ซ่อนรัก บทที่ 56 : รักต่างฐานะ

ซ่อนรัก บทที่ 56 : รักต่างฐานะ

โดย : โสภี พรรณราย

Loading

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

ราวกับคุณนาถจะมีหูตาเป็นพิเศษ จึงได้เข้ามายังถูกจังหวะ แต่ไม่ถูกใจคนในห้อง

นิกรยืดตัวขึ้นยืน

“คุณแม่ครับ”

อาจจะตกใจบ้าง แต่เขาก็เต็มใจจะช่วยกุลวดี อยากให้เธอหายเจ็บขา อย่างคนหวังดี เขารู้ว่ามารดาต้องไม่พอใจ จึงรีบอธิบาย

“เธอขาแพลงครับ เดินไม่ถนัด”

“แกเป็นหมอเรอะ?” ถามลูกชายเสียงเย็นๆ

“พอดีผมมียาทา”

“ยานี่มาจากต่างประเทศเลยนะ แม่ได้มาจากเพื่อนที่บินมาเที่ยวเมืองไทยให้แม่ และแม่ให้แก…ให้แกใช้คนเดียว” คนเดียวนะ ไม่มีคนอื่น นอกเหนือจากคำพูด สายตายังมองหมิ่นๆ ไปทางสาวที่หน้าเสีย

“ยาเหลือเยอะครับ ไม่ใช้เดี๋ยวจะหมดอายุเปล่าๆ”

คุณนาถแค่นหัวเราะ เออ…เจ้าลูกชายคนเล็ก ปกติเป็นคนพูดน้อย คิด ช้า แต่ตอนนี้เพื่อปกป้องสาว กลายเป็นคนพูดอย่างมีเหตุมีผล โต้เถียงกลับอย่างทันควันเสียด้วย

“ถ้าไม่ต้องใช้ก็คืนแม่”

“ครับ”

“ครับเรอะ เหลือเท่าไหร่เชียว แล้วนี่ต้องทายากันต่ออีกกี่วันล่ะ”

“หายแล้วค่ะ” กุลวดีโพล่งตอบแทนนิกร

คุณนาถจึงหันมาทางสาวตรงๆ

“อ๋อ…หายเร็วดีนะ ถ้าฉันไม่เข้ามาก็ยังไม่หายสิท่า เผลอๆ อาจจะเดินไม่ได้เลย ต้องอุ้มเลยสินะ”

เลขาสาวตาโต

“ดีขึ้นจริงๆ ค่ะ”

“ใช่…เพิ่งพูดหยกๆ ดีขึ้นของฉันเข้ามาเห็นไงล่ะ”

“เอ้อ…ไม่ใช่นะคะ”

“เราเป็นผู้หญิงเหมือนกัน มารยาหญิงเป็นอย่างไง รู้ๆ กันอยู่นะ ผู้ชายไม่ทันเราหรอก โดยเฉพาะผู้ชายซื่อๆ อย่างลูกชายฉัน จะทันมารยาหญิงได้อย่างไร ยิ่งพวกที่จ้องจะจับคนรวยก็เรียกว่าเกือบทำสำเร็จ”

คนฟังหน้าชา กำลังจะตอบก็ถูกนิกรโพล่ง

“คุณวดีเป็นเลขา และช่วยผมทำงานครับ คุณแม่เข้าใจผิด”

“แก้ตัวแทนกันเสียอีก”

“แม่ครับ ผมขอ…”

“ขออะไร อย่าหาสะใภ้ให้แม่แบบนี้ แม่ไม่ชอบ” แล้วหันมาทางสาวอีกครั้ง “ก็ทำตัวดีๆ ล่ะ ไม่งั้นโดนฟ้าผ่าจะมาโทษกันไม่ได้”

กุลวดีกำมือแน่น ต้องสะกดใจตัวเองอย่างที่สุด

“ค่ะ…ค่ะ…ขอตัวนะคะ” รีบออกจากห้องทันที

นิกรพูดกับมารดาว่า

“อย่าข่มขู่คุณวดีเลยนะครับคุณแม่ เธอทำงานให้ผม และเธอก็ทำงานดีมาก ผมขาดเธอไม่ได้ครับ”

คุณนาถตาโต ถามเสียงสูง

“อะไรนะ ถึงขนาดพูดว่าขาดเธอไม่ได้”

“เธอทำงานให้ผมครับ” เขาเน้น อย่างไรเขาก็ยังเกรงกลัวมารดาเช่นเดิม

“งานแบบไหนล่ะที่ถูกใจลูกรักของแม่ งานราษฎร์หรืองานหลวง?”

นิกรชะงัก โคลงศรีษะ เปล่าประโยชน์ที่จะพูดแล้ว มารดาจึงพูดว่า

“เย็นนี้กลับไปกินข้าวบ้านล่ะ เห็นว่าพี่สิตจะมีเรื่องบอกกล่าวที่โต๊ะอาหาร ก็เรื่องในครอบครัวเรา…”

ชายหนุ่มได้แต่รับคำทันที

 

อาหารค่ำคืนนี้ สมาชิกครอบครัวเพชรอนันต์อยู่กันพร้อมหน้าครบห้าคน คุณอนันต์ คุณนาถ ลูกชายสองคนและจิรานุช จะว่าไปก็ถือว่าเป็นครอบครัวที่อบอุ่นทีเดียว

ระหว่างทานอาหาร คุณนาถก็พูดขึ้นก่อน

“โต๊ะอาหารออกใหญ่โต แต่มีกันห้าคน เมื่อไหร่จะพร้อมมีสะใภ้เพิ่มสองคน มีหลานตัวเล็กๆ เพิ่มอีกหลายๆ คน ให้บ้านคึกคักเสียที ไม่งั้นเงียบเหงานะ เวลาแม่อยู่บ้านคนเดียว ทุกคนออกไปทำงาน ไปเที่ยวสังสรรค์…แม่เหงา”

“คุณแม่ก็มีกลุ่มเพื่อนสังสรรค์บ่อยๆ นี่ครับ” ดุสิตว่า

“ใช่…มี แต่พวกนั้นชอบคุยถึงเรื่องหลานๆ เรื่องเด็กๆ แม่ไม่มีหัวข้อนี้จะคุยเลย”

“ไว้รอผมนะครับ ผมใกล้แล้วครับ ผมอยากมีครอบครัวเสียที มีสะใภ้ให้แม่ มีหลานเร็วๆ”

“คนไหน…สาวที่ชื่อปารีสใช่ไหม คนที่พ่อแม่อยู่ฝรั่งเศส ดูดี มีฐานะ สวยด้วยสิ”

“ครับ ทั้งสวยทั้งเก่ง ช่วยงานผมได้เสมอ”

“โอเคเลย แม่รับได้ อย่าเอาคนที่ไม่รับไม่ได้มาเป็นสะใภ้นะ”

หมายถึงกุลวดีที่ชาติกำเนิดยากจน ไม่ได้ร่ำรวยเหมือนปารีส

“คุณวดีเป็นคนดีนะครับ” นิกรโพล่ง

“แน่ะั…รู้อีกว่าแม่หมายถึงใคร” คุณนาถว่า “หาคนให้สมน้ำสมเนื้อ หน่อยได้ไหมลูก อย่าถูกสาวหลอก แกล้งทำตัวอ่อนแอให้หนุ่มหัวอ่อนอย่างแกหลงรัก อ่อยเจ้านายไปวันๆ”

“คุณวดี เธอไม่เคยทำแบบนั้นเลย เธอขยันและตั้งใจทำงานตลอด”

“นี่…นี่…เหมือนแกจะยอมรับว่า ชอบเธอ” มารดาตาโต

นิกรตอบไม่ถูก ตอบตามความรู้สึกว่า

“เอ้อ..ผมรู้สึกดีกับเธอ ซึ่งผมไม่เคยรู้สึกดีกับผู้หญิงคนไหนแบบเธอ ผมเป็นผู้ชาย และผมก็อยากปกป้องเธอ”

“ตายแล้วลูกแม่” ยกมือทาบอก แทบจะกินอาหารไม่ลง

ดุสิตโพล่ง เป็นฝ่ายน้องชายเต็มๆ

“คุณแม่ตกใจทำไมครับ ถ้าผมเป็นคุณแม่ ผมจะดีใจด้วยซ้ำที่ไอ้กรมันเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น คำพูดของมัน ผมชอบครับ อยากปกป้องสาว แสดงว่ากรไม่ได้อ่อนแออย่างที่พวกเราคิด”

“แกเข้าข้างน้อง?” มารดาเสียงสูง

“บ้านเรามีกินขนาดนี้ จะเอาสะใภ้สมน้ำสมเนื้อไปทำไม แค่ชอบแค่อยู่ด้วยสบายใจ…พอแล้วครับ”

“แต่แม่กลัวผู้หญิงจะตั้งใจจับกร ไม่ได้รักจริง”

“ดูก็รู้ครับ รักจริงหรือหลอก คุณวดีดูซื่อจะตายเหมาะกับกรของเรา คนซื้อ เรียบร้อย ทำงานเก่ง จะอะไรมากมาย”

“โอ๊ย…ตายแล้ว สิต..แกเห็นด้วยกับน้อง”

จิรานุชอมยิ้ม และนึกในใจ อาจเป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าจะอยู่ฝ่ายเดียวกัน ทั้งที่ขัดแย้งไปเสียทุกเรื่อง ยกเว้นบางเรื่องบ้างก็ดีนะ

“ครับ” ดุสิตตอบทันที เชียร์กุลวดี เผื่อว่าเจ้าหล่อนจะช่วยเชียร์เขากับปารีสบ้าง

คุณนาถจึงหันมาทางสามีสลับกับจิรานุช

“แล้วพวกคุณล่ะ ว่าอย่างไงคะ?” ถามหาพวก

“พี่นาถ…จะยุ่งเรื่องของหนุ่มสาวไปทำไมคะ เราไม่ได้อยู่กับพวกเขาไปจนตาย พวกเขาต่างหากที่ต้องอยู่คู่กันอีกนาน พวกเราต้องตายก่อนค่ะ”

“ไม่…ไม่” คุณนาถโบกมือ “ยังไม่ตายเร็วหรอก จะอยู่เลี้ยงหลานก่อน”

“อยากเลี้ยงหลานก็ต้องปล่อยๆ ค่ะ ให้ทุกอย่างเป็นไปตามธรรมชาติ”

“อะไรกัน นุชไม่เข้าข้างพี่เลย”

“นุชอยู่ฝ่ายหลานค่ะ” ตอบทันที

“เป็นไปได้ยังไงเนี่ย นุชจะเห็นดีเห็นชอบเหมือนสิต” ประโยคนี้น่าจะพึมพำมากกว่า

ดุสิตสบตาอจิรานุช ไม่รู้สึกขอบคุณหรอก ที่วันนี้จะมาเข้าข้างกัน เห็นชอบเรื่องความรักของนิกรด้วยกัน เพราะเดี๋ยวก็จะมีการแข่งขันกันอีกแล้ว

“ผมว่าเราต้องเข้าเรื่องงานกันก่อนนะครับ เรื่องของไอ้กรไม่เร่งด่วนอะไร ยังไงต้องรอผมแต่งงานก่อน” ดุสิตว่า

คุณนาถทานอาหารไปก็พยักหน้า

“นะ…บ้านเราต้องเอางานมาผู้ที่โต๊ะอาหารทุกที แม่ก็รออยู่ เห็นว่าแกมีเรื่องสำคัญ”

“อ๋อ…ไม่สำคัญมากมายหรอกครับ ก็เรื่องเก่า ผมอยากรู้ว่าผลงานแผนกผมกับอานุชใครจะชนะใจคุณพ่อก็เท่านั้น วันก่อนผมก็มีเกริ่นๆ ไว้แล้ว พรุ่งนี้จะครบกำหนดสิบวัน ผมจะส่งงานเข้าคอมคุณพ่อ คุณพ่ออยู่นะครับ ผลงานของแผนกผมหรืออานุชจะถูกใจคุณพ่อมากกว่า โดยไม่บอกว่าภาพไหนเป็นของใคร”

คุณอนันต์พยักหน้า

“ถูกใจพ่อ ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นผลงานที่ดีที่สุดนะ”

“แต่สายตาคุณพ่อไม่เคยพลาดสักครั้ง ถ้าคุณพ่อเห็นควรให้ออกจำหน่ายทีไ รยอดไม่เคยต่ำเป้าเลย เราทุกคนเลยเชื่อสายตาพ่อครับ”

คุณนาถพยักหน้าเหมือนสามี

“โอ๊ย…มือชั้นพ่อพ่อเราแล้ว อ่านขาด”

“ครอบครัวเดียวกัน จะแข่งขันกันทำไมนะ” ประมุขบ้านพึมพำ

ภรรยาจึวพูดว่า

“การแข่งขันมันดีค่ะ จะได้มีเป้าหมาย มีความขยัน มีแรงจูงใจ มีแรงผลักดัน ปล่อยให้แข่งขันกันเถอะค่ะ นาถก็อยากรู้ว่า คุณจะตัดสินอย่างไร เพราะจะไม่บอกว่าผลงานเป็นของใคร ยุติธรรมที่สุดแล้ว”

 

วิศว์เข้าครัวทำอาหารมื้อเย็น โดยมีปารีสเป็นลูกมือ บรรยากาศเป็นไปอย่างชื่นมื่น อบอวลด้วยความรัก

“ผมไม่ได้แสดงฝีมือมาเกือบสองอาทิตย์ เพราะคุณยุ่งมาก และไหนจะปวดกระเพาะ จนดูออกคุณผอมลง วันนี้ต้องกินเยอะๆ คุณมัวแต่ทำงานออกแบบอัญมณี จนแทบไม่กลับมากินอาหารเย็นกับผมเลย นี่เป็นมื้อแรกในรอบสิบวันฎ

ปารีสโอบกอดเขาด้านหลังที่กำลังยุ่งกับเตาตรงหน้า

“อย่าน้อยใจนะคะ ช่วงนี้ทุ่มเทกับงานเพราะเห็นใจคุณสิตค่ะ ต้องช่วยร้านออกแบบ คุณสิตไม่อยากแพ้อาของเขา”

อีกแล้ว…บรรยากาศกำลังชื่นมื่น มีชื่อ ‘ดุสิต’ แทรกเข้ามาจนได้ แต่วิศว์ก็ยังยิ้ม ปัดความหึงหวงออกจากใจ ในเมื่อผู้หญิงที่เขารักอยู่กับเขาแล้วอยู่ตรงนี้ เป็นครอบครัว เป็นสามีภรรยา

“สิบวันเสียที คุณจะไม่ต้องเครียด”

“เสร็จงานก็คงมาอีกงานค่ะ”

“แต่ผมไม่เคยเห็นคุณจริงจังขนาดนี้”

“ฉันทำงานให้คุณสิตนะคะ ใครอยากเห็นเจ้านายตัวเองแพ้ล่ะ”

“ถ้าแพ้?”

หญิงสาวคลายอ้อมกอด เดินมามองหน้าเขา เห็นแต่ด้านข้างเพราะเขายังจดจ่ออยู่กับเตาและหม้อตรงหน้า

“อย่าแช่งกันสิคะ”

“ผมบอกตามตรง ผมไม่เห็นแพ้ชนะจะสำคัญ ญาติกัน ทำงานด้วยกัน งานแน่ะควรแข่งกับตัวเองทำให้ดีที่สุด แพ้ชนะไม่สำคัญหรอก สำคัญที่ทำเต็มที่แล้ว และควรเผื่อใจไว้บ้าง อย่ามัวแต่ชนะ เกิดแพ้จะได้ยอมรับอย่างนักกีฬา”

“คุณสิตไม่เคยเผื่อใจแพ้นะคะ”

“แล้วคุณล่ะ?”

“ก็อย่างที่บอก ไม่อยากแพ้ ไม่อยากให้เขาผิดหวัง”

“ครับ”

“อย่าเข้าใจผิดนะ เขาเป็นนายจ้าง…”

“ผมเข้าใจ” พูดพลางยกอาหารลงจากเตา เตรียมจัดใส่จาน กลิ่นอาหารหอมจนหล่อนต้องสูดลึกๆ

“แหม…พูดเหมือนคุณไม่มั่นใจตัวฉัน จับน้ำเสียงคุณออกนะคะ”

“เราไปทานอาหารกันดีกว่า คุณไปรอที่โต๊ะ” เขาตัดบท “วันนี้เป็นวันที่ผมจะโชว์เมียผม อาหารพิเศษ”

ปกติเขาเป็นคนทำอาหารเก่งอยู่แล้ว ปารีสว่าเก่งกว่าหล่อนเสียอีก ทานอาหารกันไปคุยไป หลังอาหารวิศว์ลุกไปดูข่าวในโทรศัพท์ ส่วนปารีสก็ตักไอติมสองถ้วย นั่งตักไอติมเข้าปากกันสองสามีภรรยาหน้าจอ

ความสุขที่เรียบง่าย ถ้าได้ใช้ชีวิตร่วมกัน

 

เขาดูอะไรอยู่นะ ดูอย่างมีความสุข และมีรอยยิ้ม

เด็ก…ในจอ…เด็กๆ วิ่งเล่นสนุกสนาน ทั้งเด็กชาย เด็กหญิง และเด็กบางคนก็อยู่ในอ้อมแขนของพ่อแม่ ปารีสรู้สึกว่าเขารักเด็ก และคงอยากมีส่วนร่วม และหลายครั้งที่เคยเดินตามทางข้างถนน เมื่อเจอเด็กวิ่งเล่นอย่างเร็ว เขาจะถลาไประวังไม่ให้เด็กหกล้ม เพราะพื้นเป็นพื้นคอนกรีต หากล้มจะอันตราย

ใจของหญิงสาวอ่อนไหว แฝงด้วยความอบอุ่นวูบหนึ่ง จึงโพล่งว่า

“ครอบครัวจะสมบูรณ์ ถ้ามีพ่อ แม่และลูก”

เขาหันขวับมองใบหน้าสวยทันที

“คุณพูดว่า…”

“คุณรักเด็กนะคะ”

“ผมชอบเด็ก…อยากมี…ถ้าเรามีลูกสักคน” แล้วก็โคลงศีรษะ “อาจจะเร็วไปนะ เพราะเราอยู่ในช่วงเริ่มต้น แต่ผมว่าถ้าเราตัดอะไรๆ ออกไปบ้าง เราสองคนจะไม่มีปัญหา”

“ฉันเคยตรวจร่างกาย หมอว่าฉันมีลูกยาก”

“ไม่เป็นไรครับ เราอยู่ในวัยแข็งแรงทั้งคู่ ยังหนุ่มยังสาว”

“ฉัน…ฉัน…” แล้วหยุดไป จนผ่านไปครู่หนึ่ง จึงตัดสินใจกล่าวว่า “ฉันมีลูกยาก และตอนนี้ฉันจะไม่กินยาคุมนะคะ เพื่อ…เพื่อ…คุณ…เพื่อ…เรา…”

วิสว์วางถ้วยไอศครีมทันที หันมามองหน้าหญิงสาว ด้วยแววตาทั้งรักทั้งแปลกใจ

“คุณพูดจริงหรือครับ?”

หญิงสาวพยักหน้ายิ้มเขินๆ

“ค่ะ…ค่ะ…” เหมือนอยากชดเชยให้ เพราะรู้ตัวว่า บางครั้งตนเองก็งี่เง่าเกินไป “ฉันจะทิ้งยาให้หมดเลย”

วิศว์คว้าร่างของเธอมากอดอย่างรวดเร็ว จนแก้วไอศครีมเกือบหกต้องรีบวางบนโต๊ะ

เขาดีใจ…ดีใจ…ที่หญิงสาวพูดออกมาเช่นนั้น จะมีลูกกัน

ตนเองรู้ตัวว่ามีหลายครั้งที่ทั้งคู่มีปัญหา มีความขัดแย้ง เกือบทะเลาะรุนแรง ไม่เข้าใจกัน และไม่สบายใจ ขัดใจ ขุ่นเคือง สารพัดจนรู้สึกแย่ ไม่พอใจ แต่ต้องอดกลั้น และทุกครั้งก็ยอมให้กับเธอ เช่นเดียวกับเธอ ไม่พอใจบ้าง โกรธบ้าง เคืองบ้าง แต่ก็ยอมความคิดถึงความผูกพันที่ยุโรป เธอมีแต่เขาคนเดียวที่อยู่ประคับประคองจิตใจที่จมดิ่งสุดขีด และสุดท้ายควรมีกันและกัน และเข้าใจกันในที่สุด



Don`t copy text!