ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 34 : ดวงตามืดมิด

ดอกฟ้ายาใจ บทที่ 34 : ดวงตามืดมิด

โดย : พงศกร

Loading

ดอกฟ้ายาใจ นวนิยายแนวยั่วล้อที่ พงศกร เขียนเอาไว้เมื่อหลายปีก่อน ได้รับความนิยมทั้งแบบรูปเล่มและนำไปเป็นละครโทรทัศน์ แต่หนังสือขาดหายไปนานและมีเสียงเรียกร้องให้นำกลับมาพิมพ์ใหม่เป็นจำนวนมาก สำนักพิมพ์กรู๊ฟพับลิชชิ่งจึงได้จัดพิมพ์ ‘ดอกฟ้ายาใจ’ อีกครั้ง เพื่อแทนคำขอบคุณแฟนๆ ที่ติดตามเว็บไซต์อ่านเอาและสำนักพิมพ์มาโดยตลอด

“เฮ้อ มาดูข่าวกันดีกว่านะคะลูกขา ข่าวมาพอดีเลย” คุณหญิงแม่เห็นสถานการณ์ในห้องคนไข้ชักจะเครียด ก็เลยแก้ปัญหาเฉพาะหน้าด้วยการเดินไปเปิดโทรทัศน์

“ตายจริง…ข่าวอะไรคะนั่น”

ทันทีที่ภาพข่าวปรากฏขึ้นบนจอ แม่นิ่มกับเก่งถึงกับถลาไปเกาะติดขอบจอด้วยความสนใจ เพราะมีภาพชายฉกรรจ์กำลังใช้ปืนยิงถล่มกันอย่างเมามัน

“ไม่ใช่ข่าวหรอก สงสัยหนังฮ่องกงน่ะป้า” เก่งออกความเห็น “ดูสิ ยิงกันหูดับตับไหม้ ต๊าย…เลือดท่วมจอ”

“เอ๊ะ เดี๋ยวก่อนฮะ เงียบๆ หน่อย นั่นบ้านของไอ้ทินนี่ นั่นป๊าของไอ้ทิน ผมจำได้” สารวัตรอาคมผุดลุกขึ้นอย่างรวดเร็ว พร้อมๆ กับที่กรผกามารศรีรีบหันหลังกลับมาดูข่าวโทรทัศน์ทั้งที่น้ำตายังนองหน้า เมื่อได้ยินชื่อของชายหนุ่ม “เป็นไปได้ยังไง บ้านไอ้ทินโดนเสี่ยช้วนถล่มหรือนั่น”

“คุณทินพันธ์…” หญิงสาวบนเตียงคนไข้อ้าปากค้าง หัวใจเต้นรัวเร็วด้วยความตื่นตระหนก เพราะเนื้อข่าวที่ผู้สื่อข่าวรายงานนั้น เป็นเรื่องที่น่าตกใจเป็นอย่างยิ่ง

“ท่านผู้ชมคะ ขอคั่นรายการปกติด้วยรายงานข่าวด่วนค่ะ เกิดเหตุร้ายใจกลางกรุง คนร้ายไม่ทราบจำนวนบุกเข้าถล่มบ้านตระกูลเกียรติมหึมามหาเศรษฐี” ผู้ประกาศหญิงสาวสวยอ่านข่าวด้วยสีหน้าเคร่งเครียด “มีผู้คนบาดเจ็บล้มตายเป็นจำนวนมาก หนึ่งในผู้ที่บาดเจ็บสาหัสคือ นายทินพันธ์ เกียรติมหึมามหาเศรษฐี ขณะนี้กำลังได้รับการผ่าตัดรักษาตัวอย่างเร่งด่วนอยู่ที่โรงพยาบาล อาการเป็นตายเท่ากัน”

กรผกามารศรีจ้องมองดูภาพข่าวด้วยความตกใจเป็นอย่างยิ่ง เหตุการณ์นองเลือดนั้นเกิดขึ้นที่บ้านตระกูลมรกตที่ครอบครัวเกียรติมหึมามหาเศรษฐีเพิ่งย้ายเข้าไปอยู่ได้ไม่นาน และชายหนุ่มที่นอนเลือดอาบอยู่ในเปลที่พยาบาลเข็นขึ้นไปบนรถฉุกเฉินนั้นก็คือทินพันธ์นั่นเอง

ถึงแม้ว่าภาพข่าวจะไม่ชัดเจนนัก หากกรผกามารศรีจดจำดวงหน้าคร้ามคมของเขาได้อย่างแม่นยำ

“ขณะนี้ตำรวจสามารถเข้าควบคุมสถานการณ์และจับตัวผู้บงการได้แล้ว คือนายช้วน เบิกบานสราญใจไพศาล และบุตรสาวนางสาววิกกี้ เบิกบานสราญใจไพศาล”

ผู้ประกาศสาวยังคงอ่านรายละเอียดของข่าวต่อไป เนื่องจากคดีที่เกิดขึ้นนั้นเป็นคดีสะเทือนขวัญคนทั้งประเทศ

“สำหรับสาเหตุของการขัดแย้งในครั้งนี้นั้น ทางตำรวจเปิดเผยว่าอาจจะมาจากการขัดผลประโยชน์กันในบ่อนพนัน หรืออาจจะเกี่ยวกันกับการที่นายทินพันธ์ร่วมกับตำรวจกองปราบทลายแก๊งตกเขียวส่งผู้หญิงไปขายข้ามประเทศเมื่อสองสามวันก่อน”

“อย่างไรก็ตาม ทางตำรวจเองก็ยังไม่ทิ้งประเด็นว่านางสาววิกกี้อาจจะโกรธแค้นที่นายทินพันธ์ซึ่งเป็นว่าที่คู่หมั้นไปหลงรักผู้หญิงคนอื่น จึงไปฟ้องบิดาให้พาพวกมาถล่มบ้านของนายทินพันธ์…รายละเอียดความคืบหน้าของข่าวจะเป็นอย่างไรนั้น โปรดติดตามได้ในข่าวช่วงต่อไปค่ะ”

“โธ่…คุณทินพันธ์” กรผกามารศรีร้องไห้โฮออกมา ท่ามกลางความตกตะลึงของทุกคนในห้องคนไข้ เพราะไม่มีใครคาดคิดว่าจะเกิดเหตุร้ายขึ้นกับครอบครัวของชายหนุ่มผู้นั้น “เป็นเพราะกรผกาแท้ๆ คุณถึงต้องเป็นแบบนี้”

หญิงสาวมั่นใจว่าสาเหตุของการบุกเข้าถล่มครอบครัวของชายหนุ่มที่บ้านมรกตในครั้งนี้ ต้องมีสาเหตุมาจากตนเองแน่ๆ เพราะบ่อนพนันของตระกูลเกียรติมหึมามหาเศรษฐีมีมานานแล้ว หากไม่เคยมีปัญหาข้อขัดแย้งอะไร

สารวัตรอาคมได้ฟังดังนั้นก็นั่งไม่ติด เขารีบกดโทรศัพท์หาเพื่อนตำรวจที่กรุงเทพฯ ทันที เพื่อถามข่าวคราวที่เกิดขึ้น สักพักหนึ่งเขาก็วางสาย แล้วบอกกับทุกคนด้วยสีหน้าเคร่งขรึมว่า

“เพื่อนผมบอกว่าจับตัวเสี่ยช้วนและวิกกี้ได้แล้วครับ สาเหตุของการไปถล่มบ้านของไอ้ทินในครั้งนี้ เป็นเพราะเสี่ยช้วนแค้นที่นายธงชาติซึ่งเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของตระกูลต้องมาถูกวิสามัญฆาตกรรมตายไป” นายตำรวจหนุ่มถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

“แล้วคุณนายกิมเฮียงเป็นอย่างไรบ้างหรือเปล่าคะ ไม่เห็นในข่าวเอ่ยถึงเธอเลย”

คุณหญิงสายหยุดอดถามถึงมารดาของทินพันธ์ไม่ได้ เพราะอย่างไรหลายวันมานี้ เธอกับคุณนายกิมเฮียงก็ได้มาสนิทสนมกัน จนคุณหญิงสายหยุดเริ่มเปลี่ยนทัศนคติของตัวเอง และเริ่มเข้าใจครอบครัวของทินพันธ์มากขึ้น

“โชคดีที่ตอนยิงถล่มกันนั้น หม่าม้าของไอ้ทินมันไม่ได้อยู่ด้วย ไม่อย่างนั้นอาจจะโดนลูกหลงแย่ไปแล้ว ป๊าของมันก็ปลอดภัยดี” สารวัตรหนุ่มมีใบหน้าหม่นเศร้าเมื่อกล่าวต่อไปว่า “แต่ที่น่าเป็นห่วงคือไอ้ทินนี่ละครับ เห็นว่ามันโดนยิงเข้าไปหลายนัด มีสะเก็ดลูกปืนกระเด็นเข้าตาของมันด้วย หมอยังเป็นห่วงว่าหากรอดมาได้ มันจะมองเห็นได้อีกหรือเปล่า”

“อะไรนะคะ หมายความว่าคุณทินพันธ์จะต้องตาบอดหรือ” กรผกามารศรีหน้าซีดเซียวด้วยความตกใจ

“ครับ” สารวัตรอาคมพยักหน้ารับ

ทินพันธ์เป็นเพื่อนรักของเขามาตั้งแต่สมัยมัธยม เคยร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมามากต่อมาก สารวัตรอาคมนิ่งไปอึดใจหนึ่ง แล้วจึงตัดสินใจว่าจะต้องบอกความจริงให้กรผกามารศรีได้รู้ เขาจะเอาเปรียบเพื่อน และปล่อยให้หญิงสาวเข้าใจทินพันธ์ผิดๆ ต่อไปอีกไม่ได้

เพื่อนของเขารักผู้หญิงคนนี้ เขาเป็นผู้ชายด้วยกัน ทำไมจะดูไม่ออก…กรผกามารศรีเองก็รักทินพันธ์เช่นกัน หน้าตาของเธอขาวซีด ไม่มีสีเลือด เมื่อรู้ว่าเพื่อนรักของเขากำลังบาดเจ็บสาหัส

“คุณกรผกามารศรีครับ” ชายหนุ่มตัดสินใจ “ผมมีความจริงจะต้องสารภาพกับคุณ”

“ว้าย…ว้าย…เดี๋ยวก่อนฮ่ะ ข่าวด่วนมาอีกแล้ว” เสียงเก่งร้องกรี๊ดเพราะรายการโทรทัศน์ตัดกลับเข้าข่าวด่วนอีกครั้งหนึ่ง

ทุกคนพากันนิ่งเงียบ แล้วหันมาทางโทรทัศน์ตั้งใจดูข่าวพร้อมกัน

“ขออภัยท่านผู้ชมค่ะ รายงานข่าวด่วนจากโรงพยาบาลแจ้งให้ทราบว่าอาการของนายทินพันธ์ทรุดหนัก หมอมีความจำเป็นจะต้องให้เลือดโดยเร่งด่วน แต่ปัญหาคือนายทินพันธ์มีเลือดกรุ๊ปบีเนกาตีฟซึ่งหายากมาก โรงพยาบาลในขณะนี้ไม่มีเลือดกรุ๊ปนี้อยู่เลย จึงขอร้องท่านผู้ชมท่านใดที่มีเลือดกรุ๊ปบีเนกาตีฟ ขอความกรุณามาที่โรงพยาบาลเพื่อบริจาคให้กับนายทินพันธ์ด่วนด้วยค่ะ”

อะไรกันนะ…หญิงสาวที่เอนกายอยู่บนเตียงคนไข้รู้สึกตกใจ เนื้อตัวร้อนผะผ่าวขึ้นมาในบัดดล…เป็นไปได้อย่างไร ในรายงานข่าวบอกว่าชายหนุ่มคนที่เธอพยายามจะเกลียดเขานั้น มีเลือดกรุ๊ปเดียวกับหล่อน

“คุณอาคม…” กรผกามารศรีหันไปทางร่างสูงของนายตำรวจรูปหล่อ หล่อนขมวดคิ้วมุ่น ในใจไม่อยากเชื่อว่าทั้งสารวัตรอาคมและทินพันธ์จะมีเลือดกรุ๊ปบีเนกาตีฟทั้งคู่ “เรื่องเป็นยังไงมายังไงกันแน่คะ ทำไมข่าวถึงบอกว่า…”

“นี่ละครับที่ผมกำลังจะสารภาพกับคุณอยู่พอดี” สารวัตรหนุ่มสบตาหญิงสาวแน่วนิ่ง “เลือดของผมเป็นกรุ๊ปบีก็จริง แต่เป็นบีธรรมดาครับ เลือดของนายทินพันธ์ต่างหากที่เป็นบีเนกาตีฟ”

“อะไรนะคะ!”

กรผกามารศรีอ้าปากค้าง เลือดในกายของหล่อนเย็นเฉียบราวกับจะกลายเป็นน้ำแข็งไปในบัดดล

…แสดงว่าคนที่บริจาคเลือดให้หล่อนจนรอดชีวิตก็คือ ทินพันธ์ เกียรติมหึมามหาเศรษฐี ไม่ใช่สารวัตรอาคมอย่างที่ทุกคนเข้าใจอย่างนั้นหรือ

…แสดงว่าเลือดในกายของหล่อนในเวลานี้มีเลือดของชายหนุ่มคนนั้นผสมปนเปอยู่หรืออย่างไร…เลือดของทินพันธ์ คนที่เธอเคยรังเกียจเขาเสมอมา

“ครับ” สารวัตรหนุ่มก้มศีรษะรับอย่างลูกผู้ชายที่พึงกระทำ “นายทินพันธ์เป็นคนให้เลือดคุณกรผกามารศรี ที่คุณรอดชีวิตมาได้ ไม่ใช่เพราะเลือดของผมแต่เป็นเพราะเลือดของนายทินมัน มันกลัวว่าถ้าคุณรู้ความจริงเข้า คุณจะรังเกียจที่มีเลือดของมันไปปะปนอยู่ในตัวของคุณ นายทินมันเลยให้ผมโกหกคุณว่าเป็นเลือดของผม”

มือไม้ของกรผกามารศรีเยียบเย็น หัวใจของหล่อนเต้นไม่เป็นส่ำ…

มิใช่ด้วยความรังเกียจ หากเป็นด้วยความเป็นห่วงทินพันธ์ หล่อนรู้สึกเสียใจที่ดูถูกเหยียดหยามและเข้าใจเขาผิดมาโดยตลอด

ภาพในอดีตที่เขาเคยช่วยเหลือเธอมาในทุกๆ เรื่อง ค่อยๆ ย้อนกลับคืนมาในความทรงจำ จนกระทั่งมาถึงภาพสุดท้าย…

ภาพที่ทินพันธ์ถูกยิงบาดเจ็บสาหัสและโดนหามขึ้นรถพยาบาลฉุกเฉินไป ทำให้หัวใจของกรผกามารศรีเจ็บปวดรวดร้าว

คุณพระคุณเจ้าช่วยลูกด้วย…กรผกามารศรีพร่ำร้องอยู่ในใจ…ขอโอกาสให้ลูกได้แก้ไขความผิดพลาดที่ได้กระทำไปด้วยเถิด ขออย่าให้สายจนเกินไปเลย

หญิงสาวยันกายขยับลงจากเตียงคนไข้ ท่ามกลางความตกใจของผู้เป็นมารดาและทุกคนในห้อง

“ตายแล้ว…ลูกกรผกาจะลุกไปไหนคะนั่น” คุณหญิงสายหยุดตรงเข้ามาจับแขนของหญิงสาว ยึดเอาไว้แน่น

“กรผกาจะไปกรุงเทพ” หญิงสาวตอบด้วยน้ำเสียงที่เด็ดเดี่ยวเหมือนกับสีหน้า

“ไปกรุงเทพ” แม่นิ่มโวยวาย “จะไปได้ยังไงกันคะ คุณหนูเพิ่งผ่าตัดได้วันเดียวเท่านั้น นิ่มว่ายังไม่แข็งแรงพอจะเดินทางหรอกค่ะ”

“นั่นสิครับ” สารวัตรอาคมสนับสนุน “ยังไงผมว่าเราลองถามหมอดูก่อนดีกว่าไหมครับ”

“กรผกาจะไปกรุงเทพ” หญิงสาวไม่ฟังเสียงร้องห้ามของทุกคน “กรผการู้ตัวเองดีค่ะ ถึงจะเพิ่งผ่าตัดเสร็จแต่กรผกาก็เดินไหวแล้ว เห็นไหมคะ…กรผกาอาการดีขึ้นมากแล้ว กรผกาไปไหว ให้กรผกาไปเถอะนะคะ ให้กรผกาไปดูอาการคุณทินพันธ์เถอะนะคะ ถึงแม้จะให้กรผกาอยู่ที่นี่ ยังไงกรผกาก็นอนไม่หลับแน่”

สารวัตรอาคมและคุณหญิงสายหยุดหันไปมองหน้ากันนิ่งนาน

“เอาเถอะ” คุณหญิงสายหยุดตัดสินใจในที่สุด “แม่เข้าใจความรู้สึกของหนูดี กรผกามารศรี…แม่จะไปขออนุญาตหมอ แล้วเราเดินทางกลับกรุงเทพ ไปด้วยกันเย็นนี้เลย”

 



Don`t copy text!