ซ่อนรัก บทที่ 17 : อัญมณีใต้ทะเล

ซ่อนรัก บทที่ 17 : อัญมณีใต้ทะเล

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

วิศว์คิดถึงปารีส และเป็นอีกวันที่ต้องคุยกันแบบเห็นหน้าในจอคอม

“ปา…คุณผอมลงหรือเปล่าครับ หน้าตอบเห็นๆ” เขาแสดงสีหน้าเป็นห่วง และน้ำเสียงก็ดูอาทร

หญิงสาวมองชายหนุ่ม…คนเพิ่งรู้จักกัน รักกันท่ามกลางความเสียใจ ความเศร้า ความผิดหวัง จะรักและอาทรได้ยั่งยืนจีรังตลอดไปหรือไม่

คือ…ความจริงใจหรือไม่

มองลึกในดวงตา…และน้ำเสียง

วิศว์คนนี้แสดงออกจนเห็นชัด

หญิงสาวยอมรับความเห็นใจที่เขามอบให้

“น้ำหนักลงไปสองโลค่ะ”

“ถ้ากลับมาครั้งนี้ ผมจะคุณขุนให้อ้วนเลย”

“เห็นฉันเป็นหมูหรือคะ?”

“เห็นเป็นสาวสวยครับ”

“เจอหน้าก็ชอบว่าฉันผอมทุกที”

“ก็เห็นแก้มตอบๆ ชัดเจนเลยครับ”

“ฉันก็พยายามกินอยู่นะคะ”

“ใช้คำว่าพยายาม ผมว่าคุณกินไม่ลง พ่อคุณไม่เป็นไรแล้วและกลับบ้านแล้ว คุณยังกังวลเรื่องอะไรครับ?”

“คนเป็นลูกแน่ะ กังวลและห่วงท่านตลอด”

“ให้ผมบินไปมั๊ยครับ?”

“มาได้หรือคะ?”

“ถ้าเพื่อคุณ ผมยอม”

“คุณเพิ่งรับงานใหญ่ จะเสียงาน”

เขาแค่นหัวเราะ โดยที่อีกฝ่ายไม่ทันสังเกต พูดเรื่องงาน ทำไมต้องหัวเราะแบบนี้

“ถ้าไม่ติดสัญญาที่บรมมันเซ็นต์ก่อนหน้า ผมทิ้งจริงๆครับ”

“อย่าทำอย่างงั้นนะคะ คุณจะเสียชื่อในวงการ ทำงานไปเถอะค่ะ ฉันอยู่ได้”

“แสดงว่าคุณจะอยู่ต่อยาว?”

“ดูก่อนค่ะ”

“กลับวันไหนบอกผม ผมจะไปรับที่สนามบิน”

“แน่นอนค่ะ ต้องบอกให้คุณมารับ”

“คิดถึงคุณมาก” วิศว์พูด และเห็นหญิงสาวยิ้มให้ก่อนจะกดปิดการโทร

เขารู้สึกผิดหวังเล็กน้อย คาดหวังว่าจะได้รับคำตอบ ‘คิดถึง’ ตอบกลับเช่นทุกครั้งที่คุยกัน

ครั้งนี้มีแค่รอยยิ้ม รอยยิ้มเศร้าๆ

ชายหนุ่มสลัดศีรษะแรงๆ ไม่…อย่าคิดมาก เพราะเธอมีอะไรที่ทำให้เขาต้องคิดมากเสมอ

เขาบอกตัวเองว่าต้องเข้าใจหญิงสาวให้ตลอด เข้าใจว่าเธอผ่านอะไรมาบ้าง และเขาเสนอตัวเองมิใช่หรือ จะเป็นหลักให้เธอพักพิง ให้เธออบอุ่น และเรียกความเชื่อมั่นในความรักกลับมา

เขาต้องทำให้เธอมั่นใจในเรื่อง ‘รัก’

รักแท้ต้องมีอยู่จริง

วิศว์เดินออกจากห้องในคอนโดหรู ออกมาหาอะไรดื่ม เพราะรู้สึกกระหายน้ำ

ตรงนั้นบรมกำลังดื่มเบียร์กระป๋อง

“เป็นอะไรวะ หน้าตาดูแบกโลก?” บรมถาม

“เปล่า”

“เฮ้ย…ยังปากแข็งอีก”

“คิดถึงแฟน” ยอมสารภาพ

บรมหัวเราะ

“ว่าแล้ว คนมีความรักก็แบบนี้ล่ะ ใช่ว่าแกเพิ่งมีรักครั้งแรก แต่ครั้งนี้ดูแกอาการหนักกว่าครั้งก่อน”

ใช่…แน่ล่ะ เขาเคยมีความรักมา ถ้านับแบบไม่จริงจัง ตั้งแต่วัยรุ่นก็มีเสมอ ถ้าเป็นรักจริงๆ ตอนหนุ่ม ตอนทำงานก็มีแค่ครั้งเดียวที่จริงจังว่าจะแต่งงาน…

เธอชื่อ…เทวี เป็นลูกสาวเจ้าของโรงแรม

แต่มันก็ผ่านไป เลิกกันแล้ว

ครั้งล่าสุด…คือ ปารีส ผู้หญิงที่ทำให้เขาอยากแต่งงานจริงๆ

ชีวิตรักเขาจะผ่านมากี่คน มีแต่บรมที่รู้เรื่องดีที่สุด

เพื่อนรักตั้งแต่เด็ก จนโต…จนเรียนจบ…ทำงานด้วยกัน

บรมร่ำรวย พ่อแม่ทิ้งมรดกไว้เป็นร้อยล้าน ไม่ต้องทำอะไร บรมก็สบายแล้ว แต่บรมก็บ้างาน จนมาตั้งบริษัทและให้วิศว์เป็นหุ้นส่วน

วิศว์…คนเดียวที่เป็นหุ้นส่วนที่บรมไว้ใจ

บ้านหลังใหญ่ของบรม ก็มีแต่วิศว์ที่มีกุญแจเข้านอกออกในได้

ส่วนคอนโดหรูที่นี่ ราคาแพงห้องหรูสองห้องนอน และอยู่ชั้นบนที่มองเห็นวิวได้รอบเมือง วิศว์ก็มีหุ้นส่วนในการซื้อส่วนหนึ่ง แต่คนที่ลงเงินหนักกว่าคือบรม

สองหนุ่มชอบพักคอนโดมากกว่าบ้าน เพราะอยู่กลางเมืองและเดินทางไปตามที่ต่างๆ สะดวก

“ครั้งก่อนยังไม่ทันแต่งงานก็เลิก ครั้งนี้กันแต่งงานนะ”

บรมโบกมือ

“แค่แลกแหวนกันเองสองคน จะถือว่าเป็นการแต่งงานที่สมบูรณ์หรือวะ?”

“ก็ใช่…”

“ไม่ว่ะ…ยังไม่สมบูรณ์ แค่รู้กันสองคน”

“รู้แค่สองคนก็พอแล้ว”

“นี่แกเชื่อจริงๆ หรือว่า พวกแกแต่งงานกันแล้ว ถามจริงๆ เถอะ ไม่ใช่เพราะอารมณ์ชั่วแล่นหรือ”

“เฮ้ย…แกก็ช่างสงสัยเหลือเกิน ต้องให้กันยืนยันกี่ครั้งกับแก แกถึงจะเชื่อคำพูดของกัน”

บรมยิ้มแห้งๆ

“กันรู้สึกแปลกๆ ว่ะ ยังไม่ชินกับรักติดจรวดของแกกับคุณปารีส”

“รู้สึกแกจะติดใจกับเรื่องนี้ตลอดเลยนะ”

บรมเปลี่ยนจากยิ้มแห้งๆ เป็นหัวเราะเบาๆ

“เออ…เออ…หวังจะเป็นรักแท้ของแกนะโว้ย”

วิศว์พยักหน้า และยกแก้วน้ำขึ้นดื่มเงียบๆ

 

กุลวดียกกาแฟเข้ามาในห้องทำงานของนิกร และสังเกตว่านิกรถอนใจยาว

“ขอบคุณครับ” จะมีคำว่าขอบคุณกับเลขาสาวทุกครั้ง เขาจะสุภาพและให้เกียรติลูกน้องเสมอ

เจ้านายแบบนี้ กุลวดีแอบชื่นชม และเก็บซ่อนความในใจไว้ เธอหลงรักเจ้านายคนนี้

แม้คนภายนอกจะแอบนินทาเสมอว่า นิกรซื่อเกินไป และไม่เก่งกาจเท่าพี่ชาย ไม่มีเสน่ห์สักนิด กุลวดีก็รัก

ตัวเธอเองล่ะ กุลวดีมีอะไรดี ตัวเล็กผิวคล้ำ ฐานะยากจน มีดีที่ขยันและใบหน้าคมเข้มเท่านั้นเอง

ส่วนใหญ่ผู้ชายจะชอบผู้หญิงสูง ขาวโปร่ง สวยเด่นสะดุดตา อย่างเช่นหฤทัย ที่มักมีผู้ชายในบริษัทมาตามจีบ แต่หฤทัยมักหัวสูง แค่พนักงานธรรมดาไม่มองหรอก

กุลวดีบอกตัวเองไม่หัวสูงสักนิด แต่แอบหลงรักนี้นิการก็ถือว่าใฝ่สูงเกินไปแล้ว

“อยากเจอผู้ชายคนนั้นมาก” นิกรโพล่งออกมา ก่อนที่เลขาสาวจะออกไป จึงหันกลับมาแล้วเดินมาใกล้โต๊ะทำงานเจ้านาย

“เป็นความบกพร่องของวดีเองค่ะ ที่ปล่อยให้เขากลับไป”

“แต่คุณก็รั้งแล้วนี่”

“รั้งค่ะ บอกให้อยู่รอคุณกรก่อน แต่เขาบอกว่าไม่จำเป็น แล้วออกไปทันทีค่ะ”

“ไม่อยู่รอให้ผมได้ขอบคุณเลย”

“วดีบกพร่องค่ะ”

“ใครว่า ผมสิผิดแต่แรก คุณไม่ผิดอะไรเลย”

“ถ้าวดีสามารถรั้งตัวไว้ คุณกรก็ไม่ต้องมานั่งกลุ้ม”

“เจ้านายหนุ่มหัวเราะแห้งๆ

“ดูออกเรอะว่าผมกลุ้ม”

“หลายวันนี้ก็เห็นคุณถอนใจยาวทุกวันเลยค่ะ”

เขาต้องหัวเราะแห้งๆ อีกครั้ง

“ผมมันอ่านง่ายน่ะครับ มันยังติดค้างในใจผม อยากพบผู้ชายคนนั้นอีกครั้งมาก”

“ขอให้ความตั้งใจอยากพบของคุณกรสำเร็จนะคะ”

“ถ้าเราจะลองประกาศตามหาล่ะ?”

“เรารู้แต่ชื่อนะคะ นามสกุลก็ไม่รู้จัก”

นิกรถอนใจยาว ในจังหวะที่ดุสิตก้าวเข้ามา และทันเห็นจึงถาม

“เป็นอะไรวะ น้องชาย ถอนใจยาวแต่เช้า”

ส่วนกุลวดีเมื่อเจ้านายเข้ามา จึงค่อยๆ เดินออกไปเงียบๆ แต่ก่อนปิดประตูก็ทันได้ยินนิกรพูดกับพี่ชายว่า

“ผมกำลังคิดถึงเรื่องเพชรหายครับ”

“อะไรวะ คิดอยู่นั่นล่ะ  ความผิดของแก มันเป็นจุดอ่อนของแกเอง จะทำยังไงได้ แต่อย่าให้จุดอ่อนของแกทำให้อานุชเอามาเล่นงานได้ เราจะแพ้นะ”

นิกรกลืนน้ำลายยากเย็น

พี่ชายแข่งขันด้านผลงานกับอาจิรานุช และเขาเป็นฝ่ายพี่ชายชัดๆ

“ครับ ครับ”

“แล้วโครงการแข่งขันออกแบบจี้เพชรของแกไปถึงไหนแล้ว ใกล้เวลาจะตัดสินแล้วนี่” ดุสิตเปลี่ยนเรื่องตามประสาคนที่ชอบทำงาน

ออกแบบจี้เพชรใช้ชื่อ ‘อัญมณีใต้ทะเล’

ความคิดของดุสิต และใช้ชื่อน้องชายเป็นเจ้าของความคิดครั้งนี้ พี่ชายผลักดันให้น้องชายมีความรับผิดชอบ ให้มีผลงานเด่นๆ กับเขาบ้าง

ออกแบบจี้ใช้สวมกับสร้อยคอ…ประกาศให้คนนอกมาร่วมงานได้ มีเงื่อนไข สิทธิคนเดียว ส่งผลงานออกแบบเป็นภาพวาดได้ภาพเดียว  ภาพของใครได้รับรางวัลที่หนึ่งถึงสาม จะได้ทำเป็นอัญมณีออกจำหน่าย รางวัลที่หนึ่งหนึ่งล้าน ที่สองห้าแสนและที่สาม สามแสนบาท

“มีคนส่งมาหลายร้อยภาพแล้วครับ”

“แล้วดีมั้ย…น่าสนใจมั้ย?”

“ผมคัดไว้สิบกว่าภาพ นอกนั้นยังไม่เหมาะกับแบรนด์เราครับ”

ไม่เหมาะกับแบรนด์…

นิกรก็เป็นคนแบบนี้ล่ะ ไม่ตำหนิผลงานที่ไม่เข้าขั้น เขาให้เกียรติคนอื่นเสมอ

“หมดกำหนดส่งเมื่อไหร่?”

“อีกสิบวันครับ ถึงสิ้นเดือน และประกาศผลเดือนหน้า”

“ในสิบวันนี้ ก็ยังมีคนส่งภาพเข้าประกวดเพิ่มล่ะนะ”

“แรกๆ ส่งมามากครับ ตอนนี้เริ่มน้อยลงครับ”

“ก็ต้องทำตามกติกาล่ะ หวังว่าการประกวดครั้งนี้ เราจะได้ผลงานแปลกๆ มาประดับแบรนด์เรา ฝ่ายออกแบบของเราจะได้ตื่นตัวบ้าง ช่วงนี้ร้านเงียบๆ ไปหน่อย ต้องจัดโปรโมทสินค้าและกระตุ้นให้สร้างยอดขายเพิ่ม”

“พี่สิตเก่งครับ”

“ยอดขายนิ่งๆ ไม่ดีนะโว้ย”

“ผมไม่รู้จะทำยังไง”

“แกรับผิดชอบโครงการนี้ และทำให้ดีที่สุด อย่างน้อยแกก็เก่งด้านศิลปะ มีหัวทางนี้ ช่วยได้ แกตัดสินใจได้”

“ผมต้องขอบคุณพี่สิตที่คอยช่วยเหลือผม”

“ก็แกเป็นน้อง ไม่ช่วยน้องและจะช่วยใคร จำไว้เพราะแกเป็นน้อง เป็นน้องชายคนเดียวของพี่ แกต้องพิสูจน์ด้วยผลงาน แกจะอยู่ใต้เงาพี่คนนี้ตลอดไปไม่ได้ แกต้องรู้จักสู้เพื่อตัวเองบ้าง อย่าอ่อนแอ แกต้องไม่อ่อนแอนะโว้ย”

“นิกรมีแต่พี่ชายแสนดีคนนี้ที่คอยผลักดัน คอยกระตุ้นการทำงาน ถ้าไม่มีพี่ชายคนนี้ และเขาไม่ใช่ทายาทเพชรอนันต์ เขาโดนออกจากงานไปนานแล้ว

ขณะกำลังพูดกัน ก็มีเสียงเคาะประตู และจิรานุชก้าวเข้ามาพร้อมแฟ้มในมือ และพูดว่า

“อยู่กันทั้งพี่ทั้งน้องเลยนะ อาแค่อยากพบกรน่ะ”

“มีอะไรครับอานุช”

สาวใหญ่วางแฟ้มบนโต๊ะทำงานหลานชายคนเล็ก

“เอางานที่เขาส่งประกวดมาให้เพิ่มเติมอีกสี่ราย”

อานุชให้ผู้ช่วยเลขาศิรินภาเอามาให้ก็ได้นี่”

“ก็อยากเดินน่ะ อยากมาพบหลานบ้าง”

“อ๋อครับ เรียกผมไปพบที่ห้องก็ได้ครับ”

“คนอายุมาก ต้องเดินเยอะๆ”

“อานุชแค่สี่สิบ ยังไม่มากหรอกครับ”

นิกรไม่รู้ทันอาจิรานุชหรอก แต่ดุสิตรู้ทันจึงพูดกับอาว่า

“อานุชคงได้เห็นภาพทุกภาพที่ส่งประกวดแล้วสิครับ ทั้งที่งานนี้อานุชไม่จำเป็นต้องสนใจเลย ให้กรรับผิดชอบคนเดียวได้ครับ”

“แหม…อาช่วยได้ก็อยากช่วยหลาน”

“เท่าที่ผมรู้น้องชายของเลขาคนโปรดของอานุชก็ส่งผลงานเข้ามาด้วย เวลาเพชรอนันต์ของเรามีจัดกิจกรรม เขาจะส่งมาล่ารางวัลทุกครั้ง และมักจะมีรางวัลติดมือไปเสมอ”

อานุชเชิดหน้า

“แล้วทำไม ไม่ได้ทำผิดกติกานี่ เงื่อนไขก็แค่ว่าพนักงานและครอบครัวของพนักงานไม่มีสิทธิ์ส่งประกวด แต่นายทรัพย์เป็นลูกพี่ลูกน้องเป็นญาติห่างๆ คนละนามสกุล ไม่ใช่คนในครอบครัว ก็มีสิทธิ์ส่งสิ”

“ครับ…แต่ไม่รู้มีอะไรพิเศษกันหรือเปล่า”

“อานุชคนนี้ เป็นคนตรงๆ นะจ๊ะ ไม่มีการช่วย หรือแอบช่วยคนรู้จักกันหรอก”

 



Don`t copy text!