ซ่อนรัก บทที่ 12 : ป้าผู้มีเบื้องหลัง

ซ่อนรัก บทที่ 12 : ป้าผู้มีเบื้องหลัง

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

 

“ผมกลับมาแล้วครับ”

วิศว์ตะโกนตั้งแต่จอดรถอยู่หน้าบ้าน รั้วบ้านเปิดรอรับเขาอยู่ เพราะรู้ว่าเขาจะมากินอาหารเย็นวันนี้

ชายหนุ่มก้าวผ่านสวนไม้ดอกงดงามรอบบ้าน ผ่านเข้าตัวบ้าน ดอกไม้เรียงรายตลอดทาง

เขาวางข้าวของที่หิ้วลงมาจากรถมาอย่างพะรุงพะรัง กลับมาบ้านแต่ละครั้ง ต้องหิ้วของฝากจากเมืองนอกมาด้วย  วันนี้รวมของฝากจากเมืองนอกจึงมากเป็นพิเศษ

บ้านในสวนไม่ใหญ่โตนัก  แต่งดงามและรายล้อมด้วยต้นไม้  มีพื้นที่ด้านนอกมากกว่า  โดยเน้นธรรมชาติเน้นอยู่สบายมากกว่าเป็นบ้านโชว์สวย

ป้าโสภารออยู่แล้ว…

น้านงก็รีมาจากในครัว วิ่งมากอดวิศว์เป็นคนแรก

“คุณวิศว์…ของน้า คิดถึงจังเลย ไม่ได้เจอตั้งนาน”

“แค่สิบแปดวันเอง”

“นั่นล่ะ… ตั้งนาน ปกติไม่เคยนานขนาดนี้”

“ถ้าผมอยู่เมืองไทย ผมก็จะกลับมาเกือบทุกอาทิตย์นะครับ”

“ไม่รู้ทำไมครั้งนี้ น้ารูสึกนานจัง”

“คงคิดถึงผมมากล่ะสิ”

“จ๊ะ… คิดถึง… คิดถึง”  แล้วน่้านงก็ยอมปล่อยอ้อมกอด ให้วิศว์เข้าไปหาป้าโสภา

ป้าโสภานั่งบนเก้าอี้โซฟา  โดยบุคลิกแล้วเป็นคนค่อนข้างเงียบๆ เก็บซ่อนอะไรบางอย่าง  มีลับลมคมนัยอะไรลึกๆ  ขรึมๆ ถ้าไม่สนิทจะไม่พูดมาก  แต่กับหลานชายแสนรัก  ป้าโสภามักจะพูดมาก และบ่นมาก  ประสาที่ว่ายิ่งรักยิ่งหวง

วิศว์ทรุดกายลงกับพื้น  ยกมือไหว้

“ป้าครับ”

ตั้งใจจะกราบที่ตัก  แต่ก็ถูกหญิงวัยกลางคนสวมก่อน

“วิศว์หลานรัก”

ป้าโสภาอายุห้าสิบ  แต่ยังดูแลตัวเองดีเยี่ยม  ยังงดงาม  มีแววว่าตอนสาวๆ ต้องสวยมาก ผิวพรรณออกจากคำบ้าง   เพราะชอบตากแดดไปชมสวนไม้ดอก  แต่หน้าตาคมเข้ม   ดวงตาโต ดวงตาที่แสดงออกถึงความเข้มแข็ง และเด็ดเดี่ยว สู้ชีวิต

วัยสาวของป้าเผชิญชีวิตอะไรมาบ้าง วิศว์ไม่เคยรู้มาก่อน  ในเมื่อปัจจุบันนี้  ครอบครัวมีความสุข แล้วเขาก็ไม่เคยขาดอะไรเลยในชีวิต

“คิดถึงป้าครับ”

โสภาหัวเราะเบาๆ อย่างมีนัยรู้ทัน

“น่าเชื่อนะ คิดถึงจริงเรอะ   ครั้งนี้เป็นการเดินทางเกือบยี่สิบวันที่แกติดต่อกับป้าน้อยที่สุด  ไลน์คุยกันน้อยที่สุด  ป้าไลน์ไปกว่าจะตอบผ่านไปหลายชั่วโมง บางทีก็ข้ามวันข้ามคืน แกไปเที่ยวพักผ่อนประสาอะไรของแก จนหาเวลาติดต่อป้าคนนี้ไม่ได้เหมือนเคย”

โอ้โห ป้าส่งมาเป็นชุดเลย  เหมือนตำหนิ ต่อว่านะ แต่ใบหน้าแสดงความรักและความห่วงใย

น้านงพูดเสริม

“พอคุณวิศว์ไม่ตอบไลน์ พี่โสภาก็กังวล  ห่วงค่ะ   นอนไม่หลับ เกรงคุณวิศว์จะเป็นอะไร”

ชายหนุ่มย่นจมูก

“ผมขอโทษครับ”

เรื่องของเรื่อง เขาวุ่นวายกับชีวิตรัก ชีวิตที่เริ่มต้นกลับ ‘ปารีส’ จนละเลยคนที่ห่วงใยเขา ไม่คิดว่าป้าจะกังวลขนาดนี้

ป้าโสภาจ้องหน้าหลานชายอย่างสงสัย

“หรือว่าครั้งนี้ไปเจอแหม่มคนไหนสิท่า”  เดาเกือบถูก

“แหม่มหรือครับ?”  เป็นสาวไทยต่างหาก

มีแต่สาวๆ เท่านั้นจะทำให้วิศว์ลืมป้าแก่ๆ ได้

“ไม่มีครับ  ผมไปเมืองนอกบ่อยๆ ไม่เคยคบกับแหม่มครับ”

” ป้าไม่ได้หัวโบราณนะ แต่ป้าอยากได้หลานสะใภ้เป็นคนไทย”

“ไทยครับ ต้องไทยเท่านั้น”

“มีสาวใช่ไหม?”

ยังไม่ทันตอบ  หรือจะตอบอย่างไร  เพราะความสัมพันธ์เขากับปารีสยังเป็นความลับ ตามที่เธอขอร้อง

เสียงไลน์ก็ดัง จากปารีส

วิศว์ถือโอกาสไม่ตอบป้า และอ่านไลน์

เธอส่งมาว่า

วันนี้คุณพ่อจะเข้าผ่าตัดหัวใจ

ข้อความสั้นๆ แต่วิศว์สัมผัสได้ว่า  เธอไม่สบายใจเลย  เธอกังวล เธอวิตกกังวล  เธอมีอารมณ์ไม่มั่นคง

 

ปารีสรักครอบครัว  นี่เป็นคุณสมบัติที่เขาพอใจ และภูมิใจแทน

พ่อของเธอยังคิดถึงอุเทนเสมอ  จนเธอไม่กล้าบอกความจริงกับท่าน  นั้นก็ไม่ทำให้วิศว์โกรธ  เหตุผลคือต้องดูแลรักษาจิตใจของผู้ป่วย สำคัญที่สุด

วิศว์รีบตอบว่า

ผมเป็นกำลังใจ  เทคแคร์ตัวเองด้วยนะครับ

อยากเขียนให้มากกว่านี้  แต่เธอจะอ่านอย่างสบายใจหรือไม่  เขาควรพูดกับเธอโดยตรงเลย   แต่ไม่ใช่เวลานี้ ต่อหน้าป้ากับน้านง

“แนะ…คุยกับสาวแน่เลย”  น้านงโพล่ง

วิศว์มองหน้าน้านงสลับกับป้าโสภา

ป้าโสภาแค่เลิกคิ้วนิดๆ

“ครับ” สุดท้ายชายหนุ่มยิ้มแห้งๆ

“ยอมรับแล้วสิ  ไปยุโรปครั้งนี้  คบกับสาวสวยแน่เลย”

“ก็…เจอครับ”

“เป็นใครกันล่ะ  ลูกสาวบ้านไหน  แต่ไม่ใช่แหม่มล่ะ ป้ารู้”

“ผมบังเอิญเจอผู้หญิงคนนึงครับ  เธอชื่อ ปารีส”

แล้วเขาเล่าเรื่องราวที่พบ ‘ปารีส’ ตั้งแต่อยู่สนามบิน จนไปเจอที่เมืองนอก

สรุปว่าพูดว่า เจอ…ไปเที่ยว…และกินข้าว ในฐานะเพื่อน

เพื่อน…ไม่ใช่ภรรยา

เล่าไปก็ถูกซักถามไป  ทั้งป้าทั้งน้านงช่วยกันซักถาม ราวกับเขาเป็นจำเลย  ขนาดว่าเป็น ‘เพื่อน’   แค่รู้จักนะ ยังซักถามขนาดนี้  ถ้ารู้ลึกๆ กว่านี้  เขาคงถูกซักจนเละแน่ๆ

“เดี๋ยวนะ…ปารีส ชื่อคุ้นๆ” ป้าโสภาเริ่มสงสัย

“นั่นละครับที่ผมจะพูดในตอนท้ายว่า โลกมันกลมครับ ผมเคยเจอเธอตอนเด็ก ที่เคยไปหลงทางบนเข้าด้วยกัน”

“ใช่แล้ว ตอนนั้นแกอายุสิบเอ็ด เห็นเด็กผู้หญิงเดินหลงทาง แกก็เดินตามไปช่วย กลายเป็นหลงทางทั้งคู่ อยู่บนนั้นทั้งคืน กว่าจะเจอพวกแกก็ผ่านไปอีกวันแล้ว”

“ครับ ผมเจอเธออีกครั้ง”

“เธอเป็นอย่างไรคะ คุณวิศว์ ผ่านไปสิบกว่าปี ตอนนั้นเด็กน้อยหน้าตาสะสวยเจ็ดขวบ ตอนนี้ล่ะ?” น้านงถามอย่างตื่นเต้น

“เธอก็สวยสิครับ”

“ไหนๆ ขอดูรูปหน่อย”

“ครับ น้านง” วิศว์เตรียมภาพถ่ายรูปเดี่ยวของปารีสไว้   ถ่ายรูปจากมือถือไว้ส่วนหนึ่ง “นี่ครับ”

ทั้งป้าโสภากับน้านง สนใจ ‘ปารีส’

“อุ๊ย…สวยจริงๆ คุณปารีสคนนี้   สวยมาก เหมาะกับคุณวิศว์ของน้าเลย”  น้านงพูดไปหัวเราะไป

ป้าโสภากล่าวติงว่า

“อะไรจะเร็วขนาดนี้  เกินไป  เพิ่งกลับมาเจอกันแท้ๆ  ยังไม่รู้นิสัยใจคอเลย สวยแต่นิสัยแย่ๆ ก็ไม่เอานะ  ฉันมีหลานคนเดียว   สะใภ้ต้องน่ารัก เป็นคนดีเท่านั้น   ไม่งั้นฉันจะไม่ยอมรับ ตัดหลานกันก็ยอม!”

“อุ๊ยตาย พี่โสภา  ดุเดือดเลือดพล่าน”

“เรื่องอื่นอาจยอมกันได้ แต่เรื่องหลานสะใภ้ ยอมไม่ได้”

วิศว์เสหัวเราะ  โบกมือ

“พูดอะไรกันครับ  ไปกันใหญ่แล้ว”

“นั่นสิ” ป้าโสภาหัวเราะบ้าง “ไปกันใหญ่ ถ้าวิศว์รัก วิศว์ชอบ ยังไงก็ต้องพามาให้ป้ารู้จักก่อน ป้ารู้นิสัยหลานชายคนนี้ที่สุดว่าป้าเป็นคนสำคัญอย่างไร”

วิสว์รีบตัดบท เพราะขืนพูดเรื่องปารีสต่อไป ความลับอาจจะหลุดเพราะความช่างสังเกตของป้าโสภา

“ไม่มีใครสนใจของฝากของผมเลย อุตส่าห์เลือกซื้อตั้งนาน กว่าจะหาของฝากมาให้ป้ากับน้าได้ ไปทุกครั้ง ผมมีของฝากทุกครั้ง และต้องเลือกสิ่งแตกต่าง”

รีบส่งถุงให้สองหญิงวัยกลางคน

น้านงตื่นเต้นกับเสื้อตัวใหม่  และป้าโสภา แม้จะชอบผ้าคลุมไหล่สวยงาม แต่สายตาที่มองวิศว์ก็ยังมองแปลกๆ

จ้องชายหนุ่ม…แต่เขาแกล้งทำเป็นไม่สนใจ  แกล้งไม่รู้ไม่ชี้

สายตาป้าโสภา มักบ่งบอก ‘อะไร’ ที่อ่านยาก อ่านยากจริงๆ ทั้งๆ ที่เขามักจะอ่านคนออกได้ง่ายดาย แต่คนใกล้ชิดอย่างป้าโสภา กลับเสมือนเป็นหนังสือเล่มหนา ที่ไม่เคยอ่านดูเรื่องสักหน้า

หลังจากตื่นเต้นกับของฝากแล้ว น้านงค์ก็รีบเตรียมอาหารเย็นให้วิศว์ อาหารไทยๆ ที่วิศว์อยากกิน

ไก่ย่าง ข้าวเหนียว ส้มตำ ต้มแซ่บกระดูกอ่อน น้ำตกหมู ทำอาหารเยอะเป็นพิเศษ   และคนทำมีความสุขกับการเห็นคนกิน กินอย่างเอร็ดอร่อย

กินอย่างเอร็ดอร่อย

สายตาป้าโสภาที่มองชายหนุ่ม ยังคงเป็นสายตาลึกลับ อ่านยาก แต่ที่อ่านได้อย่างเดียว คือความรักและความห่วงใยเต็มหัวใจ

 

ค่ำคืนนั้นกว่าวิศว์จะปลีกตัวกลับมาที่ห้องนอนส่วนตัว ก็ดึกดื่นมากแล้ว จึงได้คุยกับปารีสแบบเห็นหน้ากัน

“พ่อเตรียมตัวจะเข้าห้องผ่าตัดแล้วค่ะ”

“คุณไหวนะ”

“ค่ะ…ไหว”

“แล้วคุณแม่?”

“คุณแม่วิตกค่ะ  ท่านใกล้ชิดกันมาก อยู่ด้วยกันยี่สิบสี่ชั่วโมง แม่กลัวมากกว่าพ่อเสียอีก  ยังดีที่ฉันบังเอิญมาอยู่ที่นี่”

“แต่ดูสภาพคุณก็จะไม่ไหว”

“ไม่ไหวก็ต้องไหวค่ะ”

“ผมขอโทษที่ไม่ได้อยู่กับคุณในช่วงเวลาแบบนี้”

“คุณต้องรีบกลับไปทำงานนี่ค่ะ งานด่วนของคุณ”

ชายหนุ่มถอนใจยาว

งานด่วน…รีบกลับ…ปารีสจะรู้หรือไม่ว่า เป็นงานของคุณรัศมีกับอุเทน

ขืนล่วงรู้ในตอนนี้…เธอคงเจ็บปวด เสียใจ

เขาไม่รู้จริงๆ นะ ว่าลูกค้าจะเป็น…หนามหัวใจของปารีส

ถ้าย้อนเวลากลับไปและล่วงรู้ก่อน  เขาจะไม่รับงานนี้ เพื่อ…เธอ

หนีเรอะ ก็ขี้ขลาดเกินไป  อย่างไรก็ต้องเดินหน้า  อยากบอกเรื่องนี้กับปารีสนะ  แต่สภาพจิตใจเธอยังไม่พร้อมรับ พอกำลังจะผ่าตัดด้วย

“ครับ งานด่วน”

“ไม่ต้องห่วงทางนี้หรอกค่ะ ตั้งใจทำงานของคุณเถอะ”

“ผมห่วงคุณมากที่สุด…” น้ำเสียงอ่อนโยน

“เอ้อ…”

“คิดถึงคุณด้วย” ยิ่งอ่อนโยนมากเป็นพิเศษ

“ฉัน… ฉัน…”

“คุณยังไม่ต้องคิดถึงผมหรอก ให้คิดถึงและห่วงคุณพ่อคุณก่อน ผมอยากให้ท่านปลอดภัย”

“วันนี้ผ่าตัด…”

“หลังผ่าตัดโทรบอกผมด้วย ผมอยากฟังข่าวดี”

“ค่ะ…ค่ะ”

“อย่าคิดมากครับ ต้องเป็นข่าวดีหลังผ่าตัดแน่ๆ”

 

นิกรแทบจะกลั้นใจตาย

ชายหนุ่มยืนงงอยู่ท่ามกลางผู้คนที่มาเดินซื้อของในห้างดัง กลางเมืองอย่างคิดไม่ตก

นิกรจะทำอย่างไร?

เขาทำห่อเพชรร่วงมูลค่าเกือบห้าสิบล้านหล่นหาย

มูลค่าห้าสิบล้าน!

นิกรอยากจะวับหายไปจากโลกนี้

เขาเป็นใคร และจะรับผิดชอบเรื่องนี้ได้อย่างไร

นิกร  เพชรอนันต์  ทายาทคนรองของตระกูล ‘เพชรอนันต์’ เจ้าของแบรนด์ร้านเพชรที่มีชื่อเสียง

คุณอนันต์กับคุณนาถ สองสามีภรรยาที่เป็นคนบุกเบิกร้านเพชรเล็กๆ จากบิดามารดา จนกลายเป็นร้านใหญ่โตโด่งดัง

มีบุตรชายสองคน คนโตชื่อดุสิต และเขาคนรอง นิกร เขาอายุยี่สิบสี่ห่างจากพี่ชายปีเดียว แต่ความสามารถในทางธุรกิจ กลับห่างไกลแตกต่าง

พี่ดุสิตเป็นคนเก่ง กล้าได้กล้าเสีย ตัดสินใจเด็ดขาด และมักโชคดีเสมอ ประสบความสำเร็จ

เขาล่ะ…นิกร นิสัยก็ห่างลิบลับ เขาขี้กลัว ลังเล ไม่กล้าตัดสินใจเด็ดขาด เขาบอกตัวเองว่าเป็นคนระมัดระวัง รอบคอบ แต่คนภายนอกกลับมองว่า เขาขี้ขลาดและเฉื่อยชา

จริงๆ แล้วต้องยอมรับว่า พี่ชายทำการค้าแบบมีเล่ห์เหลี่ยม ซึ่งเป็นแบบที่บิดาชอบมาก ที่เล่ห์เหลี่ยมสามารถทำให้ประสบความสำเร็จ ส่วนเขา บิดาว่าซื่อเกินไป

ซื่อไม่ดีตรงไหนล่ะ?

หรือจริงๆ เขาเฉื่อยชา ปกติเขาไม่อยากยอมรับ ครั้งนี้คงต้องยอมแล้ว เพราะความผิดพลาดมหันต์ ได้รับมอบหมายให้น้ำเพชรร่วงไปส่งที่ร้านใหญ่เพราะลูกค้าจะมารับเอง

มันเกิดความผิดพลาดมูลค่าสูง

ตอนไหนที่หล่นหาย?

นิกรเหงื่อแตก ทั้งที่แอร์ในห้างเย็นฉ่ำ



Don`t copy text!