รักในรอยน้ำตา บทที่ 20 : เริ่มต้นชีวิตใหม่
โดย : ปิ่นฟ้า
รักในรอยน้ำตา นวนิยายโดย ปิ่นฟ้า เมื่อรักที่ต้องการมาทั้งชีวิต กลับต้องแลกมาด้วยน้ำตาจากผู้ชายที่เธอรักจนหมดหัวใจ แต่เขากลับทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น…เรื่องราวสุดเข้มข้นจากการคัดสรรโดยอ่านเอา มาให้อ่านแล้วทางเว็บไซต์ anowl.co และเพจอ่านเอา anowldotco
หลังจากไปส่งกนกอรที่สถาบันและพารินรดากลับบ้านแล้ว เจตต์จึงกลับไปยังบ้านของตน ชายหนุ่มยืนมองใบหน้าที่ฟกช้ำอยู่หน้ากระจก แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ทำอะไรไปมากกว่านี้ ทันใดนั้นเสียงออดหน้าประตูก็ดังขึ้น พอเขาเดินออกมาก็เห็นรินรดากำลังยืนอยู่หน้ารั้วในมือถือกล่องปฐมพยาบาล แต่ยังไม่ทันจะถามอะไรอีก อีกฝ่ายก็เป็นคนชิงพูดขึ้นเสียก่อน
“ระรินมาทำแผลให้พี่เจตต์ค่ะ”
“ขอบคุณมากครับ แต่น้องระรินไม่เห็นต้องลำบากเลย”
“ไม่ลำบากอะไรเลยค่ะ ถ้าระรินไม่ทำแผลให้พี่เจตต์คงจะรู้สึกผิดแย่”
“งั้นเข้ามาในบ้านก่อนสิครับ”
เจตต์พาหญิงสาวเดินเข้ามาในรั้วบ้านผ่านสวนที่เขายังทำไม่เสร็จ
“พี่เจตต์กำลังทำสวนใหม่เหรอคะ”
“อ๋อ ครับ พอดีพี่ไม่ได้อยู่บ้านเสียนาน ต้นไม้ดอกไม้พวกนี้พอไม่มีคนดูแลก็ตายไปหมดแล้วละครับ พี่เลยจะรื้อสวนตกแต่งใหม่เสียเลย”
“โห น่าสนุกนะคะ”
“ครับ พี่เห็นสวนบ้านน้องระรินสวยเชียว พี่ว่าจะขอคำแนะนำสักหน่อย ให้ใครมาจัดสวนให้เหรอครับ”
“เปล่าหรอกค่ะพี่เจตต์ ระรินไม่ได้จ้างใครหรอกค่ะ ก็อาศัยว่าชอบต้นไม้ดอกไม้เป็นทุนเดิมเลยไปเดินหาซื้อต้นไม้แถวสวนจตุจักร ต้นไหนดอกสวยทนแดดก็ลองซื้อมาปลูก คนขายเขาก็ให้คำแนะนำดีนะคะ ระรินก็หาข้อมูลการดูแลประกอบด้วย เลยลองทำก็ได้อย่างที่เห็นน่ะค่ะ ก่อนหน้านี้มีเยอะกว่านี้อีกนะคะ แต่นี่ตายไปก็เยอะ ยังไม่มีเวลาไปหามาปลูกใหม่เลยค่ะ ระรินกะว่า เดี๋ยวจะหาเวลาว่างไปซื้อต้นไม้ดอกไม้มาเพิ่มเติม”
“ดีจังเลยครับ งั้นคราวหลัง น้องระรินช่วยพี่เลือกต้นไม้ดอกไม้มาจัดสวนได้ไหมครับ พี่เองก็อยากให้สวนในบ้านของพี่สดชื่นมีชีวิตชีวาเหมือนบ้านน้องระริน”
“ได้สิคะพี่เจตต์”
สองหนุ่มสาวยิ้มให้กันอย่างอารมณ์ดี ก่อนที่เจตต์จะพาเธอนั่งลงที่โซฟาในห้องรับแขก ก่อนที่รินรดาจะค่อยๆ ลงมือทำแผลให้เขาอย่างเบามือ ความใกล้ชิดที่รินรดามีต่อเขาเป็นครั้งแรก กอปรกับการที่เขาแอบชอบเธอมาเป็นเวลานาน ทำให้เจตต์ใจเต้นโครมคราม มือทั้งสองข้างเปียกชื้นด้วยความตื่นเต้นอย่างห้ามไม่อยู่
“พี่ไม่คิดเลยว่าน้องระรินจะมือเบาขนาดนี้ คราวหน้าถ้าพี่เจ็บอีก พี่จะขอให้น้องระรินทำแผลให้อีกได้ไหมครับ”
“ได้สิคะ ไม่เห็นยากเลย เพราะน้ำฟ้าซุกซนมากได้แผลบ่อยๆ ระรินเลยต้องคอยทำแผลให้ลูกเป็นประจำ ถ้าจะเพิ่มพี่เจตต์อีกสักคนก็คงไม่เป็นไรหรอกค่ะ แต่พี่เจตต์คงไม่ได้เป็นแผลบ่อยเหมือนน้ำฟ้าหรอกมั้งคะ”
รินรดาพูดยิ้มๆ ก่อนจะมองไปรอบๆ บ้าน เธอเห็นรูปแต่งงานของเขายืนยิ้มเคียงข้างเจ้าสาวก็ได้แต่ฉงน
“พี่เจตต์แต่งงานแล้วเหรอคะ แล้วนี่ภรรยาไปไหนล่ะคะ”
“เสียแล้วครับ”
“ตายแล้ว ระรินขอโทษค่ะ ระรินไม่ทราบมาก่อน”
“ไม่เป็นไรครับ เสียได้ปีกว่าแล้ว เธอชื่อพา”
“แล้วไม่มีลูกด้วยกันเหรอคะ”
“ไม่มีครับ จะว่ายังไงดี เราสองคนถูกผู้ใหญ่จับแต่งงานน่ะครับ ต่างคนต่างไม่ได้รักกันมาก่อน พอมาอยู่ด้วยกัน เลยกลายเป็นความผูกพันเหมือนพี่น้องที่อยู่ด้วยกัน เจอหน้ากันทุกวัน เพราะพี่รู้ตัวเองว่าพี่คงไม่อาจรักใครได้อีก เพราะพี่มีคนในใจอยู่แล้วน่ะครับ”
“ผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นคนที่โชคดีมากๆ เลยค่ะ ถ้าได้รู้ว่าพี่เจตต์รักมั่นคงแบบนี้”
“พี่ก็อยากให้รู้ครับ”
เจตต์พูดพลางหันมามองสบตาอย่างลึกซึ้งราวกับจะถ่ายทอดความรู้สึกที่มีในใจมานานแสนนานให้คนตรงหน้าได้รับรู้
“ทำไม พี่เจตต์มองหน้าระรินแบบนั้นล่ะคะ”
“นี่น้องระรินไม่รู้จริงๆ เหรอครับ ว่าที่ผ่านมาพี่คิดยังไงกับน้องระริน”
“เอ่อ…คือ”
“น้องระรินไม่รู้ ก็คงไม่แปลกหรอกครับ เพราะที่ผ่านมาพี่ไม่เคยบอก แต่ตอนนี้เราสองคนต่างโสด พี่ไม่อยากปล่อยเวลาให้เนิ่นนานไปกว่านี้ พี่อยากให้น้องระรินรู้ไว้ว่า ตั้งแต่สมัยเรียนจนถึงวันนี้ พี่เคยชอบน้องระรินอย่างไร พี่ก็ยังชอบน้องระรินแบบนั้น”
“พี่ต้น…แต่ระรินเพิ่งจะหย่ามานะคะ”
“หย่าแล้วยังไง เป็นหม้ายแล้วยังไง พี่ก็เป็นหม้ายเหมือนกัน”
“แต่ระรินมีลูกติด มีพันธะ พี่ต้นก็เห็น ระรินยังมีน้าสาวอีกคนที่รักและนับถือเหมือนแม่”
“พี่เข้าใจครับ และพี่ก็ชอบที่ระรินเป็นแบบนี้ พี่รู้ว่าการที่พี่บอกชอบน้องระรินตอนนี้อาจเร็วไป แต่สำหรับพี่…มันนานมากกว่าพี่จะได้พูดออกมา พี่กลัวว่าหากวันนี้พี่ไม่พูดออกไป วันข้างหน้าพี่อาจจะไม่มีโอกาส เวลามันผ่านไปเร็วนะครับ ไม่จากเป็นก็จากตาย”
เจตต์จูงมือรินรดาพาเดินไปหยุดยืนที่หน้าภาพถ่ายของยุพาที่มีแจกันประดับดอกไม้สวยงามตั้งอยู่
“พา วันนี้พี่พาระรินมาแนะนำให้รู้จัก ระรินเป็นรุ่นน้องพี่ที่มหาลัยเขาย้ายมาอยู่บ้านข้างๆ ระรินคือผู้หญิงที่อยู่ในใจพี่ตลอดมา ผู้หญิงที่พาอยากรู้ว่าเป็นใคร ตอนนี้เขายืนอยู่ตรงนี้แล้ว”
“พี่เจตต์!”
“พี่เคยคิดอยากจะแนะนำระรินกับพาให้รู้จักกันในสักวัน ก่อนที่พาจะเสีย พาเคยบ่นเสียดาย ที่ไม่มีโอกาสได้รู้จักผู้หญิงที่อยู่ในใจพี่ พี่คงทำได้เพียงแค่พาระรินมาแนะนำให้รู้จักในตอนนี้”
รินรดาไม่เคยคิดเลยว่าเจตต์จะมีใจรักมั่นต่อเธอถึงเพียงนี้ ความรู้สึกดีเริ่มก่อเกิดขึ้นมาในจิตใจ ในช่วงเวลาเลวร้ายที่สุดของเธอ ก็มีเจตต์คอยอยู่เคียงข้างและช่วยเหลือเธอเสมอมา
“สวัสดีค่ะคุณพา ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ พี่เจตต์เป็นคนดี เป็นพี่ชายที่ดีสำหรับระริน ระรินขอเวลาได้ไหมคะพี่เจตต์ ขอเวลาสักพักเพราะตอนนี้ระรินยังไม่พร้อมจะมีใครจริงๆ”
“พี่เข้าใจนะระริน น้องจะใช้เวลานานเท่าไหร่ก็ได้พี่รอได้เสมอ ขออย่างเดียว อย่าปล่อยให้พี่รอจนแก่ตายก็พอ” เจตต์พูดกลั้วหัวเราะ ก่อนกุมมือหญิงสาวด้วยความดีใจ
จังหวะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นแม่ของสรวิชญ์โทร.เข้ามา สีหน้าอารมณ์ดีเมื่อครู่ก็แปรเปลี่ยนเป็นนิ่งขรึมก่อนจะรีบรับโทรศัพท์
รินรดาใช้เวลาไม่นาน เจตต์ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายกำลังพูดอะไร เขาได้ยินแต่เพียงหญิงสาวที่ตอบกลับสั้นๆ ว่า “ขอโทษด้วยนะคะคุณแม่ ต่อไปนี้หนูคงไม่ได้ไปดูแลคุณพ่อคุณแม่อีกแล้ว เพราะตอนนี้หนูกับพี่ต้น เราหย่ากันเรียบร้อยแล้วค่ะ”
รินรดาถือสายโทรศัพท์ฟังอยู่ชั่วขณะก่อนจะวางลง ดวงตาที่สดใสเมื่อครู่สลดลงพร้อมกับน้ำตาคลอที่เจ้าตัวพยายามสะกดกลั้นไม่ให้ไหลออกมา
“มีอะไรเหรอครับน้องระริน แม่ไอ้ต้นทำไมเหรอครับ”
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะพี่ต้น ระรินแค่สงสารพ่อแม่ของพี่ต้นน่ะค่ะ เมื่อก่อนเวลาท่านป่วยหรือไม่สบาย ระรินก็เป็นคนคอยดูแลพาไปหาหมอ ท่านไม่รู้เลยว่าระรินกับพี่ต้นหย่ากัน และทางนั้นก็มีคนใหม่ไปแล้ว ไม่รู้ต่อไปจะเป็นยังไงบ้างนะคะ”
“พี่เข้าใจครับ แต่พี่ว่ารอเวลาผ่านไปสักพักทุกอย่างก็คงจะเข้าที่ พี่อยากให้ระรินปล่อยวาง เราไม่สามารถช่วยได้ทุกคน ตอนนี้ไอ้ต้นมันมีคนใหม่แล้ว ต่อไปก็ควรเป็นหน้าที่มันที่ต้องดูแลพ่อแม่ตัวเอง เราไม่เกี่ยวแล้วละครับ”
“ค่ะพี่เจตต์”
เจตต์พอรู้ว่าหัวใจของหญิงสาวบอบช้ำเพียงใด แม้ภายนอกเธอพยายามเข้มแข็งพูดคุยเหมือนไม่มีอะไร แต่เมื่อเธอรับโทรศัพท์เมื่อครู่น้ำตาก็คลอหน่วยอย่างน่าสงสาร ทำให้เขาอดใจไม่ไหวดึงร่างบางมากอดไว้ในอ้อมแขน พลางพูดขึ้น
“ร้องไห้ออกมาเถอะครับ อยู่กับพี่ ระรินไม่ต้องพยายามทำตัวให้เข้มแข็ง เมื่อหัวใจมันเจ็บมาก ก็ร้องไห้ออกมา พี่จะคอยอยู่ตรงนี้ คอยเป็นคนรับฟังและซับน้ำตาให้เอง”
น้ำเสียงนุ่มปลอบโยนเธอ พร้อมกับมือที่ลูบศีรษะอย่างแผ่วเบาทำให้รินรดาปล่อยโฮสะอื้นไห้ออกมาอย่างสุดกลั้นกับแผงอกอบอุ่นของเขา
ไม่รู้ว่าหญิงสาวร้องไห้อยู่นานเท่าไร ก่อนที่เธอจะตั้งสติได้ แล้วยิ้มให้เขาทั้งน้ำตา
“ขอบคุณมากนะคะพี่เจตต์”
“เดี๋ยวระรินกลับไปจัดเสื้อผ้าให้น้าอ้อยก่อนนะคะ”
“ครับ เดี๋ยวพี่ไปเยี่ยมน้ำฟ้าที่โรงพยาบาลด้วยนะครับ”
“ค่ะพี่เจตต์”
ในวันที่รินรดาหย่าขาดกับสามี เพื่อตัดคนที่ทำร้ายหัวใจเธอออกไปจากชีวิต และในวันเดียวกันนั่นเอง ใครจะไปคิดว่า จะมีเจตต์ที่พร้อมซับน้ำตาและเป็นอ้อมกอดอันอบอุ่นเข้ามาในชีวิตของเธอเช่นกัน
หลังจากรินรดาเตรียมเสื้อผ้าของพรพรรณเรียบร้อย เจตต์ก็ขับรถพาเธอไปที่โรงพยาบาลพร้อมกัน ทั้งสองเดินเคียงข้างกันเข้าไปในห้องพักผู้ป่วย ทันทีที่เด็กน้อยเห็นมารดาเดินมากับเจตต์ก็ร้องเรียกด้วยความดีใจ
“คุณแม่ ลุงเจตต์” เสียงเจื้อยแจ้ว รอยยิ้มสดใสของลูกน้อย ทำให้ความทุกข์ในใจของรินรดาแทบจะหายเป็นปลิดทิ้ง
“เป็นยังไงบ้างจ๊ะเด็กดีของแม่ โอ้โหยิ้มแป้นขนาดนี้ แสดงว่าหายดีแล้วใช่ไหมคะ”
“ค่ะ”
“หนูยังไม่ได้สวัสดีลุงเจตต์เลย”
“สวัสดีค่ะลุงเจตต์”
“คุณแม่ขา แล้วคุณพ่อล่ะคะ คุณพ่ออยู่ไหน”
คำถามของลูกสาวทำให้ผู้ใหญ่ทั้งสามมองหน้ากัน ก่อนที่รินรดาจะทรุดลงข้างเตียงคนไข้ แล้วค่อยๆ เริ่มพูดกับเด็กน้อยอย่างใจเย็น
“น้ำฟ้าจ๊ะ แม่มีอะไรจะบอกจ้ะ” ดวงตากลมโตจ้องตาแป๋วรอฟังอย่างใจจดใจจ่อ
“คือ ต่อไปนี้ คุณพ่อเขาคงไม่ได้มาหาหนูแล้วนะจ๊ะ”
“ทำไมคะ”
“คุณพ่อเขาต้องไปอยู่ที่อื่นค่ะ แต่หนูไม่ต้องห่วงนะคะ หนูยังอยู่กับแม่ ยังอยู่กับคุณยายอ้อยเหมือนเดิม”
“มีลุงเจตต์ด้วยนะครับ”
เจตต์พูดพร้อมยิ้มอย่างใจดี ทำให้น้ำฟ้ามองหน้าผู้ใหญ่สามคนสลับกันไปมา ก่อนจะมาหยุดที่รินรดา
“แล้ว…คุณแม่จะไปอยู่ที่อื่นด้วยหรือเปล่าคะ”
“ไม่หรอกจ้ะ แม่จะอยู่กับน้ำฟ้าทุกวันเหมือนเดิม ดีไหมลูก”
“ดีค่ะ”
รินรดากอดร่างเล็กไว้ในอ้อมแขน ราวกับว่าหนูน้อยในอ้อมแขนคือพลังและความเข้มแข็งทุกอย่างของเธอ ทำให้เธอรู้ความหมายของชีวิตว่า ต่อไปนี้เธอต้องมีลมหายใจและทำงานหนักเพื่ออะไร
พรพรรณมองภาพสองแม่ลูกกอดกันน้ำตารื้น ก่อนจะโผเข้ากอดคนทั้งสอง เจตต์มองภาพตรงหน้าด้วยความรู้สึกอบอุ่นในหัวใจ เขาได้แต่เฝ้าบอกกับตัวเองว่า ต่อไปนี้ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เขาจะดูแลรินรดาและลูกสาวของเธอให้ดี เขาจะไม่ปล่อยให้เธอร้องไห้และเจ็บปวดตามลำพังอีกแล้ว
ทางด้านสรวิชญ์และกวินนาถ หลังจากเขาหย่าเรียบร้อยแล้ว กวินนาถกลับมาบ้านด้วยความดีใจ เธอนัดแนะกับชายหนุ่มว่าเธอจะนำใบหย่าของเขาไปอวดพ่อแม่ของเธอก่อน แล้วค่อยพาเขาไปพบพ่อแม่ของเธอด้วยกันทีหลัง
ครั้นกวินนาถเข้ามาในบ้าน พอเธอทราบว่าพ่อแม่ของเธอกำลังนั่งพักผ่อนกันอยู่ในสวนหลังบ้าน เธอก็รีบวิ่งไปหาอย่างลิงโลด
“คุณพ่อคุณแม่ขา”
“ยี่หวา ที่นี่เมืองไทยไม่ใช่อเมริกานะ ไม่ใช่นึกอยากกลับบ้านเมื่อไหร่ก็กลับ ไม่อยากกลับก็หายหน้าหายตา ติดต่ออะไรก็ไม่ค่อยได้” หทัยรัตน์ตัดพ้อ ทำให้กวินนาถตรงเข้าไปออดอ้อนเอาใจ
“คุณแม่ขา หนูก็กลับมาแล้วนี่ไงคะ อีกอย่างหนูไปนอนบ้านเพื่อนก็บอกคุณแม่ไปแล้ว”
“นอนบ้านเพื่อน หรือไปนอนกับแฟนกันแน่” เดชาดักคออย่างรู้ทัน
“แหม คุณพ่อรู้ทันจริงๆ เลยนะคะ จริงค่ะ หนูไปนอนที่คอนโดพี่ต้นค่ะ”
“ยี่หวา! ทำไมหนูยังไปยุ่งกับผู้ชายพรรค์นั้นอีก หนูก็รู้ว่าเขามีเมียแล้ว แม่ไม่อยากให้หนูไปเป็นเมียน้อยใคร”
“คุณแม่คุณพ่อขา ตอนนี้หนูไม่ได้เป็นเมียน้อยแล้วนะคะ ตอนนี้พี่ต้นหย่าเรียบร้อยแล้ว นี่ยังไงคะใบหย่า”
กวินนาถยื่นใบหย่าของสรวิชญ์ให้ผู้ใหญ่ทั้งสองดู ทำให้หทัยรัตน์ถึงกับถอนหายใจออกมาด้วยความเหนื่อย ขณะที่เดชากลับมีสีหน้าเคร่งเครียด
“ต่อให้เขาหย่ากันแล้ว แต่แม่ก็ไม่เห็นด้วยที่หนูจะคบกับผู้ชายคนนี้ มันจะกลายเป็นว่า หนูเป็นคนทำให้ครอบครัวเขาแตกแยกน่ะสิ หากใครรู้เข้า…”
“ใครจะพูดยังไงก็ช่างเขาสิคะ หนูไม่เห็นจะสนเลย”
“แต่พ่อสน!” เดชาสวนเสียงเข้ม “ตอนแกอยู่อเมริกา จะทำตัวเละเทะเหลวไหลแค่ไหน พ่อก็ทำเป็นมองไม่เห็น แต่นี่แกเรียนจบกลับมาแล้ว และที่นี่เมืองไทย จะทำอะไรก็หัดรู้จักไว้หน้าพ่อแม่บ้าง พ่อเป็นเจ้าของบริษัทนะ ถ้าคนรู้ว่าลูกสาวตัวดีไปแย่งผัวชาวบ้าน พ่อจะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน”
“แต่คุณพ่อบอกว่า ถ้าพี่ต้นหย่าแล้วค่อยมาคุยกัน ก็นี่ยังไงล่ะคะ พี่ต้นหย่าแล้วตามที่คุณพ่อบอก พี่ต้นทำผิดตรงไหนไม่ทราบ” กวินนาถทวงคำสัญญา ทำให้เดชาต้องหันมาสบตาลูกสาวจริงจัง
“ยี่หวา ลูกคิดว่าที่ผู้ชายรีบหย่าแบบนี้ เขาหวังอะไรกันแน่”
“จะหวังอะไรล่ะคะคุณพ่อ ก็เพราะพี่ต้นเขารักยี่หวาจริงๆ จนอยากแต่งงานน่ะสิคะ เขาเลยรีบหย่าให้เสร็จเรียบร้อย เพราะเราวางแผนว่าจะแต่งงานกัน”
“อะไรนะ! แต่งงานเหรอ” เดชาอุทานด้วยความตกใจ ขณะที่หทัยรัตน์กำลังดื่มน้ำชาอยู่ถึงกับสำลักพรวด และทำถ้วยชาหลุดมือจนตกแตก
“คบกันเป็นแฟนก็ว่าไปอย่าง ถ้าถึงขนาดจะแต่งงานกัน แม่ไม่เห็นด้วย”
“พ่อก็ไม่เห็นด้วย”
“คุณพ่อคุณแม่คะ แต่เรารักกันจริงๆ นะคะ”
“ลูกอายุตั้งยี่สิบเจ็ดแล้วนะ ทำไมยังแยกแยะไม่ออกว่านี่คือรักหรือหลง โอเค ลูกอาจจะรักเขาจริงๆ ก็ได้ แต่ลูกจะรู้ได้ยังไงว่าไอ้หมอนั่นรักลูกจริงๆ ไม่ได้รักเพราะลูกเป็นลูกสาวของเจ้าของบริษัท หรือลูกรวยกว่ามัน”
“ไม่หรอกค่ะคุณพ่อ พี่ต้นรักลูกจริงๆ ขนาดเงินที่ลูกออกเป็นค่าหย่าให้ พี่ต้นยังจะผ่อนจ่ายเลยค่ะ”
“เงินค่าหย่า! เงินอะไร” หทัยรัตน์ถามเสียงสูง “แล้วเงินค่าหย่ามันเกี่ยวอะไรกับลูก ทำไมลูกต้องเป็นคนออก”
“อันที่จริงก็ไม่ได้เกี่ยวหรอกค่ะ แต่ทางผู้หญิงเรียกเงินสิบล้าน แลกกับการไม่ฟ้องร้อง แถมยังขู่ด้วยว่าถ้าไม่อยากให้เรื่องเป็นเมียน้อยรู้ไปถึงหูนักข่าว ให้จ่ายเงินมาสิบล้าน ไม่อย่างนั้นก็เจอกันที่ศาล”
“ลูกก็เลยออกเงินแทนมันงั้นเหรอ”
“ก็พี่ต้นเขามีเงินไม่พอนี่คะ หนูก็เลยออกเงินให้ก่อน แต่พี่ต้นก็สัญญานะคะว่าจะทยอยใช้คืนให้”
“ทยอยคืน…เงินตั้งสิบล้าน อีกกี่ปีกี่ชาติจะคืนครบ ลูกหนอลูก โตแต่ตัวจริงๆ แล้วนี่ได้ทำเอกสารสัญญาการกู้ยืมไว้หรือเปล่า”
“ทำไมต้องทำด้วยล่ะคะคุณพ่อ เราสองคนรักกันยังไงก็จะแต่งงานกัน เงินแค่นี้…หาเดี๋ยวเดียวก็ได้แล้ว”
“แล้วเราเอาเงินสิบล้านมาจากไหน ถ้าพ่อเดาไม่ผิด เงินของลูกน่าจะมีไม่ถึงสิบล้านด้วยซ้ำ”
“มีไม่ถึงหรอกค่ะ แต่ยี่หวาเอาเงินของบริษัทโอนไปก่อน” คำตอบของกวินนาถ ทำให้เดชาโกรธจัดจนควันออกหู
“อะไรนะ! ทำไมแกถึงได้เหลวไหลแบบนี้ เงินจำนวนนั้น พ่อให้กันไว้สำหรับเป็นทุนหมุนเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับบริษัท ทำไมแกถึงได้เอาเงินของบริษัทมาใช้กับเรื่องส่วนตัว แบบนี้มันใช้ไม่ได้”
“หนูขอโทษค่ะ แต่อย่างที่บอก บริษัทเราใหญ่โตออกขนาดนี้ กะอีแค่เงินสิบล้านเดี๋ยวก็ได้คืนครบค่ะ ไม่เห็นคุณพ่อต้องโกรธเลย”
“พ่อโกรธ ที่แกเอาเงินของบริษัทไปจ่ายเงินกับเรื่องพวกนี้ โดยที่ไม่ถามพ่อสักคำ”
“ทำไมคะ ถ้าหนูถามคุณพ่อ แล้วคุณพ่อจะยอมให้หนูใช้เงินสิบล้านนี่ง่ายๆ เหรอคะ” การนิ่งเงียบของเดชาทำให้กวินนาถเดาถูก
“หนูรู้อยู่แล้ว ถ้าหนูถาม คุณพ่อก็คงไม่ยอม แล้วพี่ต้นก็คงไม่ได้หย่ากับนังนั่นง่ายๆ ดีไม่ดี หนูอาจจะต้องเสียชื่อเพราะข่าวเรื่องเมียน้อยอีก คุณพ่อคุณแม่จะใจร้ายใจดำ ยอมให้หนูมีข่าวเสียหายออกไปจริงๆ เหรอคะ คุณพ่อคุณแม่ทนรับได้เหรอคะ”
“ยี่หวา มันไม่เกี่ยวกับพ่อแม่ทนได้หรือเปล่า แต่เรื่องนี้ลูกทำผิดจริงๆ นั่นเป็นเงินของบริษัท ลูกไม่ควรเอามาใช้กับเรื่องส่วนตัว แล้วเอาเงินไปจ่ายค่าหย่า ไม่ใช่แค่หลักหมื่น นี่มีตั้งสิบล้านนะ”
“เพราะนังนั่นมันเห็นแก่เงิน”
“ถ้าเป็นแม่ แม่ก็ฟ้องเหมือนกัน แต่เรื่องทั้งหมด มันเกิดขึ้นเพราะลูกกับแฟนไม่ใช่เหรอ ที่ไปทำผิดกับเขาก่อนจนต้องยอมจ่ายเงินสิบล้านแบบนี้ ที่พ่อเขาโกรธก็ไม่แปลกหรอก”
“ไม่รู้ละ ไม่ว่ายังไงหนูก็จะแต่งงานกับพี่ต้นให้ได้”
“ยี่หวา…” หทัยรัตน์พยายามปราม หากดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่สนใจคำเตือนของเธอเลย
“ช่างลูกเถอะคุณ พูดไปก็เปลืองน้ำลาย” เดชาหันมาสบตากับลูกสาวอย่างจริงจัง “ในเมื่อลูกอยากจะแต่งงานกับผู้ชายคนนี้ให้ได้ พ่อกับแม่ก็จะไม่ห้าม”
“คุณคะ!”
หทัยรัตน์อุทานด้วยความตกใจ ตรงกันข้ามกับกวินนาถที่ยิ้มแก้มปริด้วยความยินดีเมื่อการต่อรองของเธอดูท่าว่าจะประสบความสำเร็จ ทว่ารอยยิ้มของเธอก็อยู่ได้ไม่นาน เมื่อเดชาพูดขึ้นว่า
“แต่…พ่อแม่จะไม่ยุ่ง ในเมื่อพูดอะไรไม่เคยฟัง เตือนอะไรไม่ได้ คิดว่าตัวเองแน่แล้ว เก่งแล้ว ก็ได้ งั้นก็เชิญไปใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันเหอะ พ่อจะคอยดูว่าจะอยู่ด้วยกันไปได้สักกี่น้ำ”
“คุณพ่อ”
“คุณ…”
“ในเมื่อแกเลือกผู้ชาย มากกว่าดูแลรับผิดชอบบริษัท ต่อไปนี้แกก็ไม่ต้องเข้าไปทำงานที่บริษัท พ่อปลดแกออกจากทุกตำแหน่งในบริษัท ความผิดฐานนำเงินของบริษัทไปใช้ส่วนตัว ส่วนนายสรวิชญ์ ฝากบอกมันด้วยว่า ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป ไม่ต้องเข้ามาทำงานที่บริษัท พ่อไล่ออก โทษฐานล่อลวงทำให้ลูกสาวพ่อสูญเงินสิบล้านบาท”
“คุณพ่อไม่มีเหตุผล หนูโตแล้ว คุณพ่อไม่มีสิทธิ์มาทำแบบนี้กับหนู”
“ทำไมจะไม่มีสิทธิ์ ในเมื่อแกเป็นลูก อีกอย่างนั่นคือบริษัทที่พ่อสร้างมาด้วยมือ พ่อจะไม่มีวันปล่อยให้มันล่มจมเพราะน้ำมือแกหรอก รู้เอาไว้ด้วย ทำไมถึงได้เป็นคนแบบนี้ ดีหน่อยที่พี่สาวแกใฝ่ดี ขยันขันแข็งทำงาน น้องชายก็ตั้งใจเรียน ก็มีแต่แกนี่แหละผ่าเหล่าผ่ากอ นอกจากจะไม่ตั้งใจเรียน ยังหลงผู้ชายจนหัวปักหัวปำเสียทั้งงาน เสียทั้งเงิน”
“เรารักกัน ไม่ได้หลงอย่างที่พ่อเข้าใจ รู้เอาไว้ด้วย” กวินนาถเถียงอย่างไม่ลดละ
“อย่างงั้นเหรอ งั้นมาลองดูกันไหมล่ะ ถ้าแกไม่มีเงิน ไม่มีสมบัติติดตัวสักชิ้น ไอ้หมอนั่นมันยังจะรักแกอยู่ไหม”
“ได้สิคะ แต่พ่อรู้ไว้เลย มันจะไม่มีวันนั้น เพราะพ่อกับแม่จะต้องยอมรับความรักของเราสองคน” กวินนาถหน้าแดงก่ำด้วยความโกรธจัด ก่อนจะสะบัดหน้าจะเดินกลับไป หากเดชากลับท้วงขึ้น
“คืนบัตรเครดิตมาด้วย ในเมื่อจะไปก็ไปแต่ตัว ของทุกอย่างที่เป็นของพ่อแม่ เอาไว้ที่นี่”
“นี่ค่ะ…” กวินนาถควักบัตรเครดิตทั้งหมดในกระเป๋าสตางค์ออกมาวางกระแทกบนโต๊ะ ก่อนจะพูดทิ้งท้าย
“เชิญคุณพ่อคุณแม่อยู่กับลูกสุดที่รักสองคนตามสบายเลยนะคะ”
“เดี๋ยว”
“อะไรอีกล่ะคะคุณพ่อ”
“กุญแจรถด้วย”
“นี่ค่ะ”
กวินนาถวางกุญแจรถคันงามลงบนโต๊ะด้วยความไม่พอใจ แล้วรีบไปเก็บเสื้อผ้าไม่กี่ตัวใส่กระเป๋า ก่อนจะเดินออกไปจากบ้านพร้อมกระเป๋าและของจำเป็นไม่กี่อย่างติดตัว โดยมีผู้เป็นแม่มองตามหลังด้วยความเป็นห่วง
“คุณคะ ปล่อยไปแบบนี้จะดีเหรอคะ ฉันเป็นห่วงลูก”
“เมื่อกี้คุณก็เห็น สอนแล้วเชื่อเสียที่ไหน ดีเหมือนกัน ปล่อยให้ไปเจอของจริงบ้าง จะได้รู้ว่าโลกแห่งความเป็นจริงไม่ได้สวยงามอย่างที่คิด”
ด้วยเหตุนี้ กวินนาถจึงหอบเสื้อผ้าย้ายมาอยู่กับสรวิชญ์ที่คอนโดฯ ทันทีที่เขารู้ข่าวว่าตัวเองและแฟนสาวต้องตกงานกะทันหันกันทั้งคู่ สรวิชญ์จึงเกิดความเครียด เมื่อแผนที่ตัวเองสู้อุตส่าห์วางไว้ไม่เป็นไปอย่างที่คิด และความหวังที่เขาจะได้เป็นเขยของเจ้าของบริษัทก็ลอยหายวับไปในชั่วพริบตา
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 24 : หัวใจรัก (จบบริบูรณ์)
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 23 : ให้ทุกข์แก่ท่าน...ทุกข์นั้นถึงตัว
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 22 : กรรมตามสนอง
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 21 : เส้นขนาน
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 20 : เริ่มต้นชีวิตใหม่
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 19 : หย่า
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 18 : เจรจา
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 17 : โรงพยาบาล
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 16 : คนที่เลือก
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 15 : มิตรภาพ
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 14 : กาลเวลาผันผ่าน
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 13 : กลับตัวแต่ไม่กลับใจ
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 12 : โอกาสครั้งที่สอง
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 11 : ลมหายใจที่ปลิดปลิว
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 10 : เรื่องไม่คาดฝัน
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 9 : หอพัก
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 8 : แก้ไขหรือแก้ตัว
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 7 : ความจริง
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 6 : คำเตือน
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 5 : แผนลับ
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 4 : แผนขั้นต่อไป
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 3 : สรวิชญ์
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 2 : ชีวิตใหม่ของรินรดา
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 1 : งานศพ
- READ รักในรอยน้ำตา : บทนำ