
ข้ามมหาสาคร บทที่ 29 : ล่องนาวา
โดย : กฤษณา อโศกสิน
“ข้ามมหาสาคร” นวนิยายพีเรียด โดย กฤษณา อโศกสิน ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ เรื่องราวความรักโรแมนติกของสองหนุ่มสาวที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการไปจนถึงความรักชาติรักแผ่นดินและการต่อกรกับชาติตะวันตกที่จ้องจะเข้ามาครอบครอง นิยายออนไลน์อีกหนึ่งเรื่องที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้อ่านออนไลน์
************************
– 29 –

แต่ลมก็ยังแรงแลฝนตกหนักจนกันตังต้องเป็นผู้คุมเรือด้วยตนเอง
“คุณลุงหิวหรือไม่ขอรับ ถ้าหิว ก็ลงไปหาข้าวใส่กระเพาะเสียก่อน กระผมจะเฝ้าบนนี้เอง”
หากอีกฝ่ายก็ส่ายหน้า เนื่องจากยังมิไว้ใจ
“เรือตามหลังอยู่ไหน”
ชายหนุ่มก็เลยตอบ
“อยู่โน่นขอรับ…ตามมาแล้ว คงกำลังจะทอดสมอเหมือนกัน”
ต่อจากนั้นพายุเริ่มค่อยๆเบาบาง กัปตันจึงเอ่ยชวนผู้ช่วยชั่วคราวลงไปยังห้องข้างล่างที่กะลาสีกำลังลำเลียงจาน ถ้วยแลสำรับกับข้าวมาวางลงตรงหน้าทุกคน
“ใต้เท้าเป็นอย่างไรบ้างขอรับ อีกนิดเดียวก็ถึงถลางแล้ว”
“ถูกพายุฟัดไปมาก็ตื่นเต้นดี” หลวงประกาศบุรีตอบคำ พลางก็หันไปทางลูกๆ “ทุกคนก็สนุกกันดี ไม่ต้องเป็นห่วง…ข้าเองก็พลอยสนุกไปด้วย…ดีเหมือนกัน ได้ไปทางไกล ได้เจอแม้แต่ทูตฝรั่งที่ไม่ทันนึกว่าจะเจอ…”
“ขอรับ” กัปตันตอบอย่างคาดหวังเต็มที่ว่า มาถลางเที่ยวนี้ เจ้าของเหมืองดีบุกจะได้ไปเห็นเรือนชานบ้านนายกองเรือ กับแม่แลญาติๆของเขาว่า…ฐานะดีเพียงไร อาจเรียกว่ายิ่งใหญ่ที่สุดในบ้านเมืองที่เคยเรืองรุ่งมาก่อนก็ว่าได้ แม้บัดนี้จะเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวลงไป ด้วยมิได้เป็นที่ทำการของหน่วยงาน เพราะถูกย้ายไปอยู่ภายใต้การปกครองของพังงา ยังมิได้มีคำสั่งใดให้ย้ายกลับจนบัดนี้ ย่างเข้าสิบห้าปีแล้วนั้น ก็หาเป็นไรไม่
คุณหลวงจะได้แลเห็นความเด่นโดดของนายกองเรือ แลต้องเชื่อทันทีทันใดว่า เหมืองผู้นี้เหมาะสมกับบุตรีบุญธรรมของตนเองเพียงไหน
หากก็พอดีมีเสียงดังจากข้างเรือ
“นายเหมืองให้คนถือหนังสือมาขอรับ” กะลาสีคนหนึ่งโผล่เข้ามา ตัวเนื้อเผ้าผมเปียกปอน ในมือมีถุงผ้าใส่จดหมาย มาคุกเข่าส่งให้กัปตัน แลกัปตันคลานไปยื่นให้คุณหลวง
“ดาบอ่านสิ” บิดาพยักหน้า
ดาบได้แต่เบ้ปากนิดๆ พลางดึงกระกาษชื้นน้ำออกจากถุงผ้า ต่อจากนั้นก็อ่านดังๆ
‘พรุ่งนี้ คงต้องออกเรือสักหกโมงนะขอรับ สำหรับคืนนี้ กระผมจะไม่รบกวนใต้เท้าจนกว่าจะพรุ่งนี้…อีกไม่นานก็จะถึงอ่าวถลางแล้วขอรับ เพียงแต่ต้องลงเรือเล็กไปอีกไกล กระผมจะเอาเรือมารับเอง เพราะจะต้องเลี้ยวเข้าไปถึงท่าเรือ คือบ้านกระผมอยู่ตรงนั้นขอรับ’
คุณหลวงฟังจบจึงพยักหน้า ด้วยว่าเคยมาถลางเมื่อหลายปีก่อน แม้นับย้อนไปถึงสมัยคุณหญิงจัน ภริยาพระยาถลาง คุมกำลังสตรี 500 กว่านางออกรบพม่าจนมีชัย ล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 1 จึงทรงพระราชทานราชทินนามสูงส่งอันเป็นเกียรติยศยิ่งใหญ่แก่คุณหญิงจันคือ ‘ท้าวเทพกระษัตรี’ อำแดงมุก คือ ‘ท้าวศรีสุนทร’ เคียงคู่นครถลางมาจนบัดนี้โดยในเดือน 4 ปีมะเส็ง พ.ศ.2328 ที่พม่าแตกพ่ายย่อยยับ คุณหลวงก็เป็นหนุ่มแล้ว อายุ 20 ปี สืบทอดกิจการทำเหมืองดีบุกจากบิดามาพักหนึ่ง แต่ต้องหนีกระเจิดกระเจิงจากตะกั่วป่า ข้ามไปหลบภัยอาศัยญาติที่พังงา ลึกจากแม่น้ำเข้าไป เช่นเดียวกับเมื่อเดือน 11 ปีมะเส็งที่ข้ามมาอีก 24 ปี นั่นก็คือ พ.ศ.2352
ทั้งสองรอบนั้น หลังกองทัพพม่ากลับไปสิ้นแล้วก็เคยชวนกันมาดูความย่อยยับของเกาะถลาง
บางเที่ยวที่คุมสินค้าของตนเองไปกับเรือสำเภาก็เคยแวะมาเยี่ยมเยือนความเป็นถลางที่หลังจากนั้นก็แห้งแล้งโรยราราวกับเกาะร้าง
จึงนึกออกถึงบ้านท่าเรือ พร้อมกระตือรือร้น
หากคนที่พามาจะมิใช่นายกองเรือจีนผู้มีจุดมุ่งหมาย ก็คงยินดีกว่านี้เป็นอันมาก
แต่จะทำอย่างไรได้ นอกจากซ่อนความลำบากใจไว้มิดชิด
ขณะที่พายุกับสายฝนเบื้องนอกสงบลง
กินเสร็จแล้ว ทั้งกันตังแลกายีก็ช่วยลูกเรือลำเลียงภาชนะออกไป มีกาน้ำชาร้อนกรุ่นเข้ามาแทน
“บ้านกายีจะอยู่ใกล้บ้านนายเหมืองหรือไม่” ดาบถาม…หลังจากพี่น้องทั้งคู่ลับตาไป
แต่ตาปันจังเอ่ยขึ้น
“จะอย่างไรก็ตาม กระผมต้องขอไปเยี่ยมวัดที่ท่านสมภารเคยจำพรรษาขอรับ”
“ไปเลยตา ฉันไปด้วย” ด่านกับด้าวร้องขึ้นเกือบพร้อมกัน
ท้องฟ้าเบื้องนอกสงบลงแล้วทั้งพายุแลสายฝน ช่วยให้ทุกคนหลับสบายจนกระทั่งใกล้ตีห้า
จึงเมื่อถึงย่ำรุ่ง เหมืองก็ลงเรือเล็กมาพอดีพร้อมด้วยผู้ติดตามทั้งสามนาย มีอีกลำหนึ่งตามมาพร้อมฝีพายประจำหัวท้ายซึ่งเป็นชายมลายูร่างใหญ่
เหมืองโดดขึ้นมาบนเรือดูราด้วยท่าทางว่องไวใสสด พลางน้อมตัวลงนบไหว้อย่างเห็นได้ชัดว่าทวีความเอาใจ
พร้อมกันนั้น ดวงตาใหญ่ก็เหลือบมาทางดูรา พลางถามคุณหลวง
“หวังว่าเมื่อคืนใต้เท้าคงหลับสบายนะขอรับ”
“สบาย” คุณหลวงตอบขณะมองข้ามบ่าผู้พูดออกไปยังเรือขุดสองลำที่จอดเรียงกันอยู่พร้อมฝีพายแทนกรรเชียง “เรือสองลำนี่ยาวดีจริง…”
“กระผมมีไว้สำหรับพายเข้าแม่น้ำเท่านั้นขอรับเพราะตอนนี้น้ำกำลังลง ถ้าใช้กรรเชียงคงไม่ไหว ต้องพาย แต่คนแรงน้อยก็พายแทบไม่ไหว กระผมก็เลยต้องใช้คนแรงมากพายแทน” เหมืองบรรยายด้วยทีท่าของเศรษฐีใหญ่ผู้มิน้อยหน้าอีกฝ่าย…แลก็คล้ายจะไต่ถาม ‘ชายเช่นกระผมก็มีทั้งเงินทอง ของมีค่า รูปก็หล่อขนาดนี้ ยังมิพอใจอีกหรือขอรับ’
“อ้อ…เช่นนั้นหรือ…ดีมากจริงๆ” คุณหลวงก็เลยก้าวลงไปโดยเหมืองยื่นแขนให้เกาะ ครั้นแล้วตนเองก็ลงนั่งถัดไปกับเฉียน
ฝ่ายดูราแลตาปันจังจับแขนด้าวไว้มั่น ตามบิดาลงไปนั่งเรียงกันบนเรือที่ยาวราว 18 ศอก กว้าง 3 ศอกกว่า กว้างยาวกว่าแคนนูธรรมดา โดยนำยางทั้งต้นมาขุดเซาะเป็นแอ่งลึก ใช้พายฝ่ากระแสน้ำโดยเฉพาะ
ทั้ง ดาบ ด่าน กัปตัน กันตังแลกายีต่างก็ลงอีกลำที่มีผู้ติดตามเหมืองคือลี่กับเจียรวมอยู่
เรือพาผ่านอ่าวเล็กๆแล้วสักครู่ก็เลี้ยวซ้ายสู่บริเวณปากพระอันเป็นทางไปหมู่บ้าน่ท่าเรือ
ผ่านดงโกงกางอันขึ้นปกคลุมชายทะเลเป็นแนวยาว ต่อจากนั้นจึงพบฝั่งโล่งที่มีหาดทรายกระหย่อมหนึ่ง แต่เนื่องด้วยน้ำกำลังลงดังว่า จึงค่อนข้างเชี่ยวจนเรือดูจะหนักจนแทบไม่สู้ขยับเขยื้อนไปถึงไหน ท้ายที่สุด คนพายที่แม้จะร่างใหญ่แข็งแรงเพียงไรก็ต้องเหวี่ยงเชือกเกลียวใหญ่ขึ้นไปบนฝั่ง ครั้นแล้วจึงผูกเข้ากับต้นไม้ที่อยู่เยื้องออกไปนั้น พลางใช้เรี่ยวแรงทั้งหมดช่วยกันดึงลากเรือแคนนูยาวให้เคลื่อนไป
หากท้ายที่สุด ทั้งคนพายหัวพายท้ายแลเฉียนจากเรือลำหน้าก็ถึงแก่ต้องโดดลงน้ำที่ลึกแค่คอ ค่อยๆลากเรือต่อไปอย่างเห็นได้ชัดว่าเหน็ดเหนื่อย
เรือที่ตามหลังมาก็เช่นกัน
กันตัง ลี่ เจีย รวมทั้ง ด่าน ด้าว ต่างก็ช่วยกันลากเรืออย่างสนุก ท่ามกลางสายตาคนในเรือลำหน้า
ดูราได้แต่ยิ้มส่งมา
สีหน้านางวันนี้ยังคงร่าเริงชื่นบาน แววตาสราญรมณีย์ หันหลังให้ทุกคนในเรือที่นางนั่ง หันหน้าไปทางเรือตามหลัง
“กายี” นางร้องเรียกอีกนางหนึ่งเป็นระยะ
กันตังลากเรือไปพลางมองดูนาง หากมิกล้าส่งสายตาแต่อย่างใด ราวกับเอาใจใส่แต่ดึงเชือกบนตลิ่ง
“อีกนานหรือไม่กว่าจะถึง กายี” ดูราถามไถ่ด้วยรอยยิ้มสดชื่น จนแม้พี่ชายทั้งคู่แลน้องชายอีกหนึ่งก็อึ้งไปเหมือนกัน เอาแต่สบตากันแลกันอยู่ไปมา
แต่ดาบน่าจะแปลกประหลาดกว่าตรงอารมณ์ไม่สู้ดีตลอดมา เริ่มดีขึ้นเป็นลำดับ
“คงเย็นเจ้าค่ะ”
“ถึงเย็นเชียวหรือ”
“เจ้าค่ะ”
ทุกคนที่ลงไปอยู่ในน้ำ เพียรลากจูงเรือทั้งๆไม่ค่อยไปถึงไหน มิหนำซ้ำก็ยังมีเสียงครูดครืดคราดจากท้องเรืออันแสดงว่ามีทั้งต้นทั้งกิ่งใหญ่ของไม้ที่ทอดจมอยู่ใต้น้ำคอยทำลาย เรือใหญ่กว่านี้จึงมิอาจเข้ามาได้ แม้ฝีพายดีๆก็ยังมิอาจขยับเขยื้อนสักเท่าไร เนื่องด้วยต้องขับเคี่ยวกับกระแสอันเชี่ยวกรากของน้ำลง เว้นแต่มาในยามน้ำขึ้น แม้กระนั้นก็ยังต้องใช้แต่พายพายไป เพราะแม่น้ำตอนบนแคบจนเกินกว่าจะใช้กรรเชียง
กว่าจะถึงบ้านท่าเรือก็เมื่อตะวันตกดิน
แต่ทั้งดาบและดูราก็ยังไม่สิ้นอารมณ์ดี ระหว่างทาง เหมืองก็ให้คนของเขาส่งของกินมาสมทบแก้หิว
แม้กระนั้น ต่างก็เมื่อยขบอิดโรยไปตามกัน
เว้น ดาบ ดูรา กันตังแลกายี ที่ยังเหลือ หน้าตา ท่าทีอันเต็มไปด้วยสีสันแสนสนุกมิสร่างคลาย
ตรงข้ามกับนายกองเรือจีนผู้นั่งหน้านิ่วคิ้วขมวด มองดูสาวน้อยบนเรือลำเดียวกันหันไปยิ้มหัวกับกายี หญิงชาวบ้านที่เพิ่งพบปะ เป็นน้องสาวของไอ้คนสู่รู้ผู้เพิ่งก้าวขึ้นจากน้ำหลังจากช่วยคนของเขาลากเรือ
ขณะที่เหมืองเชื้อเชิญ
“บ้านกระผมอยู่ถัดออกไปจากนี่แต่เดินไม่นานขอรับ”
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 64 : หัวใจคนเป็นพ่อ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 63 : ให้อภัยคนพาล แต่ไม่ขอคบหา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 62 : ถอนสมอ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 61 : เรารักกันเจ้าค่ะ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 60 : สองทางเลือก
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 59 : ทะเลนี่ไม่ใช่ของมันคนเดียว!
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 58 : คบได้หรือไม่ แล้วจะได้รู้กัน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 57 : ขืนต่อกรรมชั่วกันสืบไป
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 56 : อุบายของเหมือง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 55 : มหาโจร...คนธรรมดา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 54 : เรื่องราวในรุ่นพ่อ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 53 : ลูกโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 52 : หรือว่ามันคือสายโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 51 : ปล้นหญิง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 50 : หญิงคนสำคัญ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 49 : มุ่งคืนสู่ดูรา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 48 : แลกเปลี่ยน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 47 : กูเป็นพ่อค้า แต่มันเป็นโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 46 : เสียรู้มหาโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 45 : หนี!!
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 44 : ร้ายกว่าโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 43 : คู่ควร...ไม่คู่ควร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 42 : น่ากลัวยิ่งกว่าสะลอแม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 41 : อดีตลูกน้องโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 40 : ใจโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 39 : เขามีนาง นางมีเขา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 38 : หัตถ์แห่งโชคชะตา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 37 : เผชิญภัย
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 36 : ความหลังฝังใจ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 35 : ภาวนา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 34 : วันอันรุ่งเรือง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 33 : หลอมแร่
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 32 : คือใครคือเขา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 31 : คืนฟ้าคำรณ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 30 : รอบเกาะ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 29 : ล่องนาวา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 28 : ทุกข์ในใจนาง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 27 : ต่อรอง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 26 : ขวางหูขวางตา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 25 : กัปตันโฮป
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 24 : ต้อนรับขับสู้
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 23 : ปล้นและฆ่า
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 22 : สลัด
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 21 : ร้อยโทโลว์
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 20 : สัญญา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 19 : คุณพระ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 18 : ขมุกขมอม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 17 : คลับคล้าย
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 16 : ขัดคอ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 15 : รอรับ รับรอง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 14 : รุมร้อน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 13 : รู้รอบ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 12 : รักรุม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 11 : ลึกลับ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 10 : ลับลวง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 9 : แรกรุ่น
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 8 : ร่ำเรียน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 7 : รับรอง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 6 : เรือเร็ว
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 5 : รอบรู้
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 4 : เหลี่ยมเล่ห์
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 3 : ล่องเรือ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 2 : รอลม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 1 : รอนแรม
- READ "ข้ามมหาสาคร" กับนายท้ายเรือ ‘กฤษณา อโศกสิน’