
บ่วงเวรา บทที่ 21 : ผูกน้ำใจด้วยไมตรี
โดย : สัมพันธ์ สุวรรณเลิศ
บ่วงเวรา นวนิยายรางวัลรองชนะเลิศ โครงการอ่านเอาก้าวแรก ๓ โดย สัมพันธ์ สุวรรณเลิศ กับเรื่องราวของวังวนความรักและความแค้น ความมุ่งมั่นที่จะตอบแทน ทำลายล้างฝ่ายตรงข้ามให้สาสม แล้วความรักจะเยียวยาใจแก้ไขความแค้นได้จริงหรือ…อ่านเอาขอเชิญทุกท่านร่วมเพลิดเพลินไปกับนวนิยายพีเรียดสุดเข้มข้นเรื่องนี้ที่ anowl.co
อีกไม่กี่วันถัดมา แม่นายไอ่ผู้เป็นมารดาได้นำเอื้องเข้ามาถวายตัวเป็นข้าหลวงของพระชายา เอื้องเป็นคนมีอัธยาศัยไมตรี ไม่นานก็เป็นที่รักของคนในตำหนักพระชายา เมื่อครั้งเอื้องอยู่เรือนก็ช่วยมารดาดูแลคนในเรือน ตลอดจนแรงงานที่ช่วยกิจการค้าขายของบิดา ด้วยนิสัยเมตตา อารีอารอบต่อทุกคนจึงรู้จักสังเกตอาการทุกข์สุขและช่วยเหลือได้ตามควรแก่ฐานะ
เอื้องได้มีโอกาสพบมาศอยู่เสมอๆ เมื่อไปขอเจียดยาให้คุณหงที่เรือนของท่านจางวาง แม้มาศจะพูดคุยกับเอื้องตามปกติ แต่ลึกๆ แล้ว เอื้องยังรู้สึกได้ว่าระหว่างตนเองกับมาศเหมือนมีกำแพงบางๆ กั้นอยู่ แต่เอื้องก็ไม่อาจรู้ได้ว่ากำแพงที่กั้นอยู่นั้นคือเรื่องใด
แต่สำหรับซานเป่าเอื้องสามารถสนิทได้ไม่ยากเลย เอื้องรู้ว่าซานเป่าชอบขนมหวานเป็นพิเศษ เมื่อทางบ้านส่งของหวานอันใดมา เอื้องก็มักจะนำติดมือมาฝากซานเป่าด้วยทุกครั้ง แม้แรกๆ ซานเป่าจะบ่ายเบี่ยงไม่ยอมรับ แต่รูปร่างที่น่าลิ้มรสของขนมหวานต่างๆ ที่เอื้องนำมาฝากนั้น ทำให้เขาเผลอใจยอมรับมากินด้วยความเอร็ดอร่อย จากนั้นไม่นานซานเป่าก็ไม่เคยปฏิเสธขนมของฝากจากเอื้องอีกเลย
เอื้องต้องการผูกมิตรกับมาศและซานเป่าด้วยใจจริงไม่แฝงเล่ห์เหลี่ยมหรือหวังผลประโยชน์ใด มีคนเคยถามว่า เหตุใดต้องผูกมิตรกับลูกนักโทษกบฏอย่างมาศ แม้ความจริงจะมีเหตุผลสำคัญบางประการ แต่เอื้องก็ไม่อาจบอกแจ้งออกไปได้
วันหนึ่งเอื้องเห็นมาศนั่งเซื่องซึมเศร้าสร้อย เมื่อเข้าไปทักทายมาศก็ตอบอย่างเนือยๆ แล้วเดินเลี่ยงไป เอื้องเป็นห่วงนัก เมื่อพบซานเป่าก็สอบถาม ซานเป่าเห็นว่าเรื่องที่มาศดูเศร้าสร้อยในวันนี้เพราะเป็นวันครบรอบวันเกิดของย่า และเรื่องที่ย่าของมาศถูกเนรเทศไปอยู่หัวเมืองก็ไม่ใช่ความลับ จึงตัดสินใจเล่าให้เอื้องฟัง
“อยู่ไกลก็ส่งหนังสือสอบถามทุกข์สุขกันได้นี่นา” เอื้องเปรยขึ้น
“โอ้ย! ไม่ได้ดอกพี่เอื้อง คนของท่านจางวางลองพยายามหลายหนแล้ว คนที่ควบคุมตัวย่าของพี่มาศพอเห็นคนแปลกหน้าแปลกตาเข้าไป ก็กีดกันไม่เปิดโอกาสให้ย่าพี่มาศได้พบปะพูดคุยเลย จนบัดนี้ข่าวสารเดียวที่ได้คือ ลอบเห็นว่าย่าพี่มาศยังมีชีวิตอยู่ก็ได้เพียงเท่านั้น”
“ซานเป่าเจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านย่าของมาศถูกเนรเทศไปใช้แรงงานที่ใด”
“เมืองเชลียงจ้ะ” ซานเป่าตอบ
“เมืองเชลียงเองดอกหรือ…” เอื้องย้ำคำตอบอย่างหมายมั่นปั้นมือ
ท่านย่าของมาศถูกเนรเทศไปใช้แรงงานที่เมืองเชลียง เหมือนสวรรค์เป็นใจแท้ๆ ด้วยตาของเอื้องเป็นนายกองค้าเกวียนเที่ยวซื้อขายวายล่องตั้งแต่เมืองเชลียงขึ้นไปถึงเชียงใหม่ เชียงตุง สิบสองปันนา บางปีอากาศเป็นใจก็ขึ้นไปถึงยูนนานเพื่อซื้อขายแลกเปลี่ยนใบชา ส่งลงมาให้บุตรเขยขายทำกำไรอย่างงามที่ อโยธยา ด้วยเหตุนี้เชลียงจึงเป็นสถานีการค้าที่สำคัญของท่านตา เครือข่าย อำนาจการค้าและบริวาร จึงมีอย่างมากมายที่เมืองเชลียงนั่น ขอเพียงให้ท่านย่าของมาศยังอยู่ที่เชลียงเถิด เรื่องจะสื่อสารกันนั้นหาใช่เรื่องยากไม่
เอื้องส่งหนังสือไปขอความช่วยเหลือจากท่านตา พร้อมทั้งบอกข้อมูลเกี่ยวกับย่าของมาศทั้งหมดที่ตนเองรู้ ไม่นานนักคนทางบ้านก็ส่งของมาให้เอื้อง หนึ่งในนั้นคือกลักไม้มีชันผนึกฝามาอย่างดี คนของมารดาที่นำของมาส่งกระซิบแต่พอได้ยินกันสองคนว่า ‘ในกลักคือหนังสือของแม่นายเภา’ เอื้องฉวยกลักนั้นไว้อย่างยินดี หาโอกาสปลอดคนแล้วจึงนำไปมอบให้มาศ
เมื่อเอื้องส่งกลักนั้นให้มาศ มาศก็ยังสงสัยจึงถามว่า “กลักอะไร”
“หนังสือจากเชลียง เปิดอ่านดูเองเถิด” เอื้องตอบ
แต่แรกมาศไม่เชื่อถือว่าข้อความในกลักจะเป็นหนังสือของย่าตนที่ส่งมา เพราะขนาดท่านจางวางใช้เส้นสายไปตั้งมากก็ยังไม่อาจเล็ดลอดการควบคุมของผู้คุมเข้าไปได้ แต่ครั้นจะไม่เปิดดูก็เกรงว่าถ้าเป็นข้อความแท้ๆ ของท่านย่าจะทำอย่างไร สุดท้ายความอยากรู้ความสุขทุกข์ของท่านย่ามีอยู่เหนือความหวาดระแวงมาศก็ตัดสินใจเปิดกลักดู
ภายในกลักเป็นกระดาษม้วนสั้นๆ เมื่อเปิดออกดูมาศพบข้อความเพียงสองบรรทัดเป็นตัวอักษรขอมไทย กล่าวคือข้อความนั้นเป็นภาษาไทยแต่ใช้ตัวอักษรขอมเขียนจาร ข้อความบรรทัดแรกเมื่อถอดเป็นอักษรไทยแล้วได้ว่า ‘ขอสักการะพระเป็นเจ้าผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวงด้วยการรักษาศีลอุโบสถ’ ส่วนบรรทัดที่สองเมื่อถอดเป็นอักษรไทยแล้ว กลับกลายเป็นตัวอักษรมั่วๆ ที่ไม่สามารถอ่านได้ ดังนี้
มาศเห็นข้อความที่ไม่สามารถอ่านได้นั้นก็ยินดี นี่คือข้อความจากย่าของตนโดยแท้ มาศจำได้ว่าเมื่อยังเล็กย่าสอนให้เข้ารู้จักใช้คุยรหัสแบบต่างๆ เพื่ออนาคตจะได้ใช้ประโยชน์ในการสื่อสารข่าวหรือความลับไม่ให้แพร่งพรายได้ง่าย ถึงแม้หนังสือนั้นจะอยู่ในมือของศัตรูก็ตาม
“ย่าท่านส่งข่าวอะไรมาหรือ ดูเธอยินดียิ่งนัก” เอื้องถามขึ้นหลังจากเห็นรอยยิ้มเปื้อนน้ำตาของมาศ
มาศส่งกระดาษให้เอื้อง เอื้องหยิบมาอ่านแล้วแสดงสีหน้างงงวย “อะไรกันฉันอ่านไม่ออกดอกมาศ”
“จะอ่านออกได้ง่ายๆ อย่างไรกัน ในเมื่อมันเป็นคุยรหัส” มาศบอกยิ้มๆ
เมื่อมาศมั่นใจแล้วว่าข้อความนั้นเป็นของย่าจริงๆ มาศก็เห็นว่าความลับบางอย่างก็สามารถบอกเอื้องได้ เพื่อเป็นการแสดงความจริงใจตอบแทนผู้ที่ช่วยเหลือตนให้สามารถสื่อสารข่าวคราวกับย่าได้
มาศอธิบายว่านี่คือการเข้าคุยรหัสอย่างง่ายที่สุด โดยผู้ส่งสารจะแบ่งข้อความเป็นสองบรรทัด บรรทัดแรกจะเป็นคำใบ้จำนวนตัวเลขที่จะใช้ไขคำคุยรหัส อย่างข้อความที่ย่าส่งมานี่คือ ‘ขอสักการะพระเป็นเจ้าผู้สร้างสรรพสิ่งทั้งปวงด้วยการรักษาศีลอุโบสถ’ พระผู้เป็นเจ้าผู้สร้างสรรพสิ่งนั้นก็คือพระพรหม พระพรหมมีตัวเลขที่เกี่ยวข้องกับพระองค์คือเลข 4 ซึ่งมาจากจำนวนพักตร์ของพระพรหม ส่วนคำไขอีกคำคือศีลอุโบสถซึ่งมีจำนวน 8 ประการ เลขไขคำอีกตัวคือเลข 8 เมื่อได้ความหมายคำใบ้ได้ครบแล้ว จะได้วิธีการถอดคำคุยรหัส คือ คุยรหัสชุดนี้แบ่งออกเป็น 4 หลัก กับ 8 บรรทัด จากนั้นจึงแจกตัวอักษรทีละตัวไล่ทีละหลักเมื่อหลักแรกครบแปดตัวอักษรก็ขึ้นหลักใหม่จนครบสี่หลัก แล้วจึงให้อ่านข้อความในแนวนอนก็จะได้ข้อความที่แท้จริง ดังนี้
หลักที่
บรรทัดที่ / |
1 | 2 | 3 | 4 |
1 | ย่ | า | ส | บ |
2 | า | ย | ดี | เ |
3 | จ้ | า | ม | า |
4 | ศ | ห | ล | า |
5 | น | ย่ | า | จ |
6 | ง | ดู | แ | ล |
7 | รั | ก | ษ | า |
8 | ตั | ว | ดี | ๒ |
‘ย่าสบายดี เจ้ามาศหลานย่าจงดูแลรักษาตัวดีๆ’
มาศกำกระดาษแผ่นน้อยนั้นไว้แน่นด้วยความยินดี เป็นสิบปีแล้วสิหนาที่มาศไม่เคยได้ข่าวคราวย่าที่น่าเชื่อถือได้ แม้จะเป็นข้อความสั้นๆ แต่มาศรู้สึกได้ถึงความรักความห่วงหาอาลัยของย่าเต็มอยู่ในข้อความนั้นอย่างเปี่ยมล้น
“เธอทำเช่นไรจึงสามารถหาทางติดต่อสื่อสารกับย่าฉันได้ ขนาดท่านจางวางหรือแม้แต่สมเด็จจะใช้เส้นสายหรือช่องทางทุกอย่าง ก็ยังไม่สามารถติดต่อกับย่าได้เลย จนบัดนี้เป็นสิบปีแล้ว ฉันเพิ่งได้ข่าวที่มาจากย่าจริงๆ ครั้งแรก”
เอื้องเล่าถึงตาของตนที่เป็นนายกองคุมการค้าทางเกวียนที่มีสถานีการค้าหลักอยู่ที่เชลียง ความเป็นผู้มีบารมีจึงเป็นที่เกรงใจของบรรดาขุนนางท้องถิ่นบางคน ยิ่งกับนายกองคุมเตาทุเรียงบางเตาด้วยแล้ว แทบจะมีความสัมพันธ์ทั้งฉันเครือญาติและความสัมพันธ์ด้านผลประโยชน์ ดังนั้นเมื่อรู้ว่าย่าของมาศถูกเกาะกุมไปใช้แรงงานที่โรงปั้นหรือเตาเผาเครื่องสังคโลกแล้ว ก็แทบจะไม่ใช่เรื่องยากที่จะติดต่อสื่อสารได้ คนของออกญายมราชคงระแวดระวังแต่เฉพาะคนนอกพื้นที่ แต่ลืมที่จะระวังคนที่เป็นคนในด้วยกัน
“ท่านตาบอกข้าว่า ไม่ต้องห่วงแม่นายเภาดอก ทุกวันนี้นายกองเตาแทบจะขาดแม่นายเภาไม่ได้เลย” เอื้องเล่าต่อเพื่อให้มาศวางใจกับความเป็นอยู่ของย่าตนว่า เมื่อแรกๆ นั้น ทั้งย่าและนางสอคนสนิท ถูกคนของออกญายมราชกลั่นแกล้งให้ทำงานกุลีอย่างหนัก ผ่านไปสักระยะเมื่อเห็นว่าย่าไม่ได้แสดงอาการแข็งขืน จำยอมรับโชคชะตาที่ตกต่ำของตนโดยดี ต่างก็คลายความเข้มงวดลง สิ่งที่เดียวที่ยังคุมอย่างเข้มงวดคือการจำกัดการติดต่อกับบุคคลภายนอก
ต่อมาเกิดเหตุสินค้าจากเตาที่ต้องส่งเข้าไปที่พระคลังหลวงนั้นขาด จำนวนไม่ตรงกับบัญชีส่งมอบ เหตุเพราะนายเตาทำบัญชีสินค้าไม่เป็น ที่ผ่านมาจัดส่งเครื่องกระเบื้องจำนวนไม่มากนักจึงไม่เป็นปัญหา ต่อมานายเตาผู้นี้ได้รับมอบหมายให้คุมจำนวนเตาเผาที่มากขึ้น จึงเกิดปัญหาเรื่องบัญชี นายเตากังวลเป็นอย่างยิ่ง สุดท้ายแม่นายเภาอาสาช่วยสะสางบัญชีจนเรียบร้อย ผลปรากฏว่าความจริงแล้วสินค้าไม่ได้ขาดหาย เพียงแต่นายเตาจัดการบัญชีที่ซับซ้อนไม่ได้จึงเกิดปัญหา เมื่อแม่นายเภาช่วยนายเตาจนพ้นวิกฤติ นายเตาจึงให้แม่นายเภามารับหน้าที่คุมบัญชีสินค้าที่ผลิตจากเตาเผาของตนเองอย่างลับๆ ซึ่งย่าก็ทำหน้าที่ได้ดี หากวันไหนคนของออกญายมราชมาตรวจดู เขาก็จะแสร้งแกล้งใช้งานเลอะเทอะ เช่น การกรองกากแยกดินละเอียดสำหรับปั้นบ้าง ผสมดินเตรียมให้ช่างปั้นบ้าง หรือแกล้งด่าว่าหยาบๆ คายๆ ให้คนของออกญายมราชวางใจว่าแม่นายเภานั้นได้รับความทรมานจากการทำงานอย่างหนัก
“นายกองเตาที่ควบคุมท่านย่าของมาศอยู่ เป็นญาติห่างๆ กับคนสนิทของท่านตา ท่านตาฝากฝังให้ดูแลท่านย่าของเธออย่างดี จากนี้ไปเธอไม่ต้องเป็นห่วงท่านแล้วนะ ส่วนเรื่องการส่งข่าวถึงกันคราวนี้ไม่ยากอย่างที่เป็นมาแน่นอน”
มาศน้ำตารื้อขึ้นด้วยความตื้นตันและยินดี หลายปีที่เฝ้าเป็นห่วงย่าว่าจะเป็นเช่นไร บัดนี้แม้ความเป็นห่วงนั้นจะไม่ได้ทุเลาเบาบางลง เพราะรู้ว่ายิ่งนานวันย่าของตนก็ยิ่งสูงอายุขึ้น สังขารก็นับแต่จะเสื่อมทรามลง แต่อย่างน้อยการได้ข่าวที่แท้จริงของย่าก็ช่วยให้ความเปล่าเปลี่ยวว้าเหว่ในหัวใจบรรเทาเบาบางลงได้บ้าง
มาศเงยหน้าแล้วปาดน้ำตาที่จวนจะหยดลงมา เขามองหน้าเอื้องด้วยความพินิจก่อนจะถามว่า
“แม่เอื้อง ความช่วยเหลือนี้เธอจะคิดให้ฉันตอบแทนด้วยสิ่งใด!”
- READ บ่วงเวรา บทที่ 43 : พยาบาทคือเพลิงผลาญใจ
- READ บ่วงเวรา บทที่ 42 : เก็บกวาด
- READ บ่วงเวรา บทที่ 41 : สำเร็จโทษ
- READ บ่วงเวรา บทที่ 40 : ยาพิษ
- READ บ่วงเวรา บทที่ 39 : คนมุ่งร้ายไม่ได้มีผู้เดียว
- READ บ่วงเวรา บทที่ 38 : ข่าวร้าย – ข่าวดี
- READ บ่วงเวรา บทที่ 37 : อุบายล่อเสือออกจากถ้ำ
- READ บ่วงเวรา บทที่ 36 : จางวางอู๋วางหมาก
- READ บ่วงเวรา บทที่ 35 : ปลูกสิ่งไรย่อมได้ผลนั้น
- READ บ่วงเวรา บทที่ 34 : ไขกลย้อนเกล็ด
- READ บ่วงเวรา บทที่ 33 : ย้อนเกล็ด
- READ บ่วงเวรา บทที่ 32 : เล่ห์หึงสา
- READ บ่วงเวรา บทที่ 31 : ระทดใจ
- READ บ่วงเวรา บทที่ 30 : หนักหน่วงอก
- READ บ่วงเวรา บทที่ 29 : ลังเลรัก
- READ บ่วงเวรา บทที่ 28 : คืนสู่เจ้าของเดิม
- READ บ่วงเวรา บทที่ 27 : ข่าวจากแดนไกล - ดอกไม้เริ่มผลิบาน
- READ บ่วงเวรา บทที่ 26 : แหวนรอบของมารดา
- READ บ่วงเวรา บทที่ 25 : แก้กล
- READ บ่วงเวรา บทที่ 24 : มิตรจิตมิตรใจ
- READ บ่วงเวรา บทที่ 23 : อ้ายใบ้หลานยายอุ่ม
- READ บ่วงเวรา บทที่ 22 : จารจดคุณไว้ในดวงจิต
- READ บ่วงเวรา บทที่ 21 : ผูกน้ำใจด้วยไมตรี
- READ บ่วงเวรา บทที่ 20 : ดอกไม้ช่อใหม่ในกุณฑี
- READ บ่วงเวรา บทที่ 19 : พาลใส่ไคล้ – พยานปากเอก
- READ บ่วงเวรา บทที่ 18 : ธิดาออกหลวงโชฎึกฯ
- READ บ่วงเวรา บทที่ 17 : ไฟสุมขอน
- READ บ่วงเวรา บทที่ 16 : เกิดมาเป็นเจ้าใครเขาก็คิดว่าสุขสบาย
- READ บ่วงเวรา บทที่ 15 : นางฉาย
- READ บ่วงเวรา บทที่ 14 : ปัทมราช
- READ บ่วงเวรา บทที่ 13 : วันเวลาผันผ่าน
- READ บ่วงเวรา บทที่ 12 : ชัยชนะอันแสนขม
- READ บ่วงเวรา บทที่ 11 : ตัดไม้อย่าไว้หนามหน่อ
- READ บ่วงเวรา บทที่ 10 : สนองคุณ
- READ บ่วงเวรา บทที่ 9 : ทางรอดเดียว
- READ บ่วงเวรา บทที่ 8 : ต่อรองผ่อนหนัก
- READ บ่วงเวรา บทที่ 7 : ทางรอดที่ริบหรี่
- READ บ่วงเวรา บทที่ 6 : แก้ต่าง
- READ บ่วงเวรา บทที่ 5 : อุบายหมายประทุษ
- READ บ่วงเวรา บทที่ 4 : เค้าลางหายนะ
- READ บ่วงเวรา บทที่ 3 : พระเยาวราช
- READ บ่วงเวรา บทที่ 2 : ผูกบ่วงเวรา
- READ บ่วงเวรา บทที่ 1 : เรือนราชนิกูลแห่งกัมพุช