
คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี บทที่ 21 : บุกบ้านญี่ปุ่น
โดย : พงศกร
คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้จากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อวิญญาณของแพทย์หญิงยุคปัจจุบันเข้าไปอยู่ในร่างแม่หญิงแห่งกรุงศรีผู้บอบบางที่มีคนหมั่นไส้ทั้งเมือง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติชีวิตของแม่หญิงคนนี้ให้แข็งแกร่ง ไม่ต้องพึ่งพาผู้ชายคนไหน โดยเฉพาะคุณหลวงกำแหงฤทธิรณ หนุ่มหล่อ…อยุธยาคิ้วต์บอยคนนั้น!
เช้าวันรุ่งขึ้น ก่อนจะเดินทางไปหมู่บ้านญี่ปุ่นตามที่วางแผนเอาไว้ ดาราเรศตัดสินใจแวะไปหาท่านเจ้าคุณบิดาที่เรือนหมอพันก่อน นอกจากไปเพื่อเยี่ยมเยียนอาการป่วย เธอยังตั้งใจจะสอบถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อหลายปีก่อนนั้นด้วย
ข้อมูลที่ได้จากบิดาตรงกันกับที่เข็มและมีนาเล่า ดาราเรศได้ข้อมูลเพิ่มเติมว่าการกระทำของเจ้าของร่างเก่าแทบจะทำให้เกิดศึกระหว่างญี่ปุ่นและอยุธยาเลยทีเดียว ออกญาโชดึกฯ จำต้องบากหน้าไปหาท่านไดเมียวพร้อมกับธูปแพเทียนแพเพื่อขอขมาแทนลูกสาว
แต่กระนั้นท่านไดเมียวก็ยังไม่พอใจ เพราะคิดว่าคนกระทำผิดก็ควรจะมาขอโทษด้วยตัวเอง ไม่ใช่ปล่อยให้พ่อมาขอโทษแทน หากแม่หญิงดาราโนสนโนแคร์ ไม่ว่าใครๆ จะขอร้องให้เธอไปขอโทษท่านไดเมียวเอง หากแม่ดาราก็ยังดื้อดึงไม่ยอมไป เธอคิดแค่การพูดอย่างที่ตัวเองคิด ไม่เห็นจะเป็นไร แม่ดาราลืมไปว่าถ้อยคำที่พูดออกมาจะสร้างความเสียหายให้กับผู้ใดบ้าง นี่จึงเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ออกญาโชดึกราชเศรษฐีตัดสินใจให้ลูกสาวแต่งงานออกเรือนไปกับออกหลวงกำแหงฤทธิรณ เพราะอย่างน้อยๆ คนปากเก่งอย่างแม่หญิงดาราก็จะมีสามีคอยคุ้มครองความปลอดภัย
“แม่ดาราจะไปขอโทษท่านไดเมียวและมิโนโกะอย่างนั้นหรือ” หลังจากฟังลูกสาวจบ ออกญาโชดึกฯ เลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ “จะไปทำไม เรื่องผ่านมาตั้งนานนมแล้ว ตอนนั้นพ่อขอร้องอย่างไร หัวเด็ดตีนขาดแม่ก็ไม่ยอมไป…อยู่ๆ เกิดอยากจะไปขอโทษเสียยังงั้น ประหลาดแท้…ทำแบบนี้เหมือนอยากฟื้นฝอยหาตะเข็บ ในเมื่อเรื่องจบไปแล้ว ต่างฝ่ายต่างไม่ได้ติดใจกัน พ่อคิดว่าอย่ารื้อฟื้นขึ้นมาอีกเลย”
“ลูกคิดมาดีแล้วเจ้าค่ะ ทำผิดก็ต้องไปขอโทษ ญี่ปุ่นนิ่งเฉยแบบนี้…เจ้าคุณพ่อคิดว่าพวกญี่ปุ่นไม่ได้ติดใจหรือเจ้าคะ” ดาราเรศครุ่นคิด “ลูกไม่คิดเช่นนั้น…เรื่องปอบอาละวาดในเมือง เรื่องที่เจ้าคุณพ่อถูกวางยา เรื่องที่เรือของคุณหลวงโดนลอบทำร้าย…ลูกคิดว่าพวกญี่ปุ่นนี่ละอยู่เบื้องหลัง”
“เป็นเพียงข้อสันนิษฐาน” ท่านเจ้าคุณส่ายหน้า
“ลูกเลยจะไปบ้านญี่ปุ่นเพื่อหาหลักฐานอย่างไรเจ้าคะ” ดาราเรศมุ่งมั่น
“มันอันตรายมากนะลูก” ท่านเจ้าคุณบิดาเป็นห่วง
“เพราะอันตรายอย่างไรเจ้าคะ ลูกถึงต้องบุกไปให้เห็นกับตา” ดาราเรศหมายมั่นปั้นมือ “ไม่เข้าถ้ำเสือ ไหนเลยจะได้ลูกเสือ”
“แต่…” ท่านเจ้าคุณไม่วายลังเล
“ถ้าเราสงสัยพวกญี่ปุ่น…นี่เป็นโอกาสเดียวที่ลูกจะเข้าไปจนถึงบ้านญี่ปุ่นได้โดยไม่มีใครผิดสังเกต” แม่หญิงดาราอธิบาย “เจ้าคุณพ่อไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ เพราะลูกไม่ได้ไปคนเดียว…แต่มีแม่เข็มและแม่มีนาไปด้วย”
“ยังไงก็ต้องระวังตัวนะลูก อย่าประมาท” ผู้เป็นบิดาเตือน “พวกนั้นฉลาดมาก…เมื่อลูกคิดได้ มีหรือที่ท่านไดเมียวจะคิดไม่ได้…”
“ถึงอย่างนั้น ก็ต้องลองเสี่ยงดูเจ้าค่ะ” ดาราเรศเม้มริมฝีปากและพึมพำเสียงแผ่วต่ำในลำคอ…
หมู่บ้านของพวกญี่ปุ่นตั้งอยู่นอกเกาะเมือง บริเวณฝั่งตะวันออกของแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามกับหมู่บ้านฝรั่ง มีรั้วรอบขอบชิดและมีเวรยามอารักขาความปลอดภัยอย่างเหนียวแน่น
ดาราเรศรู้มาจากเพื่อนทั้งสองว่าที่นี่มีคนญี่ปุ่นอยู่กันไม่ต่ำกว่าแปดร้อยคน และส่วนใหญ่สามารถพูดอยุธยาได้คล่องปาก
เมื่อเรือของดาราเรศจอดลงที่ท่าน้ำ นังแหวนอาสาเป็นทัพหน้าขึ้นไปเจรจากับยามที่ประตูหมู่บ้าน หลังจากพูดกันอยู่นาน ในที่สุดยามก็อนุญาตให้พวกหล่อนเข้าไปหาท่านไดเมียวได้
“น้า…” มือเล็กๆ ของเด็กชายยอดสะกิดดาราเรศ กุมารผมจุกลงเรือตามแม่หญิงดารามาด้วย
“มีอะไร” ดาราเรศหันไปพึมพำถาม แม่เข็มและมีนาไม่ทันสังเกตความผิดปกติ เพราะดาราเรศเดินรั้งอยู่ท้ายขบวน
“หนูเข้าไปไม่ได้” เด็กผมจุกบอก พร้อมกับชี้มือไปที่หน้าประตู “มียักษ์เฝ้าอยู่ที่นี่ เขาไม่ยอมให้หนูเข้าไป”
ดาราเรศเพิ่งเห็นรูปปั้นยักษ์ญี่ปุ่น นุ่งผ้าเตี่ยวลายเสือ มีเขี้ยวขาวที่มุมปากสองข้าง ร่างกายทาสีแดงสด แบบที่มักจะเห็นตามปราสาทและวัดญี่ปุ่นยืนอยู่สองข้างประตูหมู่บ้าน
“ไม่เป็นไร” ดาราเรศถอนใจเบาๆ อดกังวลใจไม่ได้ที่ตัวช่วยหายไปแล้วหนึ่ง “รอน้าอยู่แถวนี้ อย่าซุกซนไปที่อื่น เข้าใจใช่ไหม”
“จ้ะ” เด็กชายรับปาก ก่อนจะกระโดดขึ้นไปนั่งบนต้นไทรใหญ่ที่ศาลาริมน้ำ
ผ่านเข้าประตูหมู่บ้านไป ก็มีคนนำทางดาราเรศและเพื่อนมุ่งหน้าไปยังที่พักของหัวหน้าหมู่บ้าน เป็นหนุ่มญี่ปุ่นหน้าตาดี รูปร่างผอม แต่งกายรัดกุม มีดาบสองเล่มสะพายไขว้อยู่กลางหลัง
ทางเดินในหมู่บ้านปูด้วยอิฐ สองข้างทางมีบ้านแบบญี่ปุ่นปลูกรายเรียงอยู่อย่างเป็นระเบียบ ดาราเรศเหลียวมองซ้ายขวาด้วยความตื่นตาตื่นใจ รู้สึกราวกับตัวเองกำลังเดินอยู่ในย่านกิออน เมืองเก่าของเกียวโตก็ไม่ปาน เข็มกับมีนาเองก็พลอยตื่นตาตื่นใจไม่แพ้ผู้เป็นเพื่อน เพราะนี่เป็นครั้งแรกที่พวกเธอทั้งสองได้เข้ามาในหมู่บ้านญี่ปุ่นแห่งนี้
คนนำทางพาเดินลดเลี้ยวไปมา บ้านของไดเมียวปลูกอยู่ใจกลางหมู่บ้าน มีสวนขนาดใหญ่ปลูกต้นไม้แน่นเป็นกำแพงขวางอยู่ด้านหน้า ทางเดินคดเคี้ยวราวกับเขาวงกต มองไปทางไหนมีแต่ต้นไม้หน้าตาเหมือนกันไปทั้งหมด หากหลงทางอยู่ในนี้คงจะหาทางออกไม่ง่ายนัก
“เหมือนค่ายกลเลย” ดาราเรศพึมพำ ต้นไม้ที่ปลูกเป็นกำแพงคือต้นแก้ว ใบของมันเบียดกันแน่น และที่ปลูกแทรกอยู่ในแนวกำแพงคือต้นลำโพง !
ดอกสีขาวอมเหลืองลักษณะคล้ายแตรของมันห้อยย้อยลงา กลิ่นหอมอ่อนจางอวลมากับสายลมที่แผ่วผ่าน ดาราเรศรู้สึกขนลุกทุกครั้งที่ได้กลิ่นแบบนี้ มันทำให้เธอนึกไปถึงกำยานที่จุดอยู่ในห้องนอนของแม่หญิงดารา…กำยานพิษ !
“หล่อนว่าอะไรนะแม่ดารา” เข็มหันมามองเพื่อน
“เปล่า” ดาราเรศส่ายหน้า เพื่อนสองคนของเธอคงไม่รู้จักคำว่า ‘ค่ายกล’ หรอก “ฉันก็พึมพำอะไรไปตามประสานั่นละ”
“เอ้า ถึงแล้ว” จู่ๆ คนนำทางก็หยุดกึก และชี้นิ้วไปยังเรือนญี่ปุ่นหลังใหญ่ตรงหน้า เขาสั่งผู้มาเยือนทั้งสี่ว่า “รออยู่ตรงนี้ก่อน”
ร่างผอมสูงเคลื่อนไหวรวดเร็วและเงียบเชียบไปยังเรือนไม้หลังคาสูงตรงหน้า เสาเรือนเป็นเสากลมทาสีแดง ชายคากระเบื้องแขวนโคมไฟกระดาษเอาไว้สำหรับจุดให้แสงสว่างในยามค่ำคืน
“ท่านไดเมียวให้เข้าไปได้”
สักพักใหญ่ ผู้ชายคนเดิมก็เดินกลับมาบอกด้วยสีหน้าเรียบเฉยไม่แสดงความรู้สึกใดๆ ดาราเรศพยักหน้าให้เพื่อน เข็มและมีนาขยับตัวกำลังจะเดินตามดาราเรศไป หากชายคนนำทางรีบห้ามขึ้นเสียก่อน
“แม่หญิงดาราคนเดียว” เขาแค่นเสียง “ท่านได้เมียวให้แม่หญิงดาราเข้าไปคนเดียว”
“อ้าว…ยังไง” เข็มนิ่วหน้า
“นั่นสิ มาด้วยกัน ทำไม…” มีนากำลังจะพูดอะไรสักอย่าง หากดาราเรศรีบห้ามเอาไว้
“ไม่เป็นไร…ฉันเข้าไปคนเดียวได้”
“แต่…” นังแหวนเริ่มเป็นห่วง
“ถ้าฉันไม่กลับออกมาภายในหนึ่งชั่วโมง” ก่อนจะเดินตามชายผู้นั้นไป ดาราเรศหันไปรับพวงมาลัยดอกมะลิจากนังแหวน และแอบกระซิบบอกบ่าวคนสนิท “พาแม่เข็มกับแม่มีนากลับไปจากหมู่บ้าน แล้วรีบส่งข่าวให้คุณหลวงรู้…เข้าใจไหม”
“เจ้าค่ะ” นังแหวนพึมพำด้วยอกใจที่สั่นไหว นางบ่าวผู้จงรักภักดีได้แต่มองตามแม่หญิงดาราไปจนลับสายตา…
เรือนของท่านไดเมียวเป็นเรือนไม้ขนาดใหญ่ มีห้องสำหรับแขกนั่งรอเจ้าของบ้าน พื้นปูเสื่อทาทามิ และมีฉากญี่ปุ่นกั้นเป็นสัดส่วน
ดาราเรศสังเกตว่าตอนที่เธอเดินเข้ามาในห้องนั้น พื้นกระดานที่ทำจากไม้แผ่นใหญ่ขยับลั่นส่งเสียงเป็นจังหวะราวเสียงดนตรี และนั่นทำให้ดาราเรศอดนึกไปถึง ‘พื้นไนติงเกล’ ที่ปราสาทนิโจ ที่เมืองเกียวโตมิได้
หลายปีก่อนเธอมีโอกาสได้ไปเที่ยวที่ปราสาทนิโจ ซึ่งเป็นที่พำนักของโชกุนโทะคุงะวะ อิเอะยะสึ
โชกุนตั้งใจสร้างให้พื้นปราสาทเป็นกลไกพิเศษ เมื่อมีคนเดินขึ้นมา พื้นจะลั่นและส่งเสียงคล้ายเสียงนกร้อง เป็นสัญญาณเตือนภัยว่ากำลังมีคนบุกรุกเข้ามาในที่พำนักแล้ว ดาราเรศมั่นใจว่าท่านไดเมียวก็สร้างพื้นไนติงเกลเอาไว้ด้วยเหตุผลเดียวกัน
ภายในห้องจัดวางทุกอย่างตามขนบของญี่ปุ่นแท้ๆ ดาราเรศนั่งบนเบาะที่บ่าวรับใช้จัดวางไว้ให้ ที่มุมห้องมีกำยานกลิ่นหอมอ่อนๆ จุดเอาไว้เพื่อบรรยากาศผ่อนคลาย
ดาราเรศนั่งรออยู่พักใหญ่ จนกระทั่งประตูกรุกระดาษค่อยๆ เลื่อนออก และร่างสูงใหญ่ของบุรุษผู้หนึ่งก็เคลื่อนเข้ามาอย่างแผ่วเบา…
แผ่วเบาชนิดที่พื้นไนติงเกลไม่สั่น ไม่ส่งเสียงร้อง !
คุณพระ…ดาราเรศจ้องมองชายตรงหน้าและอุทานในใจ…นี่เขามีวิชานินจา หรือวิชาตัวเบาขั้นสูงแน่ๆ ถึงสามารถเดินแล้วพื้นไม่เกิดเสียงดัง !
“ท่านไดเมียว”
ดาราเรศชิงก้มศีรษะให้อีกฝ่ายก่อน
ไดเมียวอุเอะโนะสึจ้องมองแม่หญิงรูปร่างโปร่งระหงตรงหน้าด้วยสายตาแปลกใจ ด้วยแม่หญิงดาราที่มาวันนี้ดูสุขุม สงบนิ่ง แตกต่างจากเมื่อปีก่อนอย่างสิ้นเชิง
“ได้ข่าวว่าท่านจะมาขอขมาเราและภรรยาอย่างนั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ” ดาราเรศเงยหน้าขึ้นจ้องมองผู้ชายตรงหน้า สังเกตอย่างจริงจัง
ไดเมียวอุเอะโนะสึเป็นชายหนุ่มอายุราวสี่สิบปลายๆ หากทว่าดูแลตัวเองเป็นอย่างดี
สีหน้าเข้มขรึมตามแบบชายชาวญี่ปุ่น ดวงหน้ามีเค้าคมสัน ดวงตายาวเรียวเปล่งประกายฉลาดเฉลียว กลางหน้าผากมีรอยแผลเป็นที่เกิดจากการสู้รบ หากนั่นกลับทำให้หัวหน้าหมู่บ้านญี่ปุ่นผู้นี้หล่อคมเข้มสมชายชาตรี
ไดเมียวสวมยูกาตะสีขาว มีเสื้อคลุมสีดำสนิท ปักสัญลักษณ์ประจำตำแหน่งด้วยไหมทองคำ ที่วางพาดอยู่บนตักของเขาคือซามูไรประจำกาย
“เหตุใดจึงตัดสินใจมาในวันนี้” เขาถามเสียงเรียบ สำเนียงภาษาอยุธยาของท่านไดเมียวชัดเจนทุกถ้อยคำ
“ฉันคิดว่าที่ผ่านมาทำไม่ถูกต้อง” ดาราเรศเอ่ยด้วยน้ำเสียงหนักแน่นดุจเดิม “ฉันเสียใจที่ก่อนนี้ เคยพูดจาไม่ให้เกียรติภรรยาของท่านไดเมียว ตอนนั้นฉันยังเด็ก คิดน้อยไปหน่อย ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังให้ถ้วนถี่…ขนาดฉันทำตัวไม่ดีเช่นนี้ แม่มิโนโกะยังมีน้ำใจ อุตส่าห์แวะไปซื้อน้ำปรุงที่ร้านของฉันที่ป่าผ้า ฉันสำนึกแล้ว และเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น เลยอยากแสดงความจริงใจด้วยการมาขอขมาท่านและแม่มิโนโกะเจ้าค่ะ”
“อ้อ…น้ำปรุงขวดนั้นน่ะเอง” ท่านไดเมียวพยักหน้า “เธอเป็นคนปรุงขึ้นมารึ”
“ใช่เจ้าค่ะ” ดาราเรศพยักหน้า “ฉันปรุงขึ้นมาเอง”
“เก่ง” ไดเมียวเอ่ยชม “มิโนโกะซื้อกลับมาให้ฉัน…กลิ่นหอมเหมาะกับบุรุษ…ฉันชอบ”
“ฉันดีใจที่ท่านชอบนะเจ้าคะ” ดวงตาของดาราเรศเบิกกว้าง “เอาไว้ฉันจะทำมาฝากท่านอีกนะเจ้าคะ นี่ฉันยังคิดจะทำกลิ่นใหม่ๆ ออกมาอีกหลายกลิ่นเลยเจ้าค่ะ”
“ดี” ท่านไดเมียวตอบสั้นๆ ก่อนจะยกมือขึ้นตบเบาๆ สามครั้ง และพอสิ้นสุดเสียงตบมือของเขา ประตูบุกระดาษด้านหลังก็เลื่อนเปิดออกจากกันอีกครั้ง ร่างโปร่งระหงของมิโนโกะในชุดยูกาตะสีหวาน ก็เดินออกมา พร้อมๆ กับเสียง ‘พื้นไนติงเกล’ ส่งเสียงดังราวเสียงนกร้อง
เธอเดินมานั่งราบบนพื้น เคียงข้างผู้เป็นสามี ดวงตาของมิโนโกะที่มองตรงมานั้นเรียบเฉย ไม่แสดงความรู้สึกใดๆ
“แม่ดาราจะมาขอขมาเราและเจ้า เรื่องที่เคยพูดจาว่าร้ายทำให้เสื่อมเสียชื่อเสียง…เจ้าจะว่าอย่างไร มิโนโกะ” ท่านไดเมียวเอ่ยขึ้น
“เรื่องก็ผ่านมานานมาก” มิโนโกะเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งไปนาน “ฉันลืมไปแล้วเจ้าค่ะ”
“ฉันเสียใจนะจ๊ะ” ดาราเรศหยิบพวงมาลัยมาถือไว้ในมือ เตรียมจะส่งให้อีกฝ่าย “ถึงเธอจะลืมไปแล้ว แต่ฉันก็อยากมาเพื่อขอโทษ”
“ไม่จำเป็นหรอก” น้ำเสียงของมิโนโกะยังราบเรียบดุจเดิม
“แต่ฉันอยากขอโทษ” ดาราเรศยังยืนกราน “ถ้าเธอไม่ได้ถือโทษโกรธเคืองแล้ว…ก็รับพวงมาลัยของฉันไว้หน่อยนะจ๊ะ”
“ไม่” มิโนโกะส่ายหน้า “ฉันไม่อยากได้พวงมาลัย”
“แล้วแม่จะให้ฉันทำอย่างไรล่ะจ๊ะ” ดาราเรศถาม
มิโนโกะส่งยิ้มให้ ก่อนจะขยับลุกขึ้น เดินมาหยุดลงตรงหน้าดาราเรศ ยื่นเท้าเรียวยาวขาวสะอาดมาตรงหน้า พร้อมกับเอ่ยเสียงอ่อนหวานว่า
“กราบที่เท้าฉันสิแม่ดารา…ก้มกราบที่เท้าของฉัน แล้วฉันจะถือว่าเราไม่มีอะไรติดค้างกันอีก”
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 30 : ขึ้นพระบาทกันไหมจ๊ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 29 : จ็อกๆ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 28 : รมณ์เสีย !
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 27 : ฤทธิ์รักไก่แช่เหล้า
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 26 : ผีผมจุกแย่แล้ว
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 25 : น้ำมนต์ของแม่หญิงดารา
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 24 : สะใภ้สารพัดพิษ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 23 : ฟาดมาฟาดกลับ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 22 : ความวัวยังไม่ทันจะหาย ความควายมาอีกแล้วเจ้าค่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 21 : บุกบ้านญี่ปุ่น
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 20 : แม่หญิงผู้มีศัตรูทั่วพระนคร
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 19 : เด็กดื้อต้องโดนอะไรนะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 18 : ทุกอย่างในโลกใบนี้ไม่มีบังเอิญ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 17 : เมียข้าอยู่ไหน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 16 : ลอบทำร้าย
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 15 : คนนั้นก็น่าจะใช่ คนนี้ก็อาจจะใช่ แล้วใครกันล่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 14 : น้ำปรุงขวดพิเศษ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 13 : แม่หญิงนาตาชา
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 12 : เมียข้าใครอย่าแตะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 11 : ออกญาโชดึกราชเศรษฐี
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 10 : สนธิสัญญาผีกับคน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 9 : จ๊ะเอ๋
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 8 : คุณหลวงเจ้าขา...ฉันกลัวเจ้าค่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 7 : เดบิ้วต์แล้วก็ต้องไปต่อให้สุดสิเจ้าคะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 6 : ไม่เคยกินละสิ ของอร่อยแบบนี้ !
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 5 : ปะทะคุณหญิงแม่
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 4 : ได้เวลาเดบิ้วต์
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 3 : เมียในเงามืด
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 2 : แม่หญิงผู้นี้ มีศึกรอบด้าน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 1 : ย้อนเวลา...มันไม่ได้มีแต่ในนิยายเหรอ