
รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 6 : มือสั่น
โดย : ตวงทิพย์ ยุวชิต
รักนี้ไม่มีตำหนิ โดย ตวงทิพย์ ยุวชิต เรื่องราวของนักแสดงสาววเบอร์ต้นๆ ของวงการ ผู้ทะนงในความงามพร้อมของตน แต่อุบัติเหตุได้เปลี่ยนชีวิตเธอไปตลอดกาล เธอจะข้ามพ้นความบกพร่อง ผิดพลาดและได้พบความสุขในชีวิตอีกครั้งหรือไม่ มาเอาใจช่วยเธอพร้อมๆ กับอ่านเอา anowl.co เว็บไซต์นวนิยายสนุกที่มาพร้อมคุณภาพ
เรื่องที่แดนสรวงคุยกับตรีภพที่ลานจอดรถกลายเป็นข่าวใหญ่โตเมื่อมีคนแอบถ่ายคลิปไปเผยแพร่ในสังคมออนไลน์ ละครเพลิงพรางตาจึงโด่งดังตั้งแต่ยังถ่ายทำไม่แล้วเสร็จ การถ่ายทำในวันนี้ถูกเลื่อนออกไปเพราะทีมงานไม่แน่ใจว่าละครจะถูกระงับการถ่ายทำอย่างถาวรหรือเปล่าหลังจากที่ผู้กำกับไปมีเรื่องกับลูกชายของเจ้าของสถานี
“พี่จะต้องให้แดนพักงานซักพักหนึ่งนะ ไม่อย่างนั้นทางสถานีจะหาว่าพี่ไม่ทำอะไรเลย พี่จะให้จีกำกับแทนระหว่างที่แดนพัก แล้วจะขึ้นเครดิตเป็นผู้กำกับร่วมกันทั้งสองคน แดนโอเคนะ” เจนกิจชี้แจงกับทีมงานหลังจากกลับจากการไปประชุมกับทางสถานี
“ผมน้อมรับทุกอย่างแหละครับพี่ ถึงพี่ปลดผม ผมก็ไม่ว่าอะไรหรอก ผมกล้าทำก็กล้ารับ” แดนสรวงบอกอย่างจริงใจ เขาเตรียมใจไว้แล้วว่าจะต้องเจอเรื่องแบบนี้ตั้งแต่ได้ยินตรีภพกล่าวอาฆาตไว้
“ได้ไงพี่ พี่แดนไม่ได้ทำผิดนะ ไอ้คุณต้นน่ะมันหาเรื่องพี่แดนก่อนนะ แต่มันไม่กล้าต่อย พอโดนผลักเข้าก็ทำสำออยไปฟ้องพ่อ” จีรพัฒน์แก้แทนลูกพี่เต็มที่ ไม่ได้รู้สึกดีใจที่ได้เลื่อนตำแหน่ง
“พี่ก็รู้นะจี ใครฟัง ใครดูก็รู้ว่าอะไรเป็นอะไร แต่พ่อเขาเป็นเจ้าของสถานี ยังไงเราก็ไม่มีอำนาจไปคัดง้างกับเขา” เจนกิจอธิบายอย่างใจเย็น เขาสงบใจได้ดีเพราะเมื่อเช้าเขาได้ฝึกความใจเย็นมาแล้ว ทั้งต้องขอโทษ ขอร้อง และแทบจะกราบกรานเจ้าของสถานีกว่าจะได้รับอนุมัติให้ทำงานต่อได้
“เราก็เอาละครเราไปเสนอช่องอื่นสิพี่” จีรพัฒน์ว่า
“อย่าพูดเหมือนอะไรมันง่ายไปหมดอย่างนั้นสิ ถ้าย้ายช่อง แล้วต้องเปลี่ยนพระเอกไหม แล้วดาราคนอื่นของช่องต้องเปลี่ยนไหม เราถ่ายไปเท่าไหร่แล้ว คิดหน่อย…เอาอย่างที่พี่เจว่านั่นแหละดีแล้ว พี่ก็อยากให้นายขึ้นมากำกับเต็มตัวตั้งนานแล้ว” แดนสรวงอธิบายแทนเจ้านาย
เมื่อลูกพี่บอกแบบนี้ลูกน้องก็จำเป็นต้องเงียบ
แดนสรวงโล่งใจที่ละครไม่ถูกสั่งระงับการถ่ายทำ แค่ที่เขาถูกพักงานถือว่าเป็นเรื่องเล็ก ปัญหาใหญ่ที่กวนจิตใจเขาก็คืออัจจิมาจะเป็นอย่างไรเมื่อได้รับรู้เรื่องนี้
หลังจากประชุมกับเจนกิจแล้วความร้อนใจก็ผลักดันให้แดนสรวงไปเยี่ยมอัจจิมาที่โรงพยาบาลในบ่ายวันนั้น แต่กลับพบว่าหญิงสาวออกจากโรงพยาบาลไปแล้ว เมื่อเขาตามไปเยี่ยมเธอที่บ้านก็พบว่าบ้านปิดเงียบ แดนสรวงจึงให้เพื่อนที่เป็นนักข่าวบันเทิงช่วยหาข่าวให้ว่าอัจจิมามีบ้านที่อื่นอีกหรือไม่
เช้าวันรุ่งขึ้นแดนสรวงรีบไปที่บ้านสวนของอรรถพลทันทีที่ได้รู้จากเพื่อนนักข่าวว่าพ่อของอัจจิมามีสวนผลไม้อยู่ในจังหวัดนครปฐม เมื่อเข้ามาในสวนชายหนุ่มได้สัมผัสถึงความร่มรื่น สวนแห่งนี้ปลูกต้นไม้หลายชนิดผสมผสานกัน สองข้างทางเข้าสู่สวนปลูกไม้ผลแผ่กิ่งใบให้ร่มเงา ฝั่งหนึ่งปลูกมะม่วงสลับกับมะขาม มะม่วงหลายต้นกำลังออกผลดกเป็นพวง อีกฝั่งหนึ่งปลูกชมพู่สลับกับขนุน
แดนสรวงเอารถเข้าจอดข้างทาง เขาเห็นชายหญิงคู่หนึ่งกำลังช่วยกันตัดกิ่งมะม่วง
“อ้าว…พี่น่ะเอง ตามมาถึงนี่เลยเหรอ” ญาติสาวลูกผู้น้องของอัจจิมาที่กำลังตัดกิ่งมะม่วงทักขึ้นทันทีที่เมื่อเห็นว่าคนที่ก้าวลงจากรถเก๋งคือแดนสรวง
“คุณเอมกลับจากโรงพยาบาลมาอยู่ที่นี่ใช่ไหม”
กุ๊กหยุดคิดครู่หนึ่งก่อนตอบว่า “พี่เอมเขาไม่มาที่นี่หรอกพี่ เขาอยู่บ้านกรุงเทพโน่น” เด็กสาวบอก
“แต่พี่ไปมาแล้ว บ้านปิดเงียบเลย” แดนสรวงบอก
“เอ่อ…” กุ๊กตอบไม่ถูก เหมือนเด็กที่ถูกจับโกหกได้แล้วไม่รู้จะแก้ตัวอย่างไร
“แกไปโกหกเขาทำไมเล่า เขาอาจจะมีธุระสำคัญก็ได้” ชายอีกคนที่ตัดกิ่งมะม่วงอยู่หันมาพูดกับเด็กสาว
“พี่แจ้ไม่รู้อะไรก็อย่าพูดเลย”
“ตกลงยังไงกันครับเนี่ย”
“เฮ้อ…ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว พี่เอมอยู่บ้านนี้แหละ” เด็กสาวบอกอย่างเสียไม่ได้ หันไปค้อนวงใหญ่ใส่พี่ชาย แล้วหันมาบอกแดนสรวงว่า “ตามมา เดี๋ยวพาไป”
แดนสรวงเดินตามกุ๊กไป ขณะที่พี่ชายของเด็กสาวยังงงว่าตัวเองพูดอะไรผิด
“ทำไมต้องโกหกด้วยล่ะ” ชายหนุ่มถามขึ้นระหว่างทาง
“ก็อย่างที่เคยบอกแหละ ลุงแกไม่อยากให้พี่เอมติดต่อเพื่อนในวงการเพราะยังอยู่ในระยะทำใจ ถ้าเพื่อนๆ มาเยี่ยมกันแล้วรู้ถึงหูนักข่าว เอาไปเขียนข่าวซุบซิบกัน พี่เอมก็คิดมากอีกแหละ”
“ที่คุณเอมมาอยู่ที่นี่ก็เพื่อหนีนักข่าวใช่ไหม”
“อือ…”
“งั้นพี่สัญญาว่าพี่จะไม่บอกใครว่าคุณเอมอยู่ที่นี่”
เด็กสาวหยุดเดินแล้วหันมามองหน้าชายหนุ่ม
“ดีจัง หนูกำลังจะบอกให้พี่สัญญาเลย เอาเป็นว่าหนูไว้ใจพี่ก็แล้วกัน”
แดนสรวงยิ้มด้วยความเอ็นดูเด็กสาว และเกือบจะหัวเราะออกมาเมื่อเด็กสาวพูดต่อว่า “แต่ถ้าพี่ผิดสัญญาละ น่าดู”
กุ๊กนำทางแดนสรวงมาที่บ้านไม้สองชั้นขนาดไม่ใหญ่ไม่เล็กหลังหนึ่ง ชั้นล่างของบ้านมีการต่อเติมเป็นร้านกาแฟเล็กๆ ด้านหน้ามีเคาน์เตอร์บาร์ให้ลูกค้านั่งดื่มกาแฟได้สองคน ด้านข้างร้านมีโต๊ะเก้าอี้อีกสองชุดไว้รองรับลูกค้า หลังเคาน์เตอร์บาร์มีผู้ชายวัยกลางคนนั่งอยู่ เขายืนขึ้นดูเมื่อเห็นเด็กสาวพาคนแปลกหน้าเดินตรงมา
“มีคนมาหาพี่เอม ลุงคุยเองก็แล้วกันนะ” กุ๊กพูดเท่านั้นก็เดินกลับไป
แดนสรวงยกมือไหว้พ่อของอัจจิมา เจ้าของร้านก็เชื้อเชิญลูกค้าตามมารยาท
“นั่งก่อนสิคุณ ชอบกาแฟแบบไหนล่ะ เอสเพรสโซ ลาเต้ คาปูชิโน่ โอเลี้ยงก็พอไหว แต่อะไรที่พิสดารกว่านั้นผมทำไม่เป็นหรอกนะ”
แดนสรวงไม่ตอบคำถามกลับบอกว่า “ผมมาหาคุณเอมน่ะครับ”
อรรถพลมองหน้าชายหนุ่มเหมือนหยั่งเชิงแล้วว่า “เอมยังไม่พร้อมจะพบใคร คุณมีธุระอะไร”
“ผมมาขอโทษเธอ”
“อารมณ์แบบนี้น่าจะต้องดื่มกาแฟเข้มๆ เอสเพรสโซน่าจะเหมาะ” อรรถพลเสิร์ฟกาแฟให้ลูกค้าที่เคาน์เตอร์บาร์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น หลังจากที่ได้ฟังจากแดนสรวงว่าชายหนุ่มต้องการมาขอโทษลูกสาวของเขาด้วยเหตุใด
อรรถพลดูคลิปและฟังเรื่องทั้งหมดด้วยท่าทีสงบแต่ภายในใจของเขานั้นร้อนรุ่มเมื่อได้ยินคำพูดของตรีภพที่กล่าวถึงอัจจิมาอย่างไร้เยื่อใย ชายหนุ่มคนนั้นคบหาดูใจลูกสาวของเขามาหลายปีจนเขาเกือบจะมั่นใจแล้วว่าจะฝากลูกสาวที่เขารักดั่งดวงใจให้ดูแล แต่ครั้นพอเกิดเรื่องร้ายขึ้นมาเขาก็ตาสว่าง ได้เห็นธาตุแท้ของคนอย่างตรีภพที่ชื่นชมเพียงรูปลักษณ์ความสาวความสวย หาได้รักอัจจิมาอย่างที่เธอทุ่มเทใจให้ อรรถพลอดคิดไม่ได้ว่าถึงแม้เรื่องที่เกิดขึ้นกับอัจจิมาจะเป็นเคราะห์ร้ายแต่ก็ยังมีข้อดีที่ช่วยให้ลูกสาวของเขาได้เห็นหัวใจของคนที่เธอรัก
พ่อของนักแสดงสาวสังเกตอากัปกิริยาของผู้ที่มาเยี่ยม เขารู้สึกได้ว่าชายหนุ่มคนนี้เป็นเดือดเป็นร้อนแทนลูกสาวของเขา และผู้ผ่านโลกมามากกว่าดูออกว่าชายคนนี้ดูจะมีใจให้ลูกสาวของเขาไม่น้อย
“คุณลุงครับ…” แดนสรวงอ้ำอึ้งเพราะเขาไม่รู้ว่าพ่อของอัจจิมาคิดอย่างไรในเรื่องคลิปที่เป็นข่าว “ผมอยากขอโอกาสขอโทษคุณเอม ผมไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้”
อรรถพลเสิร์ฟน้ำตาลและน้ำผึ้งให้ลูกค้า แล้วกล่าวเรื่อยๆ อย่างผู้ใหญ่สั่งสอนเด็ก
“ที่คุณมาถึงนี่ก็คงเพราะห่วงความรู้สึกของเอม ถ้าเป็นอย่างนั้นคุณก็คงรู้ว่าลูกสาวผมยังไม่พร้อมจะพบใคร คำขอโทษของคุณคงไม่มีประโยชน์อะไรในตอนนี้ รังแต่จะทำให้เจ็บเปล่าๆ”
คำพูดของอรรถพลทำให้แดนสรวงชะงักไป เขาคิดถึงแต่ความรู้สึกของตัวเอง คิดแต่ว่าทำอย่างไรถึงจะทำให้ตัวเองรู้สึกผิดกับอัจจิมาน้อยลง เขาไม่ได้คิดเลยว่าการทำแบบนี้เป็นการซ้ำเติมแผลเดิมให้อัจจิมายิ่งเจ็บ
“ผมขอโทษครับคุณลุง ผมไม่ได้คิดในมุมนี้เลย” แดนสรวงพูดแล้วยกมือไหว้
“ไม่เป็นไร คนหนุ่มก็ใจร้อนอย่างนี้แหละ…ถึงจะไม่ได้เจอเอม คุณก็มาอุดหนุนกาแฟผมได้นะ ร้านกาแฟในสวน ไม่ค่อยมีลูกค้าเข้ามามากนักหรอก”
“ที่นี่ร่มรื่นมากนะครับ” แดนสรวงบอก เขาเริ่มรู้สึกเป็นกันเองกับพ่อของอัจจิมามากขึ้น
“ผมยังอยากปลูกต้นไม้ให้มากกว่านี้อีกนะคุณ ที่นี่มีไม้ผลที่สูงระดับกลาง ไม้ต้นเตี้ยอย่างพวกผักสวนครัว พืชคลุมดิน ใต้ดินก็มีพืชหัว ผมอยากจะปลูกไม้ให้ครบห้าระดับ”
“ไม้ห้าระดับเหรอครับ”
“ใช่ สวนนี้มีไม้แค่สี่ระดับ ขาดแต่ไม้สูงอย่างต้นสัก ต้นยางน่ะคุณ”
“เป็นความรู้ใหม่เลยครับ ผมไม่ค่อยรู้เรื่องต้นไม้เลย”
“ถ้าคุณมาอีกผมจะพาชมสวน แลกกับสูตรกาแฟใหม่ๆ ตกลงไหมล่ะคุณ”
“ตกลงครับ” แดนสรวงยิ้มออกมาได้
ชายหนุ่มกำลังคิดว่าจะถามพ่อของอัจจิมาอย่างไรดี เขาอยากรู้ว่าตอนนี้เธอเป็นอย่างไรบ้าง ยังไม่ทันที่แดนสรวงจะได้ถามก็มีเสียงกรีดร้องดังมาจากชั้นสองของบ้าน
“เอม…” จิตราภากรีดร้องสุดเสียง
อรรถพลทิ้งทุกอย่างขึ้นบันไดไป แดนสรวงวิ่งตามขึ้นไปโดยไม่ต้องคิด
ภาพที่แดนสรวงเห็นเมื่ออรรถพลเปิดประตูเข้าไปในห้องนอนของอัจจิมาก็คือภาพหญิงสาวนอนหงายหมดสติอยู่บนเตียงแขนข้างหนึ่งทิ้งลงข้างตัว มีคัตเตอร์เปื้อนเลือดตกอยู่ข้างเตียง ในมือข้างนั้นกำโทรศัพท์มือถือไว้แน่น ข้อมืออีกข้างหนึ่งมีแผลถูกกรีดด้วยของมีคมเลือดไหลซึมออกมาจนผ้าปูที่นอนสีขาวกลายเป็นสีแดง แม่ของหญิงสาวเป็นลมล้มพับอยู่ที่พื้นห้อง
ขณะที่อรรถพลกำลังตกใจ ไม่รู้ว่าจะช่วยลูกสาวหรือภรรยาก่อนแดนสรวงก็วิ่งไปถึงตัวอัจจิมา เขาคว้าผ้าเช็ดตัวผืนเล็กที่พาดอยู่บนเก้าอี้ใกล้ๆ แล้วเอาผ้าผูกข้อมือหญิงสาวเพื่อห้ามเลือด อุ้มเธอขึ้นมาจากเตียง อรรถพลได้สติ เขารีบหายาดมมาแก้ไขอาการของภรรยา แล้วสองสามีภรรยาก็พากันวิ่งตามชายหนุ่มที่อุ้มลูกสาวลงมา
แดนสรวงอุ้มอัจจิมามาที่รถ กุ๊กและแจ้เห็นเข้าก็วิ่งมาดู แจ้รีบวิ่งไปเอารถออก กุ๊กตกใจที่เห็นสภาพของอัจจิมาแต่เด็กสาวก็ตั้งสติได้เร็ว เธอร้องห้ามพี่ชายแล้วบอกให้เอารถของแดนสรวงไปเพราะรถของเขาจอดอยู่ใกล้ทางออกสวนมากกว่ารถของพี่ชายเธอที่จอดอยู่ลึกเข้าไปในสวน แจ้รับตัวอัจจิมามาอุ้มไว้แทนขณะที่แดนสรวงควานหากุญแจรถในกระเป๋ากางเกง แต่กว่าจะไขกุญแจเปิดรถได้ก็เสียเวลาเป็นอึดใจเพราะชายหนุ่มเป็นห่วงหญิงสาวจนมือสั่น
“ผมขับให้ดีกว่า” แจ้ว่าแล้วส่งตัวอัจจิมาเข้าไปนั่งที่เบาะหลังที่พ่อและแม่ของเธอเข้าไปนั่งรออยู่แล้ว
แจ้เข้านั่งประจำที่คนขับ แดนสรวงกลับยืนงง
“ขึ้นรถสิคุณ” แจ้ร้องบอก แดนสรวงจึงขึ้นนั่งข้างคนขับ
เมื่อรถเคลื่อนออกไป อรรถพลก็นึกขึ้นได้เขาแกะมือของอัจจิมาที่กำโทรศัพท์มือถือของแม่เธอไว้แน่น ผู้เป็นพ่อกดเปิดหน้าจอโทรศัพท์ดู เสียงที่ดังจากโทรศัพท์ทำให้รู้ว่าคลิปที่อัจจิมาเปิดดูล่าสุดคือคลิปการพูดคุยกันของแดนสรวงกับตรีภพ
“ผมมาช้าไป” แดนสรวงบอก
“คุณไม่ได้มาช้าไปหรอก ผมเองที่ประมาท” อรรถพลบอก
- READ รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 18 : รักนี้ไม่มีตำหนิ (จบบริบูรณ์)
- READ รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 17 : ปากแข็งใจอ่อน
- READ รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 16 : แผนร้าย
- READ รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 15 : เธอคือหัวใจของฉัน
- READ รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 14 : ความลับ
- READ รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 13 : โชคดีในโชคร้าย
- READ รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 12 : ละครฉากใหญ่
- READ รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 11 : อยากบอกรัก
- READ รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 10 : เมื่อวันฟ้าเปลี่ยนสี
- READ รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 9 : คนใหม่
- READ รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 8 : เรื่องรักใคร่ในกองละคร
- READ รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 7 : บททดสอบ
- READ รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 6 : มือสั่น
- READ รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 5 : ธาตุแท้
- READ รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 4 : เปลี่ยนไปในพริบตา
- READ รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 3 : เพราะไม่มีความรู้สึก
- READ รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 2 : เพลิงพรางตา
- READ รักนี้ไม่มีตำหนิ บทที่ 1 : แฟนคลับ