
กามเทพ…ร้าย
โดย :
นอกเหนือจากนวนิยายและบทความที่ผ่านการเลือกสรรและผ่านกระบวนการบรรณาธิการพิจารณาเป็นอย่างดี ทีมงานอ่านเอายังริเริ่มโปรเจ็กต์ “Anowl Showcase” พื้นที่ใหม่สำหรับคนชอบเขียนขึ้น เพื่อเป็นการสานต่อเจตนารมณ์ที่จะให้เว็บ www.anowl.co ของพวกเราเป็นชุมชนสำหรับคนรักการอ่านและการเขียนทุกคน
*************************
‘อักษราภัค ประภารักษ์’… หรือที่ใครต่อใครต่างเรียกสั้นๆ ว่า ‘ภัค’ ไปจนถึง ‘ยายภัค’ ของเพื่อนสนิทหรือ ‘นังภัค’ ยามใครสักคนเกรี้ยวกราด ในตอนนี้เธอกำลังซ่อนเรือนร่างสมส่วนของหญิงสาววัยยี่สิบสี่ปีภายใต้โค้ตสีเขียวตัวหนา ซึ่งสวมทับเดรสสีขาวเรียบหรูยาวคลุมเข่าอีกที ขาเรียวก้าวเดินพาร่างเพรียวไปยังร้านอาหารที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก ทว่าสภาพอากาศและหิมะขาวโพลนเหล่านี้กลับไม่เอื้อต่อหญิงสาวเลย
พับผ่าสิ! เธอแอบสบถในใจ
ทว่าเมื่อเปิดประตูเข้าไปภายใน หญิงสาวคล้ายถูกมวลอากาศอุ่นโอบล้อม มันแตกต่างจากลมหนาวยะเยือกด้านนอกราวฟ้ากับเหว แต่นั่นไม่มากพอให้เธอลืมจุดประสงค์ของการเดินฝ่าความเย็นครั้งนี้ได้ นึกได้ก็กวาดสายตามองหาใครบางคนก่อนพบว่า ‘เขา’ นั่งอยู่บริเวณโต๊ะริมหน้าต่างข้างในสุดของร้านนี้
อักษราภัคแอบกลอกตาเล็กน้อย ขณะที่ค่อยๆ ย่างกรายเข้าไปด้วยมาดนางพญาหงส์ จนไปหยุดอยู่หน้าโต๊ะซึ่งมีชายร่างสูงสวมสูทสีไลต์บลูกำลังนั่งจิบชากลิ่นคาโมไมลด์อยู่เงียบๆ ข้างกายมีเสื้อโค้ตเนื้อหนาวางพาดอยู่ลวกๆ ทำให้หญิงสาวเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงเพิ่งมาถึงก่อนเธอสักพักเท่านั้น กระนั้นมารยาทในสายเลือดก็สั่งให้กล่าวออกไปเป็นภาษาอังกฤษ “ขออภัยด้วย ที่ดิฉันมาช้าจนคุณต้องรอ”
“ไม่เป็นไร” เขาวางแก้วชาลงแล้วจ้องหน้าเธอเขม็ง “เชิญนั่งก่อน” พร้อมผายมือไปทางฝ่ายตรงข้ามกับเขาที่ว่างอยู่ หญิงสาวนั่งลงอย่างเสียไม่ได้ ทั้งที่ใจจริงไม่ปรารถนามาอยู่ที่นี่เสียด้วยซ้ำ
“ผมว่าเราเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า”
อักษราภัคยิ้มมุมปาก “เชิญมิสเตอร์สมิธก่อนเลยค่ะ”
“ขอบคุณครับ” เขาพูดตามมารยาทก่อนเปลี่ยนไปใช้น้ำเสียงจริงจังกว่าเก่า “ก่อนอื่นเลย ที่ผมนัดพบมิสประภารักษ์ ต้องชี้แจงก่อนว่าเพื่อนสนิทของผม… ดีเวน วินเนอรี เป็นคนแนะนำมา เขาบอกผมว่าคุณมีความสามารถมากพอที่จะช่วยผมเรื่องนี้…”
หญิงสาวไม่อยากเสียเวลาจึงกล่าวไปตรงๆ “กรุณาเข้าเรื่องเถอะค่ะ” อีกฝ่ายฟังแล้วหัวเราะในลำคอแผ่วเบา “โอเค ขอแนะนำตัวอีกครั้งอย่างเป็นทางการ… เบรนเนอร์ สมิธ ครับ
“สำหรับเรื่องที่ผมต้องการให้มิสช่วยคือว่าความให้น้องชายของเพื่อนผม เขาชื่อ พิทักษ์ วัลเดอสัน พร้อมช่วยหาหลักฐานให้เขาพ้นจากข้อกล่าวหาทำร้ายคู่กรณีจนถึงแก่ความตาย”
หรือจะเป็นคนเดียวกับที่ออกข่าวเมื่อเช้า? อักษราภัคอดสงสัยไม่ได้เมื่อเห็นว่ารายละเอียดมันคล้ายคลึงกันมาก
ขณะกินมื้อเช้าในชามที่มีเพียงซีเรียลกับนมจืดๆ ประทังความหิว โทรทัศน์ที่เปิดทิ้งไว้ก็ปรากฏภาพผู้ชายคนหนึ่งนอนจมกองเลือดคู่กับใบหน้าคมเข้มของวัยรุ่นชายคล้ายมีเชื้อชาติไทย เป็นข่าวทะเลาะวิวาทและทำร้ายร่างกายจนฝ่ายหนึ่งได้รับบาดเจ็บสาหัสและเสียชีวิต โดยที่ต่างฝ่ายมีคนอยู่จำนวนหนึ่งและนัดแนะไปสู้ต่อหลังสวนสาธารณะแห่งหนึ่ง ไม่แน่ใจว่าสาเหตุและผู้ต้องสงสัยว่ามีเจตนาฆ่าเป็นใครเพราะอักษราภัคลุกจากเก้าอี้ไปเก็บชามที่อ่างล้างจานพอดี ทว่าเธอไม่ได้ใส่ใจนักเพราะไม่คิดว่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้แต่อย่างใด
ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายเธอคงมายุ่งกับเรื่องนี้จริงๆ
“ก่อนอื่น ดิฉันอยากมั่นใจว่าจำเลย อ่า… มิสเตอร์วัลเดอสัน ไม่มีเจตนาฆ่าคู่กรณีหรือทำร้ายถึงแก่ชีวิต ข้อต่อมาคือในวันเกิดเหตุ ใครอยู่กับเขาบ้าง รวมไปถึงฝ่ายตรงข้ามที่เขาไปเจอด้วย” อักษราภัคอธิบายสิ่งที่เธอต้องการรู้เบื้องต้นสั้นๆ “แล้วหากเป็นไปได้ ดิฉันต้องการทราบความสัมพันธ์ระหว่างเขากับผู้ตาย รวมถึงกับคุณด้วยมิสเตอร์… โดยฟังจากปากและน้ำเสียงของเขาเอง”
หญิงสาวถือคติไม่ว่าความให้คนทำผิดโดยเจตนาเพราะไม่ต่างจากการช่วยคนเลวให้อยู่ในสังคมต่อไปได้โดยไม่มีความผิดหรือการลงโทษ ดังนั้น ก่อนรับว่าความให้ใคร เธอจะต้องได้คุยกับจำเลยหรือผู้ว่าจ้างอย่างน้อยหนึ่งครั้งก่อนเพื่อประเมินสถานการณ์ กระนั้นหากเธอไม่สะดวกใจจริงๆ คนในแวดวงเดียวกันบางคนก็พร้อมยื่นมือมาช่วยและให้คำแนะนำดีๆ เสมอ
รู้ดีและยอมรับว่าวงการนี้เต็มไปด้วยสีเทา แต่อย่างน้อยก็อยากเป็นสีเทาเฉดอ่อนที่สุดเท่าที่จะทำได้… ตามอุดมการณ์ประจำใจของเธอที่มีมานาน
เบรนเนอร์ยิ้มแทบทันทีเมื่อได้ยินเธอพูดแบบนั้น “งั้นเพื่อไม่ให้เสียเวลา ตอนนี้คุณก็คุยกับเขาเลยเถอะ” บอกเธอพลางกวักมือเรียกใครบางคน “มานี่เร็วเจ้าเม็ดกรวด เธอต้องการคุยกับนาย”
ไม่ถึงครึ่งนาที ‘เจ้าเม็ดกรวด’ ของเบรนเนอร์ก็มานั่งแทนที่เบรนเนอร์ ซึ่งขอตัวไปทำธุระต่อโดยฝากฝังคนตรงหน้าไว้กับอักษราภัคหลังคุยเสร็จ ไม่ถามความสมัครใจสักคำว่าเธอรับฝากเจ้าเด็กนี่ไว้หรือไม่
ไม่ผิด… คนตรงหน้าหญิงสาวต้องมีอายุน้อยกว่าอย่างเห็นได้ชัด อาจจะสักห้าหกปี สังเกตจากเครื่องแต่งกายมากสีสันและทรงผมก็พอจะสรุปได้แล้ว จะมีที่แปลกตาอยู่สองอย่างคือ… ความเงียบกับแว่นตากรอบเงิน
ก็เลนส์แว่นตาเจ้าหมอนี่หนาเกือบเท่าเลนส์แว่นสายตาของญาติผู้ใหญ่ของเธอวัยหกสิบเลยน่ะสิ!
อีกอย่าง ท่าทางของเด็กคนนี้เหมือนพวกคงแก่เรียนมากกว่าใช้กำลัง ถึงอย่างนั้นเธอก็ไม่เชื่อสายตาตัวเองจนกว่าจะได้พิสูจน์ “นาย… ชื่ออะไร”
“ผมชื่อ พิทักษ์ วัลเดอสัน” เขาตอบเป็นภาษาไทย คงรู้สินะว่าเธอเป็นคนไทยเหมือนกัน “โอเค… พิทักษ์ เดี๋ยวช่วยเล่ารายละเอียดทุกอย่างที่เกิดขึ้นในคืนนั้นให้ฉันฟังหน่อย อ้อ! ลืมแนะนำตัว ฉันชื่ออักษราภัคหรือเรียกว่าพี่ภัคก็ได้”
เขาพยักหน้ารับทราบหนึ่งครั้งก่อนเปิดปากเล่าเหตุการณ์ทั้งหมดในคืนนั้นให้เธอฟัง น่าเสียดายที่เสียงของอีกฝ่ายเนิบช้าจนจับอารมณ์ความรู้สึกไม่ได้ แถมเนื้อหาก็ดันลอกมาจากข่าวเมื่อเช้าเกือบทั้งหมดอีกต่างหาก จะมีเพิ่มเติมก็ตรงรายชื่อผู้ร่วมเหตุการณ์ที่เก็บตัวเงียบนี่แหละ
“ว่าแต่เธอเป็นอะไรกับคนที่ตาย”
พิทักษ์ชะงักไปครู่หนึ่งแล้วนั่งนิ่งคล้ายไม่ได้ยินคำถาม หญิงสาวจึงเปลี่ยนคำถามเสียใหม่ “งั้นเธอเป็นอะไรกับ คุณเบรนเนอร์ สมิธ”
“ผมเป็นน้องชาย… น้องชายเพื่อนสนิทของเขา”
เธอขมวดคิ้ว “หมายความยังไง ช่วยอธิบายให้ฉันฟังหน่อย”
เด็กหนุ่มเล่าว่าเขาเคยมีพี่ชายอยู่คนหนึ่งแต่อีกฝ่ายเสียชีวิตไปตั้งแต่หลายปีที่แล้ว ตอนนั้นเบรนเนอร์ซึ่งเป็นเพื่อนซี้ที่สุดจึงสงสารเขาที่เหลือตัวคนเดียวและไปขอร้องให้พ่อของตัวเองรับเขาเป็นลูกบุญธรรม …แต่ว่าไม่สำเร็จด้วยหลายเหตุผล
“แล้วความสัมพันธ์กับคนคนนั้น…” หญิงสาววกกลับมาถามเรื่องเดิมอีกครั้ง ทว่าครั้งนี้ไม่ผิดหวัง “ผมกับเขาก็แค่คนรู้จัก ไม่มีเหตุผลอะไรให้ผมต้องอยากให้เขาตาย”
“แล้วไม่มีใครเป็นพยานเลยหรือว่านายไม่ได้ทำ” เมื่อเริ่มติดลมบน สรรพนามแทนตัวอีกฝ่ายก็เปลี่ยนไปตามอารมณ์
เด็กหนุ่มส่ายหน้า “ไม่มีใครสนใจผมตอนนั้นด้วยซ้ำ”
“แล้ว… ทำไมนายถึงออกไปด้วยทั้งที่ไม่น่ามีเรื่องกับคนพวกนั้นเลย”
เสียงถอนหายใจดังขึ้น “เพื่อนอีกคนชวนให้ไปด้วยกันครับ”
“นายได้ทำร้ายอะไรคนที่ตายบ้างหรือเปล่า บาดแผลอะไรก็ได้”
“ผม… เอาเก้าอี้แถวๆ นั้นฟาดหลังเขาเพราะเขาจะเอาเชือกรัดคอเพื่อนของผม”
อักษราภัคฟังแล้วพยักหน้าเงียบๆ “แล้วนายคิดว่าใครเป็นคนที่ตั้งใจฆ่า อ่า… มีเรื่องบาดหมางกับคนที่ตายมากที่สุด”
“เพื่อนสนิทของผมเอง… แต่ว่าตอนนี้เขาอยู่ห้องไอซียูนะครับ”
อักษราภัคเห็นสีหน้ากระอักกระอ่วนใจภายใต้ความเรียบเฉยก็ยื่นมือไปตบไหล่อีกฝ่ายอย่างให้กำลังใจ ก่อนบอกด้วยน้ำเสียงสดใส “ตกลง… ฉันจะว่าความให้นายเอง อย่ากังวลไปเลย”
หลังจากนั้นเธอก็ขอตัวไปจัดการเรื่องหลักฐานเพิ่มเติม อักษราภัคนึกถึงความเป็นไปได้ต่างๆ และหาวิธีพาลูกความหลุดจากข้อกล่าวหาจึงไม่สังเกตเห็นแววตาประหลาดจากคนที่เพิ่งเดินจากมาแม้แต่น้อย
หลายสัปดาห์ต่อมา
ในที่สุด คำตัดสินของศาลก็ตรงกับสิ่งที่เธอเชื่อมั่น จำเลยที่กลายเป็นผู้บริสุทธิ์อย่างพิทักษ์ไม่ต้องรับโทษจากสิ่งที่เขาไม่ได้ก่อ ที่ผ่านมาเธอพยายามหาหลักฐานมาแก้ต่างอย่างเต็มความสามารถ ในใจลึกๆ นึกเชื่อเจ้าเด็กคนนี้มาตั้งแต่แรก ตั้งแต่หลักฐานสักอย่างก็ไม่มี เสียเวลาหัวหมุนอยู่นานพอสมควรกว่าจะจับทางได้ อักษราภัคหันมองเด็กหนุ่มพร้อมส่งรอยยิ้มโล่งใจให้
ส่วนเรื่องที่ว่าคู่กรณีถูกทำร้ายร่างกายจนถึงแก่ความตาย มันเกิดมีหลักฐานขึ้นมาว่าความจริงไม่เป็นอย่างนั้นเสมอไป ถึงผู้ตายจะถูกทำร้ายจนเสียชีวิตในเวลาต่อมาไม่นาน แต่คนที่ถูกเขาทำร้ายก็บาดเจ็บสาหัสจนพิการเช่นกัน เมื่อใช้วิจารณญาณไตร่ตรองอย่างรอบคอบแล้ว ต่างฝ่ายต่างได้รับผลกระทบไม่ด้อยไปกว่ากัน แม้แต่พิทักษ์ที่ลงมือทำร้ายฝ่ายนั้นเพียงครั้งเดียวก็ยังเกิดอาการช็อกจากเหตุการณ์จนกลายเป็นคนเงียบขรึมต่างจากเดิม สุดท้ายศาลจึงยกฟ้องไป ส่วนทางฝ่ายผู้ปกครองของเด็กที่ตาย ตอนแรกจะไม่ยินยอมและสู้คดีต่อ ทว่าภาพจากกล้องบริเวณนั้นที่อักษราภัคไปบังเอิญได้มา…เผอิญถ่ายติดช่วงที่เด็กคนนั้นตั้งใจแทงฝ่ายตรงข้ามจนมีผลให้พิการในปัจจุบัน จึงยอมปล่อยคดีนี้ไปแต่โดยดี
อักษราภัคถอนหายใจอย่างโล่งอกเมื่องานครั้งนี้จบลงอย่างสวยงาม ยามเธอก้าวออกจากศาลคล้ายมีแสงแดดฤดูร้อนอาบไล้ผิวกายจนรู้สึกอบอุ่นและอิ่มเอม เสร็จจากงานนี้เธอยังมีเรื่องต้องจัดการอีกมาก
“พี่ภัค… ลืมกระเป๋าครับ”
หญิงสาวเผลอเลิกคิ้วแล้วหันกลับไปมอง
เป็นพิทักษ์ที่กึ่งเดินกึ่งวิ่งมาหาเธอซึ่งหยุดยืนรอ ในมือของฝ่ายนั้นกอดกระเป๋าเอกสารที่เธอมักพกติดตัวเสมอ หยาดเหงื่อผุดพรายขึ้นมาเต็มใบหน้าของเด็กหนุ่มจนเธออดส่งผ้าเช็ดหน้าให้ไม่ได้ “เช็ดเสียสิ เดี๋ยวเหงื่อก็ไหลเข้าตาหรอก” พูดเป็นภาษาไทยก่อนรับกระเป๋าของตัวเองกลับมาถือ เพื่อให้พิทักษ์มีมือว่างหยิบผ้าผืนเล็กในมือไปใช้
“เหนื่อยแย่เลยสินะครับ กว่าจะมาถึงวันนี้ได้” เป็นเสียงของเบรนเนอร์ที่เดินมาหลังพวกเขามา “อ้าว ทำไมนายตัวเปียกอย่างนี้ เจ้าเม็ดกรวด”
อักษราภัคกลั้นยิ้มไม่อยู่ ในขณะที่พิทักษ์ยืนชะงักราวกับหุ่นปั้น
เจ้าเม็ดกรวดที่มิสเตอร์สมิธมักเรียกเป็นบางครั้ง เขาเพียงต้องการสื่อถึงนิสัยขยันเรียนจนไม่สุงสิงกับใครอื่นของพิทักษ์ซึ่งมีมาแต่ไหนแต่แล้ว หญิงสาวเองก็มาทราบเอาภายหลังและเคยนำมาล้อพิทักษ์เพื่อสร้างความสนิทสนมระหว่างทำงาน
“ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ดิฉันขอตัวก่อน…”
“เดี๋ยวครับ!” เบรนเนอร์รีบร้องออกมา “อ่า… นี่นามบัตรของผม ถ้าต้องการให้ผมช่วยเหลืออะไร ติดต่อได้เลยนะ”
อักษราภัครับนามบัตรของอีกฝ่ายมาเก็บใส่กระเป๋าอย่างรวดเร็ว “ขอบคุณมากค่ะ หวังว่าจะได้พบคุณในโอกาสอื่นอีก”
“แล้วผ้าผืนนี้…” คราวนี้เป็นพิทักษ์ที่ร้องขึ้นมาบ้าง
“เธอเก็บไว้ใช้เถอะ” เธอบอกก่อนยื่นหน้าไปกระซิบข้างใบหูของเด็กหนุ่มเป็นภาษาไทย “นายคิดซะว่าเป็นของที่ระลึกจากฉันก็แล้วกัน”
พูดจบอักษราภัคก็รีบขอตัวไปทำธุระต่อ โดยครั้งนี้ไม่มีใครเรียกหรือขัดจังหวะเธอเหมือนเมื่อครู่ แต่หากหันกลับมามองสักนิด…เธอคงรู้ว่าหนึ่งในสองคนที่เพิ่งเดินจากมา กำลังส่งสายตาลึกซึ้งมายังเธออย่างไม่ปิดบังเลย
“หวังว่าเราจะได้พบกันในโอกาสหน้า… ที่ดีกว่านี้นะครับ”
…
หกปีต่อมา
‘ล่าสุด ดีเวน วินเนอรี ถูกจับกุมในข้อหายักยอกทรัพย์รวมมูลค่าอยู่ที่สามสิบล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งคิดเป็นจำนวนมหาศาล โดย เบรนเนอร์ สมิธ เจ้าของโรงแรมชื่อดังเป็นคนยื่นคำร้องต่อศาลและตั้งให้ พิทักษ์ วัลเดอสัน เป็นทนายฝ่ายโจทก์ ใช้เวลาอยู่หลายเดือน สุดท้ายคดีนี้ก็ไม่มีพลิกล็อกในตอนจบ และนั่นทำให้เกิดกระแสทนายคนเก่งมือใหม่และไฟแรงในโลกโซเซียลเป็นจำนวนมาก ทางนักข่าวบางคนได้ไปสัมภาษณ์ความรู้สึกและถามถึงเรื่องนี้ ทนายหนุ่มที่ทราบเรื่องดีก็บอกเพียงว่าขอบคุณสั้นๆ เท่านั้น…’
เมื่อเห็นว่าข่าวใหญ่ที่ตัวเองสนใจจบลง หญิงสาวในชุดเดรสยาวก็รีบเดินไปคว้าเสื้อคลุมสีแดงสดเพื่อเตรียมตัวออกไปตามนัดสำคัญ มือเรียวเอื้อมหยิบกระเป๋าเอกสารสีดำใบเก่งอย่างเคยชิน ทว่าไม่ทันระวังทำให้ของบนตู้เก็บของถูกกวาดลงมาบางส่วน เธอส่งเสียงจิ๊จ๊ะก่อนย่อตัวลงค่อยๆ เก็บของเหล่านั้นขึ้นมาวางที่เดิม ซ้ำร้ายเอกสารของเธอหล่นพื้นจนตัวล็อกปลดออกและของข้างในกระจายออกมาทับของที่หล่นก่อนหน้า คนซุ่มซ่ามถอนหายใจแล้วเก็บของต่อจนเรียบร้อย จึงเดินออกจากห้องไปโดยไม่รู้เลยว่าเธอเผลอหยิบบางอย่างที่ไม่ควรนำไปใส่กระเป๋าไปด้วย
ระหว่างทางที่เธอเดินไปยังสถานที่นัดพบกับผู้ว่าจ้างรายใหม่ ซึ่งครั้งนี้คือม้านั่งในสวนสาธารณะ อยู่ๆก็รู้สึกปวดท้องอย่างไร้ที่มา ดวงตากวาดมองจนเห็นป้ายนำทางไปห้องน้ำสาธารณะ จึงรีบเดินตามทางไปจนถึงจุดหมายในที่สุด ใช้เวลาอยู่สักพัก เธอก็เดินออกจากห้องน้ำ ตรงไปยังก๊อกน้ำเพื่อล้างมือตามปกติแล้วเตรียมตัวไปพบผู้ว่าจ้าง ทว่า…
“หยุด! ห้ามขยับ! คุณตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีลอบทำร้ายประธานบริษัทเอ็นเอบีโฮลดิ้ง ขอเชิญไปสอบปากคำด้วยครับ”
เป็นนายตำรวจในชุดสีเข้มที่เธอไม่คุ้นตาเอาเสียเลย ด้วยความตกใจจึงเผลอฟาดกระเป๋าเอกสารในมือใส่คนที่อยู่ใกล้ที่สุดจนของข้างในกระเด็นออกมาเป็นครั้งที่สอง แต่ก่อนเธอจะได้บ่นอย่างหัวเสีย นายตำรวจคนเดิมก็เดินมาหยิบบางอย่างจากกองของที่ตกอยู่… ด้วยแววตาไม่น่าไว้ใจเอาเสียเลย
“นี่แหละ… หลักฐาน! เราขอเชิญคุณไปสอบปากคำด้วยครับ” คราวนี้ไม่พูดพร่ำทำเสียง นายตำรวจคนนั้นตรงดิ่งมาลากตัวเธอทันทีด้วยมือข้างขวา ส่วนมือข้างซ้ายยื่นเส้นเอ็นสีใสให้ตำรวจอีกนายหนึ่ง “สงสัยงานนี้จะรอดยากแล้วล่ะ”
“อะไรกัน! ฉันไม่ไปนะ ฉันต้องไปพบคนสำคัญ…”
นายตำรวจคนเดิมส่ายหน้า “น่าสงสัยขนาดนี้ มาด้วยกันเถอะครับคุณผู้หญิง นาย… พาตัวเธอไป” ประโยคหลังบอกตำรวจอีกนายที่มาด้วยกัน อักษราภัคหัวเสียทันทีที่เห็นว่าทุกอย่างกลับตาลปัตร ทำไมคนดีอย่างเธอถึงมาเจอเรื่องแบบนี้ได้เนี่ย!
“เกิดอะไรขึ้นหรือครับ คุณตำรวจ” เสียงของผู้มาใหม่ทำให้หญิงสาวรู้สึกคุ้นหูไม่น้อย แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจเพราะกำลังพยายามสะบัดแขนให้หลุดจากพันธนาการรัดแน่นตรงข้อมือ ทว่าต้องหยุดชะงักเมื่อได้ยินใครบอกใครเรียกชื่อของตัวเอง “เอ๊ะ… พี่ภัค”
เจ้าของชื่อรีบหันไปมองคนเรียกหมายจะขอความช่วยเหลือ กระนั้นกลับนึกไม่ออกว่าอีกฝ่ายเป็นใครเลยแม้จะรู้สึกคุ้นเคยก็ตาม “นี่คุณ…รู้จักฉันด้วยหรือคะ”
พลันนั้นเอง นายตำรวจที่จับตัวเธออยู่ก็คลายแรงบีบที่ข้อมือเธอลง นัยน์ตาดุดันฉายแววประหลาดใจออกมา
“ถ้าคุณคือ อักษราภัค ประภารักษ์ ทนายคนนั้นที่เคยช่วยผมเมื่อหกปีก่อน… ก็ถือว่าผมรู้จักคุณนะครับ” ชายหนุ่มในชุดสูทสีเข้มอธิบายแล้วเดินเข้ามาใกล้เธอมากขึ้น ดวงตาเป็นประกายใต้กรอบแว่นสีเงินทำให้นึกถึงใครคนหนึ่ง และตอนนั้นเองที่หญิงสาวนึกขึ้นมาได้ว่าอีกฝ่ายเป็นใคร “นี่นาย…พิทักษ์หรือ!”
ร่างสูงขยับแว่นตาเล็กน้อยก่อนพึมพำออกมาเบาๆ “ทำไมเราไม่เจอกันในสถานการณ์ดีๆ ที่ชวนน่าประทับใจเหมือนคนอื่นเขาบ้างนะครับ” พิทักษ์ถอนหายใจแผ่วเบาก่อนเอ่ยออกมาอย่างหนักแน่น
“คุณไปกับตำรวจพวกนี้เถอะครับ… อย่าห่วงเลยครับ เดี๋ยวผมเป็นทนายให้คุณเอง”
ไม่คิดเลยว่าการเดินออกมาทำธุระแถวนี้จะทำให้เขาได้เจอเธออีกครั้ง ถึงสถานการณ์มันจะเลวร้ายไปหน่อยก็ตาม…
– ณฐกันยา –
- READ คนละระดับ
- READ รุ้งกินน้ำ
- READ บุรุษเสี่ยงธูป
- READ นกแสกแห่งปี ไม่เชื่ออย่าลบหลู่
- READ บ้านฝั่งธน
- READ โลกสองใบของคนแปลกหน้า
- READ พร้าว
- READ อัสสุนีบาป
- READ ทองเผือกสีจุมออน
- READ ราวด์วอร์ด
- READ ชายร้อยคน
- READ เรือลำใหญ่ที่ไม่สิ้นฝัน
- READ ข้อความถึงความว่างเปล่า
- READ ม่านนาคราช
- READ เพื่อนแปลกหน้าห้อง 808
- READ ซี่กรงเหล็กดัดกับกล้องส่องทางไกล
- READ กอดรัก
- READ สูงเสียดฟ้าภูผาแห่งใจ
- READ ลิขิตรักข้ามภพ
- READ ไดอารี่พลิกล็อก
- READ ทำนองในความทรงจำ
- READ หลังไอรินจากไป
- READ คำมั่น ผูกพัน สัญญา
- READ นานกว่าเคย
- READ ในคืนที่ฉันไม่มีเธอ
- READ เสียงเรียกจากแดนไกล
- READ นักเวทย์คนต่อไป
- READ หน้ากากคน
- READ คนลืมกับคนจำ
- READ คนหัวกลับ
- READ เรือลำใหญ่ที่ไร้ฝั่งฝัน
- READ ภิกษุฆาต
- READ กามเทพ…ร้าย
- READ กลิ่นสาป
- READ ฟั่นเฟือน...เพื่อนรัก
- READ ผู้แทนตัวจริง
- READ มนตร์ (วิเศษ) เพียงหนึ่งคำ
- READ ไม่มีโอกาสสำหรับวันพรุ่งนี้
- READ บอกลาครั้งสุดท้าย
- READ Final destiny สถานีสุดท้าย คงใช่รัก
- READ เริ่มต้นที่อำเภอ ลงท้ายที่อำเภอ
- READ ใจอันว่างเปล่าที่รอเขามาเติมเต็ม
- READ เธอฤดูหนาว ผมฤดูฝน
- READ น้ำฝน กะ อาทิตย์
- READ เราจะเจอกันอีกครั้ง
- READ แอบรัก
- READ ถนนสายสุดท้าย... ที่ดาวตก
- READ นี่นะหรือ…เช้าวันจันทร์
- READ ภาพถ่ายสีดำที่เก็บไว้
- READ Card
- READ หรือว่ามันช้าไป?
- READ เนินนิรันดร์
- READ อนธการ
- READ บนทางที่พร่าเลือน
- READ รอยร้าว
- READ กระจกเงา
- READ อยากรู้จักรัก
- READ ยินดี
- READ รักนะ... ในความทรงจำ
- READ กลางแดดหนาว
- READ รักนำพา
- READ รักบันดาล
- READ รักลิขิต
- READ สายน้ำที่ไม่หวนคืน
- READ คุยกันวันรถติด
- READ สูงเนินสถานีที่รัก
- READ ทางสัญจร
- READ ลางกระดิ่งลม
- READ หมอฟันนางฟ้า
- READ สยามเมืองยิ้ม
- READ ลูกหลง
- READ งานแต่งงาน
- READ TH85
- READ เฟื่องฟ้าและบึงใหญ่
- READ กลับบ้าน
- READ With love…ด้วยรัก
- READ Thinking of เพราะคิด (ถึง)
- READ ให้เจ็บจนเจียนตาย
- READ ประกายเล็กๆ ของแก้วชามินต์
- READ ลูกที่ถูกทิ้ง
- READ แด่อัลมอนด์ในสายลมอุ่น
- READ บ้านสีขาวกับใบไม้เปลี่ยนสี
- READ รักโดยบังเอิญ
- READ Dreamcatcher ฝันหลอน
- READ ซ่อน...กลิ่นราตรี
- READ เมื่อฟ้าพร่างฝน
- READ พี่ชายที่แสนดี
- READ กลับบ้าน
- READ ฝันที่เปลี่ยน
- READ กราบสุดท้าย
- READ นิศาชล
- READ เสียงเพรียก....จากถ้ำผีแมน