
บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 15 : หมอยาพยานปากเอก
โดย : ตฤณภัทร
บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี นวนิยายออนไลน์สนุกๆ โดย ตฤณภัทร ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านที่ anowl.co กับเรื่องราวของฮวง ลูกหลานชาวจีนที่กลายมาเป็นปลัดจีนผู้สร้างความเป็นปึกแผ่นของพี่น้องชาวจีนในสยาม แต่แล้วเขาก็ต้องเจอกับเหตุการณ์ที่มาพร้อมเรื่องรักลึกซึ้งที่เกิดขึ้นท่ามกลางวิกฤตการณ์สำคัญของสยาม
“ไม่จริงน่า เป็นไปมิได้” เอี่ยกังรับรู้ข่าวร้ายอย่างตกใจ
หลวงแพทยาศิลปาคมถูกพบเป็นศพ โดยถูกสันนิษฐานว่าถูกโจรปล้นฆ่า เดิมทีสองวันก่อนเป็นวันที่เขารับนัดหมายเพื่อไปส่งหมอหลวงผู้นี้รักษาคนที่วังสวนพิกุล ทว่าไม่อาจพบได้ จึงส่งคนไปสืบความ ทำให้ทราบข่าวใหญ่ที่น่าตระหนกใจนี้
นั่นเท่ากับลู่ทางที่เขาจะเข้าไปสืบความในวังนั้นก็หายไป แต่เหนือสิ่งอื่นใดเขาเสียดาย คุณหลวงผู้นั้นมิได้ถือตัว เขาจึงถูกอัธยาศัย เสร็จงานรักษาหมอผู้นั้นยังเคยชวนเขาไปกินยาดอง ปฏิบัติตนราวกับเขาเป็นสหายที่มีความเท่าเทียม ทั้งที่เขาอยู่ในคราบกุลีลากรถเท่านั้น
“เอาเงินนี่แลข้าวของจำเป็นไปช่วยทำบุญด้วย” เอี่ยกังหมายถึงการช่วยงานศพของผู้ตาย เขาเป็นหมอหลวง ศักดินามิได้มากมาย ลูกก็ยังเล็กนัก เอี่ยกังตัดสินใจจะคอยช่วยดูแลครอบครัวของหลวงแพทยาศิลปาคมอย่างเงียบๆ
“ช่างน่าเห็นใจคุณหลวงคนนั้น เห็นว่าอีเป็นคนดี รักษาผู้คนอย่างไม่เลือกว่ารวยจน ทั้งที่เป็นถึงหมอหลวง” ฮวงกล่าวสรรเสริญ พร้อมกับสมทบเงินทำบุญให้แก่ผู้ล่วงลับ
…วันนี้เป็นวันที่พวกเขาจะเปลี่ยนตัวรุ่งออกมา
ฮวงตัดสินใจจะให้แชซิ่วสวมบทเป็นวาดที่นอนป่วยไร้สติแทน เพราะหญิงสาวนั้นมีรูปร่างใกล้เคียงกับวาดไม่แพ้กับรุ่ง และตัดสินใจให้หยงอยู่ช่วยดูแลความเป็นอยู่ของวาดที่โรงสำราญแทน ซึ่งข้อนั้นหยงก็รับคำอย่างกระตือรือร้น ฮวงเองก็เห็นว่านี่เป็นทางออกที่ดีที่หยงจะได้ไม่ต้องโดนมารดาของเขากดดัน นางเหมียวกิมคงเข้าใจไปว่าเขาและหยงนั้นได้ใกล้ชิดกัน
…แต่สุดท้ายหากหยงได้ออกเรือนกับตีหุยไป ก็เป็นเรื่องมงคล มารดาจะว่าอันใดเขาได้
อีกประการเขาก็เห็นว่าหยงนี่เป็นผู้รู้ความ ไม่ปากสว่าง เรื่องที่ดูแลวาดนั้นเธอย่อมไม่แพร่งพรายให้ผู้ใดทราบ เมื่อรับหน้าที่เธอก็มิได้สอบถามอะไรเพิ่มเติมว่าวาดนั้นเป็นผู้ใด เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่ นี่จึงเป็นเหตุผลที่ฮวงคิดว่าตนเองนั้นเลือกคนไม่ผิด
แผนการนี้มีโนรีร่วมด้วยเพื่อความสมจริง พวกเขาใช้เวลากลางวันเพื่อไม่ให้น่าสงสัย โนรีพาแชซิ่วเข้าไปในฐานะหมอฝังเข็มที่ใส่หมวกปิดบังใบหน้า โดยอ้างว่าท่านหมอมีแผลเป็นบนใบหน้าจากโรคระบาด เรื่องนี่เอี่ยกังบอกทุกคนว่าเป็นความคิดของรุ่งยามที่ทั้งสองเปิดร้านน้ำชาด้วยกัน ช่างเป็นเหตุผลที่ฟังขึ้นสุดๆ หากใครสักคนต้องการปิดบังใบหน้าไปไหนมาไหน
…ถึงตอนนี้ทุกคนก็สงสัยไม่แพ้เอี่ยกัง ว่ารุ่งนั้นโตมาในวัดจริงหรือไม่
“ฟู่” รุ่งที่อยู่ในหมวกสานที่มีผ้าบังรอบระบายลมหายใจ “เพิ่งหายใจได้อย่างเต็มปอดวันนี้เอง” รุ่งว่า เพราะยามที่มีคนเข้ามาเยี่ยมดูอาการ รุ่งที่แสร้งเป็นวาดจึงระบายลมหายใจแผ่วเบาเสมอ ยังดีที่ยามอยู่กับแหม่มซาร่าและหมอเบนจามินทร์ที่เป็นคนของฤทธิ์นั้นเธอจะผ่อนคลายทำตัวปกติ แต่ผู้คนต่างเป็นห่วงวาดเหลือใจ พยายามเข้ามาเยี่ยมเมื่อมีโอกาส เธอจึงต้องแสร้งนอนนิ่ง หายใจรวยริน เหนื่อยแทบแย่
“เบื่อแย่ละซี” โนรีเอ่ยยิ้มๆ หลังปิดประตูรถม้า
“เออ แต่ท่านชายขาวทรงทราบใช่หรือไม่ เห็นมากระซิบข้างหูฉันว่าเป็นกำลังใจให้ แถมยังเรียกชื่อฉันด้วย”
“ใช่แล้วละ ช่วงนี้ท่านก็มาเรียนที่เรือนฉัน บางวันก็ค้าง เรียนสนุกทีเดียว” โนรีหมายถึงการเรียนภาษาอังกฤษ ปัณฑูรหัวไว ไหนจะมีแรงบันดาลใจจากบันทึกของมารดา จึงขยันเรียน “เห็นว่าเจอไดอารี่ เป็นบันทึกส่วนตัวของหม่องแองเจล่า เลยใช้เป็นบทเรียนเสียเลย พวกฝาหรั่งน่ะชอบจดบันทึกเรื่องราวที่เจอ ท่านชายตั้งใจจะอ่านบันทึกของแม่ให้จบโดยเร็ว”
“บันทึกว่าอย่างไรบ้างล่ะ” รุ่งสนใจ
“ก็เรื่องราวที่เจอในวัง บรรยายเรื่องคนในวังเสียละเอียด หม่อมแม่ของท่านชายขาวคงสนใจวิถีชีวิตของชาวสยามไม่น้อย” แต่ก็ไม่น่าแปลก เพราะเธอก็หลงรัก แต่งงานและอยู่กินกับชาวสยาม น่าเสียดายที่อยู่ได้ไม่นานเวลาแห่งความสุขนั้นก็ปลิดปลิวไปอย่างน่าเสียดาย “มีอยู่หลายเล่ม ท่านชายขนมาที่เรือนเสียหมด ลูกๆ ของฉันก็สนใจใหญ่ สนุกพวกเขาละ”
รุ่งพยักพเยิด รู้สึกโล่งใจที่เรื่องราวดูจะเป็นไปอย่างปกติ บางทีฮวงอาจจะกังวลมากจนเกินไป เพราะไม่มีบุคคลน่าสงสัยลอบเข้ามาอย่างที่เขากลัว มีแต่เพียงความเป็นห่วงเป็นใย ทั้งจากเปี่ยมที่มักเอากำยานกลิ่นหอมมาจุดให้บรรยากาศผ่อนคลาย หม่อมเจ้าวารีที่มักจะเข้ามาบีบมือให้กำลังใจโดยไม่พูดจา ทั้งยังมีน้ำใจนำยาน้ำตำรับประจำตระกูลที่มีสรรพคุณแก้ช้ำในมาให้ และปัณฑูรที่เมื่อทราบว่าวาดปลอดภัยก็เห็นเป็นเรื่องสนุก ก็ไม่มีอะไรที่น่าผิดปกติ
รุ่งไม่รู้เลยว่า คนบางคนก็เพียงรอเวลาที่เหมาะสมเท่านั้น
ที่ที่รุ่งจะพักอาศัยอยู่เป็นเรือนที่ตั้งอยู่ใจกลางลานฝึกประลองกำลังของฤทธิ์ ไม่น่าเชื่อว่าเมื่อพ้นพุ่มกก และป่าช้าสถานที่ซึ่งมีเสียงเล่าลือว่าผีดุไปจะกลายเป็นสถานที่ฝึกฝนร่างกายที่แสนคึกคัก ที่สำคัญ ยังมีเรือนพักที่พักได้อย่างสะดวกสบายหลายหลังตั้งอยู่
“น้องรุ่งเก่ง เดินผ่านป่าช้าไม่กลัวเลย” โนรีชื่นชม นึกถึงตนเองครั้งแรกที่เดินผ่านป่าช้าก็อดขนหัวลุกไม่ได้
“น้องชินเจ้าค่ะ” รุ่งบอก วัดและป่าช้าเป็นของคู่กัน ข้อสำคัญหญิงสาวไม่กลัวผี ไม่เชื่อว่ามี เพราะอยู่มานานก็ไม่เคยจะเจอะเจอสักครั้ง
“พี่ให้คนเตรียมเรือนให้แล้ว อ้อนั่น แม่ก้อย” เธอเรียกหญิงสาวที่ทางล่ำสันคนหนึ่ง ก้อยเดินมาตามเสียงเรียกก่อนจะค้อมตัวให้โนรีอย่างเคารพ “คนนี้คือน้องรุ่งที่อยากฝากให้ดูแล เธอคงพักอยู่ที่นี่สักพัก ขาดเหลืออันใดวานแม่ก้อยเป็นธุระจัดหาด้วย”
“ได้เจ้าค่ะ” ก้อยรับคำ ยิ้มให้รุ่งอย่างมีไมตรี
“ที่นี่มีทั้งชายหญิงมาฝึกกำลัง บ้างก็ทำอาวุธ แต่ทุกผู้ที่นี่ล้วนเป็นคนของคุณพี่แลไว้ใจได้ เว้นก็แต่…” โนรียังไม่ทันพูดต่อจนจบเสียงดังลั่นเสียงหนึ่งก็เรียกความสนใจของทั้งสอง
“ฮึ่ย หมาหมู่ จะรุมข้าจนพระอาทิตย์ตกหรืออย่างไรหา” เจ้าของเสียงอุทธรณ์ลั่น
“กัง” รุ่งเรียกชื่อชายที่ไม่ควรจะมาอยู่ที่นี่
เอี่ยกังมองตามเสียงเรียก พบกับหญิงสาวที่อยู่ในห้วงคำนึงของเขาทั้งยามหลับยามตื่น จึงเกิดฮึกเหิม วาดลวดลายเตะต่อยกับ ‘หมาหมู่’ ของคุณพระนอกราชการอย่างเต็มกำลัง
…รุ่งจะต้องรู้ว่าเขาเก่งกาจเพียงใด
แต่ให้ตายเถอะ คนที่นี่ก็มีฝีมือมิใช่เล่น ทำเอาเขาเหนื่อยหอบทีเดียว จากที่คิดว่าจะชนะแบบมีมาด ก็กลายเป็นทุลักทุเลจนรุ่งต้องปราดมาคอยพัดวี เอี่ยกังเห็นว่าเป็นโอกาสดี จึงเอนซบไหล่บางอย่างหมดแรง
…ไอ้จีนนี่มันสำออยกลิ้งกลอกจริงๆ
ฤทธิ์มองขันๆ ก่อนว่า “ก็บอกแล้วว่าจะอยู่ที่นี่ก็ต้องฝึก ต้องประลอง”
“ทีแม่รุ่งยังมาอยู่ที่นี่ได้เลย” เอี่ยกังประท้วง แต่ก็ไม่ลืมที่จะถูศีรษะกับไหล่บางอย่างออดอ้อน “แต่ไม่เป็นไรหนา เฮียจะทำทุกอย่างเพื่อได้อยู่กับรุ่ง”
“แม่รุ่งเป็นแขก เป็นผู้ที่ข้าตกลงคุ้มกัน ส่วนเอ็ง หึ เข้าออกที่นี่จะเป็นที่น่าสงสัย เปลี่ยนใจไปรออย่างสงบที่เรือนเอ็งตอนนี้ก็ยังทันนะ” ฤทธิ์บอก อย่างไรเสียหนุ่มสาวคู่นี้ก็ยังไม่ได้ตบแต่ง จะให้อยู่ใกล้กันเกินไปก็ดูไม่ดีงาม
…แต่ที่สำคัญกว่านั้น อ้ายจีนเอี่ยกังมันกวนนัก เขาอยากแกล้ง จะทำไม
“กัง ไม่ต้องเหนื่อยถึงเพียงนี้ก็ได้” รุ่งเห็นใจ นิ้วเล็กๆ ค่อยๆ ปาดเหงื่อออกจากวงหน้าคมสัน “อยู่เดี๋ยวเดียวเอง จบเรื่องก็ได้ออกไป ประเดี๋ยวก็ได้เจอกัน”
“ไม่ มี ทาง” เอี่ยกังเลิกทำท่าปวกเปียก “เราจะไม่ห่างกันอีกแล้วแม่รุ่ง ไม่อีกแล้ว”
“เออ งั้นก็ไปหาบน้ำเสีย” ฤทธิ์สั่ง ใช้แรงงานเจ้าสัวก็น่าสนุกดีเหมือนกัน
“หาบน้ำให้ว่าที่เมีย ย่อมได้” เอี่ยกังประกาศก่อนจะหันมาเอ่ยเสียงหวานกับรุ่ง “รอนิดหนา เดี๋ยวค่อยคุยกันให้หายคิดถึง”
เอี่ยกังวาดฝัน แต่ในความเป็นจริงเขากลับไม่มีโอกาสจะได้อยู่ลำพังกับรุ่งอย่างที่คิด ไม่ว่าจะพูดคุย กินข้าวมีมีก้อยกับไม้ สองผัวเมียมาคอยดูแลตามคำสั่งของฤทธิ์อยู่ร่ำไป
“ขัดใจนัก” เอี่ยกังว่า ตอนนี้เป็นเวลาพลบค่ำแล้ว ฤทธิ์และโนรีกลับเรือน ที่นี่ก็เหลือคนไม่กี่คนที่พักอยู่
“คุณรุ่งจะนอนหรือยังเจ้าคะ ฉันจะได้กางมุ้งเกียมที่นอน” ก้อยถาม
“ส่วนท่านเจ้าสัว นอนที่เรือนโน้น” นายไม้ว่าพลางยักคิ้ว “กับกระผม”
“เป็นผัวเมียกันมิใช่หรือ เหตุใดจึงไม่นอนเรือนเดียวกัน” เอี่ยกังเอ่ยอย่างหงุดหงิด
“คุณพระท่านสั่ง อย่าให้แมวกินปลาย่างขอรับ” นายไม้เอ่ยอย่างแข็งขัน ก่อนผายมือ “เชิญท่านเจ้าสัวขอรับ”
รุ่งได้แต่ส่งยิ้มให้กำลังใจแก่คนรักก่อนว่า “กังไปนอนก่อนเถิด ท่าทางเหนื่อยไม่น้อย เรายังมีโอกาสพูดคุยกันอีกมาก” รุ่งบอก หญิงสาวยิ้มบางๆ ก่อนจะโบกมือให้
โดยที่ไม่รู้เลยว่าพรุ่งนี้จะไม่เป็นอย่างที่คิด
“กระถางธูปเสี่ยงทาย หน้าตาเป็นอย่างไรหรือจ๊ะ” วาดถามอย่างสนใจ
ฮวงมองเธอด้วยประกายตาอ่อนโยน ทั้งที่ก่อนหน้านี้เธอเพิ่งจะกังวลเรื่องต่างๆ อยู่แท้ๆ แต่พอได้ฟังตำนานการกำเนิดพรรคฟ้าดิน ก็ดูเหมือนว่าวาดจะผ่อนคลายลงไป
ตำนานโบราณที่ฮวงเล่านั้นเขาได้ฟังมาจากผู้เป็นตาครั้งที่ยังมีชีวิต ว่ากันว่าพระเจ้ากรุงจีนได้ให้ขุนนางตงฉินและหลวงจีนหนึ่งร้อยยี่สิบแปดคนไปรบกู้บ้านกู้เมือง แต่พอแก้ปัญหาบ้านเมืองสำเร็จ หลวงจีนกลับไปอยู่วัด ส่วนขุนนางเต็งกุนตัดก็อยู่ทำราชการรับใช้ ทว่าเมื่อพระเจ้ากรุงจีนทราบเรื่องจากขุนนางกังฉินว่าเต็งกุนตัดสาบานเป็นพี่น้องกับเหล่าหลวงจีน จึงกลัวว่าจะมีการสะสมรี้พลเพื่อก่อกบฏ จึงประหารเต็งกุนตัด และออกล่าตัวหลวงจีน ฆ่าไปเกือบหมดจนเหลือห้าท่าน ทั้งหมดหนีไปถึงริมธาร และเห็นกระถางธูปใบหนึ่งลอยมาตามน้ำ และมีธูปจุดอยู่จึงคิดว่าเบื้องบนกำลังจะบอกอะไรพวกเขา
“อืม” ฮวงมองไปรอบห้องอย่างพิจารณา ก่อนจะหยิบกระถางธูปสามขาทำด้วยโลหะ มีหูสองข้างมาให้วาดชมดู “รูปร่างคงเป็นเช่นนี้ แต่ในตำนานเล่าว่าที่ก้นกระถางมีคำสลักไว้ว่า กำจัดเชงเสียกลับยกเหม็งขึ้น หลวงจีนจึงคิดทำตามนั้น กำจัดราชวงศ์ไต้เช็ง แล้วเอาบ้านเมืองคืนแก่ราชวงศ์ไต้เหม็ง”
“อ้อ” เช่นนั้นนี่เอง
“ว่ากันว่าตำนานนี้เป็นจุดเริ่มต้นการสาบานตนเป็นพี่น้องอย่างที่สมาคมจีนทำกันเป็นธรรมเนียม เพราะหลายคนที่ทิ้งแผ่นดินแม่มาก็มาเพียงตัวคนเดียว มิได้มีญาติพี่น้อง” ฮวงบอก
“เป็นเช่นนั้นนี่เอง” วาดเข้าใจ
น่าแปลกที่พวกเขาทั้งคู่ไม่ว่าจะคุยเรื่องใด ต่างก็กลมกลืนเข้ากัน วาดสนใจในสิ่งที่เขาเล่า ในขณะที่ฮวงก็ไม่เบื่อเรื่องราวของเธอ เป็นเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไร สมัยก่อนฮวงเคยสนใจว่าวาดร้อยมาลัยอย่างไร ไม่นานเขาก็ลองทำโดยไม่ได้มองว่าเรื่องนี้เป็นเพียงเรื่องของสตรี
ฮวงละสายตาจากกระถางธูปโลหะ แล้วหันมาสบตาวาดที่มองอยู่ก่อน เกิดความเงียบขึ้นครู่ใหญ่ก่อนที่วาดจะเสพูด
“มิรู้ว่ากระถางธูปนี้จะมีกระไรสลักเอาไว้หรือไม่นะจ๊ะ”
“อ่อ” ฮวงยกกระถางส่อง ก่อนจะขมวดคิ้วประหลาดใจ
…เพราะมันมีตัวอักษรสลักไว้จริงๆ
“เขียนว่า ตาม รอย โบตั๋น” ฮวงอ่านและแปลให้วาดทันที
“อ่าว มีจริงหรือ” วาดที่เพียงต้องการจะเปลี่ยนเรื่องก็ประหลาดใจตาม
ฮวงมองกระถางธูปอย่างครุ่นคิด
…มิใช่ว่าซิ่วลั้งกำลังจะบอกกระไรเขานะ
“นายท่านขอรับ เกิดเรื่อง” ตีหุยเดินเข้ามารายงาน
“มีกระไร” เขาสอบถาม เรื่องราวที่ฟังทำให้เขาและวาดตาเบิกกว้างทีเดียว
“อ้ายโจรเจ้าสัวโรคจิต” ปริก หมอยาหญิงชราค่อนเอี่ยกัง
ไอ้หมอนี่ทำตัวชอบกล ปลอมตัวเป็นกุลีลากรถ พอรักษาผู้ไข้แล้ว ยังจับตัวเธอกับสามีเอาไว้ที่เรือนหลังหนึ่งเพื่อจะสอบถามอาการของพระองค์เจ้านพคุณ แต่เพราะความเป็นหมอจะไม่เปิดเผยเรื่องราวของผู้ไข้สุ่มสี่สุ่มห้าเธอจึงไม่ยอมให้เบาะแส
“ว่าแต่เขา อันที่จริงพี่ช่วยพาเราสองหนีง่ายกว่าพลิกฝ่ามือ แต่แม่ปริกอยู่ต่อเพราะขนมข้าวต้มเขาอร่อยไม่เบามิใช่หรือ” สามีผู้ที่ผู้คนมักเข้าใจว่าเป็นหมอยาตัวจริงเย้าภรรยา
“ข้าเห็นว่ามันแปลกๆ ต่างหาก ไอ้ที่ที่จะพาเราไปรักษาคนก็อีก เหตุใดต้องคลุมผ้าเอาไว้ด้วย”
เอี่ยกังฟังสองสามีภรรยาบ่น แต่ไม่ได้ขุ่นใจ เพราะจิตใจร้อนรุ่มด้วยความเป็นห่วงรุ่ง
เช้านี้รุ่งหลับไม่ยอมตื่น มีอาการอ่อนเพลียอย่างประหลาด เขาจึงตั้งใจจะพาหมอยาที่ได้ชื่อว่ามีฝีมือมาลองรักษา
“หมอยามาแล้วรึ” ฤทธิ์ถามเมื่อทั้งหมดเดินทางมาถึง “คลุมผ้าเอาไว้แล้วพาเดินไปที่เรือนพักเถิดจะได้รักษา”
“เอ๊ะ เสียงนั่น” ปริกร้องลั่นก่อนจะดึงผ้าดำออกจากศีรษะ “นั่นมันอ้ายฤทธิ์ตัวน้อยนิดของข้านี่นา”
“พี่ปริก” ฤทธิ์ชี้หน้า ก่อนจะมองเอี่ยกังอย่างคาดโทษ เพราะรู้เรื่องราวที่เขาจับหมอยาสองคนมาก่อนหน้า “เอ็งจับพี่ข้าเรอะ อ้ายจีนเอี่ยกัง”
“อ่าว รู้จักกันดอกรึ” เอี่ยกังประหลาดใจ “แต่ช่างเรื่องนั้นก่อน ให้ท่านหมอมารักษาอารุ่งก่อนได้หรือไม่”
“เอ้า พาข้าไปสิ” ปริกว่า หญิงชราผู้นี้มีท่าทางกระฉับกระเฉง เดินเหินคล่องตัว นางเดินนำสามีที่ถือล่วมยาเดินตามไปจนถึงเรือนพักของรุ่ง
หมอยาชราทำการตรวจรักษาไม่นานก็หายออกไปพร้อมผู้เป็นสามี ได้ยากลิ่นประหลาดมาถ้วยหนึ่ง นางป้อนที่ริมฝีบากบาง ผ่านไปไม่นานรุ่งก็สำรอกยกใหญ่
“แม่รุ่งเป็นกระไรท่านหมอยา” เอี่ยกังที่นั่งซ้อนอยู่ด้านหลัง คอยลูบหลังลูบไหล่ถามอย่างตกใจ
“สำรอกของเสียออกมาน่ะ ไม่เป็นกระไรมากดอก เพิ่งรับพิษได้ไม่นาน” หมอยาชรากล่าว
“โอย อะไรกันเนี่ย” รุ่งว่า แต่ทีท่าของเธอนั้นดูสบายขึ้นมาก ด้วยรู้สึกหายใจหายคอคล่องขึ้น
“พิษ พิษกระไร ถูกได้อย่างไร” เอี่ยกังเอ่ยร้อนรน
“เอ็งก็เลิกเสียงดังเสียที เมียเอ็งน่ะรับไปไม่มาก ได้ยากิน อ้วกออกก็หายแล้ว” ปริกว่า
“เมียรึ ดูเป็นเช่นนั้นแล้วใช่หรือไม่” เอี่ยกังยิ้มหน้าบาน รุ่งที่ไม่พอใจกับอาการดีใจไม่รู้กาลเทศะจึงตีที่แขนล่ำสันดังเพี้ยะ “เดี๋ยวเถิด ใครเป็นเมียเธอกัน”
“ประหลาดจริง นี่เป็นพิษอย่างเดียวกันกับพระองค์ชายนพคุณ แต่อาการของท่านต้องรักษากันยาว นี่เพราะเอ็งทีเดียวที่จับข้ามา แทนที่ข้ากับคุณหลวงจะได้เริ่มรักษาท่าน…” ปริกว่า เพราะเอี่ยกังรู้จักกันกับฤทธิ์ ผู้ที่มีความสนิทสนมกับครอบครัวของเธอ กอปรกับแม่หนูนี่ก็ได้รับพิษอย่างเดียวกัน
“พี่ปริกขอรับ หลวงแพทยาศิลปาคมตายแล้วขอรับ” ฤทธิ์เล่า
“หา คุณหลวงนี่นะ ตายได้อย่างไร” ปริกตกใจ เพราะไม่กี่วันก่อนยังเห็นกันอยู่หลัดๆ
“เห็นว่าถูกโจรปล้น แต่กระผมเห็นว่าการณ์คงมิใช่เช่นนั้นแล้ว คุณพี่ปริกโปรดบอกเล่าเรื่องอาการทั้งหมดให้กระผมทราบด้วยขอรับ
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 16 : กระชากหน้ากาก
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 15 : หมอยาพยานปากเอก
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 14 : ภรรยาคนแรก
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 13 : หนึ่งเจ็บ หนึ่งตาย
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 12 : หมายหัว
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 11 : ต้องมีคนรับผิดชอบ
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 10 : ไม่อาจปล่อยมือได้
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 9 : เหตุร้ายในวังหลวง
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 8 : โรงสำราญ เซยสุนเหลา
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 7 : ชีวิตใหม่ในวังกับคนสวนตัวแสบ
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 6 : หรือเป็นเจ้าสัวที่กลัวฝน?
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 5 : เรื่องลักพาตัว
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 4 : ไพร่กระฎุมพี
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 3 : หม่อมหญิงม่าย
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 2 : คดีอื้อฉาว
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี ตอนที่ 1 : เจ้าสัวม่าย
- READ บางกอก ๒๔๑๘ วิกฤตการณ์รักร้ายของนายกระฎุมพี บทนำ : หวนบรรจบ