ซ่อนรัก บทที่ 15 : ครอบครัว

ซ่อนรัก บทที่ 15 : ครอบครัว

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

บนโต๊ะอาหารครอบครัวเพชรอนันต์

คุณอนันต์นั่งหัวโต๊ะ ด้านหนึ่งคือคุณนาถ ภรรยากับจิรานุช อีกด้านดุสิตกับนิกร

ปกติสมาชิกครอบครัวจะอยู่ครบ เพราะคุณอนันต์ค่อนข้างเข้มงวด และต้องการให้ทุกคนตระหนักถึงสถาบันครอบครัว นอกจากมีธุระสำคัญจริงๆ ไปงานเลี้ยง ไปพบเพื่อน งานสังสรรค์ต่างๆ หรืองานธุรกิจ จึงไปจัดการกับภารกิจตัวเองได้

ถ้าไม่ติดอะไรแล้ว การอยู่กันพร้อมหน้าทั้งห้าคน จึงเป็นโอกาสที่จะได้ทานอาหารเช้า อาหารเย็นร่วมกัน และพูดคุยกันในทุกเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องส่วนตัวหรือเรื่องงาน

เรื่องของนิกรได้ถูกรายงานคุณอนันต์ก่อนจะทานอาหารเย็น

ประมุขบ้านรอให้การทานอาหารผ่านไปจนเกือบอิ่ม จึงได้เริ่มต้นเอ่ยปาก

“กร…แกมีอะไรจะพูดกับพ่อหรือเปล่า?”

นิกรที่วันนี้ทานอาหารน้อย จนมารดาต้องตักอาหารให้ตลอดอย่างห่วงใย อย่างเป็นลูกคนเล็ก ลูกรัก

“กรกินเยอะๆ ลูก” มารดาจะคอยพูด

คุณอนันต์แย่งภรรยา

“มันกินไม่ลง สมควรแล้วล่ะ กินลงสิถึงผิดปกติ”

นิกรพูดเบาๆ ว่า

“ผมขอโทษครับ”

“แกประมาทใช่มั้ย ของมีค่าขนาดนั้น แทนจะรีบนำไปให้พี่สิตของแก แกกลับเดินเล่นผ่านศูนย์การค้าอีก จนของหายยังไม่รู้ตัว”

“ครับ ผมประมาท ไม่ระวังตัวมากพอครับ” นิกรยอมรับความจริง “ต่อไปผมจะระวังให้มากกว่านี้ครับ”

คุณอนันต์โคลงศีรษะ

“ต่อไปแกจะผิดพลาดอีกมากกว่า”

“ผมจะไม่…ประมาทแล้วครับ”

“แกรู้ตัวไหม แกโชคดีขนาดไหน มีคนเก็บได้และมาคืนแก ของมีค่าขนาดนั้น”

“ผมถึงรู้สึกขอบคุณเขามากครับ”

“แล้วไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร”

“ผมรีบ เลยไม่ทันถามรายละเอียด เขาไม่ยอมรอผมก่อน”

“มีอะไรที่แกทำแล้วสมบูรณ์แบบบ้าง”

“เอ้อ…ผม”

“พอเถอะค่ะ ลูกเรานะ” คุณนาถสงสารลูกชายคนเล็ก

“คุณก็ชอบให้ทาย”

“ดูหน้ากรสิ สำนึกผิดแล้วค่ะ”

ดุสิตเองก็พูดขึ้นช่วยน้องชาย

“คุณพ่อก็พูดเองว่ากรโชคดี มันก็ถือว่าจบดีแล้วครับ ไม่มีอะไรเสียหาย”

“ต้องรอจนเสียหายก่อนใช่ไหม?” บิดาย้อน

“อะไรที่มันยังไม่เกิด อย่าเพิ่งพูดเลยครับ”

“ปกป้องน้องขนาดนี้”

“ผมเห็นด้วยกับคุณแม่ เห็นว่ากรสำนึกแล้วครับ”

จิรานุชถอนใจยาว อยู่ๆ ก็เล่นบทอาสาวแสนดี กล่าวกับพี่ชายว่า

“ถือว่าเป็นบทเรียนกรแล้วกัน บทจบของเรื่องได้ของคืนไม่มีอะไรเสียหาย กรสำนึกแล้ว ให้เขาได้เรียนรู้นะคะ พี่อนันต์”

“นุช…เธอช่วยสอนหลานๆ ด้วย ตอนเราสองคนยังหนุ่มยังสาว เราช่วยกันบริหารเพชรอนันต์จนเป็นแบรนด์มีชื่อ พี่แน่ะชื่นชมเธอเสมอตั้งแต่วัยรุ่นแล้ว ทำงานเก่งมาก เก่งจริงๆ ลุยจนพี่ยังกลัวเลยฎ

แล้วหันมาพูดกับลูกๆ

“สิตกับกร แกต้องเอาอานุชเป็นแบบอย่างเป็นตัวอย่าง ผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อน มีประสบการณ์มากกว่าแก มีคนเก่งเป็นตัวอย่างแล้ว ต้องเรียนรู้กับอาแกมากๆ”

นิกรรับคำทันที

“ครับ”

ผิดกับดุสิตที่แอบต่อต้านในใจ

ฟังบิดาพูดแบบนี้มากี่สิบครั้ง กี่ร้อยครั้งแล้ว บิดาชื่นชมน้องสาวคนเดียวเสมอ

ใช่..อานุชเก่งมาก แต่มันยังต้องเรียนรู้เป็นรุ่นๆ

ตอนนี้เป็นรุ่นลูกแล้ว จะโบราณแบบเก่าก็ไม่ถูก นี่มันยุคไหน เขาคนสมัยใหม่ มักขัดแย้งกับอานุช ความเห็นไม่ตรงกัน

สุดท้ายพ่อมักเข้าข้างอานุช

เขาว่า เขาเก่งไม่แพ้อานุชแน่ๆ เก่งด้วยตัวเองด้วย พรสวรรค์ตัวเอง

จิรานุชสบตากับดุสิต

อาสาวมองออกว่า หลานชายคนโต มักจะต่อต้านตนเสมอ แต่ด้วยวัย หลานชายห่างสิบกว่าปี ก็ยังมีคำว่าอาค้ำคออยู่ ยังมีความเกรงใจบ้าง

จิรานุชจึงพูดกับพี่ชาย แต่สายตามองหลานชายคนโต

“เด็กสมัยนี้ก็เก่ง พี่อนันต์ ลูกไม้หล่นไม่ไกลต้นหรอกค่ะ”

คุณอนันต์โคลงศีรษะ

“พี่ยังเห็นว่าประสบการณ์สำคัญที่สุด”

“บางคนเกิดมาพร้อมพรสวรรค์ค่ะ”

“ก็มีบ้างแต่น้อยล่ะ”

“ใครจะเก่งเท่าคุณพ่อละครับ” ดุสิตโพล่ง

“อาแกอีกคน”

ดุสิตพยักหน้าช้าๆ พูดย้ำว่า

“ครับ เก่งครับ เก่ง เก่ง” ประชดมากกว่ามั้ง

จิรานุชแข็งแกร่งในบริษัท ดุสิตยอมให้กับบิดาคนเดียว แต่ไม่ยอมให้อาจิรานุชแน่ๆ

หลังอาหารเย็น คุณนาถเข้ามาหาลูกชายคนเล็กในห้อง

“ดูแกซึมไปนะกร” มารดาเป็นห่วง

นิกรฝืนยิ้มกว้าง

“วันนี้ผมทำงานผิดพลาด ผมไม่สบายใจเลย ปกติผมทำงานไม่เก่งอยู่แล้ว จะผิดยังไงก็ไม่ทำให้บริษัทเสียหาย ครั้งนี้เกือบไปแล้ว”

มารดาจับมือบุตรชายมากุมไว้

“ไม่เป็นไร ต้องเรียนรู้”

“ถ้า…ถ้าผมทำเสียหายจริงๆ ถ้าเขาคนนั้นไม่เอาของมาคืน ผมจะเป็นอย่างไรครับ”

“อย่าคิดมากสิลูก เห็นมั้ยพ่อคิดมากก็จะไม่สบายใจ แกมีแม่นะ แม่จะคอยช่วยลูก มีความเสียหายแม่จะชดใช้ให้แทน”

“แม่ครับ ผมแย่จริงๆ นะครับ”

“อีกแล้ว อย่าว่าตัวเองสิ แกเป็นลูกรักของแม่”

“ผมถึงกลัวจะทำให้แม่ผิดหวัง”

“บอกว่าอย่าคิดมากไงล่ะ แม่อยู่ข้างแก ไม่ว่าจะเรื่องอะไร แม่ช่วยลูกได้เสมอ”

“ขอบคุณครับ แม่” แต่ลึกๆ แล้วนิกรก็ยังไม่สบายใจ

และในคืนนั้น ในห้องนอนคุณอนันต์กับคุณนาถ

คุณนาถเห็นสามีถอนใจยาว ขณะที่นั่งพิงพนักหัวเตียง

“ทำไมไม่นอนละค่ะ?”

“ผมคิดถึงเรื่องกร”

“นั่นลูกชายเรานะคะ”

“ทำไมมันไม่เหมือนดุสิตเลย คนโตทั้งเก่งทั้งคล่อง แต่ก่อนมันเฉื่อยและซื่อเกินไป ไม่เหมาะจะทำการค้าเลย เกือบทำให้บริษัทเสียหายหลายสิบล้าน”

“กรมันเป็นลูกคลอดก่อนกำหนด ต้องอยู่ตู้อบเป็นเดือน และตอนนั้นนาถก็ไม่ค่อยสบาย ไม่ได้กินนมมาก กรเลยอ่อนแอ”

“คุณก็เข้าข้างกรอีกแล้ว”

“มันจริงนี่คะ คุณแน่ะรักสิตจนออกนอกหน้า นาถรู้นะ บางทีกรก็น้อยใจ และคิดมาก”

“ผมชอบรูปที่เก่งและแกร่ง คุณคอยปกป้องกรเกินไป กรถึงได้อ่อนแอไม่เลิก”

“บอกแล้วไงค่ะ กรลูกคนเล็กก็อ้อนแม่หน่อย ลูกยังต้องเรียนรู้ คุณต้องให้โอกาสแก ต้องให้กำลังใจแก ไม่ใช่ชื่นชมแต่ลูกดุสิต รายนั้นเก่งแล้วเก่งเลย แต่กรต้องเรียนรู้ต่อไป คุณต้องให้กำลังใจลูกนะคะ”

คุณอนันต์โคลงศีรษะ

“ตอนผมอายุเท่ามัน ผมบริหารงานแล้ว ทำเงินแล้ว ไม่ใช่จะเสียเงินอย่างมัน คิดกับมันจนไม่รู้จะคิดยังไงแล้ว นอนดีกว่า”

เขาตัดบทและเคลื่อนตัวลงนอน

คุณนาถถอนใจยาวแทนสามี รู้นะ…สามีคิดยังไง จะทำอย่างไรล่ะ…รักและเห็นใจลูกชายคนเล็กเหลือเกิน

 

วิศว์มาที่ร้านของอุเทน เพื่อมาดูหน้างานและมาตามนัดที่อุเทนขอพบ เพื่อเพิ่มเติมตกแต่งบางอย่างในร้านใหม่ อย่างที่อุเทนต้องการ

วันนี้รัศมีไม่มาด้วย วิศว์จึงเผชิญหน้ากับอุเทนเพียงลำพัง

เห็นอุเทน…วิศว์คิดถึงปารีส

เงา…ของปารีสทาบทับขึ้นมาเสมอ

“โลโก้ร้านเพชรของผม ตรงกลางร้านอยากให้เป็นรูปดาวประดับเพชร”

คุยไปคุยมาก็มาลงที่โลโก้ร้าน อุเทนพูดพลางชี้บอกตำแหน่งที่จะติดดาวประดับเพชร จึงไม่ทันสังเกตใบหน้าของวิศว์ที่แปรเปลี่ยนไปเล็กน้อย

ดาวประดับเพชร

ของชำร่วยงานแต่งของอุเทนกับรัศมี และทำเขากับปารีสมึนตึงกันเป็นวันๆ

พวงกุญแจดาวที่เขามอบให้หล่อน หล่อนโยนทิ้งทันที!

แสลงหัวใจ

“ให้ผมออกแบบมาเลยใช่ไหมครับ?” วิศว์ถาม

“ครับ ได้ยินว่าฝีมือออกแบบคุณสวยเก๋มาก”

“วัสดุจะให้เป็นอย่างไรครับ”

“ตอนนี้ผมยังคิดไม่ออก ไม้หรือโลหะ หรือพลาสติก หรืออะไรยังไม่รู้เลยว่าจะสวยแค่ไหน คุณลองนำเสนอมาดีกว่าครับ ผมอยากให้ถูกใจคุณรัศมีด้วย อยากให้เธอดีใจ ที่ผมใส่ใจเธอ เธอเป็นคนเลือกของชำร่วยพวงกุญแจดาวประดับเพชร ถ้าทำให้เธอถูกใจได้ มันก็ดีที่สุด” แล้วอุเทนหัวเราะ “ข้าวใหม่ปลามันก็แบบนี้ล่ะครับ ไม่ต้องอิจฉาผมหรอกนะ ชีวิตมันต้องเป็นแบบนี้ ต้องมีความสุขกับสิ่งที่ตัวเองเลือกแล้ว”

คนพูดมีความสุขหรือ?

อาจจะ…นะ

เบื้องหลังชีวิตอุเทน วิศว์รู้มาจากปารีสแล้ว อุเทนจะเป็นคนแบบไหน อย่างที่ปารีสว่าเลือกรวยทางลัด จริงหรือไม่ หรือจะรักจริง ต้องดูไปนานๆ

การงานทำให้เขามีโอกาสใกล้ชิดรัศมีกับอุเทนโดยบังเอิญ ยังสามารถดูต่อไปได้

“คุณล่ะ คุณวิศว์ แต่งงานหรือยัง?”

แต่งงานหรือยัง…สำหรับเขาถือว่าแต่งงานแล้ว แม้จะไม่สมบูรณ์แบบ

“แต่งแล้วครับ”

“ภรรยาคุณเป็นอย่างไรบ้าง คงภูมิใจในตัวคุณนะครับ ทั้งรูปหล่อทั้งเก่ง ขยันขนาดนี้”

วิศว์เลิกคิ้ว ย้อนถาม

“แล้วภรรยาคุณภูมิใจในตัวคุณไหมครับ”

อุเทนยิ้มแห้งๆ ดูออกว่าอีกฝ่ายพอมองเห็นว่ารัศมี ‘ข่ม’ เขาอยู่หมัด และเขามีอาการเกรงอกเกรงใจภรรยาตลอดในทุกเรื่อง

“ผมเข้าสมาคมคนกลัวเมียครับ ภรรยาผมเขาชื่นชมว่าผมทำงานเก่ง แต่ผมว่าเธอเก่งกว่าผมมาก” แล้วเสหัวเราะ “ผมชอบคนอายุเยอะๆ”

วิทศว์กำลังจะพูด แต่โทรศัพท์มือถือดังขึ้น

ปารีสโทรมา

อุเทนเดาได้ถูกเลย

“รับสายก่อนก็ได้นะครับ คงเป็นภรรยาของคุณ”

“ใช่ครับ ภรรยาผมอยู่เมืองนอก เธอโทรมา”

วิศว์ผละไปอีกมุมของห้องกว้าง และตั้งใจพูดกับปารีส ตั้งใจจะพูดความจริงเรื่องที่ทำงานเป็นอินทิเรียดีไซน์เนอร์ให้กับอุเทน เพราะถ้ารู้ทีหลังจะมีปัญหาแน่นอน

สามีภรรยาต้องไว้ใจกัน ไม่ต้องปิดบัง ต้องเปิดเผย และโปร่งใสทุกการกระทำ

“ปา…คุณไม่พักผ่อนหรือ ผมดีใจที่คุณโทรมานะ ผมมีเรื่องจะบอกคุณ”

เสียงทางนั้นแผ่วๆ และปนสะอื้นเบาๆ

“พยายามจะหลับแต่นอนไม่หลับ อาการพ่อไม่ดีเลยค่ะ หลังผ่าตัดมีปัญหา หมอว่าต้องดูไปก่อนวันสองวัน จะผ่านไปได้ไหม ฉันกลัวเหลือเกิน กลัวพ่อจะไม่ตื่นอีกเลย แม่ก็ดูแย่มากๆ ฉันอยากให้คุณมาอยู่ใกล้ๆ เหลือเกิน คุณไม่น่ากลับเมืองไทยรับงานด่วนเลยค่ะ”

น้ำเสียงหล่อนอ่อนแอมากจริงๆ และต้องการให้เขาอยู่เป็นเพื่อนจริงๆ

“กลับเมืองไทยรับงานด่วน…อุเทน…

เขาจะพูดได้อย่างไรล่ะ หล่อนกำลังเสียใจขนาดนี้

“ใจเย็นๆ ครับ…อย่ากังวลเกินไป อย่าเพิ่งคิดมาก คุณจะแย่และจิตตก ต้องมีกำลังใจสิ ต้องให้กำลังใจคุณแม่คุณด้วย ถ้าคุณสภาพย่ำแย่ ใครจะดูแลคุณแม่ล่ะ”

“ฉันเพิ่งรู้ตัวว่า ตัวเองอ่อนแอเหลือเกิน”

“ไม่จริงเลยครับ คุณไม่อ่อนแอ เพียงแต่คุณเหนื่อยเกินไป คิดมากเกินไป เชื่อผมนะอย่าคิดมาก นอนพักผ่อนให้เต็มอิ่ม เพื่อตัวเอง เพื่อคุณพ่อและคุณแม่คุณ”

“ได้ยินเสียงคุณแล้ว ฉันรู้สึกดีขึ้นค่ะ คุณบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับฉันหรือคะ”

“ไม่มีแล้วครับ ไว้พูดกันทีหลัง” สภาพจิตใจเธอขณะนี้ เขาไม่ขอพูดถึงอุเทน จะเป็นการซ้ำเติมความรู้สึกของเธอที่กำลังย่ำแย่และดิ่งสุดๆ

 



Don`t copy text!