ก่อนฟ้าสาง บทที่ 8 : คนรถคนใหม่

ก่อนฟ้าสาง บทที่ 8 : คนรถคนใหม่

โดย : ม.มธุการี

ก่อนฟ้าสาง นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์ เรื่องราวโดย ม.มธุการี เมื่อ ‘เจียง’ เลือกพาครอบครัวหนีความเดือดร้อนมาพักพิงยังแผ่นดินไทย แต่แผ่นดินแห่งนี้จะเป็นที่พักพิงที่ปลอดภัยให้กับเขาได้จริงๆ หรือ เจียงยังจะต้องฝ่าฟันอะไรอีกมากมาย อาจจะมีเพียง ‘ใกล้รุ่ง’ หญิงสาวผู้อ่อนโยนคนนั้นที่เป็นความหวังของเขา

พ่อพาน้องชายไปรดน้ำมนต์ที่วัดและใกล้รุ่งก็ติดรถไปด้วย ไหว้พระเสร็จหล่อนก็ออกมาเดินข้างนอกวัด รู้ว่าพ่อจะคุยติดลมกับเจ้าอาวาสเป็นเวลานานๆ ทีเดียว

พลเดินตามออกมาด้วยและนั่งคุยกันที่ลานโพธิ์ร่มรื่น สีหน้าของอีกฝ่ายบอกถึงความกลัดกลุ้มใจชนิดซ่อนเร้นไม่มิด

“พ่อมาซักไซ้อยู่ได้ว่าจำไอ้คนที่มาช่วยได้รึเปล่า จำได้ก็คงบอกไปแล้วดิ เรื่องอะไรจะมาซวยคนเดียว”

“แต่เขาก็ช่วยเธอนี่นะ ไม่ได้เขาป่านนี้อาจจะเจอหนักกว่านี้ก็ได้”

“อะไรจะหนักไปกว่าติดคุกล่ะ ทำร้ายร่างกายชนิดเจียนตายเลยนะ ทั้งๆ ที่เราไม่ได้ทำ ไอ้คนทำมันก็คงรู้ถึงได้หนีเอาตัวรอดไปไง”

“เขาอาจจะไม่รู้ก็ได้นี่”

“มีหรือไม่รู้ เป็นข่าวออกตูมตามยังงั้น จ้างตำรวจก็ตามตัวไม่เจอเพราะมันเปิดไปแล้ว”

“ไม่รู้ละ ถึงไงพี่ว่าเขาก็เป็นคนดี”

รถเบนซ์สีดำคืบคลานเข้ามาจอดในบริเวณและเหลียวมองเกือบจะพร้อมกัน มีอยู่คันเดียวในตลาดนั่นคือรถเสี่ยกิจ

เสี่ยก้าวลงมาคนเดียวจากทางตอนหลังและเดินหายเข้าไปในวัด พลกระซิบบอกพี่สาว

“อ่านข่าวแก๊งเจ้าหนี้นอกระบบเผาบ้านชาวบ้านตายยกครัวรึยัง”

“อ่านแล้ว ทำไมหรือ…”

“ลูกชายเสี่ยก็หนึ่งในแก๊งด้วย ร่วมกับลูกผู้การ มันมีแก๊งเดียวนี่แหละที่แมร่ง

ชาวบ้านเขาเอือมระอา สมน้ำหน้าอยู่เหมือนกันที่ไอ้คนเล็กโดนเหยียบซะโคม่าแดก”

“เสี่ยแกก็ดูจะเป็นคนดีนี่นะ ใจบุญสุนทาน ชอบช่วยเหลือคน”

“แกจนมาก่อนไง แกเป็นลูกคนจน แต่ไอ้เกรียงมันลูกคนรวยมันถึงได้เลวได้ถ้วย ยังงั้นเชื่อเหอะ คดีนี้จับไม่ได้ตามฟอร์ม ทีกับเราทำมั้ยมันถึงได้จับง่ายดายนักวะ”

เจียงเห็นหล่อนนั่งคุยอยู่กับเด็กหนุ่มคนนั้นที่ลานโพธิ์ จำหล่อนได้ดีพอๆ กับที่เริ่มจำเด็กหนุ่มคนนั้นได้ ใช่คนที่เขาเข้าไปช่วยเอาไว้วันนั้นจริงๆ เสียด้วย แผลที่หน้าผากยังมองเห็นได้ชัดเพราะจอดรถไม่ห่างไกลกันนัก…

เถ้าแก่เดินออกมาในเวลาต่อมา เดินคุยมากับชายวัยกลางคนที่เขาเห็นไม่ถนัดนัก

ยืนคุยกันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะแยกย้ายจากกัน

เจียงออกรถหลังจากที่เถ้าแก่เข้ามานั่งเรียบร้อยแล้ว

“ผู้ชายคนนั้นเขาถามถึง เห็นว่าเจอกันมาแล้วไม่ใช่หรือ ที่เขาขับรถไปส่งให้ที่บ้าน”

เจียงนิ่งงัน ผู้ชายคนนั้นเองดอกหรือ มันมืดมากคืนนั้นจนยากที่จะจดจำ…

“เธอบอกเขาว่าขับรถให้ฉันเขาก็เลยถามดู” เถ้าแก่คุยต่อเรื่อยไป “ชื่อครูประชา

วันนี้พาลูกชายมารดน้ำมนต์ ไปมีเรื่องมีราวชกต่อยกันจนถูกฟ้องร้องเป็นความ ก็ไม่รู้จะไปถึงไหน ครูแกเป็นคนดี คนเก่าแก่ของที่นี่ สอนมาตั้งแต่ไอ้เกรียงยังเป็นเด็กๆ นี่วันนี้มาปรึกษาเจ้าอาวาสเรื่องจะจับมันบวชเสียที ทุกวันนี้มันก็ทำตัวไม่ไหว บวชเรียนแล้วอาจจะดีขึ้น ว่าแต่เธอเคยบวชเรียนมามั่งรึยัง”

“ครับ” เจียงตอบสั้น

“ก็ดี บวชเรียนมันเปลี่ยนคนได้ กำลังห่วงเกรียงมันมากตอนนี้ ไปเข้าก๊วนเข้า แก๊งทำตัวป่วนบ้านป่วนเมือง จะถูกยิงตายเข้าสักวัน หรือไม่ก็เข้าตะราง”

เจียงเงียบเสีย กำลังคิดว่าเรื่องยุ่งๆ เริ่มใกล้ตัวเขาเข้ามาทุกทีแล้ว ลูกชายครูประชาคนนั้นนั่นเองที่เขาโดดเข้าไปช่วยเอาไว้วันนั้น คดีใกล้ตัวเข้ามาทุกทีเหตุเพราะเจ้าคนที่อยู่โรงพยาบาลเป็นลูกนายตำรวจใหญ่ อะไรจะเกิดขึ้นถ้าเขาเกิดถูกจับได้ มันจะบานปลายไปถึงดคีความที่เขามีค่าหัวมาก่อน อาจถูกส่งกลับไปเมืองจีน และชีวิตของเขาก็จะจบสิ้นที่นั่นเช่นเดียวกับแม่และน้อง…

 

————

ประชาส่งลูกเข้าบ้านและเลยไปหาลิลิตที่บ้าน เสี่ยได้คนขับรถใหม่มาแทนคนเก่าที่เพิ่งออกไปจริงอย่างที่รู้มา ไม่ใช่คนในท้องที่แต่เพิ่งย้ายมาจากถิ่นอื่น        แล้วจะเป็นคนเดียวกับที่ไปช่วยพลวันนั้นหรือไม่…ภาพคืนวันนั้นยังติดตา ใครบ้างในท้องที่นี้ที่กล้าไปต่อกรกับแก๊งเดนนรกแก๊งนี้…

เล่าให้ลิลิตฟังเกี่ยวกับบุคคลที่เขาสงสัยและฝ่ายนั้นก็ว่า

“ขนาดถีบทีเดียวกระเด็นนี่ผมว่าไม่ธรรมดา มันต้องเป็นมวย แถมมาจากที่อื่น

ถึงได้กล้าไง ผมตามสืบตามค่ายมวยเหมือนกันแต่ส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กในแก๊งที่ลูกผู้การมันเลี้ยงเอาไว้ทั้งนั้น ว่าแต่คุณแน่ใจหรือว่าต้องเป็นไอ้คนนี้ มันชื่ออะไรนะ”

“เสี่ยว่าชื่อนายวิทยาอะไรนี่แหละ เห็นว่าเพิ่งย้ายมาจากเชียงใหม่ได้ไม่นาน มีบ้านพักอยู่แถวๆนี้เอง ทีแรกผมยังนึกว่าเป็นคนเฝ้าไร่ เรื่องที่ว่าผมแน่ใจหรือ ไม่ก็อาจจะห้าสิบห้าสิบ ที่สำคัญคือผมไม่มีหลักฐานอะไรเลย”

“ถ้าเขาซัดสามคนหมอบคาที่ก็ถือว่ามีวิชาความรู้พอตัว”

“เรื่องของเรื่องคือคนทำตัวเป็นพลเมืองดีทำไมจะต้องมาซวยเพราะปกป้องคนอื่น

โลกมันบ้ายิ่งขึ้นทุกวัน ปล่อยอันธพาลเต็มบ้านเต็มเมือง”

“ก็อย่างว่า นานๆ จะมีคนสู้กลับ ปืนที่ผมให้คุณไว้ก็อย่าลืมเอาติดตัวเวลาไปไหนมาไหน อาจจะเจอเดนนรกป่วนเมืองเข้าเมื่อไหร่ก็ได้”

“ผมไม่คิดว่าผมจะยิงใครได้นะ มันไม่ใช่ตัวตนของผม”

“ได้หรือไม่ได้ถึงเวลาก็รู้เอง นอกเสียจากว่าคุณจะเป็นมวยหรือมีคาถาอาคมพรางตัวหนีได้เมื่อภัยมา มันมีเหมือนกันนะไอ้พวกที่เก่งทางเวทมนตร์คาถา ผมเคยเจอมาแล้วตอนเป็นตำรวจ ส่วนใหญ่เป็นพวกไอ้เสือมีเกจิอาจารย์ขลัง ฟันก็ไม่เข้า ยิงก็ไม่ถูก ถูกมันจริงแต่ลูกปืนบี้ไปหมด แถมยังพรางกายหายตัวได้ต่อหน้าต่อตา จับมันได้ง่ายๆ เมื่อไหร่ไอ้คนพวกนี้ เพราะคาถาอาคมมันขลังมาก”

“ทำไมผมถึงไม่เคยเชื่อเรื่องพวกนี้”

“เพราะไม่เคยเจอกับตัวเองนั่นไง”

“ลูกผมมันก็เชื่อนะ วิ่งหาเกจิอาจารย์ได้ของดีมาแขวนเต็มคอ แล้วเป็นไง ขนาดนั้นยังหน้าแหกกลับมา”

ขับรถกลับบ้านวันนั้นและรื้อหาปืนในช่องเก็บของหน้ารถ ว่าจะเอาไปคืนเพื่อน แต่ตอนนี้เปลี่ยนใจ บ้านเมืองมันเข้าข่ายกลียุคไร้ขื่อแปจริงอย่างว่า ยิ่งเวลานี้ที่กำลังอยู่ในระหว่างคดีความกับผู้มีอิทธิพล ความแค้นเคืองของฝ่ายตรงข้ามมันแทรกอยู่ในทุกอณูอากาศจนเขาแทบสำลักควันตาย อะไรจะเกิดขึ้นกับเขาและครอบครัวเมื่อไหร่ก็ได้…

————

 

พ่อเดินทางมาถึงและมีลูกน้องเป็นมือปืนมาด้วยสองคน แค่เห็นหน้าเคร่งเครียดของผู้สูงวัยกว่า ทะนงก็พอจะรู้ถึงสภาพความป่วยไข้ของน้องชายว่าไม่มีอะไรดีขึ้นและหนักหนาขนาดไหน

“ยังโคม่าอยู่เลย มันจะแย่เสียละมั้งน้องแก นี่เพิ่งคุยกับสารวัตรวิชัย จนป่านนี้เขายังควานหาตัวไอ้คนนั้นยังไม่เจอ มันยากเย็นอะไรเสียนักหนาล่ะวะ”

พ่อเดินพล่านและบ่นไม่ยอมหยุด เหมือนจะพาความเครียดมาระบายที่เขาคนเดียว “แกก็ดููแลน้องไม่ได้ ลูกน้องเต็มบ้านเต็มเมือง แล้วสืบไม่รู้มั่งรึไงว่ามันเป็นใคร”

“ผมว่าไอ้พลมันต้องรู้ แต่มันไม่ยอมเปิดเผย จ้องจะลากมันมาเค้นคอถามอยู่เหมือนกันแต่หาโอกาสไม่ได้ พ่อมันคุมแจเวลาไปไหนมาไหน ตอนถูกจับมันก็ไม่ยอมบอก ตำรวจบอกไม่รู้ท่าเดียว นี่ขนาดตั้งรางวัลนำจับแล้ว”

“มันอาจจะเปิดหนีไปไหนต่อไหนแล้วก็ได้ตอนนี้ แล้วคนของแก ไอ้สองคนนั่นมันจำหน้าไม่ได้มั่งเลยหรือ”

“เห็นว่ามันเร็วมากครับพ่อ ทนาคนเดียวที่เผชิญหน้ากับมันอย่างจัง เลยถูกมันล่อซะเละ”

“เพิ่มรางวัลนำจับ พรุ่งนี้จะไปคุยกับสารวัตร ให้มันรู้ไปว่ามันจะอยู่เหนือกฎหมาย”

ทะนงเล่าให้เพื่อนซี้ฟังเกี่ยวกับการเพิ่มรางวัลนำจับและเกรียงก็ตาลุก

“จากห้าแสนเป็นล้านนึง…จับเป็นรึจับตายกันล่ะวะ อย่างนี้กูไม่ให้หลุดมือไปได้แน่ เพราะมีตัวเก็งที่กูสงสัยเอาไว้แล้ว”

“ใคร” ทะนงถามเสียงเข้ม

“คนขับรถพ่อกูเอง”

“ตาลุงแห้งแหงแก๋คนนั้นน่ะหรือ”

“ไม่ใช่ นี่คนใหม่ พ่อกูเพิ่งได้มาจากไหนก็ไม่รู้ หัวนอนปลายตีนคงไม่มี แต่ลูก

น้องกูมาคุยกันว่าแมร่งแรงแยะชิบหาย ฉะกันมาหัวซุกหัวซุนทุกราย เค้าว่ามันเป็นมวย”

ทะนงอึ้ง คนแปลกหน้าในชุมชน แถมเป็นมวย มันช่างเข้าล็อกที่เคยคิดเอาไว้

“กูว่าต้องเป็นมันแน่”

“กูก็ว่า” เกรียงมั่นใจ

“ต้องแจ้งความให้ตำรวจเรียกมันไปสอบ ถ้าใช่มึงกับกูคนละห้าแสน ใช้หนี้มึงไปด้วย แต่จะรู้ได้ยังไง อย่างน้อยเราต้องมีหลักฐานอะไรมั่ง”

“ก็บอกว่าลูกน้องมึงคนนึงเริ่มจำมันได้ เออน่า ต้องใช่มันเด็ดขาด หาพยานเท็จเข้าหน่อยก็ลงตัว”

แต่ด่านแรกที่เกรียงรู้ว่าจะปกป้องไอ้หมอนั่นจนสุดฤทธิ์ก็คือเตี่ย ถึงขนาดทุ่มเงินซื้อบัตรประชาชนกับใบขับขี่ให้มันจนเขานึกริษยา ดีไม่ดีอยู่นานไปเตี่ยจะลืมว่ามีเขาเป็นลูกอยู่อีกคน…

ลองเข้าไปคุยกับเตี่ยเพื่อหยั่งเสียงดูเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่แน่ เงินล้านที่เขาจะได้มา

จากรางวัลนำจับอาจจะทำให้เตี่ยเปลี่ยนใจมั่งก็ได้ใครจะไปรู้

“ลื้ออย่าเที่ยวไปซี้ซั้วโทษอีนา มันเรื่องอะไรกันวะ” เตี่ยตวาดลั่นในทันทีที่เขาเปรยความสงสัยให้ฟัง “อีเป็นคนดี ทำงานขยันขันแข็ง ไม่ใช่แก๊งเดนนรกเหมือนพวกลื้อเมื่อไหร่ ไปเที่ยวได้พูดซี้ซั้วได้ไง”

“เตี่ยตะหากซี้ซั้วรับอีมาทำงาน หัวนอนปลายตีนก็ไม่มี ไม่มีกระทั่งบัตรประชาชน”

เกรียงเถียงกลับ

“เออ อั๊วรู้จักอี อีคนดี ไม่เหมือนลื้อนี่ อย่าไปหาเรื่องอีละกันจะเจอดี แล้วนี่เมื่อไหร่จะได้เงิน”

วกพูดเรื่องเงินอีกจนได้และเกรียงก็ผลุนผลันออกจากที่นั่น ออกไปนั่งกินเหล้ากับลูกน้องในตลาด เริ่มมีเสียงพาดพิงไปถึงไอ้คนนั้นหนาหูในหมู่ลูกน้อง

“แรงมันยังกะช้างสาร ขนาดยักษ์ใหญ่อย่างไอ้เดชยังล้ม ต้องเป็นมันแน่วันนั้น”

จะมีใคร…ไอ้คนที่กล้ากับแก๊งของเขากับทะนงจะต้องไม่ใช่คนในชุมชนนี้แน่และต้องมาจากที่อื่น เกรียงมองเห็นเงินล้านเพียงแค่เอื้อมถ้าเขากับทะนงจะหาพยานเท็จเพิ่ม

ขึ้นมาอีกสักคนสองคน…



Don`t copy text!