
ข้ามมหาสาคร บทที่ 6 : เรือเร็ว
โดย : กฤษณา อโศกสิน
“ข้ามมหาสาคร” นวนิยายพีเรียด โดย กฤษณา อโศกสิน ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ เรื่องราวความรักโรแมนติกของสองหนุ่มสาวที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการไปจนถึงความรักชาติรักแผ่นดินและการต่อกรกับชาติตะวันตกที่จ้องจะเข้ามาครอบครอง นิยายออนไลน์อีกหนึ่งเรื่องที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้อ่านออนไลน์
************************
– 6 –

สายฝนค่อยๆเบาลงกว่าเมื่อครู่ ขณะที่พี่น้องทั้งสี่รู้สึกเพลินขึ้นมากกว่าชั่วโมงก่อนที่ใจคอรอนๆว่าชายผู้นี้คือใคร ใครที่ใครอีกคนส่งมา เพื่อค้นหาความลับบางประการจากเสียงเล่าขานก่อนเก่าหรืออย่างไร
หากท้ายที่สุดก็มิเห็นว่า ชายนี้จะลึกลับกระไรนัก
ทีท่าที่เขาสาธยาย ก็ไม่ถึงกับปกปิด แต่มิถึงกับคุยโตโอ่อวด ด้วยว่าก็เป็นไปอย่างเรียบๆเรื่อยๆไม่มีอ้ำอึ้งอึกอักจะมีก็เพียงปลายตาที่มองเลยชายทั้งสามไปยังสาวน้อยนัยน์ตางาม อันเป็นอาการที่ดาบมิวางใจ
“ท่านเคยได้ยินคำว่า ‘ทูต’ ไหมขอรับ” ชายจับปลาที่ว่าเรียนสูงเอ่ยถาม
“เคยสิ เหตุใดจะมิเคย” ดาบตอบอย่างนึกฉุนขึ้นมา
“ขอประทานโทษขอรับ…แต่ที่ถาม…ก็ถามเพราะเกรงท่านจะนึกว่าฝรั่งที่มาคราวนี้คือฝรั่งทั่วไป…หามิได้ขอรับ” ดูเอาเถิด…ดาบนึกในใจเมื่อได้ฟังความสืบไปด้วยคำบรรยายที่มีชั้นเชิงซึ่งบัดนี้ทุกคนรวมทั้งกัปตันเซปาผู้ฟังไปมองฟ้ากับน้ำที่ยังกระฉอกฉานไร้แสงตระการจากดวงอาทิตย์ตรงหน้าไปพร้อมกัน ต่างก็สิ้นสงสัยในความรู้ของชายผู้นี้ “แต่เป็นคนที่ได้รับแต่งตั้งจากผู้สำเร็จราชการให้มาชี้แจงเรื่องสงครามที่อังกฤษกำลังเป็นต่อในการรบกับพม่าอย่างไรล่ะขอรับ…แล้วดูเหมือนก็ยังมีเรื่องปลีกย่อยสองสามเรื่องพ่วงมาด้วย”
“คือเรื่องอันใด” ดาบถามต่อทันที
“อันนี้คงยังไม่ถึงกับแน่ใจขอรับ เอาไว้กระผมรู้ให้ชัดกว่านี้ คงจะเล่าให้ท่านฟังวันหลัง”
ดูมัน…อุตส่าห์ขยักไม่เล่าให้จบจนได้
แต่บิดาสั่งนักสั่งหนาให้ใจเย็น
“ถ้าเช่นนั้น ก็รอวันหน้า เจ้าสะดวกใจยามใดค่อยเล่าให้ข้าฟัง” ดาบก็เลยไม่คาดคั้น
“ได้ขอรับ”
“ว่าแต่ว่า เจ้าสุขสบายดีรือไม่ที่ได้ไปกับเรือเรา…กว่าจะถึงไทรบุรี เรือฝรั่งที่ว่าน่าจะเสร็จสิ้นเรื่องราวกับลูกชายท่านเจ้าพระยาเรียบร้อยแล้ว”
“จากนี่ไปถึงไทรบุรีถ้าไม่มีเหตุขัดข้องระหว่างทางแต่ถ้ามีลมกับฝนแล้วต้องพักเป็นช่วงๆก็คงราวครึ่งเดือนขอรับ”
“นานไปหรือไม่” ดาบแสร้งถามไถ่
“ก็นานนะขอรับ…แต่ท่านก็อาจจะพบเรือเขากลางทาง” กันตังตอบทุกคำถามอย่างสบายๆ…สบายกว่าเมื่อเช้าที่เพิ่งมาถึง “อีกอย่าง…กระผมชอบเรือลำนี้มากขอรับ ยิ่งเข้ามาข้างในก็ยิ่งชอบมาก ต่อจากที่ใดขอรับ”
“เมืองตรัง” ดาบตอบพร้อมยิ้มนิดๆอย่างพอใจ “เจ้าก็ตาแหลมเหมือนกันนะ”
“กระผมไม่เคยเห็นกำปั่นสองเสาสวยเท่านี้มาก่อนขอรับ แล้วก็ยังไม่เคยเห็นเรือที่ต่อด้วยไม้สักเลย เคยเห็นแต่ไม้เคี่ยมกับไม้ยาง”
ทุกคนจึงฟังคำจากอีกฝ่ายอย่างแสนทึ่ง
แต่เรือก็โผนผกเร็วรี่ โยนขึ้นลง จนดาบต้องใช้แขนของหนุ่มฉกรรจ์ยันผนังกันร่างของน้องสาวไว้ ตัวนางเองก็จับราวไม้กลึงกลมข้างกายไว้มั่นโดยมิอาจเอ่ยอันใดต่อไปได้ ฝนที่ซาลงเมื่อครู่กลับหนักขึ้น ลมพัดแรงขึ้น
หากเสียงของกัปตันก็ร้องเบาๆ
“ดูเหมือนจะมีเรืออยู่ข้างหน้าลิบๆโน่น” เขาบอกขณะมองจากกล้องมองไกล
ทั้งสี่บนม้ายาวด้านหลังต่างก็เพียรยืดกายชะเง้อมอง หากก็แลไม่เห็นสิ่งใด มิว่าข้างหน้าหรือฟากฝั่งซ้ายมือ นอกจากสายน้ำจากฟ้าที่แผ่เต็ม ถูกลมโยกเอนไปมา
“เมื่อไรถึงพังงา กัปตัน”
“คงมินานขอรับ” อีกฝ่ายกะระยะทางได้ทันใด “คือถ้าลมแรงกำลังดี คงถึงปากพังงาไม่ช้ามาก”
“คุณพ่อคงจะขึ้นฝั่ง แต่เห็นจะไม่ค้างคืน” ด่านเอ่ย
“ค้างบนฝั่งก็น่าจะได้ ท่านเองก็เป็นที่รู้จักอยู่แล้วขอรับ ทีรับฝรั่งยังรับได้ กระไรจะรับพวกเดียวกันมิได้”
ขณะกำลังโต้ตอบ ลมแรงก็อ่อนลง พาเรือแล่นค่อนข้างเรียบ มิเหมือนเมื่อครู่
ท้องฟ้าอันหรุบหรู่ชั่วโมงก่อนเริ่มอ่อนรางด้วยแสงเรือง ขณะที่เรือใบสามเสาแล่นเข้ามาใกล้จนแลเห็นชัดในกล้องมองไกล
“เรือหัวเขียวของเหมืองขอรับ” กัปตันจำลักษณะเรือของพ่อค้าผู้คุ้นเคยกันได้ดี “คงเพิ่งกลับจากซื้อขายพริกไทยที่มะละกา…มันอยากรู้จักคุณหลวงมานานแล้วละขอรับ”
ดาบก็เลยยืดตัวขึ้นมองจากกล้องมองไกลที่อยู่ตรงหน้านายท้าย
แลเห็นเรือมากกว่าหนึ่งลำ แล่นขนาบซ้ายขวาแลหน้าหลัง ฝ่าแรงลมตรงมา แม้เพียงลิบๆก็ชัดนัยน์ตา เนื่องด้วยบัดนี้แสงแห่งยามบ่ายค่อยๆแจ่มจ้า ทอจับยอดคลื่นภายใต้ท้องฟ้ากว้างใหญ่ ขณะที่เรือเร็วลำหนึ่ง แล่นลิ่วมาข้างหน้า แต่กองเรือ 5 ลำยังคงหยุดอยู่
“มันทอดสมอแล้วละขอรับ ปล่อยมาแต่เรือเร็ว” กัปตันบอกกล่าว
ด้าวก็เลยผลุนผลันลงบันได
“คุณพ่อขอรับ มีเรือเร็ววิ่งมา เจ้าของชื่อเหมืองขอรับ”
คุณหลวงก็เลยตามด้าวขึ้นบันได พลางถามอีกฝ่ายอย่างตื่นเต้น
“เหมืองมีเรือเร็วด้วยรือกัปตัน”
หลวงประกาศบุรีค่อนข้างดีใจที่วันนี้คงมีโอกาสได้พบชาวจีนผู้ที่กัปตันเซปาเล่าขานมานานนักว่า เหมืองผู้นี้มีเชื้อสายจีนฮกเกี้ยนเมืองกวางหนำ บรรพบุรุษของเขามากับเสื่อผืนหมอนใบกับเรือสำเภาจีนก่อนรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชที่พระองค์ทรงกำลังส้องสุมประชุมพลเพื่อพาผู้คนแลเรือที่เกณฑ์คนมาต่อรอรบกับพม่า หลังจากสงครามครั้งนั้นจนพระองค์ทรงก่อตั้งกรุงธนบุรี กระทั่งพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก รัชกาลที่ 1 ทรงสถาปนากรุงเทพมหานครอมรรัตนโกสินทร์ฯขึ้น ณ ฝั่งขวาของแม่น้ำเจ้าพระยา บรรพบุรุษของเหมืองจึงรับจ้างทำงานเป็นกุลีขนสินค้าภายในเรือสำเภาที่เดินระหว่างทะเลจีนใต้กับทะเลสยาม จนกระทั่งมาขึ้นฝั่ง ลงหลักปักฐานอยู่ ณ เมืองถลาง ทำมาค้าขายจนเจริญสืบมาถึงตัวเขาผู้สืบทอดแทนบิดาผู้วายชนม์
ในที่สุด เรือเร็วที่มีชายฉกรรจ์หลายคนก็มาจอดเทียบเรือดูรา ที่กัปตันสั่งให้ทอดสมอตามคำของคุณหลวง
ชายเชื้อจีนที่มีบิดาจีนแท้ มารดาเป็นคนสยามมลายู ก็ก้าวขึ้นมาทางด้านหัวเรือพร้อมผู้ติดตามอีก 3 นาย
“เอ้า…ว่าอย่างไรบ้างเหมือง” กัปตันเซปาเอ่ยถามพลางแนะนำให้รู้จักเจ้าของเรือ
ชายหนุ่มผิวขาว คิ้วยาว ดวงตาโตเป็นประกายพนมมือไหว้พร้อมก้มศีรษะลงอย่างนอบน้อมด้วยว่าล่วงรู้ธรรมเนียมสยามเป็นอย่างดี
“กระผมได้ยินแต่ชื่อเสียงของท่านขอรับ” หนุ่มลูกผสมยังคงพนมมือ ขณะคุณหลวงลงจากห้องนายท้ายพร้อมลูกชายลูกสาวแลกัปตันลงมาต้อนรับ มีกันตังยืนเฝ้าอยู่ด้านหลัง
จับสังเกตผู้มาใหม่
ทันใดนั้นเหมืองก็หันมา ตาต่อตาสบกันพอดีกับดวงตากลมโตของนารีหนึ่ง ผู้ยืนอยู่ด้านหลัง
โดยพลัน ก็ได้แต่รู้สึก…ทรวงอกอันแสนลึกส่งความแปลบปลาบขึ้นมาราวสายฟ้าวาบผ่าน
“คุณหลวงกำลังจะไปไหนขอรับ…กระผมบอกพี่เซปานานแล้วว่าอยากรู้จักคุณหลวงเป็นอันมาก”
“เข้าไปนั่งข้างในดีกว่า ฝนยังมิสู้จะขาดเม็ด”
“กระผมแทบจะลืมไปเลยว่าฝนยังไม่หาย” เหมืองแย้มริมฝีปากบางออกชมพูระเรื่อเจือรอยยิ้มขำขันที่ตนเองเกือบลืมฝอยฝนที่ยังกระเส็นกระสาย เรือนกายแม้มิสูงใหญ่ก็ยังแข็งแรง มิฉะนั้นไหนเลยจะเป็นผู้คุมกองเรือทั้งเรือสำเภาแลเรือเร็วข้ามไปค้าขายถึงมะละกา ฝ่าดงโจรสลัดแถวเกาะลังกาวีที่พวกมันมีเรือราว 40 ลำ โจรคนสำคัญมีถึง 4 นาย ไปแลกลับมาได้
ต่อจากนั้น คุณหลวงจึงเดินนำหน้าเหมืองไปยังห้องในเรือ เชิญเขานั่งลงบนเบาะตรงข้ามกับดาบ ด่าน ด้าว กัปตันแลตาปันจัง
ฝ่ายดูรานั่งสุดท้ายปลายสุดติดกับตาของนาง
คุณหลวงเพียงแต่จ้องมองกันตังก็เพื่อให้เขารู้ว่าในยามนี้ เขาหมดหน้าที่บัดนี้แล้ว
ชายหนุ่มจึงกลับออกไปทางท้ายเรือ
“ใครหรือพี่เซปา” เหมืองมองตามหลัง พลางถามต่อหน้าเจ้าของเรือ “ฉันว่าฉันเคยเห็นเขามาก่อน”
“เห็นที่ใด” กัปตันก็ใคร่รู้
“ยังนึกไม่ออก…ขอเวลาสักประเดี๋ยวหนึ่งหรืออาจจะอีกสักคืนหนึ่ง…” เหมืองตอบพร้อมครุ่นคำนึง หากก็มิถึงกับแจ้งใจ “ว่าแต่ว่า ถ้ากระผมจะขอเชิญใต้เท้าไปเยี่ยมเรือของกระผมบ้าง จะลำบากเกินไปรือไม่ขอรับ”
“ไม่ลำบากใดๆ เพียงแต่ข้าอยากต้อนรับเจ้าด้วยเหล้าองุ่นแลของกินที่มีพร้อมในเรือนี้ก่อนไปเยือนเรือเจ้าจะได้หรือไม่”
“ถ้าเช่นนั้นก็ได้ขอรับ…แต่ใต้เท้าจะไม่ขึ้นฝั่งไปพบเจ้าเมืองหรือขอรับ”
“ยังไม่ต้องก็ได้”
ทันใดนั้น ก็มีเสียงดังโหวกเหวกจากซ้ายมือ เมื่อมองไปจากบานเกล็ดก็แลเห็นเรือแคนนู มีคนกรรเชียงสองคนพาเรือออกจากฝั่งตรงมา
กันตังจึงออกไปยืนรอฟังข่าวพร้อมลูกเรือ
“มีจดหมายเจ้าเมืองให้มาเชิญคุณหลวงขึ้นไปพักที่บ้าน” คนกรรเชียงหัวบอกกล่าว
กันตังจึงรีบชะโงกออกไปรับ พลางหันไปทางลูกเรือที่มีเชื้อสายมลายูเช่นกัน
“กูจะเข้าไปเอง” โดยพลันที่ลูกเรือไม่ทันอ้าปาก ชายแปลกหน้าเมื่อเช้าที่บัดนี้ท่าทางราวกับคุ้นเคยก็ผลุบหายเข้าไปในประตู คลานไปคุกเข่าต่อหน้าอาคันตุกะผู้มาใหม่ ผู้เพ่งมองเขาตาไม่กะพริบ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 64 : หัวใจคนเป็นพ่อ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 63 : ให้อภัยคนพาล แต่ไม่ขอคบหา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 62 : ถอนสมอ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 61 : เรารักกันเจ้าค่ะ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 60 : สองทางเลือก
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 59 : ทะเลนี่ไม่ใช่ของมันคนเดียว!
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 58 : คบได้หรือไม่ แล้วจะได้รู้กัน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 57 : ขืนต่อกรรมชั่วกันสืบไป
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 56 : อุบายของเหมือง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 55 : มหาโจร...คนธรรมดา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 54 : เรื่องราวในรุ่นพ่อ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 53 : ลูกโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 52 : หรือว่ามันคือสายโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 51 : ปล้นหญิง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 50 : หญิงคนสำคัญ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 49 : มุ่งคืนสู่ดูรา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 48 : แลกเปลี่ยน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 47 : กูเป็นพ่อค้า แต่มันเป็นโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 46 : เสียรู้มหาโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 45 : หนี!!
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 44 : ร้ายกว่าโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 43 : คู่ควร...ไม่คู่ควร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 42 : น่ากลัวยิ่งกว่าสะลอแม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 41 : อดีตลูกน้องโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 40 : ใจโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 39 : เขามีนาง นางมีเขา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 38 : หัตถ์แห่งโชคชะตา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 37 : เผชิญภัย
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 36 : ความหลังฝังใจ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 35 : ภาวนา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 34 : วันอันรุ่งเรือง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 33 : หลอมแร่
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 32 : คือใครคือเขา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 31 : คืนฟ้าคำรณ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 30 : รอบเกาะ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 29 : ล่องนาวา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 28 : ทุกข์ในใจนาง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 27 : ต่อรอง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 26 : ขวางหูขวางตา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 25 : กัปตันโฮป
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 24 : ต้อนรับขับสู้
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 23 : ปล้นและฆ่า
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 22 : สลัด
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 21 : ร้อยโทโลว์
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 20 : สัญญา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 19 : คุณพระ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 18 : ขมุกขมอม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 17 : คลับคล้าย
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 16 : ขัดคอ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 15 : รอรับ รับรอง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 14 : รุมร้อน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 13 : รู้รอบ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 12 : รักรุม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 11 : ลึกลับ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 10 : ลับลวง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 9 : แรกรุ่น
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 8 : ร่ำเรียน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 7 : รับรอง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 6 : เรือเร็ว
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 5 : รอบรู้
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 4 : เหลี่ยมเล่ห์
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 3 : ล่องเรือ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 2 : รอลม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 1 : รอนแรม
- READ "ข้ามมหาสาคร" กับนายท้ายเรือ ‘กฤษณา อโศกสิน’