
ตรวนใบจาก บทที่ 8 : เรื่องเล่าของจักรวาล
โดย : ฉาย แสงเพชร
ตรวนใบจาก รางวัลรองชนะเลิศโครงการอ่านเอาก้าวแรกปี 5 โดย ฉาย แสงเพชร เกษตรกรจาก จ.ตราด ผู้ฝันอยากเป็นนักเขียนแนวท้องถิ่นที่ได้พลิกบทบาทจากงานเขียนเชิงวิชาการมาสู่การเขียนนวนิยายแนวแฟมิลี่ดราม่ากับเรื่องราวของอาชีพลอกใบจากและชีวิตที่เป็นปริศนาของคุณยายคนหนึ่ง เรื่องราวจะเป็นอย่างไร ติดตามกันได้ในเว็บไซต์อ่านเอา
“ไม่เชื่อ” โบตั๋นสวนคำกลับไปทันทีเมื่อหันไปเห็นจักรวาลมายืนยิ้มท่าทางยียวนอยู่ไม่ห่าง “นายไม่พอใจที่ยายเรียกนายเป็นคนที่ชื่อใบจากนั่น ก็เลยเชื่อคนที่ว่ายายโดยไม่ได้คิด”
“ทำไมจะต้องไม่พอใจ นายใบจากนั่น ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนี่ เป็นเหยื่อด้วยซ้ำ”
“ผู้ชายนี่นะจะเป็นเหยื่อ” โบตั๋นขึ้นเสียงสูงอย่างไม่เชื่อถือ “ผู้ชายมีแต่จะหลอกลวงผู้หญิงน่ะไม่ว่า เรื่องนี้ ฉันเชื่อลุงเต้งที่ว่าป้าบ๊วยต้องเสียใจเรื่องนายใบจากทิ้งไป ถ้าไม่ถูกทิ้ง ป้าจะฆ่าตัวตายทำไม ก็หนีตามกันไปเสียก็หมดเรื่อง”
“คิดง่ายๆ” จักรวาลยังไม่ยอมแพ้ เขาลงนั่งที่อีกปลายด้านหนึ่งของแคร่ ตั้งท่าสาธยายอย่างจริงจัง “นี่ขนาดเป็นใบจากตัวปลอม ยังโดนด่าเสียยับ แล้วคิดดูว่าใบจากตัวจริงจะโดนขนาดไหน ยิ่งมาอยู่อย่างลูกจ้างในบ้าน ไม่โดนยิ่งกว่าเมียลุงทิ้งที่มาเป็นลูกสะใภ้รึ”
“โดนด่า แล้วไง ผู้ชายที่แคร์เรื่องตัวเองโดนด่าจนทิ้งผู้หญิงที่ตัวเองรักนี่นะ น่าสงสารตายละ”
“ผู้หญิงจะไปเข้าใจอะไรว่าเวลาผู้ชายถูกหยามศักดิ์ศรีมันเจ็บปวดแค่ไหน” จักรวาลยังไม่ยอม “และที่สำคัญยิ่งกว่าว่าที่แม่ยายด่า ผู้หญิงที่ชื่อกิมบ๊วยคนนั้นก็ต้องไม่มั่นคงพอด้วย รู้ว่าผู้ชายอีกคนรวย แต่งไปมีโอกาสเป็นเถ้าแก่เนี้ย ยังไงก็ต้องโลเลให้นายใบจากรู้สึก แทนที่จะพากันหนี ก็หนีหน้าไปคนเดียวดีกว่า ผู้หญิงเขาไม่ได้อยากจะไปกัดก้อนเกลือกินด้วยนี่”
“ดูถูกผู้หญิง”
“แน่นอน ดูได้ถูกมากๆ เสียด้วย มีผู้หญิงคนไหนล่ะไม่อยากได้เงิน เงินจางนางจรทั้งนั้น”
เพราะมีน้ำเสียงของความเศร้าเจือมาในประโยคนั้น โบตั๋นที่คิดจะตอบโต้ให้สะใจที่นายนี่มาดูถูกผู้หญิง หยุดคำพูดที่ตั้งใจไว้ที่ปลายลิ้น ก่อนจะถามเบาๆ “นายพูดเหมือนคนเคยอกหัก”
“ยิ่งกว่าอกหัก ผู้ชายที่มีแต่ตัว พ่อแม่ที่ตายไม่มีมรดกหลักแสนหลักล้านทิ้งไว้ให้ ผู้หญิงที่ไหนจะมาฝากชีวิตไว้ด้วย มีแค่หลอกใช้ หมดประโยชน์ก็ถีบหัวส่ง”
“นายมองโลกในแง่ร้ายเกินไปหรือเปล่า” โบตั๋นเสียงอ่อนลง “ผู้หญิงไม่ได้เป็นแบบนั้นทุกคนหรอก ที่เขาจริงใจกับผู้ชายก็มีถมไป นายเจอแค่คนเดียวก็พาลเข็ดขยาดไปเองหรือเปล่า” นิ่งไปนิดก่อนจะนึกขึ้นได้ “อย่าบอกนะว่าเข็ดจนลาออกจากมหาวิทยาลัยมาทำสวนเนี่ย”
“อยากฟังไหมล่ะ จะเล่าให้ฟัง”
แน่นอนว่าโบตั๋นไม่ปฏิเสธ
พ่อของเขาชื่อทอง เป็นน้องชายแท้ๆ ของลุงเทียนและลุงแป๊ะ ทั้งสามคนเกิดแทบจะเรียงปีกันมา โดยก่อนหน้าลุงแป๊ะ มีพี่สาวสองคน และหลังจากพ่อเขาเกิด ปู่กับย่าก็มีลูกสาวต่อมาอีก 2 คน รวมเป็น 7 คน ที่ดินของปู่และย่ามีไม่มากนัก ทำให้ลุงเทียนกับลุงแป๊ะคิดจะออกมาจับจองที่ดินทางตราดที่ตอนนั้นยังราคาถูก พื้นที่จับจองใหม่ๆ ราคายังอยู่ในหลักร้อย พ่อของเขาทีแรกคิดจะมาด้วย แต่เพราะพี่สาวสองคนแต่งออกไปแล้ว ถ้าไปกันหมด ก็จะไม่มีคนช่วยพ่อแม่ทำนา พ่อของเขาจึงอยู่ทำนาที่บ้านเดิม โดยตกลงกันว่าที่นาของปู่จะเป็นของพ่อทั้งหมด ต่อมา พ่อแต่งงานกับแม่ที่เป็นคนหนองชิ่ม มีลูกด้วยกันสามคน เขาเป็นลูกคนโต
แต่ขึ้นชื่อว่าชีวิตแล้ว ไม่เคยมีความแน่นอนสักอย่าง ตอนที่เขาเรียนอยู่ชั้น ป.6 วันหนึ่งที่บ้านเขามีแผนจะพาลูกๆ ไปเที่ยวระยอง ไปกันทั้งครอบครัว แต่เขากลับไปติดอีสุกอีใสจากเพื่อนๆ ที่โรงเรียน จนต้องถูกแยกมาอยู่กับปู่ย่า และอดไปเที่ยวครั้งนั้นโดยปริยาย ไม่รู้ว่าจะเรียกการติดอีสุกอีใสคราวนั้นว่าโชคร้ายหรือโชคดี เพราะการเดินทางของพ่อแม่และน้องคราวนั้น เป็นการเดินทางเที่ยวเดียว ไปแล้วกลับมาเพียงร่างที่ไร้ลมหายใจ รถไปประสบอุบัติเหตุแถวท่าใหม่จนเสียชีวิตยกคัน ในสภาวะที่เขายังเด็ก ปู่กับย่าก็แก่แล้ว ลุงเทียนซึ่งตอนนั้น ลูกเพิ่งตายไป เลยรับอนุเคราะห์เขาเป็นลูกอีกคน โดยที่ดินที่ปู่จะยกให้พ่อนั้น ลุงจะดูแลให้จนกว่าเขาจะเป็นผู้ใหญ่
ความไม่แน่นอนยังไม่หมดแค่นั้น เขายังเรียนไม่จบ ม.6 เลย ลุงแป๊ะก็มาโวยวายกับปู่ บอกว่าไม่ยุติธรรม พ่อของเขาตายไปแล้ว ที่ดินยังเป็นชื่อปู่อยู่ จะยกให้เขาคนเดียวได้ยังไง ลูกคนอื่นย่อมต้องมีสิทธิ์ได้ด้วย ลุงแป๊ะอ้างว่าเขามีลูกแล้ว 4 คน นี่เมียก็กำลังท้องลูกคนที่ 5 ที่ดินที่มีแทบไม่พอแบ่งให้ลูก ส่วนลุงเทียนมีลูกแค่ 2 คน ภาระหาที่ดินก็น้อย ยิ่งมาอุปการะเจ้าจักร ที่ทั้งหมดก็ต้องเป็นของลุงเทียนไป ถ้าเจ้าจักรเรียนต่อไปอีกแล้วไม่มาทำนา ลุงเทียนก็ได้ที่ไปฟรีๆ สุดท้าย ปู่เลยตัดปัญหา แบ่งที่ที่มีให้ลูกสาวคนโต 2 คน (ที่เข้าข้างลุงแป๊ะอย่างออกนอกหน้า) และลูกชายที่เหลือ 2 คน พอลุงแป๊ะได้ที่ก็ขายส่วนของตนให้ลุงเทียน เขามารู้เมื่อทำงานแล้วว่า ที่แท้ลุงแป๊ะแอบไปมีเมียน้อย แล้วเมียน้อยเกิดท้อง ป้าเก๊กฮวยไม่ยอมให้แบ่งที่ดินที่บ้านคลองมะยมให้ลูกเมียน้อย ลุงแป๊ะเลยเอาเงินที่ขายที่ได้ ไปซื้อที่ทางแถวบ่อไร่อยู่กับเมียน้อย จนสุดท้าย ก็เลิกกับป้าเก๊กฮวย ไปอยู่ที่บ่อไร่ ไม่กลับมาอีกเลย
จากคนที่ในวัยเด็กมีครอบครัวที่อบอุ่น พ่อแม่มีที่ดินที่ได้มรดกจากปู่ย่า และจะตกทอดมาเป็นของเขา ในวันที่เขาเรียนจบ ม.6 สอบเข้า มศว.บางแสนได้ เขาเป็นแค่เด็กกำพร้า ที่ลุงและป้ารับอุปการะ ไม่มีสมบัติของพ่อแม่ตกทอดมาสักชิ้นหนึ่ง หากเทียบกับเพื่อนร่วมรุ่นหลายต่อหลายคน เขาก็แทบเหมือนคนไม่มีกิน เป็นแค่กิ่งหมามุ่ยที่ใบหยกผู้มองหากิ่งทองไม่มีวันคิดมาจับคู่เด็ดขาด
แม้น้ำเสียงที่จักรวาลเล่าถึงชีวิตก่อนเข้าเรียนมหาวิทยาลัยจะเต็มไปด้วยน้ำเสียงแบบประชดชีวิต แต่โบตั๋นไม่ได้สนใจ พอได้ยินชื่อ มศว.บางแสน เธอหูผึ่งทันที
“เรียนบางแสนเหมือนกันเหรอ รุ่นไหน ฉันรุ่นณัลลกัณฑ์ ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็นมหาวิทยาลัยบูรพา”
“ใช่ รุ่นนั้นแหละ ซาย 14”
“ฮ้า เรียนคณะวิทย์เหมือนกันด้วยหรือ เอกอะไร ฉันเรียนเคมี ทำไมฉันไม่เคยเห็นหน้านายเลย”
“ฟิสิกส์ คงจำกันไม่ได้มากกว่ามั้ง ตอนนั้น ไม่ค่อยได้เข้ากิจกรรมเท่าไหร่หรอก ไว้ผมยาว หนวดเคราพร้อม มาไว้ผมสั้นก็ตอนที่เรียนโท”
พอรู้ว่าเป็นศิษย์เก่าคณะเดียวกัน มหาวิทยาลัยเดียวกัน กำแพงที่โบตั๋นตั้งขึ้นก็พังไปกว่าครึ่ง รู้สึกสนิทใจมากกว่าเดิม เธอเอ่ยถามต่ออย่างห่วงใย “งั้นนายก็อกหักตั้งแต่ตอนเรียนตรีเลยสิ”
“ใช่ แต่ตอนที่เจ็บเจียนตายน่ะ ทำงานแล้ว”
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 10 : ข้อสงสัยของโบตั๋น
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 9 : ความรักของจักรวาล
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 8 : เรื่องเล่าของจักรวาล
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 7 : แตกร้าว
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 6 : เรื่องเล่าของกิมเต้ง
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 5 : ชีวิตคู่ของกิมเหมย
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 4 : เรื่องเล่าของกิมเหมย
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 3 : ผู้ชายคนใดชื่อใบจาก
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 2 : ผู้หญิงคนใดชื่อกิมบ๊วย
- READ ตรวนใบจาก บทที่ 1 : ฤดูมรสุม
- READ ตรวนใบจาก บทนำ : ผู้ซ่อนกายในความมืด