ซ่อนรัก บทที่ 39 : บุกบ้าน

ซ่อนรัก บทที่ 39 : บุกบ้าน

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

คือชีวิตของสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน

ปารีสสระผมอาบน้ำออกมา และกำลังไดร์ผมให้แห้ง วิศว์เดินมาข้างหลังรับเครื่องเป่าผมจากมือหญิงสาวซึ่งนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้ง

“มา…ผมช่วย”

เธอยินดีที่จะปล่อยมือ และให้เขาเป่าผมเธอ เขาออกปาก

“ผมคุณสวย ดำและนุ่มลื่น”

“ทำกับสาวบ่อยไหมคะ?”

ชายหนุ่มหัวเราะ

“กับเมียของผมเท่านั้น”

และมองเธอผ่านกระจกที่อยู่เบื้องหน้า เห็นปารีสหน้าแดงเรื่อ จึงหัวเราะอีกครั้ง

“อะไรครับ ยังไม่ชินอีกหรือ?”

“ชิน?”

“ดูเหมือนคุณเขิน?”

“ไม่…ไม่…เขินค่ะ”

“อยากให้คุณไปเจอป้าผมจัง” กล่าวลอยๆ เล่นๆ ทีเล่นทีจริง

หญิงสาวรีบส่ายหน้า

“ยังนะคะ ยัง…”

“เมื่อหัวค่ำเห็นคุณคุยกับคุณพ่อคุณแม่ ท่านหายดีแล้วใช่ไหมครับ?” เหมือนเป็นการชวนคุยไปเรื่อยๆ เรื่อยมือก็สางผมเธอปล่อยให้ค่อยๆ  แห้งกับเครื่องเป่าผม

“พ่อบอกว่าแข็งแรงดีขึ้นค่ะ แต่แม่ยังแอบบอกว่า พ่อไม่เหมือนเดิมหลังผ่าตัด”

“ท่านก็อายุเยอะแล้ว ต้องค่อยเป็นค่อยไป”

“อยากกลับไปฝรั่งเศสจังค่ะ อยากไปดูพ่อ”

“คุณเพิ่งเริ่มทำงานเอง”

“ฉันไม่ควรรับงานเร็วเกินไป”

“อ้าว! คุณไม่ชอบหรือ?”

“ชอบงาน…แต่…”

“ผมเห็นเจ้านายดีต่อคุณเหลือเกิน”

หล่อนเอียงตัวมองหน้าเขาเล็กน้อย ทั้งที่มองกระจกก็เห็น แต่อยากมองให้ชัด ไม่ใช่ผ่านกระจก

“กลางวันนี้คุณเห็นเราใช่ไหมคะ?”

“พวกคุณคงไปกินข้าวกัน ผมคุยกับคนงานของผมอยู่ ยังเห็นคุณรัศมีกับคุณอุเทนยืนคุยกับพวกคุณ”

“คุณดุสิตชวนฉันไปกินข้าวกลางวัน ชวนหลายวัน ฉันเพิ่งไปกับเขาสักครั้ง”

“ครับ”

เธอหันมามองหน้าเขาตรงๆ ทำให้ต้องหยุดเป่าผมชั่วขณะ

“ไม่เป็นไรนะคะ”

“คุณไม่เป็นไรหรือผมไม่เป็นไร?”

“คุณคงไม่คิดมาก”

เขาหัวเราะแห้งๆ

“ผมพยายามไม่คิดมาก”

“แหม…ต้องใช้ความพยายามด้วย”

“ก็เมียผมออกสวยขนาดนี้ มีเสน่ห์ขนาดนี้ ไม่หวงก็ไม่ใช่ผู้ชายแล้วมั้ง”

“ฉันสวมแหวนแต่งงานอยู่นะคะ” เธอโชว์นิ้วให้เขาดู

“ผมหวังว่าคุณจะเปิดเผยเรื่องแต่งงานของเราให้เร็วที่สุด”

“ค่ะ”

“อ้อ…อีกเรื่อง อาทิตย์หน้าร้านของคุณอุเทนจะเปิดผม คงต้องไปร่วมงานกับบรมมันด้วย”

“ไปสิคะ คุณแต่งร้านสวยขนาดนั้น คุณควรไป”

“ผมต้องเจอคุณอุเทน กลัวคุณไม่สบายใจ”

“เวลา…เป็นยารักษาบาดแผลหัวใจได้จริงๆ นะคะ ยิ่งวัน…ฉันก็ยิ่งไม่รู้สึกอะไรแล้วค่ะ บางทีฉันอาจต้องไปร่วมงานด้วยซ้ำ เพราะเจ้านายฉันรับคำเชิญคุณรัศมี และเขาก็บอกว่าจะให้ฉันไปด้วย”

“ดีครับ เรายังอยู่ในสังคม ตึกสำนักงานเพชรอนันต์ก็อยู่ติดกับศูนย์การค้า เดินไปเดินมาต้องเจอกันบ่อยๆ ไม่ต้องคิดอะไรมาก ถ้าไม่อยากสนิทสนมเหมือนเดิม ก็แค่คนรู้จักธรรมดา เจอกันทักกันดีกว่าหลบหน้า เพราะต่างคนต่างมีชีวิตของตัวเองแล้ว”

ปารีสสูดลมหายใจลึกๆ

“ค่ะ คิดอย่างคุณก็ไม่มีอะไร”

วิศว์อมยิ้ม

“คุณขำเหรอ?” เธอถาม

แบบนี้ล่ะที่ชายหนุ่มต้องการ ชีวิตผัวเมีย…มีอะไรก็คุยกัน ปรึกษากัน การพูดคุยเสมือนการเชื่อใจ การพูดคุยดีกว่าเก็บ มารู้ทีหลังบางทีอาจขัดแย้ง ทำให้หมางเมินกันเปล่าๆ

“ผมชอบที่เราได้พูดคุยกัน พูดถึงวันนี้และพูดถึงพรุ่งนี้ เพราะเรามีอนาคตของเรา”

“โอเคค่ะ ฉันง่วงแล้วล่ะ ผมก็แห้งแล้ว ขอทาครีมบำรุงหน้านิดนึง คุณไปนอนก่อนเถอะค่ะ ดึกแล้ว”

แต่วิศว์ไม่ปล่อยให้ภรรยาคนสวยทาครีมอย่างที่ต้องการ กลับคว้าร่างบอบบางในชุดนอนแนบเนื้อแพรนุ่มผลักหญิงสาวลงบนเตียงกว้าง

“ว้าย…” เธอตกใจมือที่คว้าครีมบำรุงปัดตกลงบนพรม

“นอน…ด้วยกันครับ”

นอน…ด้วยแววตามีนัยสำคัญที่เจ้าหล่อนรู้ความหมายแน่นอน

“ขอทาครีมก่อน”

“เว้นสักคืนไม่เป็นไรหรอก”

แล้วร่างบนเตียงก็ถูกถอดอาภรณ์ แพรนุ่มไม่สำคัญแล้ว ที่วิศว์ปรารถนาคือเรือนร่างที่ปราศจากอาภรณ์ต่างหาก

อีกคืนแล้วที่ปารีสก็ปฏิเสธเขาไม่ได้

คือ…ความสัมพันธ์ลึกซึ้งของสามีภรรยา

อีกค่ำคืนที่แสนสุข

 

วันเสาร์วันหยุดจึงนอนตื่นสาย

ปารีสลุกขึ้นทำอาหารเช้าเอาตอนเกือบสิบโมงแล้ว มีกุ้งเหลือในตู้เย็นกับข้าวสวยเมื่อคืนที่เหลือเยอะ จึงทำข้าวต้มกุ้งโดยใช้ข้าวเหลือทำแทนจะต้องใหม่ น้ำซุปก็ใช้ซุปก้อน

ระหว่างทำ วิศว์ตื่นมาดูในครัว

“ทำอะไรครับ?”

“เอาข้าวเหลือมาทำข้าวต้มกุ้งค่ะ”

วิศว์เลิกคิ้ว

“แล้วน้ำซุปก็ใช้ก้อน?”

“ค่ะ…ไม่ให้คุณกินข้าวต้มกระป๋องดีแค่ไหนแล้ว”

“อยากกินทำไมไม่บอกผม ผมทำให้”

หญิงสาวเบ้ปาก พลางตักข้าวต้มใส่ชามสองชาม ปากก็พูดว่า

“เวลาคุณทำ มันไม่ง่ายอย่างที่ฉันทำนี่คะ” รู้ว่าเขาต้องต้มข้าวต้มใหม่ น้ำซุปก็ต้องใช้เครื่องซี่โครงอ่อนผสมหัวไชเท้า อาจมีกุ้งแห้งเพิ่ม เขาทำข้าวต้มเครื่องจะยุ่งยากกว่าตนทำหลายเท่า

“ของผมอร่อยกว่านะ”

“แบบง่าย กินง่ายอยู่ง่ายค่ะ”

“เวลาผมทำก็ไม่ได้ยุ่งยากหรอกครับ”

ข้าวต้มสองถ้วยยกมาตั้งบนโต๊ะอาหารแล้ว ส่วนเครื่องปรุงก็ยกมาทั้งถาด

“วันนี้ตื่นสายแล้ว กินๆ เถอะค่ะ๐

“ครับ…อือม์…อร่อยครับ” เขาตักเข้าปากคำหนึ่ง

“ไหนคุณว่าคุณทำอร่อยกว่า?”

“ผมไม่ได้พูดเอาใจคุณ ผมทำผมจะใส่เครื่องมากกว่านี้ แต่คุณมีกุ้งแค่นี้ ทำได้แบบนี้ ผมพอใจแล้วครับ สำหรับผมอร่อยเสมอครับ”

“ใช่สิ…ถ้าคุณบอกว่าไม่อร่อย ฉันจะไม่ให้คุณกินเลย” พูดยิ้มๆ

ระหว่างที่กินอาหารเช้า อีกห้องใกล้เคียงกำลังโกลาหลตกใจ เพราะมีแขกคนหนึ่งโผล่มาอย่างไม่ได้นัดหมาย

ดุสิต!

เขามาพร้อมกระเช้าผลไม้ราคาแพง อยู่หน้าห้องของกุลวดีกับหฤทัยแล้ว

พอประตูเปิด เขารีบพูดว่า

“กระเช้าหนักมาก ตอนแรกว่าจะให้คนขับรถช่วยหิ้วขึ้นมา แต่ไม่อยากรอเขาจอดรถ”

กุลวดีตกใจ ตาโต

“คุณ…ดุสิต!”

เขาวางกระเช้าบนโต๊ะ

“อ้าว…ตกใจอะไรครับ?”

“ก็…ก็…คุณรู้ได้อย่างไง เราพักที่นี่” ถามโง่ๆ อีกแล้ว

“ประวัติพวกคุณมีครับ กรอกชัดเจน ผมเคยมารับคุณปาไปทำงานด้วย”

“แต่ว่า..เจ้านายมาบ้านลูกน้อง…ไม่ไม่…เคยนะคะ” กุลวดีตื่นเต้นจนติดอ่างเล็กน้อย

“ถือเป็นกรณีพิเศษครับ”

“เอ้อ…ทำไมคะ?”

“ผมยากมา…” และเขากำลังมองหาใครอีกคน

หฤทัยเองก็ตกใจ แต่ควบคุมตัวเองได้ดีกว่ากุลวดี

รู้ๆ ว่าดุสิตมาทำไม มองหาใคร

ยัยปารีส…เจ้าเสน่ห์ล่ะสิ เกิดเป็นที่ถูกอกถูกใจเจ้านายหนุ่มขึ้นมา แถมยังจริงจังขนาดนี้ บุกมาบ้านเลย ไม่บอกไม่กล่าว

“ผมอยากให้พวกคุณแปลกใจเล่น โดยเฉพาะคุณปา เธอไม่อยู่เหรอครับ?”

“อยู่…อยู่ค่ะ” มากระทันหันหน่อย หฤทัยที่เจนเวทียังลิ้นรัว

แล้วไหนล่ะ?

“ในห้องหรือครับ…ยังไม่ตื่นหรือครับ?”

“คือ…คือ…เดี๋ยวนะคะ กาแฟไหมคะ?” เลิกลั่กไปหน่อย

“ก็ดีครับ”

หฤทัยส่งสัญญาณบอกให้กุลวดีชวนเจ้านายคุยไปก่อน ตัวเองรีบไปครัวเตรียมกาแฟ แต่โทรศัพท์ถึงปารีสอีกห้อง เมื่อปารีสรับสายก็ได้ยินเพื่อนบอก

“เจ้านายมา เจ้านายมา” ตื่นเต้นและเป๋ไปเล็กน้อย

คนรับสายยังงงๆ เพราะกำลังกินอาหารเช้าในตอนสายๆ กับวิศว์

“เจ้านายใครมา?”

“ก็เจ้านายพวกเรา” ปกติหฤทัยน่าจากควบคุมตัวเองได้ดีกว่านี้

“เจ้านายพวกเรา มีตั้งหลายคน มา…มาที่ไหน พูดช้าๆ ก็ได้”

“จ้ะ…จ้ะ…พูดช้าๆ นะ คุณดุสิตโผล่มาอยู่ที่ห้องฉัน ตอนนี้ยัยวดีกำลังชวนคุย ฉันขอตัวมาแอบโทรถึงแก เพราะเขาตั้งใจมาพบแกโดยเฉพาะ”

ปารีสตาโต

“ก็บอกว่าฉันไม่อยู่”

“บอกว่าอยู่ไปแล้ว คงต้องพาไปห้องของแก แกรีบพาคุณวิศว์ไปซ่อนก่อน”

แล้วปารีสก็หันมาพูดกับชายหนุ่ม น้ำเสียงตื่นๆ แน่นอน

“คุณดุสิตมาเยี่ยมฉันค่ะ คุณคงต้องซ่อนตัวแป๊บนะคะ”

วิศว์เลิกคิ้ว ความจริงเป็นจังหวะดีน่าจะเปิดเผยเสียเลย แต่กิริยาท่าทางของฝ่ายหญิงยังไม่พร้อม

“ให้ผมซ่อนที่ไหน?”

“เอ้อ…เอ้อ…”

“งั้นผมหลบในห้องนอน”

“แต่ว่า…” เธอลังเล

“คุณดุสิตคงไม่กล้าไปห้องนอนมั้ง”

“คงงั้นนะคะ แต่…” แต่อีกแล้ว

ส่วนทางด้านกุลวดีกับหฤทัยก็พยายามถ่วงเวลาให้กับปารีสและวิศวื

หฤทัยยกกาแฟมาให้เจ้านายหนุ่ม ในขณะที่ดุสิตก็ยังส่งสายตามองหาเป้าหมายของตน

“ดื่มกาแฟก่อนนะคะ”

“แล้วคุณปารีส?”

“คืออย่างนี้ค่ะ ปามีห้องพักอีกห้องที่ซื้อไว้เวลาพ่อแม่มาพักเวลากลับจากฝรั่งเศส ช่วงนี้เธอมักไปนอนที่ห้องนั้น เธอก็ไปๆ มาๆ ระหว่างห้องนั้นกับห้องนี้” หฤทัยอธิบาย

กุลวดีรีบเสริมและเน้น

“ใช่ค่ะ ใช่ค่ะ เธออยู่ห้องนั้น เมื่อคืนยัยปานอนห้องนั้น ซึ่งกว้างขวางกว่าที่นี่”

ดุสิตเลิกคิ้ว

“หมายความว่าผมมาผิดห้อง?”

“ไม่…ไม่…ผิดเลยค่ะ” กุลวดีละล่ำละลักตอบ “คุณดุสิตมาห้องนี้ก่อนถูกต้องแล้วค่ะ ต้องมาที่นี่ก่อนนะคะ เธออยู่ที่นี่มากกว่าที่นั่น คือว่า…คือว่า…ยังไงก็ควรมาที่นี่ก่อนค่ะ”

“ผมมาผิดเวลาหรือเปล่า ดูเหมือนพวกคุณ…จะไม่อยากต้อนรับ”

กุลวดีรีบโบกมือพัลวัน

“ไม่…ไม่เลยค่ะ แต่เจ้านายไม่เคยมา พวกเราทำอะไรไม่ถูก พวกเราแปลกใจค่ะ”

“เชิญนะคะ…ฉันโทรบอกยัยปาแล้ว…เชิญค่ะ” หฤทัยโพล่งเพราะท่าทางของกุลวดีจะตื่นเต้นมากเกินไปจนมีพิรุธ จนฝ่ายชายสงสัย

สองสาวเดินนำดุสิตออกจากห้อง ตรงไปตามทางเดินอีกห้องหนึ่ง ในตอนนั้นปารีสก็เปิดประตูออกมาก่อนแล้ว เพื่อต้อนรับเจ้านาย

“เชิญค่ะ”

เห็นเป้าหมายของตน ดุสิตยิ้มกว้าง ถามปารีสว่า

“ผมมารบกวนหรือเปล่านี่?”

“ไม่เลยค่ะ แต่ฉันไม่คิดว่าคุณดุสิตจะมาถึงบ้านในวันหยุด”

“ห้องน่าอยู่สบายนะครับ” เหมือนจะถือวิสาสะเดินสำรวจจนถึงโต๊ะอาหาร “คุณปาทานจุหรือครับ มีข้าวต้มตั้งสองถ้วย กินคนเดียวหมดเหรอครับ?”

 



Don`t copy text!