
คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี บทที่ 16 : ลอบทำร้าย
โดย : พงศกร
คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้จากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อวิญญาณของแพทย์หญิงยุคปัจจุบันเข้าไปอยู่ในร่างแม่หญิงแห่งกรุงศรีผู้บอบบางที่มีคนหมั่นไส้ทั้งเมือง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติชีวิตของแม่หญิงคนนี้ให้แข็งแกร่ง ไม่ต้องพึ่งพาผู้ชายคนไหน โดยเฉพาะคุณหลวงกำแหงฤทธิรณ หนุ่มหล่อ…อยุธยาคิ้วต์บอยคนนั้น!
“แหม…” ทันทีที่กลับถึงเรือน ดาราเรศยังไม่ทันทรุดกายลงนั่งให้หายเหนื่อย ผีผมจุกก็โผล่หน้ามาหา พร้อมกับเอ่ยชม “น้านี่เก่งชะมัด ไล่พวกนั้นเสียกระเจิงไปเลย หนูยังไม่ทันได้ออกไปช่วยสักนิด”
“ไม่ยอมทำตามหน้าที่ งั้นวันนี้อดขนมต้มไปเลย” ดาราเรศว่า
“อ้าว…น้า” หนูยอดหน้างอ “ก็บอกแล้วไงว่ายังไม่ทันได้ออกไปหลอกพวกนั้น น้าก็จัดการไปแล้ว…น้าเก่งออกจะตาย ไม่ต้องให้หนูช่วยก็ได้”
“เจอแบบนี้บ่อยๆ ก็ไม่ไหว” ดาราเรศพึมพำ
“ตกลงหนมต้มจะได้ไหม” เด็กผีทวง
“สองลูก” ดาราเรศโคลงศีรษะ
“สาม” เด็กผีต่อรอง
“ได้คืบจะเอาศอก” ดาราเรศว่า
“ตกลงจะให้ไหม” เด็กผีขู่ “ถ้าไม่ให้หนูจะทำลูกตากลิ้งออกมาให้ดูอีกนะ หรือจะให้แหวกอกให้ดูดีล่ะจ๊ะน้า”
“พอเลย” ดาราเรศส่ายหน้า “สามก็สาม”
นังแหวนสังเกตเห็นท่าทางประหลาดของผู้เป็นนาย ก็เริ่มงงว่าแม่หญิงดาราพูดกับใคร
“แม่หญิงเจ้าคะ” แหวนชะโงกหน้าไปจนใกล้ “แม่หญิงว่าอย่างไรเจ้าคะ”
“เปล่า” ดาราเรศเพิ่งนึกได้ว่ามีแต่เธอคนเดียวที่เห็นหนูยอด
“เปล่าอะไร ก็แม่หญิงพูดอะไรสักอย่าง แหวนฟังไม่ถนัด” นังแหวนจ้องหน้า
“ฉันก็พึมพำไปยังงั้นละ…” จะให้บอกยังไงว่าคุยกับผี ประเดี๋ยวก็ได้กระเจิดกระเจิงกันทั้งเรือน ดาราเรศเลยรีบเปลี่ยนเรื่อง “หล่อนรีบไปเตรียมข้าวของให้พร้อม ประเดี๋ยวเราต้องไปสอนบ่าวบ้านคุณหญิงกระต่ายทำขาหมูพะโล้ อย่าลืมเสียล่ะ”
“อุ๊ย…จริงด้วยเจ้าค่ะ” นังแหวนนึกขึ้นได้ เลยกุลีกุจอวิ่งลงไปที่ครัว สั่งบ่าวไพร่ให้ตระเตรียมข้าวของที่ดาราเรศบอกเอาไว้ ครั้นพอได้เครื่องปรุงและวัตถุดิบทุกอย่างครบครัน เธอและเจ้านายสาวก็ลงเรือ มุ่งหน้าไปยังเรือนของออกญานคเรศฤๅไชยตามที่รับปากคุณหญิงกระต่ายเอาไว้
เมื่อไปถึงเรือนหลังใหญ่ของท่านเจ้าคุณฯ ดาราเรศก็พบว่าสามีของเธออยู่ที่นั่นด้วย พวกผู้ชายกำลังปรึกษาข้อราชการกันอยู่อย่างเคร่งเครียด ขณะที่เธอมุ่งหน้าไปยังเรือนครัวเพื่อสอนคุณหญิงกระต่ายและบรรดาบ่าวไพร่ว่า การจะทำพะโลขาหมูให้อร่อยนั้น มีเคล็ดลับอย่างไรบ้าง
“ยางมะละกอ” คุณหญิงกระต่ายจ้องมองน้ำสีขาวในชามเคลือบตรงหน้า “เอามาใช้ทำอะไร”
“หมักขาหมูก่อนจะนำไปเคี่ยวเจ้าค่ะ” ดาราเรศลงมือสาธิตด้วยความชำนาญ “เคล้ายางมะละกอกับขาหมูให้ทั่ว เอาใบตองคลุมไว้ หมักประมาณครึ่งชั่วโมง พอเคี่ยวเสร็จเรียบร้อย ทีนี้ขาหมูก็จะนุ่ม เคี้ยวแทบละลายในปากเลยละเจ้าค่ะ”
“มิน่าล่ะ” คุณหญิงกระต่ายเอ่ยชม “ขาหมูของแม่ดาราถึงได้นุ๊ม นุ่ม ฉันทำอย่างไรก็ทำได้ไม่เหมือน ไม่นึกเลยว่าเคล็ดลับคือใช้ยางมะละกอหมักเท่านั้นเอง”
“ใช่แล้วเจ้าค่ะ” ดาราเรศอธิบายคล่องแคล่ว “ยางมะละกอมีเอนไซม์ ช่วยทำให้ขาหมูนุ่มไวขึ้น”
“เอ็น เอ็น อะไรนะ” คุณหญิงกระต่ายนิ่วหน้า ไม่เข้าใจว่าแม่หญิงที่เธอเอ็นดูไม่ต่างกับธิดาของตัวเอง พูดภาษาประหลาดอะไร
“เอ้อ…ไม่มีอะไรคะ” ดาราเรศนึกขึ้นได้ “ดีฉันก็พูดเรื่อยเปื่อย คุณแม่อย่าถือสาเลยเจ้าค่ะ แค่จะหมายความว่า ยางมะละกอมีฤทธิ์ทำให้ขาหมูเปื่อยเร็วขึ้นเท่านั้น และนี่คือเคล็ดลับที่ทำให้ขาหมูพะโล้ นุ่มและอร่อย เมื่อเคี่ยวแล้วน้ำพะโล้ก็จะเข้าเนื้อเร็วขึ้น”
“สงสัยวันหน้าวันหลัง ต้องให้แม่ดารามาสอนทำอาหารอย่างอื่นด้วยแล้วละ” คุณหญิงกระต่ายเอ่ยชม “หล่อนนี่ก็คมในฝักนะ ไม่เคยรู้เลยว่านอกจากทำเครื่องหอมเก่งแล้ว ยังทำอาหารเก่งอีกด้วย”
ขณะที่บรรดาสาวๆ กำลังสนุกสนานกับการปรุงอาหารอยู่ในเรือนครัว เหล่าบุรุษบนเรือนใหญ่กลับเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด เพราะบัดนี้เป็นที่แน่ชัดแล้วว่าเหตุร้ายที่เกิดขึ้นในพระนคร หาใช่ฝีมือของผีปอบอย่างที่ลือกันไม่ หากแต่เกิดจากน้ำมือคน ซึ่งยังไม่รู้ว่าเป็นใครและทำไปเพื่ออะไร
บรรยากาศการประชุมเต็มไปด้วยการวางแผนเพื่อจะหาตัวคนร้ายให้ได้ ออกญานคเรศฤๅไชยสงสัยว่าอาจจะมีต่างชาติเข้ามาเกี่ยวข้อง โดยเฉพาะพวกญี่ปุ่นที่ตอนนี้กำลังมีเรื่องไม่พอใจอยุธยาเป็นอย่างมาก ยังจะพวกวิลันดาอีก ถึงจะไม่ได้มีท่าทีอะไรให้ผิดสังเกต หากก็ยังไว้ใจไม่ได้ ด้วยเหตุนี้คุณหญิงกระต่ายจึงสั่งบ่าวไพร่ให้ยกอาหารขึ้นไปให้พวกท่านเจ้าคุณ ส่วนตัวเธอเองนั้นนั่งกินข้าวอยู่กับแม่หญิงดาราอยู่ในครัว
“ดูคุณหญิงเครียดจังนะเจ้าคะ” ดาราเรศสังเกตเห็นสีหน้าของผู้สูงวัยไม่สู้ดี
“ฉันสังหรณ์ใจยังไงก็ไม่รู้…ว่าเร็วๆ นี้ อาจจะเกิดเรื่องใหญ่ในพระนคร” คุณหญิงกระต่ายถอนใจ ไม่เคยเห็นมีครั้งไหนที่ท่านเจ้าคุณสามีจะเครียดเท่าครั้งนี้มาก่อน
“แต่อย่างน้อยเราก็รู้แล้วว่าไม่ใช่ผีปอบ เป็นคนวางแผนทำให้หวาดกลัวนะเจ้าคะ” ดาราเรศพลอยถอนใจไปด้วย
“เป็นผียังจะดีเสียกว่า” คุณหญิงกระต่ายพึมพำ “อย่างน้อยก็จัดการง่ายกว่าคน”
“ก็จริงนะเจ้าคะ” ดาราเรศพยักหน้า
“จริงสิแม่ดารา” คุณหญิงกระต่ายนึกขึ้นได้ “ค่ำมืดป่านนี้แล้ว แม่ดารานอนค้างที่เรือนของฉันก่อนไหม วันพรุ่งค่อยกลับ เพราะดูท่าทางแล้วพวกผู้ชายคงจะปรึกษางานกันจนถึงรุ่งสาง”
“ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ” ดาราเรศส่ายหน้า
เธอสั่งบ่าวเก็บดอกไม้มารอไว้แล้ว ต้องกลับไปเตรียมทำน้ำปรุงชุดใหม่สำหรับจำหน่ายในวันพรุ่งนี้เลย เพราะดอกไม้สดพวกนี้ ถ้าหากเก็บข้ามคืน กลีบจะช้ำจนพาให้กลิ่นหอมเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม และเธอยังสั่งบ่าวในเรือนให้เตรียมมะพร้าวเอาไว้อีกด้วย ดาราเรศตั้งใจว่าจะกลับไปกลั่นเอาน้ำมันมะพร้าว เตรียมไว้ใช้สำหรับผสมครีมบำรุงผิว ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ที่จะทำออกขายที่ร้านเสริมความงาม
“มีงานรออยู่ที่เรือนอีกมากมาย ยังไงดีฉันก็ต้องขอกราบลาไปก่อนเจ้าค่ะ”
“โถ ขยันจริงๆ เป็นแม่บ้านแม่เรือนแบบนี้ น่าชื่นใจแทนคุณหลวงเข้มนะจ๊ะ” คุณหญิงกระต่ายเอ่ยชม “ยังไงถ้าคิดจะกลับเรือนละก็ ขึ้นไปลาผัวเขาสักหน่อย ประเดี๋ยวตามลงมาหาที่ครัวไม่พบ จะสงสัยว่าแม่ดาราหายไปไหน”
“เจ้าค่ะ” ดาราเรศส่งยิ้มให้กับคุณหญิงกระต่าย ก่อนจะแอบย่องขึ้นเรือนไปลาสามีตามคำแนะนำของอีกฝ่าย
หญิงสาวเห็นผู้ชายยังรวมกลุ่มถกเถียงกันอย่างหน้าดำคร่ำเคร่ง เลยทำท่าลับๆ ล่อๆ อยู่ที่มุมห้อง พอออกหลวงกำแหงฤทธิรณหันมาเห็นเข้าจึงรีบลุกมาหา
“มีอะไรหรือแม่ดารา”
แสงเรืองรองจากไต้บนผนัง ขับให้ดวงหน้าคมสันของเขาดูหล่อเหลากว่าเดิม ความที่เคร่งเครียดกับงานต่อเนื่องมาหลายวัน ทำให้ออกหลวงเข้มลืมโกนหนวด ไรหนวดสีเขียวอ่อนจางเหนือริมฝีปากบางของชายหนุ่มจึงดูคมเข้มเสียจนดาราเรศต้องหลุบตาลงต่ำ ไม่กล้าจ้องหน้าสามี เพราะกลัวเขาจะจับได้ว่าหล่อนกำลังหน้าแดง
“เสร็จธุระกับคุณหญิงกระต่ายแล้ว ฉันเลยจะมาลาคุณหลวงกลับเรือนเจ้าค่ะ” เธอเอ่ยเสียงแผ่ว
“ถ้าเช่นนั้นกลับเรือของฉัน เอาเรือของหล่อนทิ้งไว้ที่นี่” ออกหลวงหนุ่มสั่ง
เขามีเรือประจำตำแหน่ง ม่านที่ขึงกั้นกัญญากลางเรือบอกถึงยศศักดิ์ เป็นเรือพระราชทานให้ขุนนางและครอบครัวได้ใช้สัญจรไปมา ปกติแล้ว หากไม่ขี่ม้าลาดตระเวนไปตามที่ต่างๆ ออกหลวงกำแหงฤทธิรณก็จะนั่งเรือลำนี้ไปทำงานทุกวัน
“อุ๊ย” ดาราเรศทำตาโต “จะดีหรือเจ้าคะ”
“ค่ำแล้ว” ออกหลวงหนุ่มทำเสียงแผ่วต่ำในลำคอ “นั่งเรือของฉันปลอดภัยกว่า”
“เจ้าค่ะ” ดาราเรศเห็นแววตาเป็นห่วงของอีกฝ่าย เลยกลืนคำพูดที่กำลังจะเถียงเขาลงไปในคอ ได้แต่ยอมทำตามแต่โดยดี
เธอก้าวลงเรือของออกหลวงกำแหงฤทธิรณไปกับนางแหวน บ่าวไพร่ที่ติดตามเธอมานั้น ล่วงหน้ากลับกันไปก่อนแล้ว ครั้นพอร่างบอบบางลงนั่งในกัญญากลางลำเรือเรียบร้อย เรือประจำตำแหน่งของออกหลวงกำแหงฤทธิรณก็พาแม่หญิงดารามุ่งหน้ากลับเรือน
…ท่ามกลางความสลัวรางของสนธยา และแสงดาวที่กะพริบพราวบนฟากฟ้า…
…นั่งเรือของฉันปลอดภัยกว่า…
คำพูดของออกหลวงหนุ่มนั้นก้องอยู่ในหูของดาราเรศ และทำให้หัวใจของเธอเต้นระรัวอย่างน่าประหลาด
ดาราเรศเกือบจะเชื่ออยู่แล้วว่าประโยคที่สามีกล่าวนั้นเป็นความจริง ถ้าเรือประจำตำแหน่งของออกหลวงกำแหงฤทธิรณจะไม่โคลงเคลงไปมาอย่างรุนแรงเสียก่อน เสียงของฝีพายที่นั่งอยู่ข้างท้ายตะโกนด้วยความตื่นตระหนกว่า
“แม่หญิง จับเรือไว้แน่นๆ นะขอรับ”
“เกิดอะไรขึ้น” ดาราเรศตกใจ
“มีคนร้ายขอรับ” ฝีพายเสียงสั่นด้วยความตกใจ “มันไล่ตามเรามาสักพักหนึ่งแล้ว”
“คนร้าย..พวกมันเป็นใครกัน” ดาราเรศใจหายวาบ
“ไม่รู้ขอรับ มากันสองหรือสามลำ กระผมมองไม่ถนัด” ฝีพายหายใจหอบ
ดาราเรศเลิกม่านออกและชะโงกหน้าไปมอง แล้วก็ต้องร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ เมื่อเห็นเรือลึกลับกำลังเร่งความเร็วขึ้นประกบเรือของเธอข้างซ้ายและขวา
“จับตัวให้ได้ ถ้าไม่ยอมให้จับเป็นก็จับตาย”
เสียงคนบนเรือที่อยู่ทางด้านขวาตะโกนเป็นภาษาอยุธยา สำเนียงแปร่งหู พวกคนร้ายมีไม่ต่ำกว่าลำละห้าคน ทุกคนสวมชุดสีดำรัดกุม มีผ้าสีดำคลุมศีรษะและปกปิดใบหน้า เห็นแค่ดวงตาที่มองกรอกลอกแล่กไปมา พวกมันสะพายดาบยาวด้ามโค้งสองเล่มที่กลางหลัง เมื่อชักออกมาเงาดาบสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกายวะวับ
กำลังวังชาของพวกมันมีมากกว่าฝีพายของออกหลวงกำแหงฤทธิรณ ออกแรงหน่อยเดียว เรือลึกลับก็ตามมาจนทัน และเข้าประกบซ้ายขวา พยายามบังคับให้เรือของเธอหันหัวเข้าฝั่ง
ฝีพายของออกหลวงกำแหงฤทธิรณพยายามขัดขืนอย่างสุดความสามารถ หากทว่าคนร้ายมีมากกว่า เรือของดาราเรศจึงเสียการควบคุม
“หนูยอด ช่วยน้าด้วย”
วินาทีนั้น ดาราเรศไม่เห็นทางจะหนีรอดคนร้ายไปไหนได้ นึกได้เพียงอย่างเดียวคือผีเด็กผมจุก ร้องเรียกไม่ทันขาดคำหนูยอดก็ปรากฏกายขึ้นที่หัวเรือของเธอ
ไม่ต้องรอให้ดาราเรศร้องสั่งซ้ำเป็นครั้งที่สอง หนูยอดเห็นแล้วว่าอะไรเป็นอะไร ก็กระโดดตีลังกาไปถีบหัวเรือของอีกฝ่ายออกจากเรือกัญญาอย่างรวดเร็ว
“นี่แน่ะ” หนูยอดหัวเราะชอบใจ
“เฮ้ย”
ฝีพายของคนร้ายร้องตกใจ เพราะอยู่ๆ หัวเรือก็เบนออก เปลี่ยนทิศทางกะทันหัน จากนั้นหนูยอดกระโดดไปยังเรืออีกลำหนึ่ง ทำแบบเดียวกัน ส่งผลให้เรือลำที่ประกบอยู่อีกด้านลอยห่างออกไป เรือของดาราเรศจึงเป็นอิสระหลุดจากการประกบของเรือคนร้าย
ฝีพายของออกหลวงหนุ่มเห็นดังนั้น ก็ฉวยโอกาสจ้วงพายสุดแรง เร่งความเร็วหนีเรือคนร้ายไปข้างหน้า หากสิ่งที่หนูยอดทำเป็นแค่การซื้อเวลาชั่วคราวเท่านั้น เพราะหลังจากที่เรือของคนร้ายตั้งหลักได้ พวกมันก็เร่งความเร็วติดตามมาจนทัน และคราวนี้พวกมันเปลี่ยนวิธีการใหม่ แทนที่จะใช้เรือสองลำประกบเรือของดาราเรศ มันกลับตีลังกากระโดดขึ้นมาบนเรือ คนร้ายคนแรกที่ขึ้นมาได้ชักดาบคู่จากกลางหลัง แล้วฟันฉับเข้าที่กลางอกของฝีพายหนุ่ม เขาส่งเสียงร้องอ๊อกออกมาได้คำเดียวก็หงายหลังตกลงไปในน้ำ ส่วนลูกน้องอีกคนของออกหลวงกำแหงฤทธิรณที่นั่งมาด้วยกันยังไม่ทันได้ชักดาบออกมาสู้ ก็ถูกคนร้ายฟันตกน้ำไปด้วยอีกคน
เป้าหมายต่อมาคือเจ้านายที่นั่งอยู่ในกัญญากลางเรือ พวกมันกรูกันเข้ามาพร้อมดาบในมือ
“เฮ้ย” เสียงคนร้ายที่กระชากม่านที่ขึงกัญญาเรือออก อุทานด้วยความแปลกใจ เมื่อเห็นว่าที่นั่งอยู่กลางเรือหาใช่คนที่พวกมันต้องการไม่ “ผู้หญิง…ไม่ใช่คนที่เราต้องการ”
“ฆ่ามัน” อีกคนที่ตามมาร้องสั่ง เสียงนั้นแหลมเล็ก ยากจะแยกว่าเป็นเสียงของบุรุษหรือสตรี “มันเห็นเราแล้ว…ปิดปากมันเสีย”
คนร้ายคนแรก ทำตามคำสั่งของคนร้ายคนที่สอง มันเงื้อดาบเตรียมฟันใส่ดาราเรศ
“แม่หญิง” แหวนโผเข้ากอดดาราเรศ หวังเอาตัวเองบังดาบคนร้าย หากดาบด้ามยาวที่เงื้อเตรียมจะฟันลงมาถูกหนูยอดยึดยื้อเอาไว้
“เฮ้ย ทำไมฟันไม่ออก” คนร้ายร้องฮึดฮัด
“น้า…หนีเร็ว” ผีผมจุกร้องบอก “หนูแค่คนเดียว ต้านพวกมันไว้ได้ไม่นานหรอกนะ”
“ไป นังแหวน” ดาราเรศตัดสินใจนาทีนั้น “โดด”
ตายเป็นตาย หากจะตายก็ขอตายด้วยมือตัวเอง ก็ยังดีกว่าตายเพราะคนร้าย
เธอผุดลุกขึ้น ฉุดมือนางบ่าวคนสนิท แล้วทั้งสองก็พากันกระโจนหนีลงไปในสายน้ำ…ที่ทั้งเชี่ยวและมืดดำ…
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 30 : ขึ้นพระบาทกันไหมจ๊ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 29 : จ็อกๆ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 28 : รมณ์เสีย !
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 27 : ฤทธิ์รักไก่แช่เหล้า
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 26 : ผีผมจุกแย่แล้ว
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 25 : น้ำมนต์ของแม่หญิงดารา
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 24 : สะใภ้สารพัดพิษ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 23 : ฟาดมาฟาดกลับ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 22 : ความวัวยังไม่ทันจะหาย ความควายมาอีกแล้วเจ้าค่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 21 : บุกบ้านญี่ปุ่น
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 20 : แม่หญิงผู้มีศัตรูทั่วพระนคร
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 19 : เด็กดื้อต้องโดนอะไรนะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 18 : ทุกอย่างในโลกใบนี้ไม่มีบังเอิญ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 17 : เมียข้าอยู่ไหน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 16 : ลอบทำร้าย
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 15 : คนนั้นก็น่าจะใช่ คนนี้ก็อาจจะใช่ แล้วใครกันล่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 14 : น้ำปรุงขวดพิเศษ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 13 : แม่หญิงนาตาชา
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 12 : เมียข้าใครอย่าแตะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 11 : ออกญาโชดึกราชเศรษฐี
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 10 : สนธิสัญญาผีกับคน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 9 : จ๊ะเอ๋
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 8 : คุณหลวงเจ้าขา...ฉันกลัวเจ้าค่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 7 : เดบิ้วต์แล้วก็ต้องไปต่อให้สุดสิเจ้าคะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 6 : ไม่เคยกินละสิ ของอร่อยแบบนี้ !
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 5 : ปะทะคุณหญิงแม่
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 4 : ได้เวลาเดบิ้วต์
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 3 : เมียในเงามืด
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 2 : แม่หญิงผู้นี้ มีศึกรอบด้าน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 1 : ย้อนเวลา...มันไม่ได้มีแต่ในนิยายเหรอ