
ข้ามมหาสาคร บทที่ 9 : แรกรุ่น
โดย : กฤษณา อโศกสิน
“ข้ามมหาสาคร” นวนิยายพีเรียด โดย กฤษณา อโศกสิน ศิลปินแห่งชาติสาขาวรรณศิลป์ เรื่องราวความรักโรแมนติกของสองหนุ่มสาวที่ต้องฝ่าฟันอุปสรรคนานัปการไปจนถึงความรักชาติรักแผ่นดินและการต่อกรกับชาติตะวันตกที่จ้องจะเข้ามาครอบครอง นิยายออนไลน์อีกหนึ่งเรื่องที่ อ่านเอา อยากให้คุณได้อ่านออนไลน์
************************
– 9 –

เจ้าเมืองอึ้งไปเช่นกัน หากก็ชมเชยทันใด เป็นกำลังใจให้สาวน้อยตรงหน้า
ในที่สุดก็เอ่ยขึ้นเรียบๆ
“แล้วเจ้าดีใจหรือไม่ที่ได้มาเป็นลูกคุณพ่อผู้นี้”
“ดีใจยิ่งเจ้าค่ะ”
“ข้าเองก็ยังดีใจแทนเจ้าเลยนะ แม่หนู รู้รือไม่ว่าเจ้าโชคดีเพียงใด…จะหาใครเสมอเหมือนพ่อของเจ้าผู้นี้ เห็นจะยากนัก”
ดูราเลยหันมา ยิ้มแล่นขึ้นไปเป็นประกายในดวงตาดำขลับพลางก็พนมมือ
“เป็นวาสนาของลูกยิ่งนักเจ้าค่ะคุณพ่อที่มิว่าไปหนใด ก็มีแต่คนบอกว่าลูกช่างโชคดีที่ได้มาอยู่กับคุณพ่อ” นางยกย่องบิดาบุญธรรมด้วยถ้อยคำฉ่ำหวาน ชวนให้ทุกบุรุษ ณ ที่นั้นพลันเอ็นดู
สังข์นึกเสียดายที่ตนเองมีคู่แล้ว แลนางนั้นกำลังตั้งครรภ์
ฝ่ายดาบหมายมั่นอยู่มิวาย
กลับถึงบ้านเที่ยวนี้ จะเริ่มเรื่องที่ฝันถึงอย่างไรดี
เหมืองก็เช่นกัน…
โคมระย้าที่ห้อยจากเพดานส่องแสงให้แลเห็นแม้กระทั่งขนตาหนายาวของสาวน้อยนวลระหง
ผิวสองสีของอนงค์นางอันพ้นสไบแพรออกมาดูเปล่งปลั่งดังอาบด้วยน้ำกุหลาบจากเปอร์เซีย
สินสอดทองหมั้นที่อยู่ในความคำนึงยามนี้ แม้มากเพียงไหนก็หาเสียดายไม่
เหมืองหมายมั่นอยู่ในอก ขณะสะทกสะเทือนดังหนึ่งเสียงเคลื่อนตัวของแผ่นดินไหว
ยิ่งมองนาง ก็ยิ่งสั่นไปถึงหัวใจ
กระทั่งได้ยินเจ้าเมืองถามไถ่ถึงผู้แทนชาวอังกฤษที่นัยว่ากำลังเดินทางมาเพื่อยื่นหนังสือแก่เจ้าเมืองนครศรีธรรมราชอันเป็นเมืองชั้นเอกแห่งภาคใต้ เช่นเดียวกับเมืองพิษณุโลกเป็นเมืองชั้นเอกของภาคเหนือ…แต่นัยว่าจะต้องยื่นไว้ที่เจ้าเมืองไทรบุรีผู้เป็นบุตรชายเจ้าพระยานครฯก่อนอื่นใด
ชายสองคนหรือจะสนใจการเมืองมากกว่าการบ้านอันมีรุ่นสาวเยาว์วัยแต่ไม่ถึงกับเยาว์ความอยู่ตรงหน้า
จึงดูนางได้รับเกียรติอันยิ่งใหญ่ที่แทบไม่มีสตรีใดเคยได้รับมาก่อน
แม้บุรุษชาวสยามส่วนใหญ่จะไม่กีดกันการใดๆของสตรีเนื่องด้วยหญิงสยามเป็นผู้สงบเสงี่ยมเจียมกายแต่เดิมมา มิเคยท้าทายกลั่นกล้าชิงดีกับเหล่าบุรุษ ฝ่ายบุรุษก็ต้องออกไปรับใช้ราชการปีละหลายเดือน สตรีจึงอยู่เหย้าเฝ้าเรือน ทำนา ปลูกผัก ทอผ้า หรือค้าขายในตลาดของท้องถิ่น จึงต่างก็ยินดีในหน้าที่ของตน
ครั้นถึงค่ำคืนนี้ มีเยาวนารีคนหนึ่ง เข้ามานั่งผึ่งผายอยู่ท่ามกลางชายทั้งยศใหญ่แลยศน้อย ทั้งร่ำรวยรุ่งเรืองแลพร้อมพรั่งด้วยกำลังปัญญา เตรียมเอ่ยวาจารอบรู้อันดูเป็นของแปลก จึงแม้แต่เจ้าเมืองก็จดจ่ออยู่ที่ถ้อยคำของนาง
“แล้วนี่เจ้าไปกับพ่อ กว่าจะถึงไทรบุรี ไม่กลัวพายุฝนบ้างดอกรึ…พายุมาตะละที่ก็หาใช่เล่นไม่” ท่านพระยาถามไถ่อย่างรู้สึกผาสุก พลางหันไปทางดาบ “ก็เจ้าเล่า…คงเข้าใจการทำเหมืองดีแล้วนะ เคยไปกะกำปั่นบ้างรือไม่…ไปมะละกา-ปีนัง สิงคโปร์”
“เคยขอรับ เคยหนหนึ่ง คุณพ่อพาไป” ดาบตอบคำอย่างสุภาพ
“แล้วเจ้าล่ะ” พลางหันไปถามด่านกับด้าว “เคยไปรึไม่”
“ไปกันทั้งสามขอรับ เว้นน้องดูราซึ่งคุณพ่อเห็นว่ายังเล็กนัก” ด่านตอบฉาดฉาน “อีกอย่างก็เป็นหญิง”
“แต่หญิงอย่างอิฉันรักชอบเรื่องทางไกลเหมือนกันเจ้าค่ะ” ดูรายิ้มพรายด้วยริมฝีปากบางมีเสน่ห์ “อยากทราบว่าจีน แขก ฝรั่งนี่เขาเป็นอย่างไร”
เจ้าเมืองก็เลยตบหัวเข่าตนเองเบาๆ หัวเราะชอบใจ
“ดูเอาเถิด เหตุไฉนลูกหญิงจึงเฉลียวฉลาดเช่นนี้…คุณหลวงบำรุงเลี้ยงอย่างไรจึงรู้เรื่องเกินกว่าหญิงจะรู้”
“เพราะอยู่กะตาขอรับ” คุณหลวงตอบสนอง
ตาปันจังจึงขยับกายในท่าสำรวม หากก็เอ่ยอย่างถ่อมตน
“กระผมเคยเป็นศิษย์สมภารเกาะถลางขอรับ…ท่านรอบรู้เรื่องราวของถิ่นฐานบ้านช่องคนสยาม คนจีน คนมลายู คนฝรั่งดียิ่งขอรับ ก็เล่าวันละเล็กละน้อยจนกระผมจดจำไว้ แล้วก็นำมาใช้ดูชาวเชื้อชาติต่างๆที่ท่านว่าไว้ขอรับ”
“ท่านว่าไว้ว่ากระไร” ท่านพระยาซักไซ้อย่างสนุก
“ท่านว่าจีนกะแขกนั้นมิสู้จะกระไรในเรื่องแย่งชิงเอาประโยชน์ขอรับ” ตาปันจังพูดไปยิ้มไป “แต่ฝรั่งนี่ไม่ได้…เป็นมาตั้งแต่สมัยกรุงเก่ายังไม่แตกโน่นแล้วขอรับ…ว่า…ฝรั่งไม่เคยยอมเสียประโยชน์ใดใด จะแย่งชิงทุกยิบตา เช่น ขอที่ดินไว้ทำสถานีสินค้า แต่แล้วก็เอาสถานีนั่นมาทำป้อมก็ยังกล้าทำ แต่จีนกับแขกไม่ใช่เช่นนั้น เขามักจะยอมทำตามข้อบังคับโดยดีขอรับ”
เจ้าเมืองพังงาพยักหน้า หากในความเป็นใหญ่นั้นมีอยู่
นั่นก็คือต้องเป็นผู้รอบคอบในการออกความเห็น
แต่เหมืองก็ฟังบ้างมิฟังบ้าง ด้วยว่าใจนั้นจดจ่ออยู่ที่นางผู้นั่งข้างขวาคุณหลวงผู้อยู่ปลายพรมด้านหนึ่ง ตรงข้ามกับเจ้าเมืองผู้อยู่ปลายพรมอีกด้าน นอกนั้นก็นั่งเรียงกันไปทั้งสองฟาก กลางพรมบัดนี้เหลือแต่กาชาทองเหลืองสองที่กับถ้วยชากระเบื้องจีนครบจำนวนคน
ดูรามองไล่ไปยังหน้าตาแลเครื่องแต่งกายชายทั้งนั้น แล้วอดรู้สึกมิได้ว่า คืนนี้ แม้แต่ตาของหล่อนก็ทั้งนุ่งผ้าสวมเสื้อไม่เปลือยท่อนบนเหมือนเคยเปลือยทุกวัน
ดาบก็เลยแอบกระซิบกับนางเมื่อสักครู่ว่า
‘ทุกคนเตรียมรับฝรั่ง’
‘แต่คราวนี้ชายทุกคนนอกจากไพร่ทาสต้องใส่เสื้อให้ฝรั่งเห็นว่า เราก็ใส่เสื้อเป็นเหมือนกัน ผ้าของเราก็ดีไม่แพ้ผ้าฝรั่ง เพียงแต่บ้านเราร้อน ก็เลยเปลือยท่อนบน’
‘ผ้าฝ้ายทอมือนี่ละหรือพี่ ไม่ใช่ไหมแพรผ้าลายสวยจากเมืองแขกนะ’
ค่ำคืนนี้ ดูราจึงได้แต่รู้สึกว่าโลกของนางกว้างออกไป มิได้คับแคบอยู่แต่ในเรือนกับเหมืองดีบุกของบิดาที่นานๆจึงตามพี่ชายออกไปดูที่ทางหว่างเหมืองกับภูผาป่าไม้ พายเรือล่องไปตามอ่าวอันมีน้ำทะเลใสแจ๋วกับตายายสักหนสักครั้งอีกต่อไป แม้คุณหลวงจะเคยพาออกทะเลใหญ่เพื่อให้ชินกับแรงคลื่นลมเป็นครั้งคราว ก็ไม่ถึงกับบ่อยนัก
“แล้วนี่ถ้าเกิดคนอังกฤษมาทันพบกับท่านพ่อ แม่หนูจะลองส่งภาษากับเขาไหม” เจ้าเมืองกำลังสนใจในสาวน้อยจึงถามต่อ
“ลองเจ้าค่ะ”
“ดีจริงๆหนู เก่งมาก” เจ้าเมืองพยักหน้าอย่างเห็นได้ชัดว่าชื่นชมนิยมในตัวสตรีวัยเยาว์อย่างจริงใจโดยมิได้มีจิตอคติใดๆระหว่างเพศ
ขณะที่ชายทุกคน ณ ที่นี้ต่างมีสีหน้าคล้อยตาม
จะมิเห็นด้วยได้อย่างไรในเมื่อวีรกรรมครั้งยิ่งใหญ่ของคุณหญิงจัน ภริยาเจ้าเมืองถลางแลอำแดงมุกน้องสาวก็ปรากฏเด่นเป็นที่ลือชา ข้ามจากแผ่นดินแห่งล้นเกล้าฯรัชกาลที่ 1 จนกระทั่งมาถึงรัชกาลที่ 2 ณ บัดนี้ว่า
หญิงสยามมิเคยเป็นรองใคร
เพียงแต่ ‘โอกาส’ เท่านั้น มีมาให้หรือไม่
“นี่ก็กำลังภาวนานะว่า…ขอให้ฝรั่งมาทัน” เจ้าเมืองก็ยังคงใคร่เหนี่ยวรั้งคุณหลวงให้ค้างคืนสืบไป “คุณหลวงจะค้างอีกหลายคืนก็ได้นะ”
“คงไม่รบกวนใต้เท้าถึงเช่นนั้นดอกขอรับ” อีกฝ่ายก็เลยรีบตัดบท ด้วยว่าใคร่พาดูราไปชมความกว้างใหญ่ของทะเลอันดามันมากกว่า เพราะเรือลำใหม่นี้มีห้องหับสุขสบาย หากถ้าไปจนถึงปีนังอันเป็นสถานีใหญ่ เป็นชุมทางแลกเปลี่ยนสินค้าของหลายชนชาติก็ใคร่ไปให้ถึง
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีชายคนหนึ่งมาปรากฏกาย พร้อมจะเป็นผู้ช่วยกัปตัน
ท่าทางกลั่นกล้าใช้ได้จริง มิใช่เพียงล้อหลอกกันเล่นๆ
คุณหลวงเป็นผู้กล้าได้กล้าเสียในทางคิดอ่านการสำคัญอันเป็นความคิดที่ไกลออกไป มิใช่เพียงเฉพาะหน้า
ดังนั้น หลังจากตัดสินใจแล้วทุกครา จึงมุ่งมั่นแต่จะก้าวออกไป ไปสู่ที่กว้างทางไกลที่จะทำให้ธุรกิจการทำเหมืองแลปลูกข้าวส่งออกดีบุกส่งออกข้าวก้าวไปข้างหน้าอย่างค่อยเป็นค่อยไปด้วยเรือสำเภาสามลำที่มีอยู่ ที่กะว่าจะยกให้ลูกชายสามคนคนละลำ นำไปเป็นต้นทุนต่อยอดส่งสินค้าสู่แดนไกล
ขายดีบุกแลข้าวหมดลำ ย่อมต้องซื้อสินค้าแปลกตา คุณภาพแปลกใหม่กลับมาขายที่นี่
ดังเช่น ผ้าอังกฤษ ผ้าอินเดีย เครื่องแก้ว พริกไทย การบูร
นั่นก็เนื่องด้วยสินค้าจากอินเดียจะถูกลำเลียงไปยังเมืองท่าในคาบสมุทรมลายูก่อนนำเข้าสู่สยาม
นอกจากพระมหากษัตริย์แลพระบรมวงศานุวงศ์แล้ว จึงยังมีเพียงขุนนางแลเศรษฐีเท่านั้นที่เข้ามามีบทบาทสำคัญในการค้าทางฝั่งตะวันตกนี้ได้ โดยเฉพาะในรัชกาลที่ 2 ซึ่งเริ่มการค้าทางไกลโดยเรือสำเภาด้วยกำลังพระปัญญาของกรมหมื่นเจษฎาบดินทร์หรือพระองค์เจ้าชายทับ พระราชโอรสองค์ใหญ่
ด้วยพระประสงค์ที่จะหาเงินมาใช้จ่ายในแผ่นดิน
เพราะนอกจากอากรค่านาค่าสวนแลอื่นๆที่ได้จากราษฎรแล้วก็ไม่มีสิ่งใดสามารถจะค้ำชูความเป็นปึกแผ่นได้มิว่าทางใด
หลังจากทรงแต่งสำเภาไปค้าขายต่างเมืองจนมั่งมีมาก จึงทรงนำกำไรนั้นมาใช้ในราชการส่วนหนึ่ง อีกส่วนหนึ่งเก็บไว้เพื่อเป็นทุนสำรองในยามมีเหตุคับขัน
การที่ไม่มีเงินเหลือในท้องพระคลังเพราะพม่าขนเอาไปหมดเกลี้ยงตั้งแต่รัชกาลที่ 1 ช่วยให้เมื่อมาถึงรัชกาลที่ 2 จึงมิทรงประมาท
หลวงประกาศบุรีคือผู้หนึ่งซึ่งนำภัยอันคิดไม่ถึงที่เคยเกิดขึ้นกับสยาม แล้วจดจำกันสืบมา เก็บมาระวังระไวชีวิตตน
“มากันคราวนี้ กระผมคิดแค่ไปให้ถึงไทรบุรี…แต่พอดีพบชายคนหนึ่ง มาจากปีนัง ก็เลยคิดว่าถ้าไม่ติดขัดใดๆก็จะไปให้ถึงที่นั่นขอรับ”
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 64 : หัวใจคนเป็นพ่อ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 63 : ให้อภัยคนพาล แต่ไม่ขอคบหา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 62 : ถอนสมอ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 61 : เรารักกันเจ้าค่ะ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 60 : สองทางเลือก
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 59 : ทะเลนี่ไม่ใช่ของมันคนเดียว!
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 58 : คบได้หรือไม่ แล้วจะได้รู้กัน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 57 : ขืนต่อกรรมชั่วกันสืบไป
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 56 : อุบายของเหมือง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 55 : มหาโจร...คนธรรมดา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 54 : เรื่องราวในรุ่นพ่อ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 53 : ลูกโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 52 : หรือว่ามันคือสายโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 51 : ปล้นหญิง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 50 : หญิงคนสำคัญ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 49 : มุ่งคืนสู่ดูรา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 48 : แลกเปลี่ยน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 47 : กูเป็นพ่อค้า แต่มันเป็นโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 46 : เสียรู้มหาโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 45 : หนี!!
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 44 : ร้ายกว่าโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 43 : คู่ควร...ไม่คู่ควร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 42 : น่ากลัวยิ่งกว่าสะลอแม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 41 : อดีตลูกน้องโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 40 : ใจโจร
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 39 : เขามีนาง นางมีเขา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 38 : หัตถ์แห่งโชคชะตา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 37 : เผชิญภัย
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 36 : ความหลังฝังใจ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 35 : ภาวนา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 34 : วันอันรุ่งเรือง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 33 : หลอมแร่
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 32 : คือใครคือเขา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 31 : คืนฟ้าคำรณ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 30 : รอบเกาะ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 29 : ล่องนาวา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 28 : ทุกข์ในใจนาง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 27 : ต่อรอง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 26 : ขวางหูขวางตา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 25 : กัปตันโฮป
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 24 : ต้อนรับขับสู้
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 23 : ปล้นและฆ่า
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 22 : สลัด
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 21 : ร้อยโทโลว์
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 20 : สัญญา
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 19 : คุณพระ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 18 : ขมุกขมอม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 17 : คลับคล้าย
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 16 : ขัดคอ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 15 : รอรับ รับรอง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 14 : รุมร้อน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 13 : รู้รอบ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 12 : รักรุม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 11 : ลึกลับ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 10 : ลับลวง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 9 : แรกรุ่น
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 8 : ร่ำเรียน
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 7 : รับรอง
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 6 : เรือเร็ว
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 5 : รอบรู้
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 4 : เหลี่ยมเล่ห์
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 3 : ล่องเรือ
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 2 : รอลม
- READ ข้ามมหาสาคร บทที่ 1 : รอนแรม
- READ "ข้ามมหาสาคร" กับนายท้ายเรือ ‘กฤษณา อโศกสิน’