
จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 10 : หมอที่บกพร่องต่อหน้าที่
โดย : นาคเหรา
จากฮันกังถึงเจ้าพระยา นวนิยายรางวัลชนะเลิศจากโครงการช่องวันอ่านเอา โดย นาคเหรา เมื่อชะตากรรมพาให้ฮันแจกังมาสู่อยุธยา ดินแดนอันสงบร่มเย็นที่ปกครองโดยพระเจ้าแผ่นดินผู้ทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตา แต่ชีวิตไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ เมื่อบททดสอบใหม่เปิดฉากขึ้นทันทีที่พม่าบุกกรุง ชีวิตของเขาจะเป็นอย่างไร อ่านออนไลน์ได้ใน anowl.co
**************************

กองพิจารณาคดี
ฮันแฮซูและครอบครัวถูกตัดสินโทษตายในเวลาเที่ยงของวันรุ่งขึ้น แจคังนั่งเงียบในคุกหลวงที่สกปรกและอับชื้น เขาคิดไปว่าวันพรุ่งนี้อาจจะไม่มีชีวิตอยู่แล้วก็ได้ ในห้องขังของคุกหลวงมีนักโทษที่นั่งรอคอยชะตากรรมอย่างสิ้นหวัง หลายคนมีกลิ่นเหม็นสาบเหม็นสาง ทำให้เด็กหนุ่มผู้เคยแต่ได้กลิ่นเครื่องหอมและกลิ่นยาเบือนหน้าหนีทันทีที่ถูกนำตัวมาขังที่นี่ เมื่อสูดหายใจหนักๆ เข้าก็แทบจะอาเจียนออกมา ครั้นอยู่นานไปสักหนึ่งชั่วยามจมูกของแจคังก็คุ้นชินจนไม่รู้สึกมวนท้อง
ฮันแฮซูนั่งคิดถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นตลอดเวลา เขาไม่เคยบกพร่องต่อหน้าที่ ได้ถวายการรักษาอดีตพระราชาอย่างสุดความสามารถจนแทบจะไม่ได้นอน นึกย้อนไปเมื่อกลางวันตอนที่สอบสวนความผิด บันทึกการใช้ยาจากสำนักหมอหลวงบอกว่าเขาใช้ยาที่ผิดกับพระโรคของอดีตพระราชา
“ข้าไม่ได้ปรุงยาผิดแปลกไปกว่าเดิม ในตอนแรกเพราะพระวรกายอ่อนแอทำให้พระองค์ไม่อาจจะเสวยพระโอสถได้ จวบจนวันที่พระอนุชารัชทายาท ไม่ใช่สิ…พระราชาองค์ปัจจุบันทรงมีพระกระแสรับสั่งให้ซูรากันซังกุง (1) ปรุงพระกระยาหารที่อดีตพระราชาโปรดเสวยในตอนนั้นเข้าไป แต่ข้าไม่ได้อยู่เวร เมื่อรู้ว่าอดีตพระราชาเสวยลูกพลับแห้งกับปูดองซีอิ๊วแล้วมีพระอาการดีขึ้นจึงจัดยาต้มไปถวาย แต่พระราชากลับมีอาการปวดมวนท้องและทรงพระบังคนหนักทั้งกลางวันกลางคืน” ฮันแฮซูเอ่ยไม่ทันจบดี ใต้เท้าจอนผู้พิจารณาคดีกลับชี้หน้าอดีตหมอหลวงพร้อมแผดเสียงดังลั่นกองพิจารณาคดี
“บังอาจนัก นี่เจ้ากำลังกล่าวโทษผู้ใดในเมื่อการปรุงยาก็เป็นหน้าที่เจ้า ฝังเข็มก็เป็นหน้าที่ของเจ้า รึเจ้าจะกล่าวโทษฝ่าบาท”
คำพูดนั้นยิ่งทำให้หมอชราสิ้นหวัง แม้จะรู้ดีว่าตัวเองไม่เคยบกพร่องต่อหน้าที่ แต่การพูดความจริงออกไปโดยพาดพิงพระราชาองค์ปัจจุบันไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ แต่อย่างไรเสียเขาก็ต้องพูดอะไรออกไปบ้าง
“ข้ามิบังอาจกล่าวโทษฝ่าบาทได้หรอกใต้เท้า ฝ่าบาทไม่รู้วิชาแพทย์ลึกซึ้งเท่าหมอหลวงเวรที่ทำหน้าที่ หากข้าอยู่ในช่วงเวลาดังกล่าวพระกระยาหารต้องห้ามนั้นอดีตพระราชาจะไม่มีวันได้เสวยอย่างแน่นอน”
เสียงนั้นกังวานก้อง ดวงตาของฮันแฮซูที่มองไปยังโจอินวอน ดูสงบนิ่ง ไม่ทันที่จะกล่าวคำใดเพิ่ม ใต้เท้าจอนก็ถือบันทึกของกรมหมอหลวงออกมาอ่าน มีกระดาษแผ่นหนึ่งหลุดออกมาด้วย ในนั้นเขียนว่าฮันแฮซูเบิกจ่ายฟู่จื่อ (2) มาเกินปริมาณที่กำหนด ฮันแฮซูยิ้มออกมาอย่างขมขื่นเขาเงยหน้าตอบออกไปทันทีโดยไม่ต้องคิด
“ข้าปรุงยานั้นออกมาและชิมเองด้วยซ้ำแล้วเหตุใดข้าถึงยังยืนอยู่ตรงนี้ได้เล่า พระโอสถที่ปรุงถวายไม่มีส่วนใดเป็นพิษแม้แต่น้อย สาเหตุที่พระราชาสวรรคตเกิดจากการติดเชื้อจากพระกระยาหารที่เสวยก่อนรับยาต่างหาก”
“บังอาจ..กล่าวโทษพระราชาเท่ากับกล่าวโทษท้องฟ้า เจ้ากล้าได้เช่นใด ฮันแฮซู”
“ข้ายืนยันคำเดิม ข้าไม่ได้กล่าวโทษใครแต่พูดไปตามหลักความเป็นจริง ข้าจะไม่ถามคำถามนี้กับท่านหรอกนะใต้เท้าจอน แต่ข้าจะถามหมอหลวงผู้อยู่เวรวันนั้นแทน รึท่านว่ายังไงล่ะ ใต้เท้าโจอินวอน”
โจอินวอนไม่ได้พูดอะไรออกไป เพียงหันไปยังดงกอนหมอหนุ่มซึ่งกล่าวกับใต้เท้าผู้พิจารณาคดีว่า
“ข้าเป็นผู้ตรวจบันทึกการรักษาอย่างละเอียด พบว่าฮันแฮซูใส่ฟู่จื่อที่เป็นพิษลงไปมากกว่าปริมาณที่กำหนด เป็นไปไม่ได้ที่อาหารจะเป็นพิษ แต่เป็นการปรุงยาพิษเพื่อปลงพระชนม์ต่างหาก”
เป็นครั้งแรกที่หมอชรามองเห็นใบหน้าของหมอหลวงผู้บอกว่าตัวเองคือผู้ตรวจสอบบันทึกนั้น เขาสบตากับดวงตาเย็นชานั้นแค่ชั่วเวลาเดียวก็จำได้ ไม่น่าเชื่อว่าคิมดงกอนจะก้าวหน้าถึงเพียงนี้ โจอินวอนเดินเข้ามาใกล้ๆ เขาพลางเอ่ย
“ข้าจำเป็นต้องพูดอะไรอีกไหม ท่านหมอฮัน”
ฮันแฮซูพูดไม่ออก โจอินวอนมองหน้าเขาราวกับซ่อนอะไรบางอย่างไว้ ก่อนที่เหล่าเจ้าหน้าที่จะทำการลงทัณฑ์ให้รับสารภาพ เจ้ากรมอาญาก็อ่านพระบรมราชวินิจฉัยของพระราชาทันที
“ฮันแฮซู อดีตหมอหลวงประจำรัชกาลของพระราชาคยองจงแทวัง บกพร่องต่อหน้าที่ ปรุงพระโอสถที่เป็นพิษ โดยไม่คำนึงถึงพระวรกายที่อ่อนแอของอดีตพระราชาผู้ล่วงลับแม้แต่น้อย แต่เพราะมีความดีที่เคยทำหน้าที่มาถึงสองรัชกาล อีกทั้งเคยถวายการรักษาองค์ชายรัชทายาทซึงฮอน (3) โปรดให้ลงโทษสถานเบา มิต้องใช้ห้าม้าแยกร่าง แต่ให้พระราชทานยาพิษทุกคนในตระกูลที่เป็นชายเจ็ดชั่วโคตรให้ตายตกไปตามกัน ” ใต้เท้าจอนประกาศด้วยเสียงที่ดงก้อง
“และยาพิษนั้นเจ้าต้องเป็นคนปรุงด้วยตัวเอง”
โจอินวอนพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นชา
สิ้นคำตัดสินฮันแฮซูไม่อาจทำใจยอมรับได้ ตลอดชีวิตของการเป็นหมอเขาไม่เคยบกพร่องต่อหน้าที่ด้วยเห็นว่าชีวิตของคนป่วยสำคัญและมีค่าที่สุด แต่จะทำอย่างไรได้เล่าในเมื่อพระราชาทรงตัดสินให้เขามีความผิดเช่นนี้แล้ว เมื่อหาหลักฐานมาโต้แย้งไม่ได้เขาก็ต้องทำตาม แม้มันจะไม่ยุติธรรม ชายชราก้มลงร้องไห้กับฝ่ามือของตัวเอง เป็นการร้องไห้ที่แม้จะไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมา แต่หัวใจทุกส่วนก็สั่นไหวด้วยความปวดร้าว
“เจ็บปวดอย่างที่ไม่เคยเจ็บปวด สิ้นหวังอย่างไม่เคยสิ้นหวัง เขาไม่เคยรู้สึกพ่ายแพ้ต่อโชคชะตาได้มากขนาดนี้มาก่อน”
ลมเย็นๆ พัดผ่านเข้ามาในหน้าต่างคุก เขาได้แต่จ้องมองท้องฟ้าที่ไร้แสงจันทร์อย่างหดหู่และสิ้นหวังพลางคิดว่า อย่างไรเสียเช้ามืดของวันพรุ่งนี้เขาต้องปรุงยาพิษเพื่อฆ่าทุกคนในบ้าน ทั้งลูกชายและหลานชายทั้งสอง
เมื่อเหลือบไปเห็นแจคังนอนขดตัวในท่าที่ไม่สบายนักบนพื้นคุกที่แสนเย็นเยียบ น้ำตาของเขาก็ไหลลงมาอีกรอบ เด็กคนนี้กำลังจะมีอนาคตสดใส ได้เป็นขุนนางแพทย์ที่อายุน้อยที่สุดในโชซอน เหตุใดต้องมารับโทษทัณฑ์เช่นนี้กันเล่า
“แจคัง หลานยังไม่นอนรึ”
ผู้เป็นปู่ถามเมื่อเห็นร่างของหลานขยับเขยื้อนในเงามืด เด็กหนุ่มลุกขึ้นมานั่งแล้วจึงหันมาหาปู่
“หลานนอนไม่หลับขอรับ พอคิดว่าจะต้องตาย สู้หลับตาเสียตอนนั้นยังดีกว่า”
“แล้วหลานกลัวความตายไหม”
คำถามนั้นทำให้แจคังหันมามองปู่ เขาจับมือที่สั่นเทาไว้ ได้แต่คิดในใจว่าท่านคงปวดร้าวมากที่โดนกล่าวหาเช่นนี้
“หลานไม่กลัวความตาย อย่างน้อยปรโลกคงไม่เหงานักเพราะมีท่านพ่อ ท่านปู่ และพี่แจยุนเดินร่วมทางไปด้วย”
“แต่ปู่ยังไม่อยากให้เจ้าตาย เสียดายฝีมือเจ้านัก หากเจ้ายังอยู่คนอีกร้อยพันต้องรอดชีวิต แต่เพราะปู่…”
ฮันแฮซูมิอาจจะพูดอะไรต่อไปได้ ยิ่งสบตากับหลานชายคนเล็กก็สงสารจับใจ แต่จะให้ทำเช่นไรเล่าในเมื่อเวลาของลมหายใจมิอาจยาวนานไปกว่าตอนเที่ยงของวันพรุ่งนี้ แจคังบีบมือของปู่แน่น ดวงตาคมจ้องมองตาของผู้สูงวัยกว่าในเงามืด
“หลานเชื่อว่าท่านปู่ไม่ได้ทำผิด ท่านถูกหมอหลวงพวกนั้นใส่ร้าย แม้แต่พระราชาเองก็ไม่ทรงฟังคำอธิบายของท่านปู่ นี่คือค่าตอบแทนความภักดีที่ท่านปู่ควรได้รับรึ ไม่สมควรเลย”
แจคังพูดอย่างโกรธแค้น ฮันแฮซูยิ้มให้หลานอย่างสิ้นหวัง มือข้างหนึ่งล้วงเอาป้ายหยกทรงกลมหักครึ่งส่งให้หลานชายเพื่อเปลี่ยนเรื่องคุย
แจคังเห็นปู่ใช้เชือกร้อยหยกเป็นสร้อยคอ เด็กหนุ่มแปลกใจยิ่งนักเพราะตลอดเวลาเขาไม่เคยเห็นปู่สวมเครื่องประดับชนิดใดเลย เมื่อได้มาเห็นป้ายหยกมังกรที่หักไปครึ่งหนึ่งแล้วก็ยิ่งประหลาดใจ
“ป้ายหยกชิ้นนี้อดีตพระราชาคยองจงทรงมอบให้ปู่ตั้งแต่ทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงโชคร้ายต้องเจ็บปวดทั้งพระวรกายและพระหทัย ปู่เป็นหมอที่ถวายการรักษาอย่างใกล้ชิด รับรู้ทุกข์สุขของพระองค์มาตลอด ป้ายหยกนี้พระองค์พระราชทานให้ปู่ตอนที่ทรงมีพระสติครบถ้วน วันนี้ปู่จะมอบให้หลานต่อ”
“มันจะมีประโยชน์อะไรเล่าขอรับ เพราะไม่กี่ชั่วยามต่อจากนี้ทั้งข้าและท่านก็ต้องตายไปด้วยกัน ข้าเชื่อว่าท่านปู่ไม่ได้ทำและไม่มีวันจะทำด้วย”
แจคังเอ่ย แม้ตัวเขาจะบอกว่าไม่กลัวความตายแต่ก็อดหวั่นไม่ได้ว่าถ้าตายไปแล้วจะสามารถกุมมือท่านปู่ ท่านพ่อ และพี่แจยุนได้ไหม ผู้เป็นปู่ดึงร่างหลานรักมากอดพลางทอดสายตาไปยังบุตรชายและหลานชายคนโต
“ปู่เองก็ไม่ได้กลัวตายหรอกหลานรัก แต่ปู่เสียดายความสามารถของเจ้า เจ้าเป็นหมอที่เก่งและสามารถไปได้ไกลกว่านี้ เจ้าอายุยังน้อยสามารถช่วยคนได้อีกมาก ส่วนปู่น่ะแก่แล้วจะตายแบบไหนก็ย่อมได้ แม้จะตายด้วยฝีมือการปรุงยาพิษของตัวเองปู่ก็ไม่เสียดาย”
“แต่ก็ไม่ใช่ต้องตายไปทั้งๆ ที่โดนใส่ร้ายอย่างนี้ ข้าสาบานขอรับท่านปู่ต่อให้ข้าตายเป็นผี ข้าจะตามล้างแค้นทุกคนไม่เว้นแม้แต่พระราชาที่ไม่ยอมฟังเสียงกรีดร้องจากหัวใจของท่านเลย”
แจคังพูดด้วยความเคียดแค้นมือทั้งสองกำแน่น ฮันแฮซูดึงมือหลานชายมากุมไว้พลางเอ่ย
“แต่ปู่อยากให้เจ้าอภัยทุกคนมากกว่า แล้วแจยุนล่ะเจ้ากลัวความตายไหม”
ผู้เป็นปู่หันมาทางหลานชายคนโต ฮันแจยุนสบตากับบิดาที่นั่งอยู่ข้างๆ พลางเอ่ย
“ยอมรับว่าหลานกลัวขอรับ หลานอยากจะขอให้ท่านปู่ปรุงยาให้หลานทรมานน้อยที่สุด หลานจะไม่กล่าวโทษท่านปู่ แม้หลานจะโชคร้ายและต้องตายไปก็ตาม เพราะหลานเชื่อว่าท่านปู่คือผู้บริสุทธิ์”
แจยุนยิ้มบางๆ เขาสบตากับบิดาที่ยิ้มตอบเช่นกัน รอยยิ้มในยามสิ้นหวังนั้นเผยออกมาเพื่อปลอบประโลมพวกเขาทุกคน ในใจของแจคังเคียดแค้นคนที่ใส่ร้ายครอบครัวของเขายิ่งนัก แม้ท่านปู่จะขอร้องให้เขาอภัย แต่เขาคงทำไม่ได้และคิดจะนำความโกรธเกลียดชิงชังนี้ติดตัวไปยังปรโลกด้วย
เสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งเดินย่ำเข้ามาใกล้ แจคังหันไปมองที่หน้าประตูคุกก็เห็นทหารยามคนหนึ่งทำท่าลับๆ ล่อๆ
“ท่านหมอใหญ่…ใช่..นายท่านที่คังชินวอนหรือไม่ขอรับ”
เชิงอรรถ :
(1) นางในห้องเครื่องเสวย
(2) ฟู่จื่อ โหราเดือยไก่เป็นสมุนไพรปรุงยาแต่ถ้าใช้มาก จะเป็นพิษต่อร่างกาย
(3) รัชทายาทซึงฮอนหรือรัชทายาทซาโด
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 24 : นี่คือคำสัญญา
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 23 : บุตรชายที่ท้องฟ้าประทานให้
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 22 : ชีวิตใหม่
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 21 : ค่ำคืนวันนั้น...ที่โรงยาตระกูลหวง
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 20 : สายนทีจากแดนอื่น
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 19 : การรักษาที่แตกต่าง
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 18 : ใส่ร้าย
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 17 : บุตรสาวหลวงรัตนากร
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 16 : แสงสว่างกลางความมืด
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 15 : แผนการร้าย
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 14 : แผ่นดินซอมรากุก
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 13 : คนเดียวที่รอดชีวิต
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 12 : การปรุงยาครั้งสุดท้าย
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 11 : ความช่วยเหลือของอูแท
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 10 : หมอที่บกพร่องต่อหน้าที่
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 9 : โทษทัณฑ์ทั้งตระกูล
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 8 : เกศาขาวโพลนเพราะความโศกเศร้า
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 7 : ความลับในสำนักหมอหลวง
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 6 : หมออีกคนของตระกูลฮัน
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 5 : พึ่งไม่ได้ทำลายเสียดีกว่า
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 4 : ความมุ่งหวังของคิมดงกอน
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 3 : หมอต้องมีใจเมตตาธรรม
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 2 : ฮันแจคัง
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทที่ 1 : เรือนหมอใกล้แม่น้ำฮัน
- READ จากฮันกังถึงเจ้าพระยา บทนำ : ฤๅนี่คือโชคชะตาของข้า