ซ่อนรัก บทที่ 36 : ปัญหาที่ไม่น่าเป็นปัญหา

ซ่อนรัก บทที่ 36 : ปัญหาที่ไม่น่าเป็นปัญหา

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

พอกุลวดีออกมาจากห้องนอนของปารีส ก็เห็นวิศว์นั่งอยู่ที่ห้องรับแขก จึงพูดเสียงดัง

“อ้าว…คุณวิศว์กลับมาแล้ว ไม่ได้ยินเสียงเปิดประตูเลยค่ะ”

หฤทัยตามออกมาติดๆ กล่าวว่า

“แหม…พวกเราก็มัวแต่คุยกันในห้องนอนของคุณ”

“ตามสบายเลยครับ”

“เรากำลังจะกลับแล้วค่ะ มาคุยกับยัยปาตั้งนานแล้ว”

“กินข้าวเย็นด้วยกันไหมครับ ผมซื้อกับข้าวมีหลายอย่าง เป็ดย่าง หมูกรอบ”

“ไม่ล่ะค่ะ” กุลวดีเป็นคนปฏิเสธ “ที่ห้องเราก็เตรียมอาหารไว้แล้ว”

อีกครั้งที่กุลวดีฉุดแขนหฤทัยออกจากห้อง เพื่อกลับห้องของตัวเอง โดยหฤทัยพูดกับปารีสว่า

“พรุ่งนี้แวะมาใหม่”

มาพบกันแทบทุกวัน ห้องพักในคอนโดก็อยู่ชั้นเดียวกัน ด้วยความเคยชิน ต้องมาหากัน พูดคุยกันช่วงเวลาสั้นๆ ก็ยังดี

เมื่อคุณวดีกับหฤทัยออกจากห้องแล้ว วิศว์จึงพูดว่า

“พวกคุณสามคนยังเหมือนอยู่ด้วยกันเลย”

“อิจฉาหรือคะ?”

“ผมกลับดีใจที่คุณยังใช้ชีวิตเหมือนเดิมอย่างมีความสุข”

“ค่ะ วดีกับทัยเป็นเพื่อนที่ยอดเยี่ยมมากค่ะ พวกเรามีกันและกันเสมอ”

“ผมเทียบกับเพื่อนคุณได้ไหมครับ”

ปารีสเข้าใกล้วิศว์และกอดเขาแบบหลวมๆ เอียงหน้าพูดว่า

“คุณเป็นอีกขั้น พิเศษนะคะ”

วิศว์กอดตอบแต่แบบแนบแน่น

“พิเศษ แต่ผมมักรู้อะไรทีหลังเพื่อน”

ปารีสผละออกจากอ้อมแขน ถามงงๆ

“คุณพูดอะไรนะคะ?”

“คุณมีอะไรจะบอกผมไหม”

“บอกอะไรคะ?”

“นั่นสิ…มีอะไรจะบอกผม รู้ทีหลังก็ไม่เป็นไร”

“คุณ?”

“อย่าทำน่าสงสัยสิครับ ผมเป็นผู้ชาย ผมพอเข้าใจคุณ”

“คุณรู้อะไรมา”

“เพิ่งรู้ พวกคุณคุยกันในห้องนอน”

“คุณแอบฟัง?”

“ประตูห้องนอนไม่ได้ปิด และพวกคุณก็คุยกันเสียงดังประสาสาวๆ”

หญิงสาวเม้มริมฝีปาก

“คุณโกรธใช่ไหมล่ะ”

ชายหนุ่มยักไหล่

“จะว่าโกรธเรอะ ผมว่าผมน้อยใจมากกว่า”

“เอ้อ…รู้สึกไหมคะว่าเรามักจะมีปัญหากันเสมอ บางทีก็เป็นแค่เรื่องเล็กๆ”

ปัญหาหรือ?

สำหรับวิศว์ก็แค่เปิดออกคุยกันธรรมดา เธอเป็นฝ่ายสร้างปัญหามากกว่า ไม่บอก ชอบปิดบัง

“ทำไมคุณไม่คุยกับผมเรื่องเพชรอนันต์เสนองานให้คุณ?”

หญิงสาวชะงัก นั่นสี ทำไมไม่พูดกับเขา…ทำไม หรือว่ายังไม่อยากบอก

“มันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย แต่คุณควรพูดคุยกับผม เราอยู่ด้วยกัน เราพูดคุยกันได้” วิศว์กล่าวต่อ “ถ้าผมไม่ได้ยินพวกคุณคุยกัน คุณจะบอกผมเมื่อไหร่?”

“เหมือนคุณโกรธ?”

“ผมน้อยใจ” คำตอบสั้นๆ แต่เข้าใจความรู้สึก

“ฉันก็แค่กำลังตัดสินใจ ตัดสินใจแล้วฉันต้องบอกคุณ”

“คุณไม่อยากพูดคุยกับผมเรอะ ก่อนตัดสินใจ?”

“ฉัน…ฉันก็แค่…แค่บอกคุณช้าหน่อย” เธอพยายามแก้ตัว

ชายหนุ่มพยักหน้าช้าๆฃ

“หรือว่าผมยังทำให้คุณไว้ใจผมไม่มากพอ ผมโทษตัวเองนะ ไม่ใช่คุณ”

หญิงสาวเม้นริมฝีปาก

“ยิ่งตอกย้ำว่า ฉันเป็นฝ่ายผิด”

“ไม่มีใครถูก ไม่มีใครผิด”

“แค่แบบช้า”

“อือมื…แค่บอกช้า” เขาทวนคำพูดของเธอ

ปารีสชักสับสน หรือทำผิดจริงๆ …เรื่องบอกช้า

“ฉันต้องบอกคุณอยู่แล้ว”

“ถ้าเป็นผมไม่บอกคุณล่ะ คุณจะรู้สึกอย่างไร”

นั่นสิ…ถูกย้อน กลับกัน ใช่ตนก็ต้องรู้สึกนะ จึงพูดว่า

“ถ้ามีครั้งหน้ ฉันจะบอกคุณให้เร็วกว่านี้ค่ะ”

วิศว์ยิ้มกว้าง ปัญหาที่ไม่น่าเป็นปัญหา เจ้าไม่อยากให้เกิดขึ้น

“เราอยู่ในช่วงปรับตัวเข้าหากัน ผมจึงอยากให้เราเข้าใจกัน ไว้ใจกัน ผมเคยพูดว่าจะทำให้คุณมั่นใจในความรักของผมที่มีต่อคุณ ผมจะทำต่อไป รักษาบาดแผลในหัวใจคุณให้คุณเป็นคนที่มีความสุข”

ปารีสโล่งอกที่ดูเขาผ่อนคลาย ไม่โกรธ ตนไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้สึกไม่ดีต่อตน

“คุณว่าฉันควรรับงานนี้ไหมคะ?”

“ผมว่าคุณอาจมีคำตอบในใจแล้ว เป็นสิทธิ์ของคุณ”

“ถ้าคุณได้รับข้อเสนอแบบนี้ คุณจะรับไหมคะ?”

“งั้นผมต้องตอบแล้วสิ ถ้าเป็นผม…ผมรับครับ เพราะเป็นงานถนัดและก็ว่างงานอยู่ แต่…”

ตอนเขาพูด เธอรู้สึกดีกับคำตอบนะ เพราะใจก็โอนเอียงไปทางตอบรับจะทำงานกับดุสิตแล้ว

หาก…มีคำว่า “แต่” เขายังตัดขัดอะไร

“คะ?”

“แต่…แต่…” ชายหนุ่มจ้องมองตรงตาสวยใสของอีกฝ่าย “ผมหวงคุณ”

“หวง?”

“หวงมาก”

“หวงหรือห่วงคะ?”

“หวงครับ หวง…พูดตรงๆ ผมไม่อยากให้คุณอยู่ใกล้คุณดุสิตเลย หนุ่มหล่อตระกูลดังร่ำรวยมหาศาล แถมยังจ้องมองคุณด้วยสายตาชื่นชม ผมห่วงนะ”

“ชื่นชมในผลงานมากกว่ามั้งคะ”

“ชนะการประกวด ไม่ใช่ว่าจะชนะทุกอย่างเรื่องงานครับ เอ้อ…ผมไม่ได้ดูถูกฝีมือคุณนะ แต่ผมจะบอกให้ชัดๆ ว่าไม่ใช่ชื่นชมเรื่องงานแน่นอน”

หญิงสาวแกล้งทำตาดุๆ ใส่

“คุณจะตีความเป็นอื่นอยู่เรื่อยนะ”

“ใครอยากให้เมียทั้งสวย ทั้งเก่งใกล้ชิดกับชายอื่นบ้างล่ะ”

เธอจึงค้อน

“อยู่ในสังคมนะคะ คุณก็ยังทำงานกับสาวๆ เลย”

“งั้นคุณก็หึงหวงผมบ้างสิ”

“เปล่า…เฉยๆ”

“ไม่จริงมั้ง”

“หรือคุณไม่เชื่อใจฉันเลย”

“เชื่อครับ เชื่อ”

“เชื่อแต่ปากพูด แต่ใจคุณ…”

“เพราะผมรักของผมนี่ครับ…รักมาก” ไม่พูดเปล่าแล้ว เข้ามาโอบกอดเธอ กอดและจูบ แต่ถูกเธอผลักเบาๆ

“แบบนี้ทุกครั้งเลย”

“วิธีของสามีภรรยา”

“ไม่นะคะ”

“ผมหิว…”

“ฉันก็หิว…”

แววตาเขาเป็นประกาย

“หิว…งั้นเราก็ใจตรงกัน” ทำท่าจะรุกอีกครั้งประสาข้าวใหม่ หากปารีสเลิกคิ้ว

“ใครว่าคะ หิวของฉัน ฉันหิวจริงๆ คุณซื้อกับข้าวอะไรมาคะ ฉันหุงข้าวไว้แล้ว วันนี้จะกินข้าวสองจานเลย”

เขายักไหล่ ทำท่าผิดหวัง

“เป็ดย่าง หมูกรอบ กับสุกี้ และของหวานอีกหลายอย่าง”

“เราไปกินพร้อมกันค่ะ” เธอกล่าวพลางอมยิ้ม

“ครับ…ครับ” วิศง์เองก็ยิ้มกว้าง

ใช่เลย…นี่แหละคือชีวิตคู่ ถกเถียงกันบ้าง พูดคุยและปรับความเข้าใจ ข้อสำคัญต้องไม่เก็บเอามาเป็นอารมณ์ อย่าคิดมาก

ปัญหา…ถ้ามี พยายามบอกให้เป็นปัญหา อย่าเก็บใส่ใจนาน…นานจนกลายเป็นปัญหาใหญ่

วิศว์คิดแบบนี้นะ แต่เธอจะคิดอย่างไร ยอมรับว่าเขายังอ่านเธอตอนนี้ไม่ออก

 

ในห้องประชุมบริษัทเพชรอนันต์

ผู้บริหารทยอยเข้ามาประชุม วันนี้คุณอนันต์มาเป็นประธาน ปกติมีประชุมเกือบทุกวัน แต่เป็นประชุมย่อยๆ เรื่องธรรมดาและมีประชุมใหญ่อาทิตย์ละครั้ง

คุณอนันต์ไม่ได้ร่วมทุกครั้ง นอกจากท่านว่างและอยากจะมา ในระยะหลังท่านมักจะไว้ใจให้ดุสิต นิกร ทำงานกับน้องสาวจิรานุช เพราะเชื่อว่าทั้งลูกสองคนกับน้องสาวคนเดียวก็สามารถทำให้บริษัทเจริญก้าวหน้าเติบโตได้ทุกปี วันนี้คุณนาถก็มาด้วย

คุณอนันต์มาแล้ว ดุสิตกับนิกรก็เข้าห้องแล้ว รวมทั้งผู้จัดการแผนกอีก 3-4 คนก็เข้ามาแล้ว

จิรานุชเตรียมจะออกจากห้องทำงานไปห้องประชุม ก็ถูกรินทร์ดักหน้า กล่าวว่า

“คุณนุชฮะ รินทร์รู้ประชุมมีหัวข้ออะไร หนึ่งในนั้นคือเรื่องรับคุณปารีสเข้าทำงาน”

จิรานุชเลิกคิ้ว

“แล้วไงเรอะ?”

“อย่าลืมรับพี่ทรัพย์อีกคนนะฮะ”

“นี่…เธอสั่งฉันเรอะ?”

“เป็นการขอร้องฮะ ขอร้องจากรินทร์…คนนี้ที่พร้อมสไตล์แทนคุณนุชได้เสมอฮะ”

จากปากของสาวหล่อ กับดวงตาที่มุ่งมั่น ซื่อตรงต่อผู้อยู่เบื้องหน้า

“นะฮะ รินทร์ขอร้องฮะ”

รู้ทั้งรู้มานาน กับจิรานุชไม่สามารถบีบบังคับ

กับเจ้านายสาวของตน คือต้องจริงใจเท่านั้น

จิรานุชเป็นคนแข็ง ก็เหมือนลูกน้องสาวหล่อล่ะ ที่แข็งและมุ่งมั่นเสมอมา

เจ้านายสาว กับลูกน้องสาวหล่อ ปกติมองตาก็รู้ใจกันแล้ว

ไม่มีคำตอบจากปากของจิรานุช นอกจากพูดว่า

“ฉันต้องเข้าประชุมแล้ว”

รินทร์พอใจแล้วล่ะ การไม่ปฏิเสธคือกึ่งยอมรับนั่นเอง

และเมื่อมาถึงห้องประชุม ทุกคนพร้อมทุกแผนก การประชุมก็ดำเนินไปตามขั้นตอนจนมาถึงเรื่องที่ดุสิตเสนอ ซึ่งมีอยู่ในเอกสารตรงหน้าทุกคน

“ผมรับคุณปารีสเข้าทำงานโดยไม่ผ่านแผนกบุคคลเป็นกรณีพิเศษครับ และเธอตอบรับจะมาทำงานวันจันทร์หน้าครับ”

“ดีเลยครับ เธอมีฝีมือ” นิกรเห็นด้วย

“มีการทดลองงานหรือเปล่า กี่เดือน เผื่อผิดหวัง” จีรนุชโพล่งถามถาม

ดุสิตยิ้มกว้าง คาดอยู่แล้วว่าต้องถูกอาสาวเบรค ทุกครั้งก็ต้องเผชิญปัญหากันเสมอ เป็นอาหลานแท้ๆ แต่การทำงานมักขัดแย้ง แต่ก็ผ่านไปได้ทุกครั้ง ต้องถกเถียงกันจนได้ข้อสรุป ไม่งั้นทุกคนจะรู้หรือว่าดุสิตกับจิรานุชเป็นคู่กรณีตลอดมา

“สามเดือนพอไหมครับ แต่ผมเป็นคนเชิญเธอมาเอง ไม่น่าต้องสงสัยอะไร” ดุสิตตอบ

“ใช้เส้นสินะ”

“ครับผม” ตอบรับทันที เป็นกรณีพิเศษ หรือว่าผมไม่มีสิทธิ์ครับ?”

“เปล่า…เปล่า ระดับเธอมีสิทธิ์อยู่แล้ว”

“เพชรอนันต์เป็นบริษัทส่วนตัวของพ่อ…ของผม…และเอ้อของอานุชด้วย พ่อ…ผม…อานุชหรือนิกร ทุกคนมีสิทธิ์เท่าเทียมกัน ทุกปีแบ่งกำไรกันก็เห็นยิ้มกันทุกคนนะครับ”

คุณนาถออกความเห็น เพื่อช่วยลูกชายคนโต

“นุชคงไม่คิดอะไรมากหรอกนะ กับแค่หลานรับพนักงานคนเดียว ทำไมดูซีเรียสจัง”

“พวกเราคนกันเองทั้งนั้นค่ะ พี่นาถ”

“ดีจ้ะ…ดี”

สำหรับดุสิตแล้วสงสัย ไม่น่าจะง่ายแบบนี้ เพราะปกติเวลาประชุมอะไร คู่ขัดแย้งต้องเป็นตนกับอานุชเสมอ ต้องถกเถียงกันนานกว่านี้

“งั้นเรื่องนี้ก็ผ่านแล้วครับ จะได้คุยเรื่องอื่นต่อไป” ดุสิตว่า

จิรานุชโบกมือ

“อาก็ขอเสนอบ้างนะ”

หลานชายคนโตเลิกคิ้ว

“อะไรครับ อานุช?” ว่าแล้วไม่ง่ายดายขนาดนี้หรอก

“อาเองก็มีข้อเสนอ ไหนๆ ก็จะขยายงานกัน แผนกออกแบบฝากให้นายทรัพย์เข้าทำงานอีกคนก็แล้วกัน”

 

 



Don`t copy text!