ซ่อนรัก บทที่ 35 : โสภากับอดีต

ซ่อนรัก บทที่ 35 : โสภากับอดีต

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

น้านงอ่านหนังสือพิมพ์และจ้องอ่านข่าวในหน้าสังคมที่ลงข่าวเกือบทั้งหน้า งานมอบรางวัลของบริษัทเพชรอนันต์

ภาพข่าวระบุชื่อแขกหลายคน ระบุชื่อผู้ได้รับรางวัลอีกสามคนและภาพอัญมณีที่ได้รับรางวัล รวมทั้งมีลูกค้าไฮโซที่อยู่ในภาพข่าว

มีภาพของวิศว์ติดมาด้วย

นงจ้องมองวิศว์ไม่วางตา

คุณวิศว์ของน้านง…โถ…โถ…

แล้วสะดุ้งรีบปิดหนังสือพิมพ์ เมื่อร่างของโสภาก้าวเข้ามาด้วยใบหน้าเรียบเฉย ถามอย่างราบเรียบ

“รีบปิดหนังสือพิมพ์เชียวนะ คิดว่าจะปิดบังพี่ได้เรอะ?”

“เอ้อ…นง…นง…”

“พี่อ่านตั้งแต่เช้าแล้ว อ่านก่อนนงอีก”

“คุณวิศว์…คุณวิศว์ของเราไปงานบริษัทเพชรอนันต์…ไปงานร้านเพชร…เพชรอนันต์นะพี่โสภา”

“แล้วทำไม?” ถามน้ำเสียงเย็นๆ

“เพชรอนันต์…”

“รู้แล้ว…เน้นอยู่นั่นล่ะ”

“ร้านเพชรแห่งความหลังของพี่โสภานะ”

“แล้วทำไม?”

“เอ้อ…เอ้อ…”

“เอ้อ…อ้าอยู่นั่นล่ะ”

“นงว่าพี่โสภาไม่น่าใจเย็นได้ขนาดนี้ คุณวิศว์เข้าใกล้บ้านนั้นไปเรื่อยๆ สักวัน…สักวัน…”

“อย่ามโนให้มันเกินไป”

นงโคลงศีรษะ

“นงไม่เชื่อว่าพี่จะไม่คิดมาก แต่พี่เป็นคนเก็บความรู้สึกเก่ง พี่ต้องรู้สึกแน่ๆ”

โสภาโคลงศีรษะบ้าง และเสทำเสียงหัวเราะแห้งๆ ในลำคอ

อยู่กันมานาน ทำไมนงจะไม่รู้ใจโสภา อยู่กันมานาน บางทีมองตาก็รู้ใจแล้ว

ใช่แน่ๆโสภายอมรับ หวั่นไหวที่เห็นภาพข่าว

วิศว์…เข้าใกล้ครอบครัวนั้นโดยบังเอิญโดยไม่ตั้งใจ

ทั้งที่ตนก็พยายามจะไม่ให้เข้าใกล้ ปกป้องมานานแล้ว หรือว่าจะไม่สำเร็จ มันเป็นแรงดึงดูดของกรรมใช่หรือไม่

โสภาต้องรักษาความเป็นโสภา หยิ่ง ตั้งมั่นและปกป้องต่อไปอย่างสงบนิ่ง

“แล้วจะให้พี่ตีโพยตีพายหรือนง อะไรยังไม่เกิดขึ้นก็ปล่อยเลยตามเลยไปก่อน”

“แต่ว่า…”

ยังพูดไม่จบประโยค ก็มีเสียงดังที่หน้าประตู

“มาแล้วครับ…มีใครอยู่บ้าง โจรจะขึ้นบ้านแล้วครับ”

“อุ๊ย…คุณวิศว์มาพอดี” นงร้อง

โสภาค้อนหลานชาย

“ปากนั่นล่ะ ปากเราปากเสียตลอด”

“ขอโทษครับป้า” แล้วโผเข้ากอดหญิงวัยกลางคน “คิดถึงป้าจังเลย ไม่ได้มาหาป้าตั้งนาน”

“รู้ตัวด้วย” ทำท่าเบี่ยงตัวหนี ทั้งที่รู้สึกพอใจกับการโอบกอดของเจ้าตัวโตคนนี้เสมอ

ความรักท่วมท้น อย่างบริสุทธิ์ใจ

“รักป้าจัง”

อยากพูดว่า ป้าก็รัก…รักมาก…แต่ทำเป็นปากแข็ง

“รักแต่ไม่มาหา”

“ผมรักป้าจริงๆ นะ”

“จะค้างไหม?”

“ไม่ครับ แค่เอาของมาให้ครับ” เขามักซื้ออาหารแห้งมาด้วย พวกปลาแดดเดียว กุ้งแห้ง กะปิอย่างดี

โสภาค้อน

“ของกินเยอะแยะ ไม่ต้องเอามาให้รกครัวหรอก”

“ป้าโสภาอยากให้หลานชายมาค้างด้วยมากกว่า อยากให้กลับบ้านมานอนมากกว่า บ้านเรามีแต่ผู้หญิงสองคน เหงาจะตาย” นงเป็นคนพูด

“ครับ ไว้วันหน้านะครับ”

เขาพูดไม่ออก…ช่วงนี้เป็นช่วงหวานชื่นกับครอบครัวที่เริ่มต้นกับปารีส

ช่วงข้าวใหม่ปลามัน เขากับปารีสมีความสุขกันมาก สมกับความตั้งใจเริ่มต้นที่ดี

ใจจริงอยากพาปารีสมาให้ป้าโสภารู้จัก คงต้องรอไปก่อนจนกว่าเธอจะยอมเปิดเผย

เขามองหนังสือพิมพ์บนโต๊ะ เห็นข่าวเกือบครึ่งหน้ากระดาษ จึงหัวเราะ

“อ่านข่าวร้านเพชรอนันต์หรือครับ?” แล้วชี้ภาพ “อ้าว มีภาพผมด้วย ผมไม่ทันสังเกต

สีหน้าโสภาแปรเปลี่ยนเล็กน้อย นงเป็นคนถามแทน

“อยู่ๆ ก็ไปออกงานคนอื่น แถมยังมีภาพลงหนังสือพิมพ์อีก งานมอบรางวัลร้านเขา ประกวดก็ไม่ได้ประกวด คุณวิศว์ไปทำไม”

“อ๋อ…เขาเชิญครับ ผมเคยรู้จักคุณนิกร เก็บเพชรคืนครั้งเดียว เขายกย่องผมมากมาย จนผมเขิน”

“ชอบใช่ไหม ชอบออกงานมากใช่ไหม?” ประโยคนี้ป้าโสภาถาม

วิศว์หัวเราะ

“โธ่…ป้าครับ ป้าก็รู้นิสัยผม ผมเป็นคนอย่างงั้นเหรอครับ ผมไม่ชอบออกงานสังคม ยิ่งลงหนังสือพิมพ์แบบนี้ ผมไม่ถนัด”

“ก็เคยเห็นแกให้สัมภาษณ์ลงนิตยสารการเงินเมื่อปีก่อน”

“อันนั้นเป็นงานครับ ถ้าเกี่ยวกับงานการที่ผมทำ ช่วยโฆษณาให้บริษัทผมกับบรมได้ ผมก็ยินดี”

“แล้วเป็นไงล่ะ สนิทกับพวกขายเพชร ขายทอง ไฮโซแล้วสินะ”

“อยู่ในสังคมนะครับ บางทีก็จำเป็น”

“แสดงว่าต้องสนิทกับทางร้านเพชรนั้นสิ”

“ผมว่าไม่ขนาดนั้นหรอกครับ เขาเชิญผมก็ไป และที่สำคัญคุณปารีสชนะการประกวดด้วย”  หลุดปากออกไป เผลอประจำ

“รู้จักกัน สนิทกันเรอะ สาวชนะที่หนึ่ง ปารีส?”

“ครับ” จำต้องตอบ

“แหม…รู้จักสาวสวยเสียด้วย”

“สวยหรือครับ”

“ดูรูปสิ รูปใหญ่เด่นเป็นพิเศษ”

“อย่าสนใจเลยครับ” หันไปทางนง “ผมติดขัดเรื่องไหมพรมผ้าพันคอหน่อย อยากถามน้านง”

น้านงโคลงศีรษะ

“นั่น…พี่โสภาอยู่ทั้งคน เก่งกว่าน้านงคนนี้อีก ถามรายนั้นเถอะ”

โสภาค้อน

“ถักให้สาว ไม่อยากสอนแล้ว”

“สาวคนนั้นอาจเป็นป้าก็ได้นะครับ”

“ไม่มีทาง ไม่มีถึงป้าหรอก ถ้าสนใจจะถักให้ป้า คงถักให้นานแล้วล่ะ ไม่รอจนป่านนี้”

“อย่าน้อยใจเลยครับ ผมรักป้าที่สุด” แล้วชายหนุ่มโผกอดป้าโสภา เป็นท่าไม้ตายที่ทำให้ป้าอมยิ้มและดีใจอยู่ในส่วนลึก

 

จิรนุชทำงานอย่างเงียบๆ จนรินทร์ก้าวเข้ามา และทำลายความเงียบด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ

“คุณนุชรู้หรือยังฮะ เรื่องคุณสิตเสนองานให้คุณปารีส ว่าแล้วผู้หญิงคนนี้ต้องไม่ธรรมดา”

จิรานุชเงยหน้ามองเลขาคนสนิท

“แล้วยังไง เธอไม่พอใจคุณปามาตั้งแต่แรก หัดเปิดใจบ้าง”

“ไม่พอใจสิฮะ เพราะพี่ทรัพย์ถูกปล้นชัยชนะ”

“ปล่อยวางบ้างเถอะ มันจบแล้ว ตัดสินแจกรางวัลไปแล้ว อย่ารื้อฟื้น”

“มันติดอยู่ในใจนี่ฮะ”

“แล้วยังไงล่ะ?”

“ถ้าเสนองานให้ที่หนึ่งได้ ที่สองก็ควรได้บ้าง”

“ไม่มีกติกาข้อตกลงนี้”

“แต่รินทร์จะต้องช่วยให้พี่ทรัพย์ได้งาน เพราะพี่ทรัพย์เองก็ตกงานมานานแล้ว”

“เธอจะใช้เส้นใคร?”

“สมัครงานตามระเบียบบริษัทฮะ พี่ทรัพย์อาจไม่ใช้เส้นแบบคุณปา แต่ถ้าต้องใช้เส้น รินทร์อยากขอร้องคุณนุชช่วย”

“เธอ…!”

“เดี๋ยวพี่ทรัพย์จะเข้ามากรอกใบสมัครงานไว้ก่อนฮะ”

“ตอนนี้ไม่ได้รับสมัครแผนกออกแบบ”

“งั้นทำไมคุณปามาทำงานได้ฮะ”

“ยังเลย สิตแค่เสนอให้คุณปาพิจารณา”

“ถ้าคุณปาทำได้ พี่ทรัพย์ก็ต้องได้ฮะ” รินทร์เป็นคนแข็งหัวดื้อ เมื่อไม่ชอบปารีส ก็ฝังใจเสมอ และคิดว่าพี่ทรัพย์ไม่ควรเสียเปรียบ หลังจากปักใจว่าญาติผู้พี่ถูกปล้นชัยชนะอย่างไม่เป็นธรรม

“อย่าเอาใครไปเปรียบเทียบกับใคร”

“รินทร์มั่นใจว่าคุณนุชจะช่วยรินทร์ เหมือนกับที่รินทร์ทำงานถวายชีวิตให้คุณนุชได้”

“ทุกอย่างต้องมีเหตุผล”

“รินทร์หวังเสมอว่าคุณนุชจะช่วยรินทร์ ช่วยพี่ทรัพย์” พูดเน้นย้ำ

“เธอออกไปก่อนเถอะ เรื่องพี่ทรัพย์ของเธอ ฉันจะขอคิดดูก่อน”

รินทร์จึงเข้าออกจากห้อง และพบว่าทรัพย์กำลังยืนจีบศิรินภาที่โต๊ะทำงานของหล่อน

“ว่างไหมครับ กินข้าวเย็นกันนะครับ” ทรัพย์ชวนผู้ช่วยของรินทร์

“ขอดูก่อนค่ะ” ศิรินภาตอบแบบยิ้มๆ

“ผมจะรอครับ ยังไงวันนี้จะรอครับ”

“แต่ว่า…”

“นะครับ…นะครับ”

รินทร์กอดอก โพล่งด้านหลัง

“ขายยขนมจีบพอหรือยังพี่ทรัพย์?”

ทรัพย์ไม่ได้กลัวญาติห่างๆ กลับพูดกับศิรินภา

“อย่าทำให้ผมผิดหวังนะครับ อีกหน่อยผมก็จะมาทำงานที่นี่แล้ว เราจะได้เรียนรู้กัน สนิทกันยิ่งขึ้น”

“พี่ทรัพย์!” รินทร์ใช้เสียงดุๆ

ศิรินภารีบไล่ฝ่ายชาย

“อย่าเพิ่งคุยเลย พี่รินทร์อารมณ์ไม่ดีแล้วค่ะ”

ทรัพย์จึงได้หันมาทางรินทร์

“ว่าไง…รินทร์”

“ไปคุยที่โต๊ะของรินทร์” บุ้ยปากให้ญาติห่างๆ เดินตามมาและเริ่มต้นตำหนิ “ให้มาสมัครงานนะคะ ไม่ใช่ให้มาจีบผู้ช่วยของรินทร์”

“ก็พี่ถูกใจคุณศิรินภานี่”

“นภาเป็นลูกน้องของรินทร์ ห้ามยุ่งเกี่ยว”

“พี่ถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น”

“จะมาสมัครงานหรือมาหาคู่?”

“ได้ทั้งสองอย่างเลย”

“อย่าทำให้รินทร์ปวดหัว รินทร์กำลังหางานให้พี่ทรัพย์นะ อยากให้มีงานมีการทำมั่นคง”

“พี่ก็กรอกใบสมัครเรียบร้อย ทางนั้นก็ให้รอ…เหมือนไม่อยากรับ”

“ยังไม่รับฝ่ายออกแบบ แต่รินทร์จะช่วยให้พี่ทรัพย์ เพราะถ้าคุณปารีสมาทำงานได้ พี่ทรัพย์ก็ต้องได้ ปล่อยให้เป็นหน้าที่รินทร์เอง”

“เออ…เออ…ดีที่แกไม่ลืมพี่ชายคนนี้ เคยดีกับแกตอนเด็กๆ รู้จักตอบแทนบุญคุณ”

 

วิศว์กลับถึงบ้าน เปิดประตูคอนโดเก่าเข้าไป เห็นว่าปารีสมีเพื่อนมาบ้าน เขาเข้ามาก็ไม่มีใครรู้

ทั้งหฤทัยและกุลวดีอยู่ที่ห้องนอน และประตูก็เปิดอยู่ เขาจึงได้ยินโดยไม่ได้ตั้งใจ

“อิจฉาคนแต่งงานมีผัวจัง กลางคืนหวานกันขนาดไหน นอนกอดกันทุกคืน อุ๊ย…หวาน…จูบเบาๆ…กอดแน่นๆ…แล้วไงต่อ” หฤทัยพูดอย่างล้อเลียน

กุลวดีตีแขนหฤทัย

“แกก็อีกแล้วนะ พูดแต่เรื่องนี้”

“ก็เห็นเตียงนอนแล้วอดคิดไม่ได้”

“ความคิดทะลึ่ง”

“อะไรกัน ก็คนแต่งงานกันแล้ว มีอะไรกันทะลึ่งเรอะ งั้นจะแต่งงานกันทำไม แต่งแล้วตอนนอนก็จ้องตากันเฉยๆ เดี๋ยวก็ท้องได้เองละนะ”

“พอ…พอ…” กุลวดีโบกมือ แล้วหันมาคุยกับปารีส ถามว่า

“เรื่องนั้นว่าอย่างไร?”

“เรื่อง?” ปารีสเลิกคิ้ว

“ก็เรื่องงานไงล่ะ ข้อเสนอของคุณสิต พูดกันทั้งบริษัทว่าคุณสิตสนใจแก จึงขอให้แกไปร่วมงานด้วย แล้วกับคุณวิศว์ เขาว่ายังไง?”

ปารีสโคลงศีรษะ

“ฉันยังไม่ได้บอกคุณวิศว์”

“อ้าว!””เพิ่งคุยเมื่อวานกับคุณสิต ไม่เห็นต้องรีบร้อน”

“เรื่องงาน แกยังว่าไม่รีบร้อนอีก แกก็กลับมานานแล้ว น่าจะเริ่มหางานทำได้ อย่าบอกว่ารวยนะ จึงยังไม่ยอมหางานทำ”

“รวยสิ” หฤทัยโพล่ง “ลำพังก็รวยอยู่แล้ว พ่อแม่มีเงิน ยังได้เงินก้อนมาจากคุณรัศมี และยังชนะการประกวดออกแบบ อะไรมันจะโชคดีขนาด เป็นปีทองของปารีสเชียวล่ะ”

 



Don`t copy text!