ซ่อนรัก บทที่ 43 : ความกล้าที่หลบซ่อน

ซ่อนรัก บทที่ 43 : ความกล้าที่หลบซ่อน

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

กุลวดีขยับหนีคนแปลกหน้าที่มีท่าทางหยาบคายและตรงมาหาเธออย่างตั้งใจ

ขยับหนีอย่างไรก็ไม่ทันมือที่ไวของอีกฝ่ายที่เอื้อมมาจับต้นแขนตน

“ว้าย!”

อีกคนก็ปราดเข้ามาลูบแก้มของหญิงสาวด้วยความมึนเมา แถมยังหัวเราะชอบใจอย่างขาดสติ

ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็ว ในสายตาของนิกร

เลขาสาวอยู่ในอาการตกใจ นิกรไม่มีเวลาต้องคิดอะไร รี่เข้าพักร่างคนที่จับแก้มเธอ จนล้มไปอย่างแรง

“เฮ้ย! ไปให้พ้นเธอเลย”

คนที่จับแขนปล่อยแขนกุลวดี และทำท่าจะเข้ามาชกต่อยทำร้ายนิกร

“เรื่องอะไรของแกวะ”

หมัดกำลังจะเข้าหน้า สัญชาตญาณของนิกร ทำให้ตนต้องหลบ ทำให้มันพลาดเป้า แต่ก็กลับมาจะทำร้ายอีกครั้ง

อีกคนก็ลุกขึ้นมาช่วยเพื่อน

สองคนรุมหนึ่ง

นิกรไม่ใช่ประเภทใช้กำลัง แต่ก็ปกป้องตนเอง รัวชกแบบเร็วเท่าที่จะทำได้ ทั้งที่รู้ว่าอย่างไรก็สู้ไม่ได้

กุลวดีตกใจที่เจ้านายถูกรุม คว้าอะไรแถวนั้นไม่มีหรอก จึงใช้กระเป๋าของตนเองฟาดหลังพวกมันอย่างแรง และได้ผล มันคนหนึ่งหันหลังมาจะเล่นงานเธอแทน

กุลวดีตะโกนลั่น

“ช่วยด้วย…ช่วยด้วย…ตำรวจ…ตำรวจมา”

มึนเมาอย่างไร แต่พอได้ยินคำว่าตำรวจ มันทั้งสองก็ชะงัก ถูกจับบ่อยจนรู้ว่าต้องหนีก่อนแล้ว จึงพากันวิ่งไปทันที

นิกรรีบถามหญิงสาวด้วยความห่วงใย

“คุณเป็นอะไรหรือเปล่า?”

หญิงสาวใจเต้นแรงกับเหตุการณ์ และยังมาเต้นแรงกับคำถามอ่อนโยนเช่นนี้

มา ณ ขณะนี้ เขาไม่ใช่คนอ่อนแอเลย

เขาแสดงออกมาแล้วในยามวิกฤต เขาจะรู้ตัวหรือเปล่า

หญิงสาวถูกลวนลาม เขากล้าจะเข้าปกป้องแบบไม่ต้องคิด

คิดไหนล่ะคนอ่อนแอ ขี้ขลาด?

คิดไปเองแท้ๆ

กุลวดีซาบซึ้งจนน้ำตาคลอ

“ไม่…ไม่…เป็นอะไรค่ะ แต่คุณ…”

นิกรถูกทำร้าย ถูกชก มีเลือดซึมๆ ออกมามุมปาก ถูกชกปากแตก แต่รวมๆ ไม่เป็นอะไรมาก

“คุณร้องไห้เรอะ คุณกลัวเรอะ ไม่ต้องกลัวแล้ว คุณไม่ต้องกลัว”

เขาปลอบอย่างห่วงใย

กุลวดียิ่งกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ที่เธอร้องไห้ไม่ใช่เพราะกลัวอย่างที่เขากล่า วแต่เพราะซาบซึ้งและยิ่งรักเขาสุดหัวใจ เขาช่วยเธอ ไม่ทอดทิ้งเธออย่างที่คนขี้ขลาดอย่างเขาควรทำ ควรจะวิ่งหนี

“ทำไมคุณไม่วิ่งหนี อันธพาลสองคนรุมทำร้ายคุณเพราะฉัน คุณน่าจะหนีก่อน”

นิกรโคลงศีรษะ

“นั่นสิ ผมก็น่าจะวิ่งหนี แต่ผมห่วงคุณมากกว่า มันลวนลามนะ ผมจะปล่อยไว้ได้ยังไง”

“คุณกร…”

“ไม่ต้องร้องไห้…ไม่ต้อง…”

เธอโผกอดเขาสะอื้น

“คุณกร…คุณกร…”

“ตายแล้ว คุณตกใจกลัวขนาดนี้เรอะ ไม่เป็นไรแล้ว ผมอยู่ ถ้ามีอะไร มันต้องสู้กับผมก่อน”

“ขอบคุณค่ะ…ขอบคุณ…ขอบคุณ…” กอดเขาแน่นและแสนนานในที่สุด เมื่อกลับมาถึงบริษัท

สภาพใบหน้านิกรบาดเจ็บเล็กน้อย แต่ก็ไถ่ถามกันทั้งบริษัท จนรู้ว่า นิกรช่วยกุลวดีอย่างกล้าหาญ

ดุสิตตบบ่าน้องชาย เมื่อเขาเล่าจบ

“แกกล้าสู้กับไอ้พวกนักเลงเรอะ ใจถึงนี่หว่าน้องเรา”

ในห้องนั้น จิรานุชก็อยู่ด้วย กล่าวว่า

“ไม่น่าเชื่อเลยว่า กรของอา จะกล้าหาญขนาดนี้”

นิกรยิ้มแห้งๆ

“ตอนนั้นหน้ามืดครับ ทำอะไรไม่ถูก และไม่ทันคิดอะไรเลยครับ”

“อยากเป็นพระเอกหรือไง หลานอา”

“เปล่าเลยครับ ผมไม่ทันคิดอะไรจริงๆ”

“มันอันตรายน ะถ้าพวกมันมีอาวุธ เราเสียเปรียบ”

“ผมลืมนะครับ ทุกอย่างรวดเร็วมาก และคุณาดีเป็นเลขาผม จะปล่อยให้ถูกลวนลามไม่ได้ครับ”

“อยู่ๆ จากคนขี้ขลาดก็กลายเป็นพระเอกขึ้นมาเลยนะ”

นิกรรีบโบกมือ

“ผมไม่ใช่พระเอกหรอกครับ”

“ทำไมอยู่ๆ กล้าล่ะ?”

“ผมก็ตอบไม่ถูกครับ”

ดุสิตตบบ่าน้องชายเบาๆ พลางกล่าวว่า

“แกมันเก่งว่ะ กล้าว่ะ แต่ต้องระวังตัวด้วย ชีวิตแกมันมีค่ามากเลยนะ ไม่จำเป็นอย่าเสี่ยงเพื่อคนอื่น”

จิรานุชโครงศรีษะ แย้งดุสิต

“อย่าเห็นแก่ตัวสิ กรช่วยเลขาของเขาเป็นเรื่องสมควร”

อีกแล้วต้องมีปัญหากันอีกแล้ว

“ผมกำลังบอกน้องชายว่ าชีวิตมันมีค่าครับ”

“หรือจะไม่ให้ช่วยคนของเรา?”

ในขณะนั้น คุณอนันต์กับคุณนาถก็ก้าวเข้ามาอย่างรีบเร่ง เพราะข่าวว่านิกรได้รับบาดเจ็บ

“เป็นไงบ้างลูก…เป็นไง?” คุณนาถห่วงลูกชายสุดๆ ลูบหน้าลูบตาอย่างแนห่วงใย

สายตาคุณอนันต์ก็ห่วงใย แต่ให้ภรรยาเป็นคนถาม

“แค่ถูกนักเลงชกไม่รุนแรงครับ”

“ทำไมไปมีเรื่องได้นะ เลขาลูกไม่น่าเดินผ่านพวกมันเลย”

“โชคร้ายครับ เป็นจังหวะพอดี พวกมันกำลังเมา”

“เมาแต่วันเลยหรือนี่”

“ก็จังหวะพอดีครับ”

“น่าจะให้คนขับรถช่วยลูก”

“ผมกำลังจะเดินไปขึ้นรถ ผมขับรถเอง”

“โธ…โธ่…ลูก เจ็บมากสินะ”

“ไม่มากหรอกครับ”

“โชคร้ายจริงๆ ว่ะ วันหลังอย่าไปแถวนั้นอีก”

“เอาเถอะ…เอาเถอะ…ลูกปลอดภัยก็ดีแล้ว” คุณอนันต์พูดกับภรรยา เห็นแผลบนใบหน้าลูกชายว่าไม่รุนแรงนัก

“ไปโรงพยาบาล ตรวจหน่อยนะลูก” คนเป็นแม่ยังห่วงใย

“ไม่ต้องถึงขนาดนั้นหรอกครับ”

คุณอนันต์เห็นว่าไม่รุนแรงอะไร จึงเดินออกจากห้องไปยังห้องทำงานของตัวเอง ปล่อยให้แม่คุยกับลูกชายต่อไป

จิรานุชเดินตามพี่ชายมาที่ห้องทำงานส่วนตัวของท่านประธาน

“มีอะไรหรือนุช?” พี่ชายถาม

“น่าดีใจนะคะ พี่อนันต์ กรที่เราเข้าใจว่าขี้ขลาด กลับกล้าช่วยเลขาของเขา จริงๆ แล้วลูกชายคนนี้ของพี่ก็ถือว่าใช้ได้เลยค่ะ”

“มันกล้าสู้กับนักเลงได้ยังไง พี่ยังงงๆ กับมัน”

“ภาพที่เรามองกร…อาจผิดมาตลอด”

“ไม่เคยผิด เห็นมาตั้งแต่เกิด”

“ลึกๆ กรก็ไม่ได้ขี้ขลาดขนาดนั้นนะคะ”

พี่ชายโคลงศรีษะ

“ถ้ากล้าจริง ควรแสดงออกมานานแล้ว และต้องแสดงออกมาบ้าง สิไม่ใช่รอจนป่านนี้”

“เพราะวดีไงคะ…เลขาสาวของเขา เขาอยากช่วยสาว ก็เลยเป็นแบบนี้อย่างไม่รู้ตัว”

“เพราะสาวเรอะ?”

“น่าจะค่ะ”

“เธอว่านิกรมันเป็นแบบนี้ เพราะผู้หญิงเรอะ?” ย้ำถามอีกครั้ง

“นุชคิดว่าอย่างนั้นค่ะ พี่อนันต์”

คุณอนันต์หัวเราะออกมา

“ถ้ามันรู้จักสนใจผู้หญิงบ้างก็ดีสิ สิตมันเปลี่ยนผู้หญิงมาเป็นสิบแล้วมั้ง ส่วนกร…คุณนาถพยายามแนะนำลูกสาวเพื่อนให้ ไม่เคยสำเร็จสักครั้ง”

“เพราะวดีคนนี้มั้งคะ”

“จริงหรือเปล่า?” ทอดเสียงถามลากยาว

“กรไม่ทิ้งเธอนะคะ”

“สุภาพบุรุษจริงๆ ไม่ถึงสาวทุกคนหรอก เมื่อตกอยู่ในฐานะลำบากอย่างนั้น”

จิรานุชเลิกคิ้ว

“พี่อนันต์คิดอย่างที่พูดจริงๆ หรือคะ?” เธอเป็นฝ่ายถามพี่ชาย

“ถ้าทิ้งให้ผู้หญิงตกอยู่ในอันตรายก็แย่มาก”

“คิดได้สองอย่างนะคะ กรทำไปโดยสัญชาตญาณลูกผู้ชายในส่วนลึกกับกรชอบกุลวดีถึงช่วยโดยไม่คิดถึงตัวเอง”

“จะอย่างไน พี่ก็พอใจทั้งนั้น อยากให้มันเป็นลูกผู้ชาย ไม่ขี้ขลาดและจีบผู้หญิงเป็น”

จิรานุชส่ายหน้า

“อย่างหลังคงยากค่ะพี่อนันต์ กรเป็นผู้ชายคนเดียวในบ้านที่ไม่เจ้าชู้ อีกสองเจ้าชู้ระดับตัวพ่อ”

พี่ชายหัวเราะ

“เธอจะว่าพี่เรอะ?”

“รู้ๆ กันนะคะ”

“กระทบพี่ชัดๆ ”

“รวมทั้งสิตด้วยค่ะ”

“เป้าหมายพี่มากกว่ามั้ง เธอก็รู้จักพี่น ะกี่ปีแล้วที่พี่ถอดเขี้ยวเล็บ ยี่สิบปีแล้วมั้งที่พี่ไม่เคยมองผู้หญิงคนไหนอีกเลย พี่สะใภ้เธอเก่งที่คุมพี่อยู่หมัด”

“แต่นุชว่าไม่ใช่เพราะพี่นาถเก่งที่คุมพี่อนันต์อู่หมัด แต่บางอย่างยังฝังใจพี่ต่างหาก”

“บางอย่าง?”

“ใครบางคน”

“ใครล่ะ พี่ไม่คิดถึงสาวแล้วนะ อายุปูนนี้ และทุกอย่างก็เป็นอดีต ไม่นึกถึงเรื่องรักๆ ใคร่ๆ อีกล่ะ”

“ความรักมีหลายรูปแบบนะคะ แบบหนุ่มสาวไม่คิด แต่มีแบบครอบครัว แม่รักลูก พ่อรักลูก พี่รักน้อง น้องรักพี่ อย่างเราสองคน”

“พี่ก็มีแกเป็นน้องสาวคนเดียว”

“แล้วที่พี่แล้วพี่มีลูกกี่คนคะ?”

คุณอนันต์ชะงัก ยังไม่ทันตอบ คุณนาถก็ก้าวเข้ามาและตอบแทนสามี

“อยู่ๆ มาถามเรื่องลูก นุช…อย่าหาเรื่องเลย พี่อนันต์มีลูกชายสองคนรู้ๆ กันทั้งวงการ ใช่ไหมคะ…คุณอนันต์?”

สามีพยักหน้าแทนคำตอบ แล้วทุกอย่างก็เงียบ และเปลี่ยนเรื่องคุยเลยทันที

 

ปารีสกับหฤทัยรี่มาที่โต๊ะทำงานของคกุลวดีอย่างห่วงใย เมื่อรู้เรื่องที่กุลวดีถูกลวนลามมีเรื่องกับนักเลงสองคน

“เป็นไง…เป็นไงบ้าง?”

สภาพของกุลวดียังปกติทุกอย่าง แต่คำพูดของเธอ ทำเอาอีกสองสาวโคลงศรีษะอย่างขบขัน

“คุณกร…คุณกรเป็นสุภาพบุรุษ เป็นลูกผู้ชายตัวจริง ไม่ต้องคิดเลยก็ตรงเข้าไปห้ามพวกมันไม่ให้ลวนลามฉัน แกรู้มั้ย ตอนนั้นแทบไม่ใช่คุณกรเลย หน้าตาขึงขังเอาจริง คุณกรถูกมันชก คุณกรก็ชกกลับชุลมุนไปหมด สองรุมหนึ่งจนฉันต้องรีบเข้าไปช่วยอีกคน”

กุลวดีเล่า…เล่า…อย่างตื่นเต้นแฝงด้วยความดีใจ

เจ้านายช่วยหล่อนอย่างไร้เงื่อนไข

“คุณกรไม่เกรงกลัวพวกมันเลย คุณกรทำเพื่อจะช่วยฉัน จนตัวเองถูกชกและเจ็บ”

ปารีสกับหฤทัยได้แต่พยักหน้า ครางเบาๆ

“อือม์…อือม์…”

“พวกแกไม่พูดอะไรบ้างเรอะ?” กุลวดีเลิกคิ้ว

“หฤทัยหัวเราะออกมา

“ก็แกพูดหมดแล้ว ให้เวลาแกได้ชื่นชมคุณกรเต็มที่ เชิญเล ยเชิญเล่าวีรกรรมของคุณกรออกมาจนหมดหัวใจ

ตอนแรกคนฟังก็ยิ้มๆ อยู่นะ จนท้ายประโยคก็หยุดยิ้มและหน้าแดง

“หมดหัวใจอะไร?”

“นี่…นี่…อย่าทำเป็นสาวไร้เดียงสาสิ รู้ไส้รู้พุงกันนานแล้ว แกแอบหลงรักเจ้านาย”

กุลวดีรีบปิดปากเพื่อน

“เรื่องนี้ต้องพูดกันที่บ้าน ไม่ใช่ที่นี่”

“แกก็มัวชื่นชมจนออกนอกหน้า ใครๆ รู้กันหมดล่ะ ทั้งบริษัท”

“ยกเว้นคนเดียวไม่รู้” ปารีสว่า “คุณกร”

หฤทัยหัวเราะชอบใจ

“ไปบอกเลย…ไปบอกคุณกรกันเลยว่าวดีคิดยังไงกับเขา” แกล้งทำท่าเดิน แต่ถูกกุลวดีฉุดแขนไว้

“อย่านะ…อย่า…กลัวถูกไล่ออก หรือมองหน้าคุณกรไม่สนิทใจอีกต่อไป”

 



Don`t copy text!