
คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี บทที่ 6 : ไม่เคยกินละสิ ของอร่อยแบบนี้ !
โดย : พงศกร
คุณหลวงเจ้าขา…ข้ากลัวผี นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้จากอ่านเอา โดย พงศกร เมื่อวิญญาณของแพทย์หญิงยุคปัจจุบันเข้าไปอยู่ในร่างแม่หญิงแห่งกรุงศรีผู้บอบบางที่มีคนหมั่นไส้ทั้งเมือง เธอจึงต้องลุกขึ้นมาปฏิวัติชีวิตของแม่หญิงคนนี้ให้แข็งแกร่ง ไม่ต้องพึ่งพาผู้ชายคนไหน โดยเฉพาะคุณหลวงกำแหงฤทธิรณ หนุ่มหล่อ…อยุธยาคิ้วต์บอยคนนั้น!
แม่หญิงดารานั่งคุย ปรึกษาหารือเรื่องเปิดร้านเสริมความงามอยู่กับเพื่อนสนิททั้งสองอย่างเป็นจริงเป็นจัง ยิ่งคุยยิ่งรู้สึกว่าแม่เข็มและแม่มีนานั้นน่ารักจริงใจ ในความโชคร้ายยังโชคดีที่มีพวกเธอเป็นเพื่อน
ทั้งสองมีบุคลิกที่ร่าเริงแจ่มใส เข้ากันได้ดีกับดาราเรศ แถมยังให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ ดาราเรศได้เรียนรู้จากแม่เข็มและแม่มีนาหลายเรื่อง ชีวิตในร่างใหม่ เธอมีสิ่งที่ต้องปรับตัวอีกมาก การได้มาเปิดร้านเสริมความงามด้วยกันนับเป็นเรื่องแปลกใหม่ในพระนคร มานั่งนึกดูแล้ว หลังจากวันนี้พวกเธอคงได้ทำอะไรที่สนุกสนานด้วยกันไม่น้อย
สิ่งแรกที่แม่หญิงดาราทำก่อนจะกลับเรือนก็คือ เอาตะกร้าที่ใส่น้ำปรุงขวดเล็กๆ มาวางสำหรับแจกผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา ตอนแรกผู้คนก็ลังเลไม่กล้าหยิบ ด้วยไม่แนใจว่ามีความนัยอะไรซ่อนเร้นหรือเปล่า อยู่ๆ ทำไมถึงมีแม่หญิงใจดี เอาของราคาแพงมาแจกจ่ายให้ไปใช้กันฟรีๆ แต่ครั้นพอมีคนใจกล้าหยิบไปเป็นคนแรกแล้วเปิดออกดม กลิ่นหอมของน้ำปรุงก็ฟุ้งกระจายไปทั่วทั้งป่าผ้า ทำเอาผู้คนเดินตามกลิ่นหอมมาจนถึงหน้าร้าน แล้วลองหยิบตัวอย่างน้ำปรุงกลับไปใช้บ้าง แม่หญิงดาราป่าวประกาศบอกกับทุกคนว่าหากใช้แล้วชอบใจ สามารถกลับมาซื้อได้ที่ร้านของพวกเธอซึ่งกำลังจะเปิดในเร็วๆ นี้ นับเป็นการประชาสัมพันธ์ร้านให้เป็นที่รู้จักตั้งแต่ยังไม่เปิดกิจการ
จัดการทุกอย่างจนเรียบร้อย เวลาก็เริ่มบ่ายคล้อย ร้านรวงในป่าผ้าทยอยกันปิด มีนาและเข็มขอตัวกลับเรือนเพราะออกมานานแล้ว แม่หญิงดาราจึงนึกขึ้นมาได้ว่าถึงเวลาที่เธอจะต้องกลับเรือนเช่นกัน
เมื่อมาถึงที่เรือน ดาราเรศก็เริ่มจะหวั่นๆ เพราะจำได้ว่าคุณหลวงเข้มคาดโทษเธอเอาไว้ เสียงเข้มๆ ของเขายังติดหูอยู่จนบัดนี้ คุณหลวงพูดว่า ‘กลับบ้านเย็นนี้เจอกัน’ เขาคงไม่พอใจที่เธอไปเดบิวต์เปิดตัวสามีถึงใจกลางพระนคร สงสัยต้องทำอะไรเพื่อเอาใจเขาสักหน่อย จะได้ไม่โกรธจัดจนเกินไป
ดาราเรศเรียนรู้ว่าเวลาที่คนโกรธมากๆ ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าได้รับประทานอาหารอร่อยๆ ของอร่อยเยียวยาได้เสมอ!
“แหวน ที่บ้านมีแป้งสาลีกับแป้งมันสำปะหลังไหม”
ดาราเรศดีดนิ้ว นอกจากเป็นหมอนิติเวชแล้ว เธอยังชื่นชอบการทำอาหาร เธอเป็นคนมีฝีมือในการทำอาหารไม่น้อย เวลาไปปาร์ตี้ที่บ้านเพื่อน เพื่อนมักจะเรียกร้องให้เธอทำอาหารอยู่บ่อยๆ ดาราเรศชอบทำอาหารแต่ไม่ค่อยได้ลงมือทำเพราะทำงานจนไม่มีเวลา
มาอยู่ในโลกใบใหม่เธอมีเวลามากขึ้น ถึงคราวจะต้องงัดเอาฝีมือออกมาโชว์อยุธยาคิวต์บอยแล้วสินะ
“แป้งสาลี…แป้งมันสำปะหลัง” แหวนทำตาโต “แม่หญิงจะเอามาผัดหน้าหรือเจ้าคะ”
“จะบ้าเหรอ” ดาราเรศหัวเราะคิก “ฉันจะเอามาทำอาหารต่างหาก”
“เอามาทำอาหาร” แหวนกะพริบตาปริบๆ “ทำอะไรเจ้าคะ”
“น่องไก่ชุบแป้งทอด” แม่หญิงดาราตอบ เห็นสีหน้าประหลาดใจของพี่เลี้ยงแล้วเลยอธิบายต่อไปว่า “ฉันเห็นในครัวมีน่องไก่อยู่หลายชิ้น ประเดี๋ยวฉันจะเอาน่องไก่มาชุบแป้ง แล้วเอาลงไปทอดในกระทะร้อนๆ”
“อุ๊ย” แหวนตกใจ “จะดีหรือเจ้าคะ อาหารทอดมีแต่พวกคนจีนโพ้นทะเลทำกัน ผู้ดีอยุธยาอย่างเราต้องต้มและนึ่งเท่านั้นเจ้าค่ะ”
“อะไรนะ” ถึงคราวที่ดาราเรศจะทำตาโตบ้าง เพิ่งจะรู้เดี๋ยวนั้นว่าคนอยุธยานิยมรับประทานอาหารต้มและนึ่ง คลับคล้ายคลับคลาอยู่เหมือนกัน เคยดูสารคดีในยูทูบเล่าไว้ว่าอาหารทอดจะมีที่มาจากคนจีนที่เดินทางอพยพโยกย้ายมาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่กรุงศรีอยุธยา
“บ่าวถามว่าแม่หญิงจะทำอาหารทอดให้คุณหลวงกินจริงๆ หรือเจ้าคะ” แหวนถามย้ำ
“จริง” ดาราเรศพยักหน้าหงึกๆ แหม ไก่ชุบแป้งทอดกรอบๆ อร่อยจะตาย ถ้าอยุธยาคิวต์บอยของเธอได้กิน จะได้โมโหเรื่องที่เธอมาป่าวประกาศว่าเป็นเมียน้อยลง “ตกลงมีไหม แป้งสาลี กับแป้งมันสำปะหลัง”
“ไม่มีเจ้าค่ะ” แหวนส่ายหน้าอย่างจนใจ
“ไม่มี งั้นเราก็ต้องทำแป้งเอง” แม่หญิงดารามุ่งมั่น
“หา” แหวนทำตาเหลือก โม่แป้งนี่ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ เลย
“ไปเกณฑ์บ่าวไพร่ในเรือนมาช่วยกัน” ดาราเรศสั่ง ไม่ลืมจะกำชับว่า “ใครมาช่วยฉันโม่แป้ง แจกให้ไปเลยคนละหนึ่งตำลึง”
“หนึ่งตำลึง…โอว…ได้เจ้าค่ะ”
ครั้นแหวนได้ยินคำว่า ‘หนึ่งตำลึง’ ก็รีบกุลีกุจอไประดมบ่าวไพร่มาช่วยกันทันที ใช้เวลาไม่นานดาราเรศก็ได้แป้งสำหรับผสมและชุบน่องไก่ทอดสมใจ
ตอนที่คุณหลวงกำแหงฤทธิรณกลับมาถึงเรือน แม่หญิงดารากำลังหน้าดำคร่ำเคร่งทอดไก่อยู่ในครัว กลิ่นน่องไก่ชุบแป้งทอดหอมกรุ่นไปทั่วทั้งบริเวณเรือนหลังเล็ก อารมณ์หงุดหงิดของคุณหลวงถูกแทนที่ด้วยความอยากรู้ว่ากลิ่นหอมชวนน้ำลายไหลนั้น คือกลิ่นของอะไรกันแน่
ร่างสูงใหญ่เดินตามกลิ่นอาหารเข้าไปจนถึงเรือน ดวงตาคู่คมของเขาเบิกกว้างเมื่อเห็นร่างโปร่งบางของแม่หญิงดารากำลังยืนทอดไก่อยู่หน้ากระทะใบใหญ่ เธอหันกลับมาทางสามีแล้วอุทานว่า
“อุ๊ย คุณพี่ กลับมาแล้วหรือเจ้าคะ”
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ออกหลวงหนุ่มทำเสียงเข้ม ก่อนจะกลืนน้ำลายลงคอเสียงดังเอื๊อก ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ ท้องก็ส่งเสียงร้องจ๊อกให้ต้องอับอาย…ห้ามความหิวไม่ได้เสียด้วย ออกลาดตระเวนตั้งแต่เช้า ยังไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย
“ได้เจ้าค่ะ แต่ก่อนจะคุย…คุณพี่กินอะไรสักหน่อยดีกว่านะเจ้าคะ กลับมาเหนื่อยๆ ท่าทางจะหิว น้องมีของอร่อยเตรียมไว้ให้”
แม่หญิงดารายกชายผ้าแถบที่ห่มขึ้นซับเหงื่อบนหน้าผาก อากัปกิริยานั้นทำเอาคุณหลวงถึงกับมองด้วยความตื่นตะลึง ด้วยไม่เคยสังเกตเมียตัวเองใกล้ชิดเช่นนี้มาก่อน ดวงหน้าของแม่หญิงดาราสวยหวาน เอิบอิ่มมีน้ำมีนวล สองแก้มซับสีเลือดฝาด ดูแล้วน่าทะนุถนอมยิ่งนัก
“ฉัน…ไม่…” เขาอยากจะพูดว่า ‘ไม่หิว’ แต่ปากกลับพูดออกไปว่า “ฉันไม่ปฏิเสธ”
“ดีเจ้าค่ะ ถ้างั้นคุณพี่ขึ้นไปนั่งรอบนเรือนได้เลย อยากคุยอะไรกับน้อง ประเดี๋ยวอิ่มแล้วเราค่อยว่ากัน” ดาราส่งยิ้มหวานให้ผู้เป็นสามีที่ได้แต่ยกมือขึ้นเกาศีรษะด้วยความขัดเขิน
เธอหันไปพยักหน้าให้แหวนจัดเตรียมสำรับขึ้นไปให้คุณหลวงบนเรือนหลังเล็ก ขณะที่บ่าวจากเรือนหลังใหญ่ของคุณหญิงแป้นผลัดกันเดินวนเวียนมาแอบมอง เพื่อนำเรื่องกลับไปรายงานเจ้านายว่ากลิ่นหอมที่อวลไปทั่วทั้งบริเวณนั้นคืออะไร
“อะไรนะ” ทันทีที่คุณหญิงแป้นรู้ว่าแม่ดาราทำอะไร ถึงกับอุทานเสียงดังลั่น ยกมือขึ้นทาบอก “นังดาราเนี่ยนะ…มันทำอาหารให้ลูกฉันกินหรือ”
“เจ้าค่ะ” นังเจียมพยักหน้า
“บ้าไปแล้ว” แม่หญิงใจส่ายหน้า คิ้วเรียวยาวขมวดมุ่น “ผีเข้าหรือไง”
“แต่กลิ่นหอม น่าอร่อยนะเจ้าคะ” แม่หญิงบัวกลืนน้ำลาย กลิ่นไก่ทอดจากเรือนหลังเล็กยังลอยกรุ่นมาเป็นระยะ
“ไม่รู้เอาพวกตับไตไส้พุงที่เหลือๆ มาทำเป็นอาหารให้คุณเข้มกินหรือเปล่านะเจ้าคะ” แม่ใจวิเคราะห์ “จะได้ทำลายหลักฐานว่ามันเป็นปอบ”
“แม่จะไปดูสักหน่อย” คุณหญิงแป้นเม้มริมฝีปากแน่น เกิดอะไรขึ้นกับแม่ดารากันแน่ ยิ่งวันยิ่งทำตัวประหลาดขึ้นทุกที
“ลูกไปด้วย” แม่หญิงบัวลุกขึ้นบ้าง
“ไม่กลัวปอบแล้วหรือ” คุณหญิงแป้นค้อนลูกสาว
“กลัวเจ้าค่ะ” แม่บัวตอบโดยซื่อ “แต่ความอยากรู้มีมากกว่า”
“งั้นเราไปด้วยกันทั้งหมดนี่ละ” คุณหญิงแป้นหันไปพยักหน้าให้แม่ใจที่ทำท่าไม่เต็มใจนัก หากขัดแม่สามีไม่ได้ สุดท้ายสตรีทั้งสามก็ลุกขึ้นแล้วลงจากเรือนใหญ่ จับมือกันแน่นด้วยความประหวั่น จากนั้นก็เดินมุ่งหน้าไปยังเรือนเล็กทางด้านหลังด้วยกัน
ตอนที่โผล่ขึ้นไปบนเรือนหลังเล็ก คุณหญิงแป้นถึงกับยกมือขึ้นตบอก เมื่อเห็นบุตรชายคนรองกำลังแทะน่องไก่ด้วยความเอร็ดอร่อย
“อุ๊ยตาย นั่นทำอะไรพ่อเข้ม” ผู้เป็นมารดาร้องอุทาน ขณะที่ออกหลวงหนุ่มชะงักค้าง น่องไก่ยังคาอยู่ในปาก
“คุณพี่” แม่หญิงบัวร้องเสียงแหลม “คุณพี่กลายเป็นปอบไปอีกคนหนึ่งแล้วใช่ไหม”
“อะไรกันขอรับคุณแม่ อะไรกันแม่บัว ใครเป็นปอบอะไร” ออกหลวงวางน่องไก่ชุบแป้งทอดในมือลงด้วยความเสียดาย คิ้วเรียวยาวของเขาเลิกขึ้นด้วยความสงสัยว่าพวกมารดาแห่กันมาทำอะไรถึงเรือนหลังเล็กของเขา
นังเจียมที่ตามมาด้วยทำตาโต จ้องมองน่องไก่กองพะเนินในจานของคุณหลวงเข้มด้วยสายตาอยากรู้ กลิ่นของมันหอมเหลือเกิน…นางทาสอดกลืนน้ำลายไม่ได้
“แม่ถามว่าพ่อเข้มกำลังทำอะไรอยู่”
“กินไก่ขอรับ” เขาเห็นหน้าตาเหลอหลาของบรรดาแขกแล้วเลยชวนให้ลองชิมน่องไก่ชุบแป้งทอดด้วยกัน “คุณแม่ลองกินไหมขอรับ อร่อยนะ”
รสเค็มมันยังซ่านอยู่ที่ปลายลิ้น กลิ่นเครื่องเทศ พริกไทย หอมเจียวยังอวลอร่อย น่องไก่ทอดกรอบนอกนุ่มใน รสชาติอร่อยกำลังดี
“ไม่” คุณหญิงแป้นกลืนน้ำลายเอื๊อก ก่อนจะปฏิเสธเสียงอ่อน ดวงตาจ้องมองอาหารตรงหน้าด้วยความสงสัย เพราะไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อน
กลิ่นไก่ชุบแป้งทอดฝีมือแม่ดาราหอมชวนน้ำลายไหล ผิวของไก่ที่ทอดในน้ำมันร้อนๆ เป็นสีน้ำตาลทอง แม่ดาราผสมพริกไทยและเครื่องเทศลงไปในแป้งด้วย ทำให้น่องไก่ทอดของเธอมีรสอร่อยเป็นพิเศษ คุณหลวงเข้มไม่เคยลิ้มรสชาติน่องไก่ชุบแป้งทอด ถึงกับกินด้วยความเอร็ดอร่อย ลืมเรื่องหงุดหงิดที่เตรียมจะมาพูดกับแม่ดาราไปเสียหมดสิ้น
“แม่ใจ แม่บัวล่ะ…ลองไหม” เขาหันไปถามพี่สะให้และน้องสาว
“ไม่” สองสาวรีบปฏิเสธเกือบจะพร้อมกัน
ตลอดเวลาดาราเรศได้แต่จ้องมองฝ่ายตรงข้ามด้วยสายตาแน่วนิ่ง รู้แต่แรกแล้วว่าจงใจจะมาหาเรื่อง แต่พอมาถึงกลับพูดอะไรไม่ออก เพราะลูกชายของตัวเองกำลังกินไก่ด้วยความเอร็ดอร่อย แถมดาราเรศยังเห็นพวกนางทั้งสามกลืนน้ำลายกันยกใหญ่ ท่าทางก็คงอยากกินเช่นกัน แต่กลัวเสียหน้าเลยได้แต่ทำท่าเมินเฉย
ดี สมน้ำหน้า ดาราเรศหัวเราะอยู่ในใจ
“ทีหลังพ่อเข้มหิวก็ไปกินที่เรือนใหญ่” คุณหญิงแป้นเอ็ดบุตรชาย “ไม่เห็นจะต้องให้แม่ดาราทำอะไรให้กินที่เรือนเล็กเลย…ยุ่งยาก เสียเวลา เรือนใหญ่ก็ทำอาหารทุกมื้อไม่เคยขาดอยู่แล้ว”
“ไม่ลำบากอะไรเลยเจ้าค่ะ” แม่หญิงดาราสบโอกาสเหมาะ “การที่เมียจะทำอาหารให้ผัวกิน ไม่เห็นยุ่งยากที่ตรงไหน…ต่อไปนี้พี่เข้มจะกินข้าวที่เรือนเล็ก ไม่ไปกินที่เรือนใหญ่แล้ว…ใช่ไหมเจ้าคะคุณพี่”
“เอ้อ…อะไรนะ” คุณหลวงกะพริบตาปริบๆ เพราะเรื่องที่แม่หญิงดาราพูดออกมานั้น ไม่ได้ตกลงกันไว้ก่อน แต่เพราะอยากรักษาหน้าให้เมีย เขาจึงพยักหน้าส่งๆ ไป “ใช่ขอรับคุณแม่ ต่อจากนี้ไป กระผมจะกินข้าวกับเมียที่เรือนเล็กนี้ละ ไม่รบกวนคุณแม่แล้ว”
“ไม่ได้” คุณหญิงแป้นลืมตัว
“ทำไมจะไม่ได้เจ้าคะ” แม่หญิงดาราแกล้งทำเสียงหวาน “ผัวเมียกินข้าวด้วยกัน ทำไมถึงจะไม่ได้ หรือคุณแม่อยากจะแยกผัวแยกเมียเขา”
“ฉัน…เอ้อ…” เจอคนจริงเข้าแบบนี้ คุณหญิงแป้นถึงกับพูดอะไรไม่ถูก เธอกระทืบเท้าด้วยความเจ็บใจ ก่อนจะหันไปทางสะใภ้และบุตรสาว แล้วพึมพำว่า
“ไป…พวกเรา กลับเรือน”
รอจนพวกคุณหญิงแป้นกลับไปแล้ว แม่หญิงดาราก็ตีหน้าเศร้า เธอพึมพำว่า
“น้องไม่คิดเลยว่า แค่ทำอาหารให้คุณพี่กิน คุณหญิงแม่จะโกรธเป็นฟืนเป็นไฟเช่นนี้”
“ช่างคุณแม่เถอะ” เขาว่า ก่อนจะแทะน่องไก่ต่อ “ท่านคงจะแปลกใจน่ะ เพราะก่อนหน้านี้หล่อนไม่เคยสนใจจะปรนนิบัติดูแลฉัน วันๆ เอาแต่ทำหน้างอ รังเกียจไม่อยากให้ฉันเข้าใกล้”
“แหม” แม่หญิงดารารีบหาทางลงให้สวยๆ “ก่อนหน้านี้ น้องเองก็คิดไม่ได้…ตอนนี้น้องคิดได้แล้ว ต่อไปนี้น้องจะทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีเจ้าค่ะ”
“แล้วที่บอกว่าจะทำอาหารให้ฉันกินทุกวันน่ะ…พูดจริงใช่ไหม” เขาถามอย่างมีความหวัง แค่ไก่ทอดยังอร่อยขนาดนี้ อาหารอื่นจะอร่อยแค่ไหน ที่จริงเขาไม่ใช่คนตะกละเห็นแก่กิน แต่ถ้าทำงานกลับบ้านมาเหนื่อยๆแล้วได้กินของอร่อยๆ ย่อมดีกว่ามิใช่หรือ
“จริงเจ้าค่ะ” หล่อนพยักหน้า ดวงตาแวววาวเมื่อจ้องหน้าหล่อๆ ของคุณหลวง “ว่าแต่คุณหลวงบอกว่ามีเรื่องจะพูดกับน้อง…มีอะไรหรือเจ้าคะ”
“เอ้อ…” ออกหลวงหนุ่มมองหน้าเมียของเขาอย่างครุ่นคิด
อันที่จริงความคิดเรื่องห้ามบอกใครว่าเขาและหล่อนแต่งงานกัน ไม่ใช่ความคิดของเขา แต่เป็นความคิดของแม่หญิงดาราเองนั่นละ
ตลอดเวลาที่ผ่านมา คุณหลวงเข้มรู้ดีว่าแม่หญิงดาราหลงรักพี่ชายของเขา เมื่อรู้ว่าเกิดผิดฝาผิดตัว ต้องมาแต่งงานกับน้องชายแทน แม่ดาราถึงไม่พอใจและพยายามอยู่ห่างจากเขาให้มากที่สุด ไม่ยอมให้แตะต้องเนื้อตัว และออกความคิดว่าห้ามบอกใครเด็ดขาดว่าเขาคือสามีของเธอ แต่วันนี้เกิดอะไรขึ้นกับแม่ดารา เธอถึงออกไปป่าวประกาศกลางป่าผ้าด้วยตัวเอง
เขาวางน่องไก่น่องสุดท้ายลง และดาราก็รีบเลื่อนขันน้ำลอยดอกมะลิไปให้เขาล้างมือตามที่นังแหวนสอนเอาไว้
“มีเรื่องนิดหน่อย” เขากำลังคิดว่าจะเริ่มต้นอย่างไรดี ตอนแรกว่าจะถามว่าทำไมเธอถึงทำเช่นนั้น หากเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อตอนบ่ายแก่ๆ ก่อนกลับเรือน ทำให้เขาเปลี่ยนใจไม่ถามเหตุผลจากแม่ดาราแล้ว
“เกี่ยวกับการที่ดิฉันไปป่าวประกาศที่ป่าผ้าหรือเปล่าเจ้าคะ” หล่อนถามเขาประเด็น เพราะระหว่างเธอกับเขาถ้าจะมีเรื่องอะไรต้องพูดกันวันนี้ ก็คงไม่พ้นเรื่องนี้นั่นละ
“ฮื่อ” เขาพยักหน้า
“มีอะไรก็ว่ามาเจ้าค่ะ” เธอเป็นคนแมนๆ ตรงๆ อยู่แล้ว อยากจะด่าอะไรก็ด่ามาเลยจ้ะ
“เพราะเรื่องที่หล่อนทำลงไป…วันพรุ่ง…ท่านเจ้าคุณนคเรศเลยสั่งให้ฉันพาหล่อนไปกินข้าวเย็นด้วย” ออกหลวงหนุ่มบอกเมียด้วยเสียงราบเรียบ
“ท่านเจ้าคุณนคเรศ” แม่หญิงดารากะพริบตาปริบๆ คุณหลวงเห็นดังนั้นเลยรีบอธิบายว่า
“ลืมไปว่าช่วงนี้แม่ดาราหลงๆ ลืมๆ” เขาว่า “ท่านเจ้าคุณนคเรศหรือออกญานคเรศฤๅไชย เป็นเจ้ากรมตำรวจหลวง เจ้านายของฉัน…จะเล่ายังไงดีนะ…”
เขานิ่งไปอึดใจหนึ่ง ก่อนจะเล่ารายละเอียดให้ดาราฟังว่า
“คือก่อนหน้านี้…ท่านเจ้าคุณไม่เคยรู้ว่าฉันมีเมียแล้ว ครั้นพอหล่อนไปประกาศกลางป่าผ้าว่าเป็นเมียของฉัน เรื่องเลยไปเข้าหูคุณหญิงกระต่าย ซึ่งเป็นเมียของท่านเจ้าคุณเข้า…คุณหญิงกระต่ายก็เลยมาโวยวายเอากับท่านเจ้าคุณว่าฉันแต่งงานทำไมถึงไม่รู้ ท่านเจ้าคุณเลยมาไล่เบี้ยเอากับฉันว่าแต่งเมียทำไมไม่บอก แล้วสุดท้ายเลยสั่งให้ฉันพาหล่อนไปกินข้าวเย็นกับท่านและคุณหญิงที่เรือนวันพรุ่งนี้น่ะสิ!”
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 30 : ขึ้นพระบาทกันไหมจ๊ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 29 : จ็อกๆ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 28 : รมณ์เสีย !
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 27 : ฤทธิ์รักไก่แช่เหล้า
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 26 : ผีผมจุกแย่แล้ว
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 25 : น้ำมนต์ของแม่หญิงดารา
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 24 : สะใภ้สารพัดพิษ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 23 : ฟาดมาฟาดกลับ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 22 : ความวัวยังไม่ทันจะหาย ความควายมาอีกแล้วเจ้าค่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 21 : บุกบ้านญี่ปุ่น
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 20 : แม่หญิงผู้มีศัตรูทั่วพระนคร
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 19 : เด็กดื้อต้องโดนอะไรนะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 18 : ทุกอย่างในโลกใบนี้ไม่มีบังเอิญ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 17 : เมียข้าอยู่ไหน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 16 : ลอบทำร้าย
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 15 : คนนั้นก็น่าจะใช่ คนนี้ก็อาจจะใช่ แล้วใครกันล่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 14 : น้ำปรุงขวดพิเศษ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 13 : แม่หญิงนาตาชา
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 12 : เมียข้าใครอย่าแตะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 11 : ออกญาโชดึกราชเศรษฐี
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 10 : สนธิสัญญาผีกับคน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 9 : จ๊ะเอ๋
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 8 : คุณหลวงเจ้าขา...ฉันกลัวเจ้าค่ะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 7 : เดบิ้วต์แล้วก็ต้องไปต่อให้สุดสิเจ้าคะ
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 6 : ไม่เคยกินละสิ ของอร่อยแบบนี้ !
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 5 : ปะทะคุณหญิงแม่
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 4 : ได้เวลาเดบิ้วต์
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 3 : เมียในเงามืด
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 2 : แม่หญิงผู้นี้ มีศึกรอบด้าน
- READ คุณหลวงเจ้าขา...ข้ากลัวผี บทที่ 1 : ย้อนเวลา...มันไม่ได้มีแต่ในนิยายเหรอ