พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 40.2 : พลังของฝาแฝด

พยับฟ้าโพยมดิน บทที่ 40.2 : พลังของฝาแฝด

โดย : พงศกร

Loading

พยับฟ้าพโยมดิน นวนิยายจากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อน้องชายฝาแฝดหายตัวไปอย่างลึกลับในหมู่บ้านกลางหุบเขาของภูฏาน เขาจำเป็นต้องทิ้งทุกอย่างเพื่อตามหาก่อนที่จะสายเกินไป เขาต้องยอมรับความช่วยเหลือจากนารีญาหญิงสาวที่ตั้งตัวเป็นศัตรูกับเขาตั้งแต่แรกเจอพ่วงไปด้วย เธอคนนี้อาจเป็นคนเดียวที่ไขปริศนาต่างๆ และพาเขาไปพบกับน้องชายได้

จากตำแหน่งที่เขายืนอยู่ ลิ่วลมมองเห็นภาพนั้นได้ถนัด เขาใจหายวาบเพราะคิดว่าถ้าตาข่ายตกลงมาคลุมมังกรเมื่อไร พัลเดนก็จะตกลงมาแล้วถูกพวกอังเดรจับได้ และถ้าพัลเดนขัดขืน พวกมันคงไม่ปล่อยไว้แน่

ขณะกำลังคิดว่าจะทำอย่างไร เขาเห็นล่องเมฆลุกขึ้น แล้วใช้มือของเขาหยิบเอาอากาศรอบตัวมาปั้นเป็นก้อนกลม เหมือนเวลาคนปั้นลูกบอลจากหิมะ แต่นี่ไม่ใช่หิมะ ล่องเมฆสร้างลูกบอลขึ้นมาจากอากาศโดยรอบ จากนั้นน้องของเขาก็สะบัดมือสุดแรง

ตูม…โครม

ดวงตาของเขาจ้องมองตาข่ายและมังกรสลับกันไปมา ในสมองคิดคำนวณว่าเขาควรจะขว้างบอลอากาศใส่สิ่งไหนจึงจะได้ผลดีที่สุด

ตาข่ายนั้นไม่ควรเสี่ยง เขาไม่รู้ว่าลูกบอลอากาศจะมีผลเปลี่ยนทิศทางมันได้หรือไม่

ก่อนที่ตาข่ายใยแก้วจะตกลงมาคลุมร่างของพัลเดน ลูกบอลอากาศของล่องเมฆก็พุ่งไปกระแทกลูกมังกรอย่างเต็มที่ ส่งผลให้พัลเดนกระเด็นพ้นไปจากวิถีของตาข่าย และเชวังที่อยู่บนหลังของพัลเดนก็ไม่ทันระวังตัว เขากระเด็นตกลงมาที่พื้นอย่างรวดเร็ว

ล่องเมฆเห็นดังนั้นจึงรีบสะบัดมือ และสร้างลมงวงช้างขึ้น

กระแสลมที่หมุนแรงเป็นเกลียว รองรับอยู่ข้างใต้ร่างของเชวัง ค่อยๆ ชะลอความเร็วไม่ให้ตกลงสู่พื้นอย่างรุนแรง

“เชวัง เชวัง”

อัญญาวีร์จ้องมองภาพที่เกิดขึ้นอย่างไม่เชื่อสายตา ทั้งหมดเหมือนความฝันมากกว่าความจริง…ตั้งแต่มังกรไปจนถึงลมงวงช้าง

“เชวัง…”

อัญญาวีร์ร้องเสียงดังลั่น ในใจเต็มไปด้วยความสับสน ตัวเองกำลังได้รับบาดเจ็บ แต่ก็ห่วงทั้งนารีญาและเชวัง

ที่เคยโกรธ เคยคิดว่าจะไม่สนใจเขาอีกแล้ว…นั่นไม่จริงเลย…

เธอรู้ใจตัวเองในวินาทีนั้นว่ายังรักและเป็นห่วงเขาเสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานกี่ปี ความรู้สึกดีๆ ที่มีให้กับเชวัง ทินเลย์ก็ไม่เคยเปลี่ยน

พอได้เห็นเชวังได้รับอันตรายเพราะพยายามจะรักษาชีวิตของมังกรเอาไว้ อัญญาวีร์ก็ทนไม่ได้ เธอรู้สึกแทบขาดใจเมื่อเห็นเขาตกลงมากระแทกพื้นแล้วแน่นิ่งไป

เธอเข้าใจเชวังแล้วว่าเขาทิ้งเธอมาทำไม

ภาระหน้าที่ในการพิทักษ์มังกรตัวสุดท้ายของโลกใบนี้ ยิ่งใหญ่กว่าความรู้สึกส่วนตัว…

อัญญาวีร์ให้อภัยเขาทั้งหมดในตอนนั้น เธอวิ่งกะโผลกกะเผลกไปหาเชวัง ไม่ได้ห่วงว่าพวกคนร้ายจะยิงเธอหรือเปล่า

“เชวัง เชวัง…ได้ยินฉันไหม” อัญญาวีร์คุกเข่าลงข้างๆ ร่างสูงใหญ่ที่นอนนิ่งในทุ่งที่เต็มไปด้วยสมุนไพรเลือดมังกรสีแดงสด

“อัญ…อัญ” เขาลืมตาขึ้นช้าๆ พยายามจะขยับตัว แต่รู้สึกขัดยอกไปทั้งร่าง สายฝนยังตกแรง สายฟ้าฟาดดังเปรี้ยง เสียงรอบกายยังสับสนอึงอล เชวังพยายามบอกอัญญาวีร์ให้หนีไป “หนีไป…ไม่ต้องห่วงผม”

“ไม่…เราต้องไปด้วยกัน” อัญญาวีร์เสียงสั่น เชวังจ้องมองหญิงสาวนิ่งๆ ไม่รู้ว่าหยาดน้ำบนดวงหน้าของเธอคือน้ำหรือสายฝนกันแน่ “ตอนนี้หมอบนิ่งๆ เราหลบอยู่ตรงนี้กันก่อน”

ตอนนี้คนจาก Linn Plant เหลืออยู่แค่สี่คน รวมทั้งอังเดร ลิ่วลมอยู่ข้างหลังพวกเขา ทิมโมธีและเพื่อนอีกสองคนแหงนหน้ามองเหตุการณ์บนท้องฟ้าด้วยความรู้สึกประหลาดใจ ตาข่ายใยแก้วตกลงมาใส่ร่างของมังกรรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่ามังกรไม่มีทางหนีไปไหน มันจะต้องถูกจับแน่ แต่แล้วจู่ๆ ก็เหมือนกับมีมือที่มองไม่เห็นกระแทกมังกรให้กระเด็นออกไป ทำให้ตาข่ายใยแก้วพลาดเป้า

แรงกระแทกเกิดขึ้นโดยกะทันหันไม่มีสัญญาณเตือน ชายที่ขี่อยู่บนหลังมังกรจึงกระเด็นตกลงมา แต่จู่ๆ ก็เกิดมีลมงวงช้างช้อนร่างของเขาเอาไว้ ทำให้ไม่ตกลงมากระแทกรุนแรง

เหลือเชื่อ…ทุกคนคิดในใจ

ลิ่วลมเห็นภาพนั้นถนัดเช่นกัน

มันคือภาพในนิมิตที่เขาเห็นว่าเชวังตกลงมาจากที่สูง…

มันคือภาพที่เกิดขึ้นตรงหน้าของเขาในยามนี้!

“ห่ะเอ๊ย…” อังเดรสบถอย่างหัวเสีย เครื่องยิงตาข่ายใยแก้วมีกระสุนแค่นัดเดียว เมื่อยิงพลาดหมายถึงไม่สามารถจับเป็นมังกรได้แล้ว

“ช่วยกันจับมันให้ได้…ไม่ได้ตัวเป็นๆ ก็ยิงเอาซากกลับไป…เฮ้ย…”

เขายังสั่งไม่ทันจบประโยคก็ปรากฏว่าลูกน้องสามคนที่เหลืออยู่ของเขา ปล่อยมือจากนารีญาและยังเชน ก่อนจะหันมายิงใส่กันเอง

ทั้งสามหัวเราะอย่างคลุ้มคลั่ง ก่อนจะกดไกปืนกระหน่ำยิงพวกเดียวกันจนล้มคว่ำ และเมื่อพวกมันล้มลงไปจมกองเลือด อังเดรจึงเห็นว่าคนที่ยืนอยู่ตรงนั้นก็คือลิ่วลม…

เขาใช้มือแตะลูกสมุนทั้งสามคนของอังเดร…ทีละคน ทีละคน อย่างใจเย็น

สร้างภาพหลอนให้ทั้งสามเห็นว่าเพื่อนคือปีศาจร้าย แล้วจากนั้นพวกมันก็เริ่มยิงกันเอง ไม่ต้องเปลืองแรงเขาสักนิด

อังเดรแค่นเสียงด้วยความเจ็บใจ เขายกปืนในมือเล็งไปที่ลิ่วลม ไม่สนใจแล้วว่าตอนนั้นพัลเดนบินโฉบลงมาหายังเชน ก่อนที่หญิงสาวคนนั้นจะดึงมือของนารีญาให้วิ่งไปที่มังกร แล้วกระโดดขึ้นหลังพัลเดนไปด้วยกัน

“ตายเสียเถอะ”

อังเดรเตรียมจะเหนี่ยวไกสังหารลิ่วลมที่ยืนหมดแรง เนื่องจากใช้พลังทั้งหมดไปในการสร้างภาพหลอนให้กับคนถึงสามคน

ทว่าอังเดรยังไม่ทันได้ทำตามที่ตั้งใจ อากาศโดยรอบก็กลับยะเยือกเย็นขึ้นโดยกะทันหัน ไม่ใช่เย็นธรรมดา หากเป็นความเย็นต่ำกว่าจุดเยือกแข็ง

นิ้วของเขาที่กำลังจะเหนี่ยวไปแข็งราวกับก้อนหิน

อังเดรใจตกใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองกันแน่ เขาใจหายวาบเมื่อรู้สึกถึงขาเทียมที่ทำด้วยโลหะเย็นจัดจนขยับเคลื่อนไหวไม่ได้ รวมถึงขาข้างดีที่เหลืออยู่ก็เป็นแบบเดียวกัน

ดวงตาของเขาเหลือกลานด้วยความตกใจ เมื่อเห็นเกล็ดน้ำแข็งกำลังก่อตัวขึ้นจากพื้นดินแล้วไล่ขึ้นมาตามขาทั้งสองข้างอย่างรวดเร็ว จนถึงเอวและกำลังไล่เรื่อยขึ้นมาถึงร่างกายท่อนบน

เหมือนกับมีใครใช้น้ำแข็งหล่อร่างของเขาเอาไว้ข้างใน!

ลมหายใจของอังเดรติดขัด สมองเริ่มง่วงงุน ดวงตาพร่าพราย และทุกสิ่งกำลังจะมืดดับลง โลกรอบกายเยือกเย็นลงทุกขณะ

…จนสุดท้ายอังเดรก็ไม่รับรู้สิ่งใดอีกต่อไป…



Don`t copy text!