ซ่อนรัก บทที่ 41 : ยิ่งเจอยิ่งสงสัย

ซ่อนรัก บทที่ 41 : ยิ่งเจอยิ่งสงสัย

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

วิศว์อยู่ในสายตาจิรานุชเสมอ

ไม่ว่าจะเดินไปทางไหน จะมีจิรานุชคอยจ้องมอง จนคนข้างๆ ยังสังเกตเห็น รินทร์พูดกับเจ้านาย

“คุณนุชสนใจคุณวิศว์อีกแล้ว มองอะไรฮะ มองอยู่นั่นล่ะ”

เจ้านายมองลูกน้องด้วยสายตาดุๆ

“ฉันจะสนใจใครบ้างไม่ได้เรอะ?”

“คุณวิศว์หนุ่มและรูปหล่อมาก”

“แล้วไงล่ะ ลูกค้าของบริษัทก็หนุ่มและรูปหล่อเยอะจะตาย”

“แต่คุณวิศว์คนนี้ เวลาคุณนุชเจอจะจ้องมองแปลกๆ”

จิรานุชโบกมือ

“พอเถอะ…ไม่ต้องมาสังเกตฉัน เธอทำหน้าที่ของเธอไปก็แล้วกัน ฉันรู้ขอบเขตในตัวเอง ฉันไม่ใช่คนบ้าผู้ชาย ไม่งั้นคงไม่อยู่เป็นโสดจนอายุปูนนี้หรอก”

รินทร์ยิ้มกว้าง

“รินทร์จะอยู่เป็นเพื่อนคุณนุช และรับใช้คุณนุชตลอดชีวิตเลยฮะ เพราะฉะนั้นคุณนุชไม่ต้องแคร์ผู้ชายคนไหน”

จิรานุชแค่นหัวเราะ

แม่เลขาสาวหล่อของตนเข้าใจว่าตนหลงผู้ชายรูปหล่อเสียแล้ว

อีกด้านบรมก็พูดกับวิศว์ว่า

“แกนี่คงเสน่ห์แรงนะโว้ย กันได้นามบัตรหลายใบในงานแล้วอยากให้แกไปร่วมงานด้วย”

“ผลงาน…ไม่ใช่เสน่ห์แรง”

“แกมันมีฝีมือและพรสวรรค์จริงๆ”

“แกก็รู้เมื่อทุ่มเทกับงานแล้ว ก็อยากหยุดพักบ้าง”

“ช่วงนี้ช่วงกอบโกยโว้ย เอาลูกค้าไว้ก่อน และดูสิวะ กันเห็นคุณจิรานุชจ้องแกเขม็งเลยนะ แกมันมีอะไรดีวะ คนอย่างคุณนุชยังดูสนใจแก”

“แขกในงานมีแค่นี้ล่ะ มองไปมองมาก็มองกันและกัน อย่างแกก็จ้องคุณจิรานุชเหมือนกัน ไม่งั้นจะรู้เรอะว่า เธอมองเรา”

“ไม่ใช่เรา แกคนเดียว”

“แล้วแกมองคุณจิรานุช แสดงว่าแกสนใจเรอะ?”

“ไม่ใช่ ไม่เหมือนกันหรอก กันว่าต้องมีอะไรแน่”

“คิดมากปวดหัวว่ะ”

“ถ้าเป็นแก ก็คงปวดหัวนะ คุณปาของแกสนิทกับคุณสิตขนาดนั้น…หึงไหมวะ?”

“อย่าเพิ่งถามตอนนี้”

“โทษ…โทษ…ขอโทษ ฟามลับนี่หว่า”

เเล้วก็มีเสียงหาฤทัยทักทายบรม

“คุณบรม เจอกันอีกแล้วนะคะ”

เพราะหฤทัยเดินมา วิศว์อมยิ้ม และเปิดโอกาสให้เพื่อนได้พูดคุยกับสาวสวย

ชายหนุ่มผละไปหาเครื่องดื่ม ก็บังเอิญจิรานุชกำลังหาเครื่องดื่มในมุมเดียวกัน

“ไม่เบียร์หรือคะ?” จิรานุชเริ่มต้นการสนทนา

“ผมดื่มแค่โซดาดีกว่าครับ”

“เด็กดี” ทอดน้ำเสียงราวกับผู้ใหญ่ที่เมตตาเด็ก

“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ ตอนนี้ผมยังไม่อยากดื่ม” เขาทำท่าจะผละไป จิรานุชจึงต้องพยายามหาหัวข้อสนทนาและคุยต่อด้วยความสนใจ

“เอ้อ…งานนี้คงได้ลูกค้าเพิ่มขึ้นเยอะ งานออกมาดี เท่ากับโฆษณาตัวเองโดยไม่ต้องลงแรงอะไร”

“ขอบคุณที่ชื่นชอบครับ”

“ชอบสิ ชอบจริงๆ ออกแบบเองทั้งหมดเรอะ?”

“อยู่ที่ลูกค้าส่วนหนึ่งด้วยครับ ต้องคุยกันก่อนต้องการแบบไหน ผมช่วยเสนอแนะ ลูกค้าเห็นแบบก่อนจะสร้าง ปรับกันนิดนึงก็จบครับ”

“เอ้อ…ที่บริษัทก็จะปรับปรุงบางส่วน เช่นห้องประชุม สนใจรับงานพชรอนันต์ไหมคะ?”

ปัจจุบันทันด่วนที่จิรานุชคิดขึ้นทันที ยังไม่มีการตกลงจะปรับปรุงห้องประชุมเลย แต่เป็นเหตุผลที่จิรานุชอยากอยู่ใกล้ชิดนายวิศว์…

คนนี้…ที่ตนต้องรู้เบื้องหลังให้ได้

“เรื่องรับงานไม่ใช่หน้าที่ของผมครับบ บรมเป็นคนจัดการครับ ผมแค่ทำตามที่เพื่อนสั่งครับ”

“อ๋อ…งั้นฉันติดต่อคุณบรมโดยตรงแน่ะสิ”

“ติดต่อไปทางบริษัทได้ครับ”

“ขอนามบัตร”

“ครับ” หยิบนามบัตรส่งให้

“ถ้ายังไง เพชรอนันต์ต้องใช้บริการของคุณแน่ๆ”

“ขอบคุณครับ”

จะพูดต่อ รัศมีก็เดินมาขัดจังหวะ โพล่งว่า

“แหม…แหม…คุณนุช เล่นมาจีบอินทีเรียดีไซเนอร์ของฉันเลยนะคะ”

จิรานุชอมยิ้ม

“ก็คุณวิศว์แสดงฝีมือได้ถูกใจฉันนี่ค่ะ”

“ถูกใจฉันมาก…มาก…ถ้าเปิดร้านใหม่อีก ขยายกิจการอีก ไม่พลาดต้องจ้างบริษัทคุณมาทำต่อ”

จิรานุชกำลังนึกเสียดาย อยากคุยกับวิศว์ต่อสองต่อสอง ก็ถูกขัดจังหวะจนได้

ใช่…คนอย่างจิรานุช ไม่จบง่ายๆ แบบนี้หรอก กับ…วิศว์ต้องสืบให้จนถึงที่สุด

 

วิศว์และบรมกลับถึงบริษัทเกือบเย็น บรมพูดกับเพื่อนว่า

“ให้แก้พักสองวัน จะกลับบ้านทำอะไร จะนอนหรือกินเที่ยว…ก็สองวัน”

วิศว์เลิกคิ้ว

“อะไรวะ ว่าจะพักสักสองอาทิตย์”

“อย่าบอกว่าจะไปต่างประเทศนะ”

“เปล่า…อยากอยู่กับเมีย”

“ไม่ต้องโชว์หวานว่ะ กันรับงานมาอีกเพียบ ต้องให้แกช่วย”

“อินทีเรียร์ในบริษัทก็มีคนอื่น ไม่ไช่มีกันคนเดียว

“ลูกค้าระบุโว้ย”

“แต่แกก็รู้นิสัยกัน”

บรมหัวเราะ

“รู้สิวะ…รู้ว่าแกมันทำงานแบบไม่สนใจเงิน อารมณ์ศิลปิน อยากทำก็ทำ ไม่อยากก็ไม่ทำ”

“ไม่ถึงขนาดนั้น รับงานต้องทุ่มเท ต้องทำให้ดีที่สุด มันเหนื่อยว่ะ ขอพักบ้าง”

“แต่มีบางงานที่แกยังพักไม่ได้…ต้องช่วยโว้ย”

“งานอะไร?”

“คุณเทวีจะปรับปรุงห้องพักในโรงแรมบางห้องเป็นห้องพิเศษ…”

ยังพูดไม่จบเลย วิศว์โบกมือ

“ไม่งงงไม่…กันไม่อยากทำ”

“เธอระบุแกเลย”

“กันไม่รับงานนี้”

“เหตุผล?”

“กันไม่อยากให้คุณปาไม่สบายใจ กลัวผู้หญิงจะคิดมาก”

บรมโวยวาย พูดเสียงดังแต่ติดตลก

“กลัวเมีย…กลัวเมียตั้งแต่ยังไม่เปิดเผยความสัมพันธ์กับสังคมคนนอกเลย แกมันกลัวเมียขนานหนัก แต่กันขอเลย ต้องขอ เพราะคุณเทวีจ่ายไม่อั้น เท่าไหร่ก็เท่ากัน”

“ไม่…ไม่…ไม่อยากทำ”

“คุณเทวีคงรู้ล่วงหน้าว่าแกต้องปฏิเสธ แกกลัวถ่านไฟเก่าหรือวะเพื่อน…คุณทวีเลยบอกว่า แค่ให้แก่ช่วยออกแบบ แล้วส่งใครไปก็ได้ แกไม่ต้องไปทุกวันหรอก นานๆ ไปตรวจงานที หวังว่าแกจะไม่กลัวจนไม่เจอหน้าอดีตแฟนล่ะนะ”

“ทำไมต้องเป็นกันด้วย” เสียงเบาลง จนบรมรู้ว่าเพื่อนใจอ่อนแล้ว

“แฟนเก่าก็เป็นเพื่อนกันได้ แกกลัวเมียขนาดนี้ วันหลังไม่ต้องคุยกับสาวไหนเลย”

“กันแค่เกรงใจ ผู้หญิงเป็นเพศคิดมากกว่าผู้ชาย”

“แกเคยพูดเองว่า นี่มันยุคไหน แต่งงานต้องเชื่อใจกันและกัน ทุกคนมีสังคมและเพื่อนฝูง มีเวลาเป็นตัวของตัวเอง ขืนระแวงโน้นระแวงนี่ ชีวิตคู่จะมีความสุขหรือวะ”

วิศว์หัวเราะ

“แกพูดยังกับแกเป็นผู้เชี่ยวชาญชีวิตคู่ แฟนยังหาไม่ได้เลย เพราะแกบ้างานเกินไป เก่งแต่พูด”

“จะหาเมื่อไหร่…สิบคนพร้อมกันยังได้เลย”

“ลองสักคนก่อนเถอะ”

“คุณทัยเป็นยังไง?”

วิศว์หัวเราะเหมือนเดิม

“สนใจเพื่อนรักของคุณปาแล้วสิ”

“คุณทัยเป็นผู้หญิงร่าเริง พูดเก่ง เปิดเผยมาก คุยแล้วเหมือนรู้จักกันมานาน”

“คุณปาเป็นคนดี เพื่อนที่เธอคบมานาน อยู่ด้วยกัน นิสัยก็คงไม่แตกต่างกันมาก เนื้อแท้ขอให้จริงใจดีที่สุดแล้วกัน”

“กันกับคุณทัยเพิ่งจะเริ่มต้น ไม่เหมือนแกกับคุณปานี่หว่า เจอกันไม่กี่วันก็แลกแหวนแต่งงานกันแล้ว ไวยิ่งกว่าจรวด”

“ตอนนั้นกันมีความรู้สึกกับคุณปาอย่างจริงจัง อยู่ๆ ก็มั่นใจมาก”

“พูดเรื่องงานก่อนนะ ให้แกออกแบบห้องพักพิเศษให้คุณเทวีนะ ไม่ต้องไปทุกวัน นานๆไปที…สรุปแกทำ!” บรมเปลี่ยนเรื่องกะทันหันและสรุปทันที ก่อนจะถูกเพื่อนปฏิเสธ

 

รถของจิรานุชขับตามรถของวิศว์

แน่นอนว่าสังหรณ์ของจิรานุชแรงเสมอและแม่นเสมอ

วิศว์กำลังกลับบ้านป้าโสภา เกือบอาทิตย์แล้วที่ไม่ได้กลับและต้องซื้อของไปฝากป้าทุกครั้ง

เป็นบ้านกว้าง…กึ่งสวนที่อยู่สบาย กว้างขวาง

รถของวิศว์จอดเมื่อผ่านรั้วเตี้ยๆ

จิรานุชจอดหลบ และลงจากรถ พึมพำในใจ

“บ้านน่าอยู่มาก”

เดินอย่างเงียบๆ ไปที่รั้ว รั้วเตี้ยบางมุมของบ้านจึงมองเห็นสวนดอกไม้ชัดเจน

“ผมกลับมาแล้วครับ…ป้า?” เสียงวิศว์ดังลั่นทุกครั้งที่กลับบ้าน และเดินเข้าไป  ไม่ทันสังเกตว่า ป้าที่ตนเรียกหาอยู่ในสวน

ป้าโสภาโคลงศีรษะ

ดู…ดู…มัน กลับมาถึงก็รีบร้อนเข้าไปเลย ไม่มองสวนเลย

ตนกำลังรดน้ำต้นไม้ เห็นชายหนุ่มแล้วจึงเก็บสายยางให้เป็นที่เป็นทาง ไม่ทันสังเกตนอกรั้วบ้านนั้นตนถูกจับจ้องอย่างตื่นเต้น จิรานุชจ้องมองโสภาในระยะห่าง จริงๆ ก็ห่างเป็นสิบเมตรได้มั้ง จิรานุชตัวแข็งชั่วขณะ

โสภา!

เป็นโสภาจริงๆ แม้ไม่ได้พบกันยี่สิบปี สามสิบปีแล้วก็ยังจดจำได้แม่นยำ

ถึงตอนนั้นตนจะเป็นวัยรุ่นอยู่ แต่ความทรงจำแม่นยำเสมอ

โสภาอุ้มลูกออกจากบ้านเพชรอนันต์ ลูก…ทายาทชายคนหนึ่งของพี่อนันต์ คือ…วิศว์

วิศว์…แต่วิศว์เรียกโสภาว่า ‘ป้า’ ไม่ใช่ ‘แม่’

ป้าเรอ?”

แล้วลูกไปไหนล่ะ หรือทายาทพี่อนันต์คนนั้นไม่อยู่แล้ว วิศว์เป็นเด็กที่โสภาเก็บมาเลี้ยงแทน?

แต่วิศว์ก็คล้ายมากนะ คล้ายดุสิต นิกร รวมทั้งพี่อนันต์

วิศว์เป็นใครกันแน่?”

จนขับรถกลับมาถึงบริษัท จิรานุชยังครุ่นคิดตลอดเวลาอย่างสงสัยและกังวล

รินทร์มีท่าทางกระวนกระวาย พอเห็นเจ้านายก็รีบตามมาในห้องและละล่ำละลักถาม

“คุณนุชหายไปไหน ช่วงเช้ามีประชุม คุณนุชไม่เข้าประชุม และไม่สั่งอะไรไว้ด้วย โทรไปก็ไม่รับ”

“ฉันลืม”

“ลืมประชุมเนี่ยนะฮะ รินทร์ก็เตือนแล้วทั้งโทรศัพท์และไลน์เตือนซ้ำ”

“ลืม”

“คุณนุชไม่เคยลืมประชุมสักครั้ง”

“มีอะไรล่ะ ก็มันลืมจริงๆ”

“งั้นรินทร์ก็คงเป็นเลขาที่แย่มากๆ ไม่เตือนเจ้านาย”

“ไม่ใช่ความผิดของเธอ”

“คุณนุชฮะ มีอะไรสำคัญกว่างาน จนคุณนุชลืมเรื่องประชุม”

จิรานุชพยักหน้าช้าๆ

“มีสิ…มี…ต้องมี เรื่องของครอบครัวสำคัญกว่างานแน่นอนสำหรับฉัน มีเรื่องสำคัญจริงๆ ประชุมเรอะ เลื่อนได้ ประชุมตอนไหนที่สะดวกได้ แต่บางเรื่องมันนานเกินไปแล้ว รอไม่ได้แล้ว”

รินทร์ขมวดคิ้ว

“เรื่องอะไรฮะ?”

“ไม่รู้เหมือนกันนะ ฉันยังไม่รู้จะทำอย่างไร”

“คุณนุชฮะ คุณนุชเหมือนคนขาดสติเลย”

“ฉันเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง ชีวิตมีตรงบ้าง มีเป๋บ้าง มีรถเลี้ยวเคี้ยวคดบ้าง ไม่ได้ตรงเสมอไปหรอก ไม่ต้องสนใจฉันไปทำงานเถอะ”

 



Don`t copy text!