
โครม!!
บังเกิดเสียงดังลั่นกัมปนาท เมื่อรถเก๋งคันหนึ่งพุ่งเฉียดร่างของฉัน ก่อนจะชนเข้ากับกำแพงอุโบสถอย่างแรงจนสิ่งก่อสร้างทั้งหลังสั่นสะเทือน เศษหินและเศษกระเบื้องกระจัดกระจายไปทั่ว พร้อมกับร่างของฉันที่ล้มลงไปกองกับพื้น
…ที่ล้มนั้นเป็นเพียงอาการช็อก ฉันปลอดภัยดี ไม่มีแม้แต่รอยขีดข่วน ทุกคนล้วนบอกว่าเพราะโชคช่วย แต่ฉันกลับรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจาก ‘พลังลึกลับ’ ที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าต่างหาก!
เรื่องไม่คาดฝันเกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อตอนที่ฉันเดินกลับจากโรงเรียนในวันที่สองหลังจากพี่มินนี่ตาย เสียงกระดิ่งดังขึ้นอย่างเป็นปริศนา… มันยังคงทุ้มต่ำ หากแต่แหลมสูงขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อยจนฉันสังเกตได้
…สิ้นเสียงลึกลับเพียงสามวินาที ค้อนเหล็กขนาดใหญ่ก็ตกลงมาแทบเท้า พร้อมเสียงร้องโวยวายของคนงานก่อสร้างที่ทำอุปกรณ์หล่นลงมาจากนั่งร้าน… หากฉันก้าวต่อไปเพียงก้าวเดียว คงได้ไปอยู่กับพี่สาวที่ล่วงลับไปแล้วเป็นแน่
…เสียงกระดิ่งดังขึ้นอีกครั้งในวันที่สาม ครั้งนี้ฉันกำลังนั่งอยู่ในโรงอาหารของโรงเรียน เสียงที่แหลมสูงกว่าเมื่อวานเล็กน้อยดังขึ้นที่ข้างหู เป็นจังหวะเดียวกับที่พัดลมเพดานหล่นลงมาใส่โต๊ะ… เฉียดร่างของฉันเพียงนิดเดียวเท่านั้น!
มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญ!…ทุกครั้งที่ได้ยินเสียงกระดิ่ง จะต้องมีเหตุร้ายถึงชีวิตตามมาเสมอ แม้แต่ในวันที่สี่ ห้าและหก เสียงลึกลับก็ยังคงดังขึ้น พร้อมอุบัติเหตุร้ายแรงที่ทำให้ฉันบาดเจ็บบ้าง ไม่บาดเจ็บบ้าง สิ่งเดียวที่สรุปได้… คือเสียงดังกล่าวเป็นคำเตือนจากพี่มินนี่
หากตำนานหรือเรื่องเล่าต่างๆ เป็นเรื่องจริง วิญญาณอาจสามารถล่วงรู้อนาคตและมาเตือนคนรักซึ่งยังมีชีวิตอยู่ พี่มินนี่เป็นคนชอบกระดิ่งลม… วิธีเตือนอาจจะแปลกสักหน่อยแต่ก็ทำให้ฉันรอดมาได้ทุกครั้ง ความคิดดังกล่าว ทำให้หัวใจพองโตอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน… พี่ยังคงอยู่รอบๆ ฉัน ยังคงเฝ้าดูแลเหมือนที่เคยทำเป็นประจำ เพียงแค่คิดถึงใบหน้าของอีกฝ่าย… ความรู้สึกอบอุ่นก็แผ่ซ่านไปทั่วร่างราวกับพี่สาวได้เข้ามาโอบกอด น้ำตาไหลคลอเบ้าด้วยความตื้นตันใจ
…อีกสิ่งหนึ่งที่ฉันสังเกตคือเสียงเตือนจากกระดิ่งลมที่ไล่มาเรื่อยๆ ตั้งแต่บนลงล่าง ด้วยความที่กระดิ่งลมพวงนั้นประกอบด้วยกระดิ่งขนาดเล็กที่ให้เสียงแตกต่างกันถึงเจ็ดเสียง กระดิ่งบนสุดให้เสียงทุ้มต่ำ นั่นคือเสียงเตือนครั้งที่หนึ่งซึ่งฉันได้ยินจากหน้าอุโบสถ ถัดลงมาคือกระดิ่งเสียงทุ้ม แต่ก็แหลมสูงกว่าใบแรก นั่นคือเสียงที่ฉันได้ยินตอนเดินอยู่บนทางเท้า และต่อมาคือกระดิ่งที่มีเสียงแหลมสูงกว่าสองใบแรก… แน่นอนว่าเป็นเสียงที่ได้ยินตอนนั่งอยู่ในโรงอาหาร เป็นเช่นนี้ไปเรื่อยๆ จนเวลาล่วงเลยมาถึงวันที่เจ็ด
ฉันไม่ได้รู้สึกเศร้าโศกอย่างที่ควรจะเป็น หลังจากรู้ว่าพี่สาวยังคงวนเวียนอยู่รอบๆ แม้แต่ในคืนนี้ ฉันก็ยังหลับลงพร้อมรอยยิ้มเมื่อรู้สึกถึงไออุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากบรรยากาศในห้อง พี่มินนี่คงกำลังยืนมองฉันจากที่ไหนสักแห่ง… สีหน้าของพี่จะเป็นอย่างไรนะ? มันคงเป็นสีหน้าอ่อนโยนและใจดีเหมือนที่ปรากฏให้เห็นทุกครั้งเมื่อตอนที่พี่ยังมีชีวิตอยู่เป็นแน่
เสียงกระดิ่งลมพวงอื่นๆ ด้านนอกกระทบกันดังกรุ๊งกริ๊ง มีเพียงพวงนั้นที่ยังคงนิ่งสนิท ไม่ขยับแม้จะมีลมกระโชก มันคงจะขยับก็ต่อเมื่อกำลังจะเกิดเหตุร้ายขึ้น และตอนนี้… ก็เหลือเพียงกระดิ่งใบสุดท้ายที่ยังไม่เคยส่งเสียงเตือน… กระดิ่งใบที่เจ็ด
ฉันหลับตาลงโดยไม่รู้เลยว่ากระดิ่งใบนั้นจะเปลี่ยนชีวิตของฉันไปตลอดกาล
กรุ๊ง… กริ๊ง…
เสียงนั้น… มันดังขึ้นอีกแล้ว!
ฉันสะดุ้งตื่นจากนิทราก่อนหันซ้ายแลขวาด้วยความตื่นตระหนก เสียงคุ้นหูยังคงดังอย่างต่อเนื่อง ควบคู่ไปกับเสียงฝนและลมพายุที่พัดกระหน่ำจากด้านนอกหน้าต่าง แสงฟ้าแลบส่งผลให้เงาของต้นไม้ปรากฏขึ้นในสภาพหงิกงอ ดูคล้ายกับมือของผีร้ายที่กำลังเรียกฉันให้เข้าไปหา
…สัญชาตญาณรับรู้ทันทีว่ากำลังจะมีเหตุร้ายเกิดขึ้น! เพราะแม้เสียงเมื่อครู่จะเป็นเสียงของกระดิ่งลมทั่วไป หากฟังดูดีๆ จะพบว่ามันแหลมสูงและเป็นเอกลักษณ์
…เสียงของกระดิ่งใบที่เจ็ด!
ทันทีที่ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นมาในหัว ฉันก็รีบยกผ้าห่มขึ้นคลุมโปงพร้อมหลับตาแน่น ขณะที่ใจยังนึกสงสัยว่าในห้องนอนที่ปลอดภัยเช่นนี้จะเกิดอะไรขึ้นได้ นอกหน้าต่าง… กระดิ่งลมนับสิบส่งเสียงร้องระงมตามแรงลมที่พัดมาปะทะ ฉันหลับตา ขณะเงี่ยหูฟังว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไป แต่ไม่ว่าจะพยายามเท่าไหร่ เสียงฟ้าร้องและเสียงของกระดิ่งลมพวงอื่นๆ ก็ดังระงมจนแทบไม่ได้ยินเสียงภายในห้อง ฉันเห็นดังนั้นจึงสูดหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะกระชากผ้าห่มออกเพื่อดูให้เห็นด้วยตาตนเอง…
…ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้น ข้าวของทุกอย่างยังคงอยู่ในที่ที่มันควรอยู่ ไม่มีวี่แววของอันตรายที่ควรจะเกิดขึ้นเลยแม้แต่น้อย
วูบ…
สายลมเย็นเฉียบพัดผ่านหลังคอของฉัน ส่งผลให้ขนทั่วร่างลุกชันอย่างไม่ทันตั้งตัว ความรู้สึกเมื่อครู่คล้ายกับมี ‘ใครบางคน’ เดินผ่านด้านหลังไปอย่างรวดเร็ว ครั้นหันกลับไปมอง กลับพบเพียงความว่างเปล่า แสงสลัวจากหลอดไฟด้านนอกส่องเข้ามาพอให้มองเห็น… นั่นแปลว่าผู้บุกรุกไม่ได้ใช้ความมืดในการอำพรางตัว แต่กลับ ‘หายตัว’ ไปกับธาตุอากาศเลยต่างหาก!
ทันทีที่ความคิดดังกล่าวผุดขึ้นมาในหัว รอยยิ้มก็พลันปรากฏขึ้นบนใบหน้าโดยอัตโนมัติ ความหวาดกลัวมลายหายไปสิ้น เมื่อรับรู้ได้ถึงไออุ่นที่แผ่ซ่านออกมาจากด้านหลัง… มันคือไออุ่นที่วนเวียนอยู่รอบตัวฉันมาเป็นเวลาถึงเจ็ดวันแล้ว!
“พี่มินนี่!” ฉันตะโกนด้วยความดีใจก่อนจะหันกลับไปมอง… ประสานสายตาเข้ากับใบหน้าซีดเผือดของพี่สาว หัวใจพลันเต้นแรงอย่างไม่อาจควบคุม… ไม่ใช่เพราะความกลัว แต่เป็นเพราะความดีใจที่ได้พบหน้าพี่มินนี่อีกครั้ง ใบหน้าของอีกฝ่ายซีดเซียว ถึงกระนั้นก็ยังคงนุ่มนวลและแฝงไว้ด้วยรอยยิ้มอันเป็นมิตร ดวงตากลมโตสะท้อนกับแสงไฟเกิดเป็นประกายระยับ มันช่างสดใส และทำให้หัวใจของฉันอบอุ่น
“มิ้นท์…”
น้ำเสียงราบเรียบดังออกมาจากปาก อีกฝ่ายยังพูดไม่ทันจบ ฉันก็วิ่งเข้าไปกอดพี่สาวแน่นด้วยความคิดถึง น่าแปลก… แม้จะเป็นวิญญาณ แต่ฉันกลับสัมผัสร่างกายของอีกฝ่ายได้ พี่มินนี่ยังคงมีเนื้อหนัง… มีความอบอุ่นดังเช่นมนุษย์ปกติ ไม่ได้โปร่งใสจนสามารถมองทะลุเหมือนวิญญาณในภาพยนตร์เลยแม้แต่น้อย
“พี่มินนี่… หนูคิดถึงพี่จัง พี่มินนี่… พี่มินนี่…”
ฉันซบหน้าเข้ากับอ้อมแขนของพี่สาวพร้อมร้องไห้ราวกับเด็กไม่รู้จักโต ตอนนั้นเอง มือของพี่ก็ยื่นออกมาข้างหน้าช้าๆ แว่วเสียงกระดิ่งลมพวงนั้นมาจากที่ใดที่หนึ่งใกล้ๆ ครั้นเงยหน้าขึ้นมอง ก็พบว่าต้นกำเนิดมาจากมือของอีกฝ่าย… กระดิ่งลมที่พี่มินนี่ถือตอนตกลงไป บัดนี้กำลังสั่นไหวไปมาอยู่ในมือของเจ้าตัว กระดิ่งใบย่อยทั้งเจ็ดส่งเสียงกระทบกันดัง ‘กรุ๊งกริ๊ง’…ไล่ตั้งแต่เสียงต่ำมาเสียงสูง
น่าแปลก… แม้มันเป็นเสียงที่ฉันนึกหลงใหลมาตลอด ทว่าครั้งนี้ กลับรู้สึกหวาดระแวงในกระดิ่งพวงนั้นขึ้นมาอย่างไม่มีเหตุผล
“กระดิ่งลมพวงนี้… มิ้นท์คิดว่ามันช่วยชีวิตมิ้นท์มาตลอดเลยใช่มั้ย?”
เสียงของพี่มินนี่ดังขึ้นที่ข้างหู ตอนนั้นเอง ฉันก็รู้สึกถึงพลังลึกลับที่ฉุดร่างของตนเองให้ถอยห่างจากอ้อมกอดของพี่สาว อีกฝ่ายมองมาที่ฉันด้วยแววตาเฉยชา ไร้ซึ่งความอาลัยอาวรณ์อย่างที่ควรจะเป็น
“มิ้นท์คิดผิด… พี่เองก็คิดผิด…” พี่สาวของฉันพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ ไม่ได้สั่นเครือด้วยความเสียใจ… หากแต่เป็นความรู้สึกโกรธเกรี้ยวในบางสิ่ง อีกฝ่ายจ้องเขม็งมาที่ฉัน ดวงตาเรียบเฉยแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวอย่างฉับพลัน
“พี่คิดผิด… คิดผิดที่ไว้ใจมิ้นท์มาโดยตลอด…”
น้ำเสียงตัดพ้อปนโกรธเกรี้ยวดังออกมาจากปากขาวซีด วินาทีนั้นเอง ภาพเหตุการณ์ตอนที่อีกฝ่ายเสียชีวิตก็ผุดขึ้นมาในหัวอีกครั้ง… ภาพเหตุการณ์ที่ฉันพยายามลืมเลือนมาเป็นเวลาถึงเจ็ดวัน!
…เจ็ดวันที่ฉันเฝ้าหลอกตัวเองว่าพี่มินนี่ตายเพราะอุบัติเหตุ ทั้งที่จริงๆ แล้วไม่ใช่! การตายของอีกฝ่ายไม่ใช่อุบัติเหตุ… มันไม่มีทางเป็นเช่นนั้น…!
…เพราะฉันนี่แหละคือคนที่ปล่อยให้พี่สาวตกลงไป!
“ไม่… ไม่…!!” ฉันกรีดร้องลั่นพร้อมโขกศีรษะของตนเองเข้ากับผนัง หวังให้รู้สึกเจ็บปวดจนลืมเลือนเหตุการณ์ทั้งหมด แต่ดูเหมือนพี่มินนี่จะไม่ยอม อีกฝ่ายย่างสามขุมเข้ามาหาพร้อมกระซิบด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว
“มิ้นท์ปล่อยให้พี่ตาย… จำได้มั้ย?! มิ้นท์จำได้รึยัง?!!”
“กรี๊ดดดดดดดด!!!!!!!!”
ฉันหวีดร้องลั่นพร้อมทรุดลงไปกองกับพื้น ไม่น่าเลย… ไม่น่าเป็นแบบนี้เลย! เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบ ทำให้ฉันทำในสิ่งที่แม้แต่ตนเองก็ไม่คาดคิด ทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะความรักลูกไม่เท่ากันของแม่!… มันเกิดขึ้นเพราะความลำเอียงและความโชคดีของพี่มินนี่!
นับตั้งแต่ฉันจำความได้…พี่มินนี่ที่ทั้งเรียนเก่ง ฉลาด สวยและนิสัยดี คือผู้ที่ครอบครองตำแหน่ง ‘ลูก’ ของแม่แต่เพียงผู้เดียว ส่วนฉันน่ะหรือ?… นอกจากจะถูกจิกหัวใช้และด่าตวาดราวกับไม่ใช่ลูกแท้ๆ ยังโดนดูถูกจากบรรดาญาติๆ ว่าเป็น ‘เสนียด’ ของครอบครัว!… นี่ไม่ใช่คำพูดที่เกินจริง ฉันรู้สึกได้จากสายตาเหยียดหยามของลุงป้าน้าอาทุกคน! ไม่มีใครสำเหนียกเลยแม้แต่น้อยว่าเด็กผู้หญิงที่ทั้งโง่ ทึ่ม และหน้าตาขี้เหร่คนนี้ก็มีจิตใจ… มีจิตใจไม่ต่างจากผู้เป็นพี่สาว
พี่มินนี่ทำอะไรก็ถูกไปหมด ในขณะที่ฉัน… แม้แต่ทำน้ำหกนิดเดียวก็ถูกแม่ดุด่าราวกับสิ่งที่ทำไปเป็นความผิดมหันต์! ไม่ยุติธรรม… ไม่ยุติธรรมเลยจริงๆ!!
สิ่งเดียวที่ทำให้ฉันยังรักพี่สาวคนนี้คือความดีและมีน้ำใจของอีกฝ่าย… พี่ไม่เคยรังเกียจฉัน ตรงกันข้าม เธอกลับรักและมอบความอบอุ่นให้ฉันเสมอมา
…แต่ฉันกลับหักหาญความรักและความไว้ใจของพี่ได้ลงคอ!
ในวินาทีที่อีกฝ่ายหงายหลังตกลงจากขอบหน้าต่าง ฉันสามารถคว้ามือของพี่มินนี่ไว้ได้อย่างทันท่วงที แต่ขณะที่กำลังจะออกแรงดึง ภาพใบหน้าดูถูกเหยียดหยามของแม่และญาติผู้ใหญ่กลับผุดขึ้นมาในจิตใต้สำนึก อยากรู้ยิ่งนักว่าหากลูกรักคนนี้ตายไป… แม่ของฉันจะมีสีหน้าอย่างไร! คงจะช็อกจนหัวใจวาย… หรืออาจร้องไห้ฟูมฟายราวกับคนเสียสติ ไม่ว่าจะเป็นแบบไหน สิ่งที่ฉันปรารถนาจะได้เห็นมาตลอดคือใบหน้าของแม่ที่ตกอยู่ในความทุกข์ระทม!… เพียงแค่คิดก็รู้สึกสะใจจนยากจะบรรยายออกมาเป็นคำพูด!
ใช่… มันเป็นเพียงความคิดชั่ววูบ แต่ก็สามารถบังคับมือให้คลายออกได้อย่างง่ายดาย ชั่ววินาทีนั้น ความรู้สึกนึกคิดของฉันก็กลับคืนมาอีกครั้ง… กลับมาตอนที่ทุกอย่างสายเกินแก้เสียแล้ว!
ภาพที่เห็นในตอนนั้น คือภาพใบหน้าตื่นตระหนกของพี่มินนี่ มันเป็นใบหน้าที่แฝงไว้ด้วยความไม่เข้าใจ… ไม่เข้าใจว่าทำไมน้องสาวที่ตนรักถึงทำเช่นนี้ได้ลงคอ!
…น้ำตาไหลคลอเบ้าโดยที่ไม่รู้ตัว ความรู้สึกของฉันคล้ายกับหัวใจหยุดเต้นไปชั่วขณะ รู้ตัวอีกที ก็พบว่าตนเองกำลังมองร่างของพี่สาวที่นอนแผ่หราอยู่บนพื้น รายล้อมด้วยเศษกระดิ่งลมที่แตกกระจายและคราบโลหิตที่สาดกระเซ็นไปทั่ว
โลกทั้งใบพลันดับวูบ… ฉันรู้ในตอนนั้นเองว่าความรู้สึกช็อกจนหัวใจแทบหยุดเต้นนั้นเป็นอย่างไร
…ช็อกที่เห็นพี่สาวตาย… และช็อกที่ตนเองเป็นคนฆ่าอีกฝ่ายเองกับมือ!!
เสียงสายฝนและเสียงกระดิ่งลมเรียกสติของฉันให้กลับคืนมาอีกครั้ง ใบหน้าซีดเซียวของพี่มินนี่ปรากฏขึ้น พร้อมกับเสียงกระซิบอันเย็นยะเยือก
“มิ้นท์พยายามปฏิเสธมาตลอดว่าตัวเองไม่ได้ทำ… มิ้นท์หลอกตัวเองมาตลอด…”
“ไม่จริง! หนูไม่ได้ทำ!… หนูไม่ได้ฆ่าพี่มินนี่ หนูไม่ได้ทำ!!” ฉันกรีดร้องฟูมฟายราวกับคนเสียสติ แต่อีกฝ่ายกลับไม่มีทีท่าจะสนใจ ตรงกันข้าม พี่สาวของฉันกลับโน้มตัวมากระซิบข้างหู
“มิ้นท์ควรจะตายตั้งหลายครั้งแล้ว แต่ก็รอดชีวิตมาได้… มันเป็นแค่โชคช่วย มิ้นท์เข้าใจผิดที่ว่าเสียงกระดิ่งลมเป็นสัญญาณเตือน… มันไม่ใช่สัญญาณเตือน หากแต่เป็นเสียงสุดท้ายที่พี่ต้องการให้มิ้นต์ได้ยินก่อนตายต่างหาก!”
“ไม่… ไม่…”
“วันนี้เป็นวันที่เจ็ด… วันที่วิญญาณจะถูกดึงตัวกลับสู่ปรโลก… วันที่วิญญาณจะกลับมาหาคนรักเพื่อบอกลาเป็นครั้งสุดท้าย…” สิ้นน้ำเสียงเย็นยะเยือก ฉันก็รู้สึกถึงแรงลึกลับที่ถาโถมเข้าใส่ ร่างกายไม่สามารถขยับได้ แม้แต่เสียงร้องก็ยังเปล่งออกมาได้อย่างยากเย็น
“เสียงกระดิ่งใบที่เจ็ด… สื่อถึงอันตรายอย่างสุดท้ายที่มิ้นท์กำลังจะได้รับ” พี่มินนี่ผุดยิ้มเล็กๆ ขึ้นที่มุมปาก “…นั่นคือพี่…”
ฉันหวีดร้องลั่นขณะโลกทั้งใบหมุนคว้าง เสียงกระดิ่งลมนับสิบและเสียงพายุฝนทวีความรุนแรงมากขึ้นขณะที่ฉันลอยละลิ่วลงสู่พื้นปูนนอกหน้าต่างที่ไม่มีสิ่งใดรองรับ…
22.30 น.
แว่วเสียงกระแทกดังสนั่นออกมาจากด้านนอก เรียกสติของหญิงหม้ายวัยกลางคนที่เพิ่งสูญเสียลูกสาวให้ตื่นจากภวังค์ หล่อนเช็ดคราบน้ำตาออกจากใบหน้าก่อนเดินไปที่หน้าต่าง เพ่งสายตาผ่านม่านฝนเพื่อมองลงไปเบื้องล่าง ภาพที่เห็นทำให้หญิงวัยกลางคนอ้าปากค้าง… ตกตะลึงจนหัวใจแทบหยุดเต้น
…บนพื้นคอนกรีตที่เต็มไปด้วยแอ่งน้ำฝน ปรากฏร่างของเด็กหญิงคนหนึ่งนอนแผ่หราท่ามกลางเศษกระดิ่งลมนับสิบที่แตกกระจาย ครั้นสังเกตดูดีๆ ก็พบว่าอีกฝ่ายนอนอยู่ในท่าเดียวกับพี่สาวที่เสียชีวิตไปเมื่อหกวันก่อน
…ปากของผู้ตายอ้าค้าง แสดงถึงความตื่นตระหนกราวกับเพิ่งเห็นภาพที่น่ากลัวที่สุดในชีวิต
– พงศภัค –
- READ คนละระดับ
- READ รุ้งกินน้ำ
- READ บุรุษเสี่ยงธูป
- READ นกแสกแห่งปี ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
- READ บ้านฝั่งธน
- READ โลกสองใบของคนแปลกหน้า
- READ พร้าว
- READ อัสสุนีบาป
- READ ทองเผือกสีจุมออน
- READ ราวด์วอร์ด
- READ ชายร้อยคน
- READ เรือลำใหญ่ที่ไม่สิ้นฝัน
- READ ข้อความถึงความว่างเปล่า
- READ ม่านนาคราช
- READ เพื่อนแปลกหน้าห้อง 808
- READ ซี่กรงเหล็กดัดกับกล้องส่องทางไกล
- READ กอดรัก
- READ สูงเสียดฟ้าภูผาแห่งใจ
- READ ลิขิตรักข้ามภพ
- READ ไดอารี่พลิกล็อก
- READ ทำนองในความทรงจำ
- READ หลังไอรินจากไป
- READ คำมั่น ผูกพัน สัญญา
- READ นานกว่าเคย
- READ ในคืนที่ฉันไม่มีเธอ
- READ เสียงเรียกจากแดนไกล
- READ นักเวทย์คนต่อไป
- READ หน้ากากคน
- READ คนลืมกับคนจำ
- READ คนหัวกลับ
- READ เรือลำใหญ่ที่ไร้ฝั่งฝัน
- READ ภิกษุฆาต
- READ กามเทพ…ร้าย
- READ กลิ่นสาป
- READ ฟั่นเฟือน...เพื่อนรัก
- READ ผู้แทนตัวจริง
- READ มนตร์ (วิเศษ) เพียงหนึ่งคำ
- READ ไม่มีโอกาสสำหรับวันพรุ่งนี้
- READ บอกลาครั้งสุดท้าย
- READ Final destiny สถานีสุดท้าย คงใช่รัก
- READ เริ่มต้นที่อำเภอ ลงท้ายที่อำเภอ
- READ ใจอันว่างเปล่าที่รอเขามาเติมเต็ม
- READ เธอฤดูหนาว ผมฤดูฝน
- READ น้ำฝน กะ อาทิตย์
- READ เราจะเจอกันอีกครั้ง
- READ แอบรัก
- READ ถนนสายสุดท้าย... ที่ดาวตก
- READ นี่นะหรือ…เช้าวันจันทร์
- READ ภาพถ่ายสีดำที่เก็บไว้
- READ Card
- READ หรือว่ามันช้าไป?
- READ เนินนิรันดร์
- READ อนธการ
- READ บนทางที่พร่าเลือน
- READ รอยร้าว
- READ กระจกเงา
- READ อยากรู้จักรัก
- READ ยินดี
- READ รักนะ... ในความทรงจำ
- READ กลางแดดหนาว
- READ รักนำพา
- READ รักบันดาล
- READ รักลิขิต
- READ สายน้ำที่ไม่หวนคืน
- READ คุยกันวันรถติด
- READ สูงเนินสถานีที่รัก
- READ ทางสัญจร
- READ ลางกระดิ่งลม
- READ หมอฟันนางฟ้า
- READ สยามเมืองยิ้ม
- READ ลูกหลง
- READ งานแต่งงาน
- READ TH85
- READ เฟื่องฟ้าและบึงใหญ่
- READ กลับบ้าน
- READ With love…ด้วยรัก
- READ Thinking of เพราะคิด (ถึง)
- READ ให้เจ็บจนเจียนตาย
- READ ประกายเล็กๆ ของแก้วชามินต์
- READ ลูกที่ถูกทิ้ง
- READ แด่อัลมอนด์ในสายลมอุ่น
- READ บ้านสีขาวกับใบไม้เปลี่ยนสี
- READ รักโดยบังเอิญ
- READ Dreamcatcher ฝันหลอน
- READ ซ่อน...กลิ่นราตรี
- READ เมื่อฟ้าพร่างฝน
- READ พี่ชายที่แสนดี
- READ กลับบ้าน
- READ ฝันที่เปลี่ยน
- READ กราบสุดท้าย
- READ นิศาชล
- READ เสียงเพรียก....จากถ้ำผีแมน