
ก่อนฟ้าสาง บทที่ 23 : เผาโหด
โดย : ม.มธุการี
ก่อนฟ้าสาง นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์ เรื่องราวโดย ม.มธุการี เมื่อ ‘เจียง’ เลือกพาครอบครัวหนีความเดือดร้อนมาพักพิงยังแผ่นดินไทย แต่แผ่นดินแห่งนี้จะเป็นที่พักพิงที่ปลอดภัยให้กับเขาได้จริงๆ หรือ เจียงยังจะต้องฝ่าฟันอะไรอีกมากมาย อาจจะมีเพียง ‘ใกล้รุ่ง’ หญิงสาวผู้อ่อนโยนคนนั้นที่เป็นความหวังของเขา
แม่กับลินตื่นตาตื่นใจกับที่อยู่ใหม่ที่ตกแต่งไว้อย่างสวยงาม เตียงสองเตียงหนานุ่ม มีผ้าคลุมสีชมพูอ่อนเข้าชุดกับผ้าม่านที่เปิดกว้างมองเห็นสวนเขียวขจี
ส่วนห้องพักของเขาตกแต่งเหมือนห้องนักกีฬาเพราะมีโปสเตอร์รูปนักฟุตบอลติดเอาไว้เต็ม ครูประชาบอกเขาว่าเป็นห้องพักของลูกหลานที่มาเยี่ยมเยียน ห้องสองห้องบ่งชัดว่าเพิ่งสร้างเสร็จ ต่อจากเรือนใหญ่และมีสัดส่วนของตัวเองแม้กระทั่งห้องน้ำห้องท่า…
เจียงรูดม่านจนสุด ความเขียวขจีในสวนทำให้หัวใจของเขาสุขสงบอย่างประหลาด แน่ใจว่าเขาจะปลอดภัยที่นี่ อย่างน้อยก็ชั่วขณะหนึ่ง โลกยังมีคนดีซ่อนเร้นอยู่อย่างเร้นลับ นอกจากเสี่ยกิจแล้วครูประชาคนนี้ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่พยายามหาทางช่วยเหลือเขามาตลอด
ดีใจที่รู้ข่าวว่าเกรียงปลอดภัยแล้ว ถ้าเขาไปถึงที่นั่นช้าเพียงนิดเดียวอะไรจะเกิดขึ้น เสียงหวีดร้องของสตรีนั่นนั่นเองที่ทำให้เขาวิ่งไปถึงที่นั่นจนทันเวลา เกรียงสิ้นใจแล้วเมื่อเขาไปถึง แต่ก็ยังไม่สายเกินไปสำหรับการเพิ่มต่อพลังชีวิต ให้อีกฝ่ายด้วยวิธีการที่เขาร่ำเรียนมา มีคำถามในหัวใจของเขาที่ว่าใครเป็นคนสั่งการ และเพื่ออะไรกัน คงจะต้นเหตุมาจากการลอบยิงเขากับเสี่ยกิจนั่นเอง…
เกรียงต้องร่วมมือกับหลายคน และอาจจะถูกฆ่าหวังจะปิดปาก ไม่เคยมีมิตรแท้ใน หมู่โจรฉันใดก็ฉันนั้น…
เจียงตื่นแต่เช้ามืดก่อนที่จะเห็นแสงสว่างที่ขอบฟ้า
บ้านทั้งหลังเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่เลย ย่องออกทางประตูด้านหลังที่มีทางเดินเข้าไปในสวน เท้าเปล่าเหยียบย่ำลงไปบนหญ้าแห้งที่ชุ่มฉ่ำน้ำค้าง ไม่มีฝนมาหลายวัน แต่กระนั้นความชุ่มชื้นก็ยังคงปกคลุมไปทั่วบริเวณ
เจียงสูดอากาศบริสุทธิ์เข้าไปจนเต็มปอด ไม่เคยผ่อนคลายอย่างแท้จริงมานานมาก ยามที่ชีวิตต้องหลบหนีระแวดระวังเรื่อยมา นาทีนี้เขาได้สัมผัสกับความสงบสุขและปลอดภัยอย่างที่ไม่เคยประสบมาก่อนเลย…
เดินไปสุดท้ายไร่ เมื่อมีแสงสว่างเรื่อเรืองที่ขอบฟ้า มากพอที่จะทำให้เขามองเห็นทุกสิ่งรอบกายได้ชัดเจนกว่าเดิม มีก้อนหินใหญ่เรียงรายกันเป็นที่นั่ง ล้อมรอบโต๊ะหินอ่อนสีขาวโพลน เจียงทรุดตัวลงนั่งพัก ทอดสายตามองขุนเขาคดเคี้ยวเหมือนงูเลื้อย เมื่อวานเกือบ มีการตัดสินใจไปต่อถึงชายแดน ฟันฝ่าอันตรายรอบตัวไปพร้อมแม่กับน้อง
แม่ป่วยและอ่อนแรงมากเกินไป ยากลำบากเพราะเขามากเกินไป…
แล้วเขาจะใช้ชีวิตอย่างนี้ไปอีกนานแค่ไหนกัน ชีวิตที่ไม่เคยยอมจำนนกับคนชั่ว สร้างความลำบากให้กับคนรอบข้าง เกือบจะได้ชีวิตใหม่ที่เสี่ยให้มา เกือบเท่านั้น แล้วก็มีอันเป็นไป…
ใกล้รุ่งตื่นขึ้นมาทำอาหารแต่เช้า ก่อนอื่นคือข้าวต้มร้อนๆและผัดผักสำหรับสมาชิกใหม่ อาหารเจที่หล่อนไม่ได้ทำบ่อยนัก เพิ่งรู้ว่าที่เคยคิดว่าเป็นน้องชายของเจียง ที่แท้ก็คือน้องสาว คงมีการปลอมตัวระหว่างเดินทางเพื่อความปลอดภัย รู้จากพ่อว่าเจียงเคยเป็นพระเส้าหลินจากทางตอนเหนือของจีน ต้องร่อนเร่หนีมาด้วยปัญหาทางการเมือง ตอนนี้เจ้าหน้าที่ไทยกำลังตามล่าเขาเช่นกัน หล่อนยังไม่เคยเห็นพ่อช่วยเหลือใครมากเท่านี้มาก่อน…
ทำอาหารเสร็จก็ยกลงไปตั้งโต๊ะในห้องอาหารข้างล่าง ท่าทางยังไม่มีใครตื่นสักคน ใกล้รุ่งเปิดประตูหลังและดุ่มเดินไปตามเส้นทางแคบๆที่มุ่งตรงสู่ท้ายไร่ แดดสีทองทอแสง สุกอร่ามสะท้อนเงาน้ำค้างวิบวับคล้ายเกร็ดเพชร นี่คือเส้นทางที่หล่อนออกเดินทุกวันเพื่อเก็บผัก แม่กะจะเปิดแผงขายวันนี้หลังจากปิดมาหลายวัน โลกภายนอกดูปลอดภัยกว่าเดิมเมื่อไม่มีแก๊งมอเตอร์ไซค์มาเวียนวน เหมือนเมื่อก่อน พวกมันหายตัวไปอย่างเงียบๆ…
ร่างตะคุ่มที่นั่งผงาดบนโขดหินตรงบริเวณท้ายไร่ทำให้ใกล้รุ่งถึงกับชะงักหยุดเดิน
เจียงนั่นเอง…
เขานั่งหันหลังให้หล่อนและหันหน้าสู้ตะวัน เห็นได้ชัดว่ากำลังนั่งสมาธิจนไม่สนใจกับทุกสิ่งรอบข้าง ใกล้รุ่งรีบถอยเท้าเดินกลับ คงเป็นกิจวัตรประจำวันที่พระอย่างเขาต้องทำ…
แวะเดินเก็บผักใส่ตะกร้าตามรายทาง แม่จะเปิดแผงวันนี้และคงมีลูกค้าประจำเช่นทุกครั้ง
แม่ออกมาช่วยหล่อนเก็บผัก เล่าให้ฟังด้วยว่า
“เมื่อกี้แม่ช่วยตรวจความดันแม่ของเจียง ความดันต่ำน่ากลัว ท่าทางจะอ่อนแรงมากด้วย แม่ว่าจะรีบให้น้ำเกลือเอาแรงมาก่อน กินอาหารอย่างเดียวคงไม่ไหว แล้วนี่เจียงไปไหนแม่ไม่เห็น“
“นั่งสมาธิอยู่ท้ายไร่ รุ่งผ่านไปเมื่อกี้“
“น่าสงสาร นี่เขาจะต้องหลบหนีไปอีกนานแค่ไหนกัน หอบแม่หอบน้องทุลักทุเล พ่อเขาก็ไม่ได้เล่าอะไรมาก บอกแต่ว่าเราต้องช่วยเขา…”
พ่อชอบช่วยคน…เหตุผลของพ่อคงมีแค่นี้เอง พ่อไม่เคยแม้กระทั่งจะรู้จักอะไรเขา และเขาเองก็คงชอบช่วยคนอื่นด้วยเหตุผลเดียวกัน เขาช่วยพลด้วยเหตุผลง่ายๆแค่นี้เอง เขาไม่รู้จักอะไรเลยกับน้องชายของหล่อนเสียด้วยซ้ำ…
ทะนงมารู้ข่าวที่เกรียงถูกเผาโหดและเขาก็รู้ได้ทันทีว่าเป็นฝีมือของพ่อนั่นเอง
พ่อกะจะฆ่าเกรียงหวังปิดปาก ลงเอยด้วยการทำไม่สำเร็จ เกรียงมันจะไม่รู้ทีเดียวหรือว่าอะไรเป็นอะไร ฟื้นขึ้นมาเมื่อไหร่มีหรือที่มันจะไม่ปูด รีบโทรไปหาพ่อทันทีเพื่อถามถึงเรื่องนี้ และพ่อก็เดือดดาลใส่เขา
“ฉันเก็บมันก็เพื่อแก ใครคิดว่ามันจะรอดมาได้ ลูกน้องฉันแน่ใจแล้วว่ามันตายก่อนจะโดนเผา“
“ผมซวยแน่พ่อ มันฟื้นเมื่อไหร่มันซัดทอดผมแน่“
“ฉันจะรีบติดต่อเจ้าหน้าที่ แกเองก็เงียบไว้ แล้วอย่าไปยอมรับสารภาพอะไร เป็นอันขาด“
สั่งลูกชายเสร็จผู้การพิสุทก็รีบติดต่อเจ้าพนักงานทันที เรื่องมันใกล้ตัวเข้ามาทุกทีแล้ว ใครคิดว่าลูกน้องของเขาจะทำงานพลาดถึงขนาดนี้…
“จากที่เกิดเหตุเราเห็นรอยเท้าคนไม่ต่ำกว่าห้าหกคน มีรอยนิ้วมือที่รถบางส่วนที่ยังไม่ไหม้ไฟ เก็บเข้าแฟ้มเอาไว้เป็นหลักฐานเรียบร้อยแล้ว เพื่อเทียบกับรอยนิ้วมือและรอยรองเท้าของผู้ต้องสงสัย ตอนนี้เราเรียกผู้เห็นเหตุการณ์มาสอบปากคำ นายเกรียงคนนี้อยู่ในระหว่างการหลบหนีเพราะเป็นผู้ต้องสงสัยคดีเสี่ยกิจ คิดว่าเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลัง แต่ที่ถูกเผาโหดนี่น่าจะเป็นการฆ่าปิดปากมากกว่า“
สารวัตรวิชัยนั่งรายงานให้เขาฟังเป็นฉากเป็นตอนและผู้การพิสุทก็รีบขัด
“ผมก็ยังไม่อยากเชื่ออยู่ดีว่าลูกจะฆ่าพ่อตัวเองได้ มันมีประเด็นอื่นมั่งมั้ยสารวัตร เพราะไอ้นี่มันก็นักเลงหัวไม้ศัตรูเยอะแยะเต็มไปหมด หลังๆนี่เห็นว่าไปออกเงินกู้นอกระบบ น่าจะไปขัดผลประโยชน์นักเลงถิ่นอื่นเลยโดนเล่นเข้าให้“
“ตอนนี้เรากำลังหาหลักฐานเพิ่มเติมครับผู้การ ถ้าเป็นในแง่นั้นผมแน่ใจว่าท้าย สุดเราจะจับได้ทั้งหมด“
อย่างน้อยเขาก็ยังมีโอกาสได้ซื้อเวลาว่าจะจัดการอย่างไรต่อไป ทางเดียวที่มองเห็นในตอนนี้คือการหาทางกำจัดไอ้เกรียงโดยเร็วที่สุดก่อนที่มันจะปริปาก…
การถูกเผาโหดของเกรียงยังเป็นปริศนาที่ประชายังขบไม่แตก ในขณะที่ลิลิตดูจะมีคำตอบที่แน่นอน
“ผมว่าไม่มีใครนอกจากผู้การฯ“
“คือคุณคิดว่าผู้การฯเป็นคนทำ“ เขาถามไป
“ไม่ใช่คิด…แต่เชื่อเลยหล่ะว่าไม่มีใคร เพราะตำรวจกะจับนายเกรียงแน่อยู่แล้ว ก็เลยกลัวถูกซัดทอดไปถึงลูกชาย ไอ้นั่นน่ะตัวแสบเลยหละ คดีเผาบ้านลูกหนี้จนตายยกครัวก็ฝีมือพวกมัน เผาไอ้เกรียงนี่ก็พวกมันอีก เพื่อปิดปาก นี่ขนาดเป็นเพื่อนรักเพื่อนใคร่กันมา“
ไม่มีมิตรแท้ในหมู่โจรฉันใดก็ฉันนั้น…ไม่มีแม้กระทั่งความภักดีในสายเลือด
นี่คือโลกมืดที่กำลังกลืนภาคสว่างที่เขาเคยรู้จักมาเนิ่นนานจนแทบไม่เหลือแสงสว่างใดๆอีก มันเป็นแก๊งหฤโหดที่อยู่ได้ด้วยความหวาดกลัวของผู้คนรอบข้าง…
เขาถูกเรียกสอบปากคำอีกครั้ง คราวนี้ผู้การพิสุทเป็นคนสอบเอง
“ทางเราพบรอยเท้าหลายรอยในที่เกิดเหตุ ที่แน่ๆคือของลูกสาวครูที่เป็นคนเข้าไปเห็นเหตุการณ์ มีคนร้่ายสามคนที่เป็นคนลงมือ หลบหนีไปด้วยรถกระบะที่ขับตามกันมา ทางเราเก็บรอยเท้าได้แล้วทั้งสามคน แต่ไม่พบรอยเท้าครูในที่เกิดเหตุ มีแค่รอยเท้าของใครอีกคนที่ประคองเกรียงเข้าไปในไร่ของครู…”
รอบนี้ผู้การฯมองหน้าเขานิ่งเหมือนจะจับผิด
“ครูคงจะไม่ยืนยันใช่ไหมว่าครูเป็นคนช่วยเกรียงในที่เกิดเหตุ“
ประชาเงียบ ใครคิดว่ามันจะสืบละเอียดยิบขนาดวัดรอยเท้าคน ตอบเลี่ยงไปว่า
“นอกจากผมกับลูกแล้วผมก็ไม่เห็นมีใคร“
“เอาเป็นว่าที่ผมถามเพราะมันยังไม่ลงตัวเท่านั้นเองเกี่ยวกับรอยเท้าที่เราไปพบเข้า ตอนนี้เรากำลังติดตามมือสังหารอีกสามคน ส่วนคนสั่่งการจะเป็นใครเราคงต้องรอจนกว่ารูปคดีจะคลี่คลาย รายละเอียดปลีกย่อยอาจจะต้องรอจนกว่าเกรียงจะให้การเพิ่มเติมว่า จดจำอะไรได้บ้าง ที่ผมเชิญครูมาก็เพราะคำให้การของครูมันขัดแย้งกันกับหลักฐานที่ทางเรามี“
“นี่ผมถึงกับจะต้องวิ่งหาทนายอีกรึเปล่าเนี่ยผู้การฯ“
รอบนี้ผู้การฯหัวเราะแปลกๆ
“ครูจะเปลี่ยนตัวเองจากพยานเป็นผู้ต้องหาเพื่ออะไรกัน“
“ก็เพราะผู้การฯทำให้ผมรู้สึกว่าเป็นผู้ต้องหาเสียเอง“
“เอาเป็นว่าผมจะเรียกลูกสาวครูมาสอบปากคำเพิ่มเติมจะดีกว่าจนกว่าเราจะได้ปากคำที่น่าพึงพอใจ เพราะผมแน่ใจว่าครูไม่ได้บอกอะไรเราทั้งหมด“
ผู้การพิสุทเห็นหน้าอีกฝ่ายก็รู้แล้วว่าเป็นการให้การเท็จตั้งแต่ต้นจนจบ…
ไม่ใช่ครูประชาที่เป็นคนช่วยเหลือเกรียงออกมาจากในรถ ระยะทางอันยาวนานกว่าจะไปถึงไร่ของฝ่ายนั้นมีใครบางคนประคองเกรียงไปตลอดเส้นทาง รอยเท้าแต่ละรอยเล่าถึงเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นจนจบ อาจจะเป็นไอ้พระเส้าหลินคนนั้นก็ได้ที่มีบทบาทเข้ามาช่วยเหลือเกรียงให้รอดชีวิตมาได้ ลูกน้องเขาสบถสาบานว่าเจ้านั่นมันตายแล้วจริงๆ ก่อนที่จะทำการเผา…
สารวัตรวิชัยมารายงานความคืบหน้าเกี่ยวกับเจ้านั่นให้เขาฟังอีกครั้ง
“ค่าหัวขึ้นไปเป็นล้านเหรียญแล้วครับผู้การฯ พระเส้าหลินคนนั้น ไม่ว่าจะจับเป็นหรือจับตาย ล่าสุดสันนิษฐานว่าจะเดินทางข้ามแดนไปพม่า มีแม่กับน้องไปด้วย“
สั่งคุมชายแดนให้แน่นหนาในทุกด่านตรวจ ส่งกำลังปูพรมค้นทุกหมู่บ้านในย่านนั้น
ไม่มีวันที่มันจะหลุดรอดผ่านพ้่นไปได้ไม่ว่ามันจะแน่สักแค่ไหน…
งานศพของลูกน้องทั้งห้าคนดูเงียบเหงาและมีแค่ญาติไม่กี่คนที่วัด เหล่านี้คือลูกน้องที่เขาเลี้ยงมาและต้องมาดับเพราะมือมืด ทะนงไปในงานแม้พ่อจะห้ามด้วยเหตุผลที่เขาไม่อาจจะเข้าใจ เท่านั้นยังไม่พอยังสั่งไล่ล่าลูกน้องมือปืนของเขาชนิดไม่ให้ตั้งตัว พ่อเป็นคนให้ลูกน้องไปเก็บเกรียงอย่างรวดเร็วที่สุดชนิดที่เขาเองก็ไม่คาดฝัน…
ทะนงได้แต่สั่งให้ลูกน้องสามคนกบดานอยู่ที่พม่าและไม่ต้องกลับมาในตอนนี้ รู้ว่าถ้ากลับมาพ่อก็จะเล่นถึงตาย การฆ่าตัดตอนก่อนที่เรื่องจะมาถึงตัวคือวิธีการที่พ่อจะทำเรื่อยมาด้วยวิธีการที่โหดสุดๆ มันเป็นความโหดที่เขาเองยังไม่ได้ครึ่ง…
พ่อก้าวมาถึงจุดนี้ก็เพราะพฤติกรรมอย่างนี้เอง วิธีการที่จะรักษาตำแหน่งและอำนาจของตัวเองเอาไว้ในทุกวิถีทาง การอุ้มฆ่าจึงเป็นประเพณีที่ทำตามกันมาเรื่อย สิ่งที่เขากำลังเรียนรู้จากพ่อนั่นเอง…
มอบเงินจำนวนหนึ่งช่วยงานศพจากนั้นก็ออกจากที่นั่น เสร็จสิ้นภารกิจของการเป็นเจ้านายที่ดี หนี้สินทั้งหมดถูกล้างด้วยความตาย มันช่างง่ายดายขนาดนั้น…
ยังไม่รู้ว่าพ่อจะจัดการต่อไปอย่างไรกับเกรียงที่ยังนอนอยู่โรงพยาบาล นัยว่ายังให้การอะไรไม่ได้ ไอ้เกรียงมันต้องจำลูกน้องของพ่อได้ดีและมันต้องให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ พ่อจะหาทางปิดปากมันยังไง คำพูดของฝ่ายนั้นย่อมมีน้ำหนักและอาจจะพาดพิง มาถึงเขาได้ในที่สุด…
กลับมาถึงบ้านพ่อก็เรียกเขาไปพบในห้องทำงาน มีมือปืนสองคนคุ้มกันอยู่หน้าห้องแม้จะเป็นบ้านของตนเอง
พ่อยืนอยู่ที่หน้าต่าง มีลูกกรงเหล็กกางกั้นที่พ่อสั่งทำพิเศษ พ่อยืนเอามือไพล่หลังและมองเขาด้วยหางตา ถามห้วนๆว่า
“ไอ้สามคนลูกน้องแก พวกมันอยู่ไหนตอนนี้“
“เขมรครับ“ ทะนงโกหกเสียงเรียบ
“เอาที่อยู่มาให้หน่อย…”
“ผมไม่รู้แน่ มันกระจัดกระจายกันหนีก็เลยขาดการติดต่อไป“
“ตอนนี้ตำรวจกำลังตามล่าพวกมันอยู่ เราจะต้องเจอมันก่อน เขาเจอมันเมื่อไหร่ แกจะพังทันที พลอยให้ลำบากมาถึงฉันด้วย“
ทะนงนิ่ง เก้าอี้ที่นั่งอยู่เหมือนจะร้อนเป็นไฟ หลุดปากถามไปว่า
“จำเป็นหรือครับพ่อ…”
“ฟังนะ“ พ่อหันมาตวาดเสียงเขียว “แกก่อเรื่องขึ้นมาทำให้ฉันต้องตามล้างตามเช็ด ถ้าแกไม่จัดการกับไอ้สามคนนั่นให้เด็ดขาดแกก็จะโดนโทษหนักในฐานะผู้บงการ อย่านึกล่ะว่าพวกมันจะไม่พูด ฉันยังไม่เคยเห็นมือรับจ้างที่ยอมตายคนเดียว มันไม่มี ยังไม่เคยปรากฎ ถ้าแกไม่เก็บพวกมัน แกนั่นแหละจะเดือดร้อน ถ้าทำไม่ได้คนของฉันจะไปทำ เอาที่อยู่มาก็แล้วกัน“
แค่นั้น ง่ายๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พ่อทำได้อย่างไรกัน เขาชินกับการทำร้าย คนอื่นแต่ไม่ใช่พวกเดียวกันเอง…พวกมันคือลูกน้องที่จงรักภักดี ความผิดอย่างเดียวคือ ทำทุกสิ่งตามที่เขาสั่ง ภารกิจที่ล้มเหลวไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีโทษถึงตาย…
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 29 : อิทธิพลมืด
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 28 : ไล่ล่า
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 27 : แสงสว่างในความมืด
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 26 : แค่ลมหายใจ
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 25 : ศาลเตี้ย
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 24 : ก่อนพายุจะมา
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 23 : เผาโหด
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 22 : ที่พักพิง
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 21 : ที่ยืนของคนดี...มีไหม
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 20 : จุดตาย
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 19 : ผู้บงการ
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 18 : ลูกงูเห่า
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 17 : ลอบทำร้าย
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 16 : เมืองมืด
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 15 : ความไว้ใจ
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 14 : ชีวิตบนเส้นด้าย
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 13 : มิตรภาพ
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 12 : เมืองเถื่อน
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 11 : ผืนดินที่อาศัย
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 10 : ระวังตัวให้ดี
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 9 : เจ้าลัทธิ
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 8 : คนรถคนใหม่
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 7 : บนเส้นด้าย
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 6 : ความช่วยเหลือ
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 5 : แก๊งอันธพาล
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 4 : บุรุษปริศนา
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 3 : อาจจะถึงเวลาเริ่มต้น
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 2 : ถนนสายนักเลง
- READ ก่อนฟ้าสาง บทที่ 1 : แผ่นดินของเรา