
คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี บทที่ 23 : ฟาดมาฟาดกลับ
โดย : พงศกร
คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้จากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อวิญญาณของแพทย์หญิงยุคปัจจุบันเข้าไปอยู่ในร่างแม่หญิงแห่งกรุงศรีผู้บอบบางที่มีคนหมั่นไส้ทั้งเมือง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติชีวิตของแม่หญิงคนนี้ให้แข็งแกร่ง ไม่ต้องพึ่งพาผู้ชายคนไหน โดยเฉพาะคุณหลวงกำแหงฤทธิรณ หนุ่มหล่อ…อยุธยาคิ้วต์บอยคนนั้น!
ดาราเรศมั่นใจเกินร้อยว่าผลิตภัณฑ์ของตัวเองว่าอ่อนโยนต่อผิวหนัง และผลิตมาจากของดีมีคุณภาพ ดอกไม้ทุกดอกที่นำมากลั่นเป็นน้ำปรุงเก็บมาจากสวน ไม่ใช้ยาฆ่าแมลงอย่างในยุคปัจจุบัน ไม่มีทางจะทำให้เกิดอันตรายอย่างที่ถูกกล่าวหาเด็ดขาด
สูตรน้ำปรุงหรือน้ำหอมที่นำมาผลิตขายนี้ ตอนยังอยู่ในโลกใบเดิมเธอและเพื่อนแพทย์สาวกำลังจะผลิตออกมาขายในแบรนด์ของตัวเอง พวกเธอเคยร่วมกันค้นคว้าวิจัยมาแล้วว่าปลอดภัยกับผิวทุกประเภท รวมถึงผิวประเภทแพ้ง่าย ดังนั้น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจึงดูน่าสงสัย
“ฉันไม่คุ้นหน้าพวกนางเลย” มีนานิ่วหน้า
“นั่นสิ” เข็มพึมพำ “หรือว่ามาซื้อตอนที่พวกเราไม่อยู่”
ผู้หญิงทั้งสามคนยังคงส่งเสียงโวยวายไม่พอใจ ขณะที่บรรดาชาวบ้านที่มุงดูพากันวิพากษ์วิจารณ์ไปต่างๆ นานา ลูกค้าที่อยู่ในร้านกำลังหยิบน้ำปรุงและครีมเพื่อจะไปจ่ายเงิน เลยชะงัก เกิดความลังเล หลายคนรีบวางน้ำปรุงกลับคืนที่เดิม เพราะกลัวว่าใช้แล้วผิวจะไหม้ หรือคันคะเยอเหมือนลูกค้าที่กำลังโวยวาย
“ไหน ผิวไหม้หรือจ๊ะ” ดาราเรศเดินตรงไปหาผู้หญิงคนที่อ้างว่าผิวไหม้ เธอคว้าแขนข้างที่มีรอยไหม้ขึ้นมาพิจารณา “ให้ฉันตรวจดูหน่อย”
“นี่ยังไง รอยไหม้เห็นชัดๆ” ผู้หญิงคนนั้นยังไม่หยุดโวย
“ใช่…รอยไหม้” มีรอยยิ้มในดวงหน้าของแม่หญิงดารา “แต่ไม่ใช่ไหม้เพราะครีม แต่ไหม้เพราะความร้อน”
“ว่าไงนะ”
“เธอหมายความว่ายังไง”
เข็มและมีนากะพริบตาปริบๆ แม้จะไม่แน่ใจว่าแม่ดาราหมายถึงอะไร หากพอเดาได้ว่าไม่ใช่เรื่องดีแน่
“หมายความว่าสองคนนี้โกหกเรา” ดาราเรศเอ่ยอย่างมั่นใจ ประสบการณ์การเป็นหมอนิติเวชช่วยให้เธอแยกความแตกต่างของแผลไหม้ที่เกิดจากสารเคมีและเกิดจากความร้อนได้ เพราะลักษณะของแผลไม่เหมือนกัน
“แผลนี้มีตุ่มน้ำพองใส” ดาราเรศชี้ไปที่แผลและอธิบายเสียงดังให้ทุกคนได้ยินโดยทั่วกัน “ขอบแผลมีรอยเกรียมไหม้ ลักษณะแบบนี้น่าจะโดนถ่านหรืออะไรร้อนๆ จี้มามากกว่า แถมลักษณะแผลยังเป็นวงกว้างเหมือนโดนนาบด้วยของร้อนที่มีขนาดใหญ่อีกด้วย ถ้าหากว่ารอยไหม้นี้เกิดจากน้ำปรุงของร้านเราจริงๆ ละก็…รอยไหม้ควรจะกระจายเป็นหย่อมและมีขนาดเล็กกว่านี้ อีกอย่าง แผลไหม้ที่เกิดจากการแพ้สารเคมี มักไม่ค่อยเกิดตุ่มน้ำพองใสขนาดใหญ่ ถ้าเกิดขึ้นก็จะเล็กกว่าที่เราเห็น”
ลูกค้าผิวไหม้ทั้งสองฟังแล้วถึงกับอ้าปากค้าง
อ้าปากค้างเพราะว่างง ไม่รู้ว่าแม่หญิงดารากำลังพูดเพ้ออะไร
“ผีเข้าเปล่าแม่ดารา พูดจาแปลกประหลาด ฟังไม่รู้เรื่อง” มีนาส่ายหน้า
“เออ นั่นสิ หรือว่าจับไข้” เข็มเอื้อมมือไปอังหน้าผากเพื่อนสาว “ตัวก็ไม่ร้อนสักหน่อย”
“ไม่ได้ผีเข้า ไม่ได้จับไข้ทั้งนั้นละ” ดาราเรศแค่นเสียง “แค่จะอธิบายให้ทุกคนฟังว่า…สองคนนี้แกล้งเอาของร้อนๆ นาบผิวตัวเองมา แล้วมาใส่ร้ายร้านของเรา…ส่วนเธอ…”
ดาราเรศไม่ปล่อยให้ผู้หญิงอีกคนรอดไปได้…คันนักใช่ไหม…ม่ะ แม่จัดให้
เธอคว้าแขนของสตรีคนที่สาม ที่กล่าวหาว่าใช้น้ำปรุงของร้านแล้วเกิดอาการแพ้คันคะเยอ สายตาแพทย์นิติเวชจ้องมองรอยผื่นคันบนแขนของอีกฝ่าย แล้วหัวเราะออกมาดังลั่น
“นั่นไง…ว่าแล้ว”
ดาราเรศก้มหน้าไปพิศมองรอยแผลผื่นคันที่เป็นทางยาว ลักษณะตุ่มนั้นบวมนูน ขอบหนาเป็นรอยเหมือนโดนใบไม้เกี่ยว เมื่อก้มหน้าไปมองใกล้ๆ จะเห็นร่องรอยขนละเอียดของพืชบางอย่างฝังอยู่ในเนื้ออ่อน
“ผื่นนี้ก็ไม่ได้เกิดจากน้ำปรุงของร้านเรา ที่ว่าคันคะเยอก็เพราะหล่อนเอากิ่งตำแยมาใส่บนผิวตัวเองนะสิ รอยคันถึงได้ลากเป็นทางยาวแบบนี้ และถ้าสังเกตดีๆ ละก็…ดูนี่สิทุกคน” ดาราเรศจับแขนของสตรีที่มากล่าวหาเธอชูขึ้นให้ทุกคนเห็นโดยทั่วกัน “ส่องดูใกล้ๆ จะเห็นเลยว่ามีขนละเอียดฝังอยู่ในแผลคัน ขนนี้ไม่มีทางมาจากน้ำปรุงแน่นอน แต่ว่ามาจากตำแย…พวกหล่อน หล่อน และหล่อน…”
ดาราเรศหันไปทางผู้หญิงทั้งสามคนที่ตกตะลึงงัน
“แต่งเรื่องมาใส่ร้าย ทำให้ร้านของฉันเสียชื่อ”
“ไม่จริง” คนหนึ่งยังไม่ยอมแพ้
“ฉันใช้แล้วผิวไหม้จริงๆ นะ” อีกคนยังดึงดัน ขณะที่คนที่โวยวายว่าคันผิว ถึงตอนนี้ยืนหน้าซีดพูดอะไรไม่ออก ด้วยไม่นึกว่าแม่หญิงดาราจะวิเคราะห์ทุกอย่างได้ละเอียดละออเช่นนี้
“จริง” ดาราเรศเถียง
“ไม่จริง” สามนางยังไม่ยอมรับ
“ขนาดนี้แล้วถ้ายังไม่ยอมรับอีกละก็ ไปแก้ตัวเอากับตระลาการก็แล้วกัน”
เสียงเข้มๆ ของบุรุษดังขึ้นท่ามกลางหมู่ผู้คนที่ยืนมุงอยู่หน้าร้าน บรรดาไทยมุงพากับหลีกทางให้เจ้าของเสียงอย่างรวดเร็ว ดาราเรศถึงกับอ้าปากค้างเมื่อเห็นสามีมายืนปรากฏตัวอยู่ตรงนั้น
“อุ๊ย…คุณหลวง…”
ดวงตาของหญิงสาวเปล่งประกายวาววับ เธอรีบเดินเข้าไปเกาะแขนแข็งแกร่งของสามี และเอ่ยเสียงที่เต็มไปด้วยชัยชนะว่า
“คุณหลวงมาช่วยเมียแล้ว มาทันเวลาพอดีเลยนะเจ้าคะ”
ออกหลวงกำแหงฤทธิรณปรายสายตามองเมีย ก่อนจะหันกลับไปทางหญิงทั้งสาม น้ำเสียงที่เอ่ยเต็มไปด้วยความราบเรียบ ดำรงไว้ซึ่งความยุติธรรม
“พวกหล่อนจะว่าอย่างไร จะยอมรับหรือไม่ว่าหาเรื่องใส่ร้ายให้ผู้อื่นเสื่อมเสียชื่อเสียง”
“ไม่จริง ฉันไม่ได้ใส่ร้าย…คุณหลวงเข้าข้างเมีย” หนึ่งในสามยังไม่ยอมแพ้
“ข่มเหงรังแกชาวบ้าน” อีกคนรีบเสริม
“เพิ่มอีกหนึ่งข้อหา” คุณหลวงเสียงเข้มสมชื่อ “ดูหมิ่นเจ้าพนักงาน”
“ฉันไม่ได้ดูหมิ่น” ผู้หญิงคนเดิมยังเถียง
“ฉันเป็นผู้เสียหายนะเจ้าคะ” คนที่สองผสมโรง
“จำนนด้วยหลักฐานแล้วยังไม่ยอมแพ้อีกหรือ” ดาราเรศฟังมานานจนของขึ้น หน็อย มาใส่ความคนอื่นเขาแท้ๆ โดนจับได้แบบนี้ยังไม่ยอมแพ้อีก
“จับมันเลยเจ้าค่ะคุณเข้ม” แม่เข็มรีบบอก
“ใช่เจ้าค่ะ” มีนายิ้ม “พวกนี้มาก่อกวน ใส่ร้าย ทำลายชื่อเสียงร้านของพวกเรา”
“ใครจ้างพวกหล่อนมา” ออกหลวงหนุ่มถามเสียงเข้ม
“ไม่มีใครจ้าง” คนแรกยังปากแข็ง
“เอ้อ…เอ้อ…” คนที่สองเสียงเริ่มอ่อน ขณะที่คนที่สามกำลังหลบตา
“ฉันไม่เชื่อว่าพวกหล่อนคิดการนี้ขึ้นมาเอง…ว่าไง” คุณหลวงรุกไล่ “สารภาพมาเสียดีๆ ใครเป็นคนจ้าง…ฉันให้โอกาสแล้วนะ ถ้าไม่ยอมรับสารภาพ ฉันจะจับไปส่งตระลาการ ถึงตอนนั้นไปแก้ตัวกันเอาเอง”
“เอ้อ…” ผู้หญิงคนที่เกิดผื่นคันลังเล ขณะที่ผู้หญิงที่ผิวไหม้คนที่สองยอมแพ้
“ฉัน…ฉันสารภาพก็ได้…”
“สารภาพได้ยังไง” ผู้หญิงคนแรกโวยวาย “เรารับอัฐท่านมาแล้ว”
“ก็เอาไปคืนสิ” อีกคนว่า
“ฉันไม่คืน ฉันใช้ไปหมดแล้ว” คนที่สามหน้าเสีย
“ไม่คืน…ประเดี๋ยวก็โดนกระทืบหรอก” คนที่ดูเป็นหัวหน้าดูเป็นกังวล
“ฉันกลัวติดคุกมากกว่าโดนกระทืบ” ผู้หญิงคนที่คิดจะสารภาพเสียงอ่อน
“งั้นก็สารภาพมา” คุณหลวงจ้องหน้าสตรีทั้งสาม “ถ้าพูดความจริง ฉันจะกันพวกหล่อนเป็นพยาน และไม่ยอมให้ใครกระทืบพวกหล่อนอย่างแน่นอน…ตกลงใครจ้างพวกหล่อนมาแกล้งเมียของฉัน…”
“เอ้อ…” สตรีทั้งสามหันไปมองหน้ากัน ก่อนที่หนึ่งนั้นจะเอ่ยเสียงสั่นว่า
“คุณหญิงแป้นเจ้าค่ะ”
นับตั้งแต่ย้อนกลับมาอยู่ในร่างแม่หญิงดารา ดาราเรศไม่เคยเห็นคุณหลวงผู้เป็นสามีโกรธจัดเท่าครั้งนี้มาก่อน
ทันทีที่ได้ยินจากสตรีทั้งสามว่ามารดาเลี้ยงของเขา เป็นคนว่าจ้างให้พวกหล่อนแกล้งมาโวยวายที่หน้าร้านของแม่หญิงดารา คุณหลวงก็สั่งให้ลูกน้องจับตัวคนร้ายทั้งสามเอาไว้และให้พาลงเรือตามกลับเรือนไปในทันที ดาราเรศเห็นท่าของสามีแล้วเลยร้องสั่งให้เพื่อนทั้งสองอยู่เก็บร้าน ส่วนตัวเองวิ่งตามคุณหลวงไปที่ท่าน้ำด้วยอีกคน
ระหว่างทางที่นั่งเรือกลับเรือน ชายหนุ่มหน้าเครียดไม่ยอมเอ่ยอะไรออกมาแม้แต่คำเดียว ดวงหน้าคนสันของออกหลวงกำแหงฤทธิรณแดงก่ำด้วยความโมโห มือที่กุมดาบนั้นเกร็งแน่นจนเห็นเส้นเลือด ความโกรธก่อนหน้านี้ของดาราเรศกลายเป็นเรื่องเล็กไปเลยเมื่อเทียบกับความโกรธของผู้เป็นสามีในยามนี้
เมื่อเรือเทียบท่า คุณหลวงก็เดินย่ำเท้าโครมคราม ตรงไปที่เรือนหลังใหญ่ทันที
“พ่อเข้ม” คุณหญิงแป้นเงยหน้าจากผลไม้ที่กำลังแกะสลักตรงหน้า ส่งยิ้มทักทายลูกเลี้ยง โดยไม่รู้เลยว่าชะตากำลังจะขาดแล้ว “ลมอะไรพัดมาหาแม่ถึงเรือนใหญ่ได้จ๊ะ”
“พี่เข้มเหนื่อยไหมจ๊ะ” แม่บัวถาม ก่อนจะหันไปสั่งบ่าว “รีบไปยกน้ำฝนลอยดอกมะลิมาให้คุณหลวงสิหล่อน”
“ไม่ต้อง” คุณหลวงตวาด บรรดาบ่าวไพร่เห็นท่าทางเกรี้ยวกราดเช่นนั้น เลยพากันคลานหนีไปจากห้อง ปล่อยให้คุณหลวง คุณหญิงแป้น แม่บัวและแม่ใจเผชิญหน้ากันตามลำพัง
“เป็นอะไรไปพ่อเข้ม” คุณหญิงแป้นเห็นท่าทางผิดปกติของคุณหลวง เลยพยายามเอาน้ำเย็นเข้าลูบ “ทำงานมาเหนื่อยๆ ก็นั่งพักก่อนสิจ๊ะพ่อ มีอะไรค่อยพูดค่อยจากันก็ได้”
“คุณหญิงแม่ทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร” ออกหลวงโกรธจนพูดแทบไม่เป็นภาษา
“อะไร ยังไง แม่ไม่เข้าใจ” คุณหญิงแป้นส่ายหน้า
“ก็ที่คุณหญิงแม่ส่งคนไปแกล้งแม่ดาราถึงร้าน” คุณหลวงแค่นเสียง ขณะที่ดาราเรศโผล่ขึ้นเรือนตามมาพอดี
“ส่งคน ส่งใคร อะไรยังไง” คุณหญิงยังทำหน้ามึน เธอหันเห็นลูกสะใภ้คนรองแล้วเลยตวาดว่า “หล่อนไปฟ้องอะไรพ่อเข้มอีกล่ะ พ่อเข้มถึงได้มาเกรี้ยวกราดเอากับฉัน”
“แม่ดาราไม่ได้ฟ้อง” คุณหลวงชิงตอบก่อน “แต่กระผมไปเห็นมาด้วยตาตัวเอง”
“เห็นอะไรเจ้าคะพี่เข้ม” แม่บัวนิ่วหน้า ขณะที่แม่ใจเริ่มหนาวๆ ร้อนๆ
“ก็พวกผู้หญิงที่ไปโวยวายที่ร้านแม่ดาราอย่างไรเล่าขอรับ” คุณหลวงเม้มริมฝีปากแน่น ดาราเรศเข้าใจคำว่าโมโหจนหนวดกระดิกเอาในตอนนี้เอง “คุณแม่ส่งไปใช่ไหม”
“อะไรกัน แม่ไม่รู้เรื่อง” คุณหญิงปากแข็ง เธอหันขวับไปทางดาราเรศแล้วแผดเสียงว่า “สาระแน…หล่อนไปฟ้องผัวเหรอ…เลวมากนะหล่อน ทำให้แม่ลูกเขาผิดใจกัน…ทั้งหมดเป็นเรื่องใส่ความกันชัดๆ เกิดเรื่องอะไรยังไง ฉันไม่รู้เรื่องด้วยสักนิด ผู้หญิงสามคนนั้นซื้อของร้านหล่อนไปใช้แล้วแพ้จนผิวไหม้ เกี่ยวอะไรกับฉันด้วย ช่วยไม่ได้ น้ำปรุงร้านหล่อนมีปัญหาเอง”
“คุณหญิงแม่…สติเจ้าค่ะ สติ” คุณหญิงแป้นคงจะโวยวายไปมากกว่านี้หากแม่ใจจะไม่รีบสะกิดเอาไว้
“ฉันยังไม่ทันได้พูดเลยว่าผู้หญิงสามคนนั้นไปทำอะไรที่ร้านของฉันบ้าง” ดาราเรศได้ที “คุณหลวงก็ยังไม่ได้พูด…แล้วคุณหญิงแม่รู้ได้อย่างไรว่ามีสามคน แถมยังแพ้น้ำปรุงจนผิวไหม้…ถ้าไม่ใช่เพราะว่าคุณแม่เป็นคนส่งผู้หญิงพวกนั้นไป”
“ฉัน…ฉัน…” คุณหญิงแป้นสะอึก รู้ตัวในตอนนั้นว่าพลาดไปแล้ว “อีพวกนั้นมันอาจจะใส่ร้ายฉันก็ได้ แม่ไม่รู้เรื่องจริงๆ นะพ่อเข้ม”
พอพลาด คุณหญิงแป้นก็เริ่มบีบน้ำตา หากคุณหลวงไม่ฟัง เขาหันไปสั่งลูกน้องที่รออยู่ทางด้านหลังว่า
“ไปเอาตัวสามคนนั้นขึ้นมา”
ไม่ถึงอึดใจ ลูกน้องของออกหลวงกำแหงฤทธิรณก็ไปพาตัวหญิงสาวสามคนที่ไปก่อเรื่องที่ร้านของแม่หญิงดาราขึ้มาบนเรือน
ทันทีที่เห็นคุณหญิงแป้น หญิงสาวทั้งสามก็รีบวิ่งไปหา และหมอบกราบลงกับพื้น
“คุณหญิงเจ้าขา…ช่วยพวกดีฉันด้วย”
“อะไร พวกแกเป็นใคร” คุณหญิงแป้นชักเท้าหนี “ฉันไม่เคยรู้จักพวกแก”
“ไม่รู้จักยังไงเจ้าคะ” ผู้หญิงคนที่เป็นหัวหน้าทีมกะพริบตาปริบๆ “ในเมื่อคุณหญิงเป็นคนจ้างให้พวกดีฉัน…”
“จ้าง เจิ้งอะไร” แม่บัวรีบตัดบท “พวกแกอย่ามาใส่ความแม่ฉันนะ”
“นั่นสิ” แม่ใจช่วยไล่ “ไป ไป๊”
“คุณหญิง” ผู้หญิงคนที่โวยวายว่าตัวเองผิวไหม้ร้องเสียงแหลม “คุณหญิงจะมาโยนความผิดให้ฉันรับฝ่ายเดียวไม่ได้นะเจ้าคะ”
“นั่นสิเจ้าคะ” ผู้หญิงคนที่สองว่า “ฉันอุตส่าห์เอาหม้อนาบเนื้อตัวเองให้ไหม้แล้วไปกล่าวหาแม่หญิงดารา ลงทุนทำขนาดนี้ คุณหญิงจะไม่รับผิดชอบไม่ได้นะเจ้าคะ”
“ใช่” ผู้หญิงคนที่สามโวยวายบ้าง “ฉันก็อุตส่าห์ไปเอาตำแยมาใส่ตัวเองจนคันคะเยอไปทั้งตัว…ได้ไม่คุ้มเสียเลยจริงๆ”
“อ้าว ก็ฉันให้อัฐพวกแกไปแล้ว” คุณหญิงแป้นลืมตัวเผลอสารภาพออกมาเอง “พวกแกทำงานผิดพลาดเองจะมาโวยวายอะไร”
“คุณหญิงพูดแบบนี้จะไม่รับผิดชอบหรือเจ้าคะ”
“นั่นสิ คุณหญิงเป็นคนจ้างพวกเราให้ไปใส่ร้ายแม่ดารา พวกเราก็ทำตามแล้ว ถึงตอนนี้คุณหญิงจะเอาตัวรอดไปคนเดียวหรือเจ้าคะ”
“ฉันมีพยาน ตอนคุณหญิงให้อัฐฉัน ลูกกับผัวของฉันก็อยู่ด้วย”
สามนางพากันโวยวาย เมื่อเห็นคุณหญิงแป้นทำท่าจะเอาตัวรอดไปคนเดียว
“พวกแกอยากโง่เองนี่ ช่วยไม่ได้ นังหน้าโง่ ทำงานไม่สำเร็จยังจะมาโวยวายอีก ฉันไม่เรียกเอาอัฐคืนจากพวกแกก็ดีแค่ไหนแล้ว” คุณหญิงแป้นตวาด ขณะที่แม่บัวและแม่ใจพยายามร้องห้าม
“คุณหญิงแม๊” แม่บัวเห็นท่าทางขมึงทึงของพี่ชายแล้วได้แต่หน้าซีดปากสั่น
“ตกลงเป็นฝีมือของคุณหญิงแม่จริงๆ” ออกหลวงหนุ่มเม้มริมฝีปากแน่น “คุณหญิงแม่ทำอย่างนี้ได้ยังไงขอรับ”
“พ่อเข้ม” คุณหญิงแป้นหันไปหาลูกเลี้ยง “ใจเย็นๆ ก่อนนะลูก…เรื่องนี้แม่อธิบายได้”
“ไม่ต้องอธิบายอะไรอีกแล้วขอรับ” คุณหลวงส่ายหน้า สายตาที่มองไปยัมารดาเลี้ยงเต็มไปด้วยความผิดหวัง “ผิดก็ต้องว่าไปตามผิด…”
“พ่อเข้มจะทำอะไรแม่” คุณหญิงแป้นผงะถอยหลัง
“กระผมต้องถามเมียมากกว่า เพราะเมียกระผมคือผู้เสียหาย” ออกหลวงกำแหงฤทธิรณหันไปทางดาราเรศ “แม่ดาราว่ามา…จะให้พี่ทำเยี่ยงไร ให้จับคุณหญิงแม่ส่งตระลาการเลยไหม หรือจะเอาอย่างไรก็บอกมา งานนี้คนกระทำผิดก็ต้องรับผิด จะหลีกเลี่ยงมิได้เด็ดขาด…”
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 30 : ขึ้นพระบาทกันไหมจ๊ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 29 : จ็อกๆ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 28 : รมณ์เสีย !
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 27 : ฤทธิ์รักไก่แช่เหล้า
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 26 : ผีผมจุกแย่แล้ว
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 25 : น้ำมนต์ของแม่หญิงดารา
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 24 : สะใภ้สารพัดพิษ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 23 : ฟาดมาฟาดกลับ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 22 : ความวัวยังไม่ทันจะหาย ความควายมาอีกแล้วเจ้าค่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 21 : บุกบ้านญี่ปุ่น
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 20 : แม่หญิงผู้มีศัตรูทั่วพระนคร
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 19 : เด็กดื้อต้องโดนอะไรนะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 18 : ทุกอย่างในโลกใบนี้ไม่มีบังเอิญ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 17 : เมียข้าอยู่ไหน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 16 : ลอบทำร้าย
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 15 : คนนั้นก็น่าจะใช่ คนนี้ก็อาจจะใช่ แล้วใครกันล่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 14 : น้ำปรุงขวดพิเศษ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 13 : แม่หญิงนาตาชา
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 12 : เมียข้าใครอย่าแตะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 11 : ออกญาโชดึกราชเศรษฐี
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 10 : สนธิสัญญาผีกับคน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 9 : จ๊ะเอ๋
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 8 : คุณหลวงเจ้าขา...ฉันกลัวเจ้าค่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 7 : เดบิ้วต์แล้วก็ต้องไปต่อให้สุดสิเจ้าคะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 6 : ไม่เคยกินละสิ ของอร่อยแบบนี้ !
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 5 : ปะทะคุณหญิงแม่
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 4 : ได้เวลาเดบิ้วต์
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 3 : เมียในเงามืด
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 2 : แม่หญิงผู้นี้ มีศึกรอบด้าน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 1 : ย้อนเวลา...มันไม่ได้มีแต่ในนิยายเหรอ