ซ่อนรัก บทที่ 37 : เริ่มงานวันแรก

ซ่อนรัก บทที่ 37 : เริ่มงานวันแรก

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

ดุสิตยิ้มกว้าง รอยยิ้มมีเลศนัยรู้ทัน

อานุชเคยยอมแพ้เสียเมื่อไหร่ ว่าแล้วไม่จบง่ายหรอก

“แบบเร่งด่วน กะทันหันเหรอครับ เพราะนายทรัพย์เป็นญาติห่างๆ ของคุณรินทร์ ผู้ช่วยคู่ใจของอานุช” ดุสิตถามด้วยท่าทางกวนๆ

จิรานุชโคลงศรีษะช้าๆ

“ไม่กะทันหันหรอก อากำลังพิจารณาคำขอของลูกน้อง และตัดสินใจว่าเพิ่มอีกคนก็ไม่เป็นไรนะ”

“ไม่เป็นไรครับ บริษัทเราเองจะเพิ่มอีกกี่คนก็ตามสบาย สำหรับอานุช ถ้าเพิ่มคนก็คงต้องคิดมาดีแล้ว ผมไว้ใจครับ คุณพ่อคุณแม่ไว้ใจอานุชเสมอ”

“ใช่…ใช่…” คุณอนันต์โพล่ง กับน้องสาวคนเดียว รักเสมือนลูกเสมอ “อานุชเก่งไม่แพ้พ่อ ตอนพวกแกสองคนยังเด็ก แกเห็นมาตลอดนี่ อานุชทำงานแบบไม่หลับไม่นอน เพชรอนันต์เจริญรุ่งเรืองเพราะอานุชของพวกแกนะ”

“ครับ…คุณพ่อ รุ่นพ่อรุ่นอาบุกเบิก พวกผมรุ่นลูกมาช่วยสานต่อ”

“บางครั้งสานต่อ รักษา…ยากยิ่งกว่าการบุกเบิกอีกนะ” คุณนาถว่า “รักษาและต้องทำให้ดีขึ้นด้วย”

“ผมกับน้องพยายามอยู่ครับ”

สำหรับดุสิตแล้ว น้องก็คนในครอบครัว ส่วนอานุชเป็นน้องสาวพ่อที่มีอิทธิพลในบริษัท ไม่ควรโดดเด่นไปกว่าตน ถึงบางครั้งจะโดดเด่นไปบ้าง เกินหน้าเกินตา เขาพยายามจะสยบอานุชให้ได้

อานุชน่าจะแต่งงานแต่งการไปซะ ไม่ควรเป็นสาวใหญ่ค้ำคออยู่แบบนี้

 

วันแห่งการเริ่มงานของปารีสและทรัพย์

ทรัพย์มาทำงานวันแรก คนที่หน้าระนื่นก็คือศิรินภา ส่วนรินทร์ก็คิดดีใจที่จิรานุชยังเห็นความสำคัญของตน

รินทร์ยกอาหารเช้ามาให้เจ้านายถึงในห้องทำงาน

“อาหารเช้าฮะ”

“ฉันกินมาจากบ้านแล้ว แค่กาแฟแก้วเดียวก็พอ”

“ทานเพิ่มหน่อยนะฮะ”

จิรานุชมองถาดที่วางตรงหน้า มีกาแฟไม่ใส่น้ำตาลหนึ่งแก้ว กับขนมปังตับบด ทำเป็นคำๆ อีกสี่คำ

“นี่…”

“ฮะ…รินทร์ได้ยินคุณนุชบ่นอยากกินเมื่อวาน เช้านี้เลยจัดให้ฮะ”

เจ้านายสาวเลิกคิ้ว

“เธอต้องขับรถไปซื้อซะไกลเลยนะ ร้านนี้”

“เพื่อคุณนุช จะไกลขนาดไหน รินทร์ยอมบริการคนเดียวฮะ”

จิรานุชพยักหน้าช้าๆ เช้านี้ รินทร์ต้องใช้เวลาเดินทางสามสี่ชั่วโมง และรออีกสอง ชั่วโมง เกือบครึ่งวันก็เคยมาแล้ว เพื่ออาหารโปรดของตน

เว่อร์ไหม…บางครั้งก็เว่อร์ แต่รินทร์ทำให้เจ้านายที่รักเสมอ

แววตาที่รินทร์มองเจ้านายมีความหมายลึกซึ้ง เสมือนชายที่มองหญิงคนรัก

มองด้วยรักและเทิดทูน คือชายที่หลงใหลในคนรักสาว

จิรานุชเข้าใจ…และพยักหน้า

“ขอบใจมากนะ”

“คุณนุชยังทำให้รินทร์เลยฮะ รับพี่ทรัพย์เข้าทำงาน รินทร์ซึ้งใจมากฮะ”

“อะไรที่พอจะทำให้ได้ ก็ทำให้”

“ขอบคุณฮะ”

“เธอออกไปได้แล้ว ฉันหิวแล้ว”

“กินเลยฮะ อร่อยมาก”

“ขอบใจอีกครั้ง”

รินทร์ยิ้มกว้างที่เห็นเจ้านายทานอาหาร จึงออกจากห้อง ก็เห็นทรัพย์ยืนจีบศิรินภาที่โต๊ะของศิรินภา

พอทรัพย์เห็นญาติผู้น้องก็หัวเราะแห้งๆ แก้ตัวก่อนเลยว่า

“เดินมายืดเส้นยืดสายแน่ะ”

“เพิ่งเริ่มงานแท้ๆ กลับไปแผนกพี่!” รินทร์พูดเสียงดุๆ “อย่าทำให้เสียถึงคุณนุชที่อุตส่าห์รับพี่ทรัพย์เข้าทำงาน”

“จ้ะ…จ้ะ…จ้ะ… น้องสาวรูปหล่อ” ทรัพย์หัวเราะในลำคอทำเสียงล้อเลียน

 

เริ่มงานวันแรกของปารีส คนที่ดีใจคือ กุลวดีกับหฤทัย ต้อนหน้าตอนหลังจนปารีสร้อง

“ทำยังกับเพิ่งเจอกัน เจอหน้ากันทุกวัน”

“แต่เป็นการร่วมงานบริษัทเดียวกันครั้งแรกกับพวกเรา เพื่อนรัก” หฤทัยพูดยิ้มๆ

“อยู่บ้านด้วยกัน ที่ทำงานเดียวกัน ครบถ้วนแล้ว” กุลวดีเสริม

“จ้ะ…รุ่นพี่ช่วยแนะนำน้องด้วยนะ” ปารีสพูดติดตลก

“แหม…ผู้ออกแบบชนะการประกวด จะต้องแนะนำอะไรอีก”

“เพราะเธอล่ะที่ส่งประกวด ฉันออกแบบทิ้งไว้ยังไม่รู้ตัวเลย”

“มัวแต่หนีไปรักษาแผลใจที่ต่างประเทศ…” แล้วก็รีบปิดปาก “อุ๊ย…ไม่อยากพูดถึงอีก ขอโทษ”

ปารีสยิ้มกว้าง

“ฉันไม่มีบาดแผลแล้ว ฉันไม่เป็นไรแล้ว”

“เออ…เออ…ลืม…มีคุณวิศว์ทั้งคน จะเป็นไรนะ…เพื่อน”

แล้วต้องรีบหยุดพูด เพราะเห็นดุสิตกับนิกรเดินมาใกล้

หฤทัยกระซิบบอกปารีสเบาๆ ว่า

“บอสหนุ่มทั้งสองคนมาต้อนรับเพื่อนเรา แสดงว่าแกสำคัญมากนะ”

“เป็นไงครับ วันแรก…คุยอะไรกันครับ?” ดุสิตถามยิ้มๆ “ขอให้เป็นการเริ่มงานที่ดีครับ”

ใบหน้าของชายหนุ่มยิ้มแย้มเปิดเผย แววตาแสดงถึงความยินดีอย่างแท้จริง

ปารีสยังไม่ทันตอบ หฤทัยชิงตอบแทนว่า

“เรากำลังดีใจกับเพื่อนค่ะ ที่ได้มาร่วมงานกัน พวกเราสนิทกันจนตัวติดถ้าเป็นคนเดียวกัน”

“ดีเลยครับ บ้านก็อยู่บ้านเดียวกัน ทำงานที่เดียวกัน”

“เดี๋ยวนี้ยัยปาย้ายไปอีกห้องแล้วค่ะ เพราะเธอแต่ง…” จะพูดว่าแต่งงานมีผัว ก็หยุดทันเพราะโดนกุลวดีสะกิดหลัง ยืนอยู่ข้างๆ

“แต่ง…?” ดุสิตเลิกคิ้ว ถามยิ้มๆ “แต่งงานหรือครับ?” ถามเล่นๆ

ปารีสตาโต ไม่รู้ว่าเพื่อนจะแก้ตัวแทนตนอย่างไร หฤทัยต้องรับผิดชอบในการตอบ

“ยัยปาชอบแต่งกับงานแน่ะค่ะ เธอเป็นคนชอบทำงาน ที่ย้ายออกไปอีกห้องเพราะเตรียมตัวจะให้พ่อแม่มาพัก แต่อย่างไงห้องพวกเราก็ห่างกันนิดเดียวค่ะ”

“อ๋อ…ครับเตรียมห้องให้พ่อแม่ก็ดีครับ”

“ทัยกับยัยวดีก็ไปขลุกที่ห้องใหม่ของยัยปาเสมอค่ะ”

ดุสิตยิ้มกว้าง

“ผมชอบมิตรภาพของพวกคุณจัง ผมรู้สึกได้เลยว่า พวกคุณรักกันมาก ถ้าวันนึงพวกคุณแต่งงานกันทีละคน แต่ละคนจะรู้สึกอย่างไร”

“จะพยายามขัดขวางไม่ให้แต่งงานค่ะ”

“คนมีความรัก ห้ามกันไม่ได้ครับ”

“คงงั้นมั้งคะ”

ดุสิตหัวเราะอารมณ์ดีและหฤทัยก็กล้าจะพูดคุยกับเจ้านายอย่างสนิทสนม แม้แต่เรื่องห้องพักคอนโด จะพูดกี่ครั้งฝ่ายชายก็ฟังเสมอ

เพราะอะไรล่ะ?

รู้ว่าเจ้านายสนใจใหญ่ปารีสเป็นพิเศษ เพราะฉะนั้นจะคุยเรื่องปารีสกี่ครั้งก็ไม่เบื่อ

แต่สำหรับกุลวดี รู้สึกว่าเพื่อนจะมากเกินไปแล้ว จึงพูดว่า

“เราไปทำงานกันเถอะ” ลากแขนหฤทัยออกมา และได้ยินนิกรพูดกับปารีสว่า

“ยินดีต้อนรับครับ”

 

ผ่านไปเกือบสองสัปดาห์แล้ว ไม่เห็นปารีสพูดถึงที่ทำงานสักครั้ง จนวิศว์ต้องถามระหว่างทานอาหารเช้าด้วยกัน

“ไม่เล่าเรื่องที่ทำงานให้เลยให้ผมฟังบ้างเลย”

“คุณก็ไม่เห็นเล่าเรื่องงานตกแต่งที่กำลังทำอยู่เหมือนกันนี่คะ”

วิศว์เลิกคิ้ว

“งานแต่งร้านของคุณอุเทน ผมแต่งมาสองสามเดือนแล้ว จวนเสร็จแล้วครับ ไม่มีอะไรน่าสนใจ”

“งานฉันก็ไม่น่าสนใจ”

“คุณย้ายที่ทำงาน งานออกแบบคุณถนัดอยู่แล้ว งานใหม่คุณน่าสนจะตาย”

“ก็เพชรอนันต์ใหญ่กว่าร้านของคุณรัศมี มีอะไรท้าทายมากกว่าแค่นั้นค่ะ”

“คุณมีความสุขกับการทำงานนะครับ”

“ค่ะ มีความสุขดีค่ะ เจ้านายใจดี ทุกคนดีกับฉันมาก ยังมียังวดีกับยัยทัยดูแลฉันยังกับลูก”

“สมกับเป็นเพื่อนรัก”

“ยิ่งกว่าเพื่อน ยิ่งกว่าพี่น้อง”

“ยิ่งกว่าผมหรือเปล่า?”

ปารีสค้อนยิ้มๆ

“จนป่านนี้แล้ว คุณยังน้อยใจหรือคะ?”

“เพราะเรื่องของเราไม่เปิดเผยเสียที”

“ฉัน…” เธอยังลังเล

“วันนี้ผมจะไปเยี่ยมป้าโสภา ไปกับผมไหมล่ะ?” ชวนเอาดื้อๆ นั่นหมายถึงการเปิดเผยความสัมพันธ์

รอยยิ้มจากหญิงสาวค่อยๆ จางหาย

“อย่าพึ่งได้ไหมคะ?”

ถามแบบนี้ก็รู้แล้ว…คำตอบคืออะไร

“ได้ครับ ผมไม่บังคับใจคุณแน่นอน เพราะผมต้องการให้คุณเต็มใจ และเชื่อใจผมร้อยเปอร์เซ็นต์”

“ฉันเชื่อใจคุณนะคะ”

“แต่ไม่เต็มร้อย”

“ฉันเชื่อใจคุณแล้วกัน ขอเวลาซักนิดนะคะ”

“บอกแล้วผมไม่บังคับ แต่วันนี้ผมขอไปส่งคุณที่ทำงานนะครับ”

“ฉันไปกับว่าดีได้ค่ะ”

“อย่ารบกวนเพื่อนทุกวัน ผมบอกแล้วว่าจะไปส่งคุณเอง คุณวดีกับคุณทัยต้องออกเช้า แต่คุณอยู่แผนกออกแบบที่เข้าสายได้ ผมจะแวะส่งคุณก่อน ค่อยแวะไปหาป้า”

“แล้วคุณไม่เข้างานร้านคุณรัศมีหรือคะ?”

“บ่ายๆ ผมถึงจะเข้าไป เพราะเก็บงานอีกนิดเดียว สองสามวันก็เรียบร้อย”

“ก็ได้ค่ะ”

“ผมอิ่มแล้ว จะเอารถไปรอคุณที่หน้าคอนโด คุณตามลงไปรอด้านหน้านะครับ”

“ขอเก็บจานชามก่อน”

“ไม่เป็นไร เย็นผมกลับมาล้างเอง”

“แต่ว่า…”

“เล็กๆ น้อยๆ แค่นี้ผมทำได้”

“คุณอุตส่าห์ตื่นมาทำอาหารเช้าแล้ว หน้าที่ล้างจานต้องเป็นของฉันค่ะ” เธอต่อรอง

“เอาเป็นว่า ใครกลับถึงบ้านก่อนแล้วก็ล้างครับ ไม่ต้องเถียงกันเรื่องเล็กจะตาย”

งานบ้านเป็นเรื่องเล็กจริงๆ เฉพาะเก็บจานชามล้าง ส่วนทำความสะอาดเก็บกวาดเช็ดถู ก็จ้างแม่บ้านคอนโดมาทำให้เป็นพิเศษวันๆ ไป

วิศว์คว้ากระเป๋าเอกสารก้าวออกจากห้องไปเลื่อนรถยังชั้นจอด เพื่อขับวนมารับภรรยาสาวแสนสวยบริเวณหน้าคอนโด

และตรงนั้นเขาเห็นรถคันหนึ่งแล่นปาดเขาไปก่อน

รถใคร?”

ทำไมปาดหน้าแบบนี้ ดีที่ยังอารมณ์ดีอยู่ จึงไม่หงุดหงิดหรือขุ่นเคือง

เห็นปารีสเดินออกจากคอนโดแล้ว

รถเก๋งสองคันเรียงกัน

ปารีสจะเดินไปที่รถของวิศว์แต่ต้องชะงัก เพราะเห็นคันแรกคนที่ก้าวออกจากรถคือดุสิต

ปารีสเบิกตากว้าง

“คุณดุสิต?”

“เช้านี้ผมตื่นเช้า นอนไม่หลับ เลยตั้งใจมารับคุณ”

“รู้ได้อย่างไรว่าฉันยังไม่ไปทำงานคะ?”

“ผมมีความสามารถพิเศษ สัมผัสพิเศษครับ” เขาตอบตลกๆ

“แต่ว่า…”

“เชิญขึ้นรถครับ”

“คือว่า…”

อีกคันที่จอดรอเธออยู่คือ…วิศว์…ผู้ใดชื่อว่าเป็นสามี

วิศว์จ้องมองเหตุการณ์เบื้องหน้าเขม็ง

ชัดเจนเสียงยิ่งกว่าชัดเจน ดุสิตมารับปารีสถึงหน้าคอนโด อ่านชัดเจนมาตลอดว่าดุสิตชอบปารีส

มองจากที่ผ่านมาหลายครั้ง ดุสิตแสดงออกเสมอ แต่โทษฝ่ายชายไม่ได้ เพราะฝ่ายหญิงปกปิดสถานะแต่งงานกับตนไว้ ดุสิตจึงเข้าใจว่าเธอโสดและกำลังดำเนินหน้าจีบเธอ

และปารีสก็เลือกจะขึ้นรถดุสิต ปกปิดเขากับอีกฝ่ายต่อไป

วิทย์ยักไหล่กับตัวเอง…เขาควรเชื่อใจเธอ…

 



Don`t copy text!