ซ่อนรัก บทที่ 38 : รุกเดินหน้าจีบ

ซ่อนรัก บทที่ 38 : รุกเดินหน้าจีบ

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

ในตอนค่ำวันนั้น

เมื่อวิศว์กลับจากไปเยี่ยมป้าโสภา และแวะไปเก็บงานสุดท้ายที่ร้านของรัศมี กลับมาถึงคอนโด

เปิดประตูก็สัมผัสกลิ่นดอกไม้ในแจกัน หอมสดชื่น เดินไปห้องอาหารก็เห็นบนโต๊ะมีอาหารไว้เรียบร้อย สเต็กเนื้อกับสลัดผักชามใหญ่ และเธอเดินออกมา

“กะเวลาคุณกลับได้พอดีเลยค่ะ”

“น่ากินจังครับ”

“หิวแล้วสิคะ วันนี้ฉันกลับเร็วกว่าคุณ ฉันเก็บจานล้างชามหมด และทำอาหารไว้รอ…”

ฟังแล้วชายหนุ่มพอใจ แต่ลึกๆ เขากลับคิดว่า เพราะเช้านี้เธอเลือกขึ้นรถไปกับเจ้านาย เธออาจรู้สึก ‘ผิด’ นิดๆ เลยแก้ตัวด้วยการเอาใจเขาในขณะนี้ เพราะส่วนใหญ่เขาทำมากกว่า เธอถนัดซื้อและติดนิสัยอยู่กับกุลวดีกับหฤทัย โดยกุลวดีเป็นคนทำอาหารเก่ง แถมยังขยันทำมากกว่าเพื่อน

“ทำเอาใจผมหรือครับ”

“ทำไมคิดอย่างนั้นล่ะคะ คุณไปล้างมือก่อน ค่อยมากิน”

“เช้านี้เขามารับคุณ ต่อไปจะมารับบ่อยๆ หรือเปล่า” เขาล้างมือไปก็ถามไป

ปารีสรีบตอบว่า

“ไม่หรอกค่ะ ไม่…เจ้านายที่ไหนจะมารับลูกน้องบ่อยๆ เสียเวลาน่าดู”

“ก็เจ้านายอย่างคุณดุสิตไงครับ” เขาเดินกลับมาทรุดกายลงนั่ง

ปารีสตักสลัดผักใส่จานของชายหนุ่ม ชะงักเล็กน้อย

“คุณไม่พอใจหรือคะ?”

“ไม่…ไม่…” เขาไม่อยากให้เสียบรรยากาศ “ผมรู้สึกเกรงใจเขาแทนคุณ”

“ฉันก็เกรงใจค่ะ แต่เห็นเขามาถึงบ้านแล้ว ส่วนคุณ…ฉันขอโทษที่ทำให้เก้อ”

“ถ้าคุณเลือกจะปิดบังต่อไป ก็ถูกแล้วที่คุณจะขึ้นรถของคุณดุสิต”

หญิงสาวโคลงศีรษะ

“ฉันยังไม่พร้อมเปิดเผยค่ะ”

“ผมให้สิทธิ์คุณเสมอ”

“เราคุยเรื่องอื่นดีไหมคะ”

“ดีครับ สเต็กคุณอร่อยมาก”

“ดีใจที่คุณชอบ”

“ผมกินไม่ยากเลย แค่ข้าวกะเพราไข่ดาว ผมก็อยู่ได้แล้วครับ อิ่มไปอีกมื้อ”

หญิงสาวอมยิ้ม

“งั้นพรุ่งนี้ ข้าวข้าวกะเพรา ทุกมื้อเย็น ดูว่าคุณจะทนกินได้นานขนาดไหน”

“ถ้าเป็นคนทำ ผมกินทุกมื้อ”

“จริงนะคะ”

“จริงสิครับ” เขามองเธอด้วยดวงตาแห่งความรัก ไม่ต้องพูดคำว่า ‘รัก’ หรอก ให้เวลาและการกระทำเป็นเครื่องพิสูจน์

แล้วเธอก็ต้องหลบสายตา

“ฉันอยากทำหน้าที่ภรรยาให้ดีที่สุด ชดเชยที่ยังไม่พร้อมเปิดเผยเรื่องของเรา”

“ถ้าคุณจะทำหน้าที่ภรรยา คืนนี้ต้องอาบน้ำเร็วหน่อยแล้วครับ หรือเราอาบด้วยกันเลย”

หญิงสาวหน้าแดง ผ่านมาสองสามเดือนแล้วก็ยังไม่ชินเลย แต่คำพูดของเขามีความหมายเสมอ

“ไม่…ไม่…ไม่ค่ะ”

“อ้โฮ ตอบรัวสั่นเลยครับ”

“คุณก็ชอบพูดอะไรไม่รู้”

“พูดบ่อยๆ ให้ชินไง”

“ฉันว่าคุณพูดน้อยๆ หน่อยดีกว่า”

ชายหนุ่มหัวเราะ

“เวลาคุณเขิน คุณสวยมากครับ”

“กิน…กินเถอะค่ะ พูดมากกว่านี้วันหลังไม่ทำแล้วนะคะ”

“โอ้โห…ขู่ผมเสียด้วย ไม่ต้องขุนให้ผมอ้วนหรอก ผมกินเก่ง กินยังไงก็ไม่อ้วน แบบคุณล่ะ”

แล้วเธอก็หัวเราะ ยิ้มให้กัน นี่คือความสุขของครอบครัว

วิศว์เห็นเธอมีความสุขก็พอแล้ว ทั้งที่ส่วนลึก เขากังวลเรื่องของดุสิตที่ใกล้ชิดกับปารีส ยิ่งตอนนี้เธอไปทำงานกับดุสิตแล้ว บอกว่าไม่หวงหรือ วิศว์ไม่อยากโกหกตัวเอง

 

“ทำไม ไม่ชอบไปทานข้าวกลางวันกับผมครับ?” ดุสิตยืนอยู่เบื้องหน้าโต๊ะทำงานของปารีส และถามตรงๆ ใบหน้ายิ้มๆ

“เอ้อ…”

“ตั้งแต่คุณมาทำงาน คุณเพิ่งยอมออกไปกับผมสองครั้งเอง”

“เอ้อ…ฉันเกรงใจคุณ”

“รู้มั้ยไปกินข้าวกับคุณ ผมเจริญอาหารเป็นพิเศษ”

“ฉันมักจะนัดกินกับทัยหรือวดี”

“ผมเช็คแล้ววันนี้ คุณวดีไปกินกับนิกร เห็นว่าจะคุยงานกันที่โต๊ะอาหารด้วย ส่วนคุณทัย แผนกเขามีงานเลี้ยง พวกเขาไปฉลองกัน พวกคุณเจอกันตอนเย็นหลังเลิกงานแล้ว แยกกันกินตอนเที่ยงบางก็ได้ครับ สองสามวันนี้คุณก็แยกทานกับเพื่อน แต่ละคนก็มีธุระส่วนตัวกันนะครับ”

ปารีสเลิกคิ้ว

ดุสิตเล่นรู้จริงไปเสียทั้งหมด

“ใช่…ใช่…ยัยทัยสังคมจัด มีนัดเพื่อนคนอื่นเสมอ ส่วนใหญ่วดีก็แสนจะเอาใจเจ้านายของตน คุณนิกร หลายครั้งที่ต้องเตรียมอาหารกลางวันให้หรือไปซื้อมาทานในบริษัท หรือรอนิกรจนเลยเวลาเที่ยง จนไม่อยากออกมากินข้าวนอกแล้ว เลือกจะกินในบริษัทเลย เพราะในบริษัทก็มีห้องครัว มีร้านอาหารเฉพาะพนักงาน

ปารีสยังชอบไปกิน อร่อยใช้ได้แถมราคาไม่แพงด้วย

“แต่ว่า…”

“ช่วยไปเป็นเพื่อนผมหน่อยเถอะครับ ไม่งั้นผมกินไม่ลง”

เธอโคลงศีรษะ ไม่ใช่เหตุผลเลย เขารีบพูดต่อ…

“เราจะได้คุยเรื่องงานกันด้วย”

เอา ‘งาน’ มาอ้าง เจ้านายชวนขนาดนี้แล้ว จะเล่นตัวเกินงามไม่ดีหรอก

“ทานในศูนย์การค้าก็พอมังคะ ไม่ต้องขับรถไกล”

“ได้เลยครับ ผมก็ชอบเดินเล่นในศูนย์”

ดุสิตกับปารีสออกจากบริษัทไปยังศูนย์การค้าที่เชื่อมติดกัน เพื่อไปทานอาหาร ในศูนย์มีร้านอาหารมากมายให้เลือก และอย่างไม่ตั้งใจต้องผ่านโซนขายเพชรพลอย

ปารีสมองไปในร้านที่วิศว์ตกแต่ง และเห็นเขาอยู่ในร้านจริงๆ กำลังสั่งลูกน้องเก็บงานสุดท้าย

จังหวะนั้น รัศมีกับอุเทนก็มาถึง

ปารีสไม่อยากทักทาย อยากรีบเดิน แต่ดุสิตเป็นฝ่ายทักก่อน

“อ้าว…คุณรัศมี มาดูร้านหรือครับ”

“ค่ะ”

“ใกล้เสร็จหรือยังครับ จะได้มาอยู่ตึกเดียวกัน เป็นเพื่อนบ้านกัน”

“วันสองวันก็เสร็จค่ะ อาทิตย์หน้าเปิดได้ วันเปิดจะเชิญคุณสิทธิ์ด้วยนะคะ แขกไม่เยอะค่ะ แค่คนในวงการเดียวกันไม่กี่คนเอง”

“ยินดีครับ”

“เชิญเธอด้วยนะ…ปารีส” รัศมีหันมาพูดกับปารีส

ปารีสตอบทันที

“ช่วงนี้เพิ่งเริ่มงานใหม่ อาจไม่สะดวกค่ะ” คือคำปฏิเสธนั่นแหละ แต่ดุสิตกลับพูดเสริมว่า

“ผมกับคุณปาจะมาร่วมงานเปิดร้านแน่นอนครับ”

ปารีสทำตาโต เล่นตัดสินใจแทนตนได้ยังไง ในขณะที่ดุสิตอมยิ้ม และหันมาพูดกับเธออย่างอ่อนโยนว่า

“คุณปาต้องออกงานกับผมเยอะๆ ให้ทุกคนเห็นว่าคุณสำคัญแค่ไหน”

หญิงสาวยังตาโต

“คุณ…?”

“เอาแค่ผมเห็นความสำคัญของคุณที่สุด ต่อไปคุณคือคนที่จะอยู่เคียงข้างผมเสมอ”

ดุสิตพูดอะไรน่ะ ต่อหน้ารัศมีกับอุเทนด้วย

ส่วนคนในร้าน…ที่แกล้งทำเป็นไม่เห็น…วิศว์ แน่ละว่าเขาเห็นแต่ยังไม่อยากทักทายใคร ทำเป็นตรวจงานขั้นตอนสุดท้ายเงียบๆ

แล้วดุสิตก็ขอตัวกับรัศมีและอุเทน

“ผมจะไปทานข้าวกับคุณปา ขอตัวก่อนนะครับ”

ปารีสเดินไปกับดุสิตแล้ว

อุเทนมองตามด้วยสายตายากอธิบาย และต้องหยุดสะดุดกับเสียงตวาดของภรรยาอายุมากกว่าตน เสียงดังกว่า รวยกว่า มีอำนาจมากกว่า

เหนือกว่าตนทุกอย่าง เพราะ…เพราะ…อุเทนเลือกเอง

“มองตาละห้อยเชียวนะ เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง เมื่อไหร่จะทำใจได้เสียที ปารีสนี่เก่งนะ ถือว่าเก่งกว่าเธอหลายเท่าเลยล่ะ ปารีสคงดีใจที่เธอไม่ได้เลือกปารีส ออกจากบริษัทเราก็ไปทำงานกับคุณดุสิต และเสน่ห์แรงเสียด้วย คุณดุสิตดูจะชอบปารีสมากๆ”

อุเทนพยักหน้า

“ครับ”

“ครับแค่นั้น” เสียงยังเข้ม ดัง แม้ว่าจะเห็นวิศว์กำลังเดินมาใกล้ ก็ยังเสียงดังแสดงอำนาจเหนือสามีตัวเอง

“จะพูดอะไรได้ล่ะ ก็อย่างที่เห็นครับ”

“เห็นอะไร?”

“คุณดุสิตชอบปา…”

“กลัวปา จะได้ดีเหนือเธอใช่ไหม?”

“ผม…ผมก็ได้ดี”

คุณรัศมีแค่นหัวเราะ

“แต่ปาจะเหนือกว่ามั้ง เพราะปาแสดงฝีมือชนะการประกวด ก็เลยดูโดดเด่นเข้าตาคุณดุสิต เล่นจีบต่อหน้าพวกเราเลย คุณดุสิตตั้งไจแสดงออกเพื่อเอาใจปามากล่ะ”

“ปาไม่ใช่คนรักของผมแล้ว ผมไม่สนใจ”

“ปากว่าไม่สน แต่ดวงตามันฟ้อง”

“คุณรัศมีพอเถอะครับ”

“แสดงฝีมือให้ฉันเห็นหน่อยสิ อย่าให้ฉันผิดหวังในตัวเธอ!”

“ครับ ครับ”

แล้วรัศมีก็ถอนใจยาว หันมาทางวิศว์พูดว่า

“คนเราแข่งอะไรก็แข่งได้นะ แต่แข่งวาสนาคงยากหน่อย ดูอย่างเด็กในร้านของฉันยังปารีส ยอมรับนะว่าเธอมีฝีมือ สวยมากด้วย ก็เลยถูกใจคุณดุสิต โอ๊ย…วาสนาดีมากถ้าได้แต่งงานกับคุณดุสิต อยู่บนกองเงินกองทองชั่วชีวิตเลย”

ใครจะรู้มากกว่าเขาว่าคนที่รัศมีเอ่ยถึงนั้นเป็นภรรยาของเขา วิศว์พยักหน้ายิ้มๆ

“ครับ ผมเชื่อว่าคู่ใครคู่มัน”

รัศมีหันมาค้อนสามี พึมพำว่า

“เลยไม่แน่ใจว่า เลือกคนผิดหรือเปล่า”

วิศว์เห็นอุเทนหน้าเสีย จึงรีบเปลี่ยนเรื่อง อย่างน้อยเป็นผู้ชายด้วยกัน จึงเข้าใจความรู้สึกบ้าง

ใครชอบบ้างล่ะ ที่ถูกเมียข่มขนาดนี้

“พรุ่งนี้ผมจะส่งมอบงานที่เสร็จสมบูรณ์ พวกคุณจะได้เปิดร้านกันได้”

“เราจะเปิดอาทิตย์หน้า เชิญคุณวิศว์ด้วยค่ะ”

“ผมไม่แน่ใจ”

“ห้ามปฏิเสธ คุณแต่งร้านได้สวยงาม ต้องมีแขกหรือลูกค้าชอบ และฉันจะได้แนะนำงานใหม่ให้คุณไงคะ”

“เพื่อนผมมันเตรียมงานใหม่แล้วครับ”

“มีลูกค้าเพิ่มไม่ดีหรือคะ ไม่รู้ล่ะ ยังไงคุณวิศว์ก็ต้องมาเป็นแขกด้วย”

 

ดุสิตและปารีสรับประทานอาหารกลางวันในร้านที่ค่อนข้างหรู ไม่ต้องพูดถึงราคา  เพราะระดับดุสิตเรื่องเงินไม่ต้องพูดถึงเลย

“คุณสั่งเยอะแยะ กินหมดหรือคะ”

“ผมไม่รู้เลยว่าคุณชอบอะไรบ้าง สั่งเผื่อไว้ก่อน”

“น่าจะให้ฉันเลือกเอง”

“ร้านนี้อร่อยทุกอย่าง ผมอยากเดาว่าคุณชอบหรือไม่”

“คุณดุสิตคะ ฉันเป็นพนักงานธรรมดานะคะ และเพิ่งเริ่มงานใหม่งานด้วย”

ชายหนุ่มโบกมือ ทั้งที่หญิงสาวยังพูดไม่จบ

“คุณไม่ใช่พนักงานธรรมดา คุณเป็นคนพิเศษ…”

“ฉัน…”

“ฟังผมก่อน” ติดนิสัยเจ้านายต้องพูดก่อนเสมอ “คนพิเศษที่เราจะเรียนรู้กันและกัน บอกตามตรงผมสนใจคุณตั้งแต่แรกเจอ ผมดีใจมากที่คุณมาทำงานกับเรา ผมจึงมีโอกาสศึกษาเรียนรู้ทั้งคุณและผม คุณไม่ต้องเกร็งหรือเกรงใจ คุณเป็นธรรมชาติของคุณดีแล้ว ผมชอบแบบนี้”

ปารีสตาโต นี่เป็นวิธีการ ‘จีบ’ แบบเขาหรือ

ผมชอบแบบนี้?

แล้วถามเธอหรือเปล่า เธอชอบหรือไม่

“เราเพิ่งรู้จักกันไม่นาน”

“รักแรกพบไม่แปลกหรอกครับ”

“คือว่า…”

รักแรกพบหรือ…กับวิศว์ก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เจอกันและประทับใจ…จนแต่งงานกันภายในไม่กี่วันที่อิตาลี

“ผมมีความสุขมากที่ได้อยู่ใกล้ชิดคุณ ความรักไม่ต้องใช้เวลานานหรอกครับ บทจะเกิดมันก็เกิดเลย มันเป็นเรื่องของชะตาลิขิต”

 



Don`t copy text!