รักในรอยน้ำตา บทที่ 21 : เส้นขนาน
โดย : ปิ่นฟ้า
รักในรอยน้ำตา นวนิยายโดย ปิ่นฟ้า เมื่อรักที่ต้องการมาทั้งชีวิต กลับต้องแลกมาด้วยน้ำตาจากผู้ชายที่เธอรักจนหมดหัวใจ แต่เขากลับทำร้ายเธออย่างเลือดเย็น…เรื่องราวสุดเข้มข้นจากการคัดสรรโดยอ่านเอา มาให้อ่านแล้วทางเว็บไซต์ anowl.co และเพจอ่านเอา anowldotco
หลังจากรินรดาจัดการเก็บข้าวของต่างๆ ของสรวิชญ์เรียบร้อยแล้ว เธอก็นำไปบริจาค ส่วนอันไหนที่บริจาคไม่ได้เธอก็ทิ้งลงถังขยะ ก่อนที่น้ำฟ้าจะออกจากโรงพยาบาล
ในคืนหนึ่งหลังจากน้ำฟ้าออกจากโรงพยาบาล รินรดา พรพรรณ กนกอร และเจตต์ ช่วยกันจัดเตรียมปาร์ตี้หมูกระทะไว้ที่ลานบ้านของรินรดา โดยมีเจตต์เป็นเจ้ามือเลี้ยงทุกคน
กอไผ่ลูกชายของกนกอรในวัยห้าขวบ กำลังนั่งเล่นของเล่นกับน้ำฟ้าหัวเราะคิกคักกันอย่างสนุกสนาน ขณะที่พวกผู้ใหญ่ก็ช่วยกันตระเตรียมอาหารสำหรับมื้อเย็น โดยมีเพลงบรรเลงคลอเบาๆ สร้างสีสันในยามค่ำคืน
“นี่อร แล้วทำไมพี่แดนไม่มาด้วยล่ะ” รินรดาถามขึ้นขณะที่กำลังช่วยกันเตรียมของกิน ขณะที่สายตาของเธอก็คอยมองเด็กๆ
“พี่แดนกำลังยุ่งน่ะสิ ช่วงนี้มีคดีใหญ่เข้า เห็นกำลังนั่งอ่านเอกสารเป็นปึก เลยฝากขอโทษทุกคนด้วย แล้วก็ฝากนี่มาให้ทุกคนกิน”
ทันทีที่กนกอรวางถุงกระดาษใบใหญ่ลงบนโต๊ะ รินรดาก็ต้องแปลกใจ เมื่อเปิดออกดูเป็นเค้กกุ้งเผาขนาดยักษ์ และเค้กชาเขียวลาวา
“โอ้โห น่ากินมากๆ เลยอร ฉันฝากขอบคุณพี่แดนด้วยนะแก แล้วนี่พวกเรามีกันอยู่สี่คน กับเด็กอีกสองคนก็กินไม่ค่อยเยอะ แล้วจะกินกันหมดได้ยังไงเนี่ย”
รินรดารำพึงด้วยความเสียดายเมื่อของกินที่อยู่ตรงหน้า เต็มไปด้วยวัตถุดิบพร้อมสำหรับปิ้งย่างหมูกระทะที่มีมากมายซึ่งดูท่าแล้วอาจจะไม่หมดง่ายๆ กับของกินอื่นๆ ที่เจตต์ซื้อมาเพิ่มเพราะเกรงว่าอาจจะไม่พอกิน แต่ดูท่าตอนนี้นอกจากจะพอกินแล้ว น่าจะกินไม่หมดเสียมากกว่า
“ไม่เห็นเป็นไรนี่ กินไม่หมดก็แบ่งส่วนหนึ่งไปให้ลุงยามหน้าหมู่บ้าน แล้วที่เหลือก็แบ่งใส่ถุงไปกินบ้านใครบ้านมัน ช่วยกันรับผิดชอบน่ะสิ” พรพรรณบอกพร้อมกับเรียกเด็กทั้งสองมานั่งกินด้วยกันเมื่อทุกอย่างถูกตระเตรียมเรียบร้อยแล้ว
“โอ้โห น่ากินจังเลย” กอไผ่ร้องพลางมองเค้กชาเขียวของโปรดด้วยแววตาเป็นประกาย
“เดี๋ยวแม่ให้กินเค้กนะคะ แต่ต้องหลังกินข้าวอิ่มก่อนนะลูก”
“แม่ขา หนูอยากกินกุ้ง” น้ำฟ้ามองเค้กกุ้งตรงหน้าด้วยความอยากกิน ทำให้เจตต์รีบกุลีกุจอเป็นคนตัดแบ่งเค้กกุ้งเผาให้น้ำฟ้า ก่อนจะตัดเค้กแบ่งให้ทุกคน
“อร่อยไหมครับ”
“อร่อยค่ะลุงเจตต์”
รินรดาช่วยตัดแบ่งกุ้งในจานเป็นชิ้นเล็กๆ ให้เด็กน้อย ขณะที่ถามกนกอรด้วยความสงสัย
“อร ฉันถามจริงๆ ถ้าฉันจำไม่ผิดกุ้งเผานี่ของโปรดแกไม่ใช่เหรอ”
“ใช่แล้วละ ของโปรดฉัน ส่วนเค้กชาเขียวนี่อร่อยมาก น้องกอไผ่ชอบกินมาก”
“อ๋อ ฉันรู้แล้วละ พี่แดนมาไม่ได้ แต่ก็กลัวเมียงอนเลยฝากของกินมาด้วย ฉันว่าของพวกนี้ไม่ใช่ให้พวกเราหรอก เอาใจเมียกับลูกมากกว่า แหม…จำได้ทุกอย่างว่าเมียและลูกชอบกินอะไรดูสิเนี่ย”
“แหม แกก็พูดเกินไป พี่แดนรู้ว่าฉันชอบกินกุ้งเผามาก ฉันเคยบ่นๆ อยากลองกินเค้กกุ้งเผา นี่ฉันไม่รู้เลยนะว่าพี่แดนแอบไปซื้อมาตอนไหน นี่ปลื้มมากเลยแก”
“จ้ะ ฉันรู้แล้วว่าพี่แดนทั้งรักและหลงแกมาก” รินรดาแซวอย่างหมั่นไส้ความสวีตของครอบครัวเพื่อน
“รักไม่รัก คิดดูสิ…กอไผ่กำลังจะมีน้องแล้วเนี่ย”
“อะไรนะ! แกตั้งท้องเหรออร กี่เดือนแล้วเนี่ย แล้วทำไมแกไม่บอกฉันล่ะ”
“ฉันก็เพิ่งรู้เมื่อวานเหมือนกัน พอกลับไปบ้านตอนเย็น จู่ๆ พอจะกินอะไรก็เหม็นไปหมด เลยลองตรวจดู พอขึ้นสองขีดพี่แดนดีใจมาก”
“โอ๊ยอร…แล้วแกก็ช่วยฉันจัดการเรื่องหย่าทุกอย่าง โดยไม่รู้นี่นะว่าตัวเองตั้งท้อง ฉันว่าลูกคนนี้อนาคตเจริญรอยตามพ่อแน่ๆ เลย ก็ว่าทำไมช่วงนี้แกดูไม่ยอมใครแปลกๆ ดีนะที่หลานไม่เป็นอะไรตอนฉันเผลอผลักแกน่ะ ไม่อย่างนั้นฉันต้องรู้สึกผิดแน่ๆ เลย”
“นั่นสิ นอกจากจะไม่เป็นอะไร ฉันยังแข็งแรงมากๆ ด้วย นี่ฉันก็ไปฝากครรภ์มาแล้วนะ หมอบอกว่าสองเดือนแล้ว พี่แดนก็เลยเห่อมากเป็นพิเศษ นี่จะขับรถมาที่นี่เองพี่แดนยังไม่ยอมเลย ต้องให้คนขับรถมาให้เนี่ย”
“จ้ะ ดีใจด้วยนะแก”
“ดีใจด้วยนะหนูอร งั้นวันนี้หนูอรต้องนั่งเฉยๆ ไม่ต้องทำอะไรนะลูก เดี๋ยวน้ากับระรินจัดการเอง”
“พี่ดีใจกับน้องอรด้วยนะครับ ไม่รู้ว่าเด็กคนนี้จะเป็นผู้หญิงหรือเป็นผู้ชายน้า ว่าแต่น้องอรอยากได้ผู้หญิงหรือผู้ชายครับ”
“จริงๆ เพศไหนก็ได้ค่ะ แต่ถ้าเป็นผู้หญิงก็ดี อรจะได้มีเพื่อนไปร้านทำผม แต่งหน้าแต่งตัวสวยๆ”
“แกนี่นะจริงๆ เลย”
“นี่จะมัวมาดีใจกับฉันอย่างเดียวได้ยังไง ก็ต้องฉลองกับระรินด้วยสิ ที่โสดแล้ว” กนกอรพูดก่อนจะยกน้ำส้มขึ้นดื่ม
บรรยากาศปาร์ตี้เล็กๆ เต็มไปด้วยความสนุกสนานครื้นเครง ทุกคนต่างกินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อย พรพรรณมองบรรยากาศตรงหน้าด้วยความสุขใจขณะที่เธอก็ย่างเนื้อหมูบนกระทะไปด้วย
เธอเห็นเจตต์นั่งข้างน้ำฟ้าคอยสาละวนกับการปิ้งย่างของต่างๆ บนเตา ก่อนจะคีบชิ้นที่สุกแล้ววางในจานให้กับทุกคน ขณะที่กนกอรคอยดูกอไผ่กินข้าว โดยที่รินรดาคอยดูแลน้ำฟ้าให้กินอาหารที่อยู่ในจานก่อนจะตบท้ายด้วยเค้กชาเขียว
รินรดาวันนี้ดูสดใสเปล่งปลั่งมากกว่าทุกวัน อาจจะเป็นเพราะเรื่องเลวร้ายที่เธอได้เจอมาผ่านพ้นไปแล้ว จึงไม่มีอะไรที่ต้องกังวลอีกต่อไป
หลายครั้งพรพรรณเห็นสายตาของเจตต์ที่คอยมองหลานสาวของเธออย่างไม่วางตา และเป็นครั้งแรกที่เธอแอบเห็นรินรดาสบตาเขากลับด้วยแววตาหวานซึ้งซ่อนความนัย
‘สงสัยอีกไม่นานยัยหนูน้ำฟ้าคงจะได้พ่อใหม่แน่ๆ’
พรพรรณคิดพลางมองภาพตรงหน้าด้วยความครึ้มอกครึ้มใจจนน้ำตาคลอ พลางหวนนึกถึงคนบนฟ้า
‘พี่ปรางเห็นไหม ตอนนี้ชีวิตของลูกสาวพี่มีความสุขมากแค่ไหน มีลูกน่ารัก มีการงานที่ดี มีเพื่อนที่ดี แล้วตอนนี้ยังมีผู้ชายนิสัยดีๆ มาชอบด้วย ถ้าพี่ยังอยู่กับเราถึงตอนนี้จะต้องภูมิใจในตัวลูกสาวที่พี่ไม่อยากได้คนนี้เป็นที่สุด’
คิดพลางรีบปาดน้ำตาทิ้ง และมองหลานๆ นั่งกินหมูกระทะอย่างเอร็ดอร่อย
สามเดือนผ่านไป
สรวิชญ์หางานใหม่ได้เป็นพนักงานตำแหน่งเล็กๆ ในบริษัทแห่งหนึ่ง รายได้ที่เคยมีก็ลดลงมากว่าครึ่ง ขณะที่ยี่หวาพยายามสมัครงานเท่าไรก็ไม่ถูกใจ เพราะแต่ละที่ให้เงินเดือนเธอน้อยกว่าที่เธอจะยอมรับได้
“ยี่หวา ยังไม่ได้งานอีกเหรอ”
สรวิชญ์ถามในเย็นวันหนึ่งหลังจากเขากลับมาจากที่ทำงานด้วยความเหนื่อยอ่อน เมื่อเห็นอีกฝ่ายกำลังนั่งกินขนมและดูหนังอย่างเพลิดเพลิน ขณะที่ภายในห้องสกปรกรกรุงรัง เสื้อผ้าถูกถอดทิ้งวางกระจัดกระจาย ถังขยะเต็มถังมีแมลงวันบินว่อน แม้แต่ในอ่างล้างจานก็มีจานใช้แล้วกองพะเนินไว้เต็มอ่าง เรียกได้ว่าอีกฝ่ายไม่คิดจะหยิบจับอะไรเลยสักอย่าง ทำให้สรวิชญ์สายหน้าด้วยความระอา
นี่กูหาเมีย หรือหาภาระมาเพิ่มกันแน่วะ ทำไมทุกอย่างไม่เป็นเหมือนที่หวังไว้ แทนที่จะเข้ามาช่วยทำให้เขาสบายขึ้น ตอนนี้อีกฝ่ายกลับมาถ่วงชีวิตเขาให้ลำบากกว่าเดิมเสียอีก
“ไม่มีงานอะไรถูกใจเลยค่ะพี่ต้น บริษัทใหญ่เสียเปล่าแต่งกชะมัด เงินเดือนก็ให้น้อย แต่จะให้ทำงานเยอะๆ นี่มันเอาเปรียบกันชัดๆ”
“แต่พี่ว่าที่รักลองเลือกทำสักงานก่อนก็ไม่เสียหายนี่ครับ จะได้มาช่วยค่าใช้จ่ายในบ้าน นี่ดูสิ เงินเดือนพี่ก็ได้น้อยกว่าเมื่อก่อนตั้งเยอะ ไหนจะต้องจ่ายค่าคอนโดค่ารถอีก เหลือค่ากินไม่เท่าไหร่ ถ้ายี่หวาหางานทำได้ละก็ พี่ก็จะได้เบาแรงลงหน่อย”
“พี่ต้นคะ พี่ต้นจำไม่ได้แล้วเหรอคะว่าพ่อยี่หวาเป็นใคร ยี่หวาว่าเดี๋ยวพ่อก็คงใจอ่อนให้อภัยยอมให้ยี่หวากลับไปทำงานเหมือนเดิมแหละค่ะ”
“แต่นี่มันสามเดือนแล้วนะยี่หวา พี่ยังไม่เห็นว่าพ่อจะให้อภัยยอมให้ยี่หวากลับไปทำงานเหมือนเดิมเลย พี่ว่า…ท่านคงตัดขาดยี่หวาไปแล้วแน่ๆ คนอะไร ไร้ประโยชน์ชะมัด”
ประโยคสุดท้ายแผ่วเบาทำให้อีกฝ่ายได้ยินไม่ชัดจนต้องถามขึ้น
“เอ๊ะ เมื่อกี้พี่ต้นพูดอะไรนะคะ ยี่หวาได้ยินไม่ถนัด”
“พี่ก็แค่บอกว่า เอาแต่นั่งกินนอนกินแบบนี้ พี่เลี้ยงไม่ไหวหรอกครับ คนเราอยู่ด้วยกันมันก็ต้องช่วยกันทำมาหากินสิ แล้วนี่อะไร อยู่คอนโดทั้งวัน กินข้าวเสร็จแล้วทำไมจานชามไม่ล้าง จะปล่อยทิ้งไว้ให้หนอนขึ้นหรือไง เสื้อผ้าใส่แล้วก็ไม่ซัก ถังขยะก็ไม่เอาไปทิ้งเนี่ย ห้องหับก็ไม่ยอมทำความสะอาด สกปรกจะแย่”
“แหม พี่ต้นคะ ยี่หวาเพิ่งทำเล็บมาสวยๆ จะให้มาหยิบจับทำงานบ้านแบบนี้ เดี๋ยวเล็บก็เสียมือก็ด้านพอดี ยี่หวาก็บอกให้หาแม่บ้านมาทำความสะอาด พี่ต้นก็ไม่ยอมหาเสียทีนี่ ถ้างั้นพี่ต้นก็ทำเองเถอะค่ะ ยี่หวาไม่ทำ”
“ยี่หวา! แต่ตอนนี้เราไม่มีเงินเยอะขนาดจะจ้างแม่บ้านนะครับ ยี่หวาก็ควรช่วยทำงานบ้านด้วย ไม่ใช่เอาแต่แต่งตัวสวยไปวันๆ แล้วปล่อยให้บ้านรกแบบนี้ อีกอย่างพี่ทำงานหาเงินมาเหนื่อยๆ จะให้พี่กลับมาทำงานบ้านด้วยนี่มันเอาเปรียบกันชัดๆ เซ็งว่ะ…ไม่เห็นจะเหมือนระรินเลย”
ชื่อของรินรดาที่หลุดจากปากเขา ทำให้กวินนาถขว้างหมอนที่อยู่ข้างมือไปโดนหน้าคนพูดอย่างจัง
“ระรินงั้นเหรอ พูดออกมาได้ยังไง พี่กล้าเปรียบเทียบยี่หวากับนังนั่นงั้นเหรอ บอกมานะพี่คิดถึงมันใช่ไหม อย่าบอกนะว่ายังรักมันอยู่ สารเลว ผู้ชายเฮงซวย กล้าพูดชื่อมันออกมาได้ยังไง”
กวินนาถพุ่งเข้าหาแล้วรัวทุบหน้าอกอีกฝ่ายไม่ยั้ง ทำให้เขาต้องจับข้อมือทั้งสองไว้แน่น พลางจ้องมองเธอด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว
“ทำไมกูจะพูดไม่ได้ กูจะบอกอะไรให้นะ เพราะมึงคนเดียว ถึงได้ทำให้ชีวิตกูตกต่ำขนาดนี้ กูไม่น่าตาต่ำเอามึงมาเป็นเมียเลย นี่ถ้ากูไม่เลิกกับระริน อย่างน้อยๆ กูก็ยังเป็นผู้จัดการบริษัทได้เงินเดือนเยอะกว่านี้ แม่ง…พ่อรวยเสียเปล่า แต่ดันโดนเฉดหัวออกจากบ้านมาเกาะกูกินนี่นะ ไร้ค่าฉิบหาย!”
พอสิ้นประโยคใบหน้าของเขาก็สะบัดหันไปอีกทางตามแรงฝ่ามือของกวินนาถซึ่งบัดนี้โทสะของเธอพุ่งสูงปรี๊ดที่โดนดูถูก ก่อนจะด่ากลับอย่างไม่ยอมแพ้
“ถุย! ก็เพราะมึงไม่ใช่เหรอที่โกหกว่าตัวเองโสด ทำมาเป็นสัญญาว่าจะแต่งงานกับกู บอกรักนักรักหนาจะดูแลกูอย่างดี นี่ไง…กูก็มาให้ดูแลแล้ว กูทำผิดตรงไหน”
“แต่มึงก็ควรช่วยกูทำงานหาเงินบ้าง ไม่ใช่แบมือขอเงินกินๆ นอนๆ ไปวันๆ ไม่คิดจะทำมาหากิน มึงนี่เป็นผู้หญิงไร้ประโยชน์ชะมัด”
“ไอ้ต้น! มึงด่ากู มึงกล้าด่ากูได้ยังไง”
อีกครั้งที่กวินนาถตรงเข้าไปรัวตีที่แผงอกของเขาไม่ยั้ง ก่อนที่อีกฝ่ายจะหมดความอดทนตวัดฝ่ามือลงที่ใบหน้าสวยอย่างแรงจนล้มคว่ำลงไปกองที่พื้น ก่อนจะคว้ากระเป๋าแล้วขยับจะเดินออกไปนอกห้อง
“ไอ้ต้น! นั่นมึงจะไปไหน”
กวินนาถตะคอกถาม รู้สึกร้าวระบมไปทั้งแถบขึ้นเป็นรอยมือประทับ
“ไปกินเหล้า อยู่บ้านแม่งน่าเบื่อ เห็นหน้ามึงแล้วกินอะไรไม่ลง ถุย”
“เออ มึงจะไปก็ไป แต่มึงเอาเงินมาก่อน กูจะเอาเงิน”
“โอ๊ย อีนี่ งานการก็ไม่ยอมทำ วันๆ เอาแต่แบมือขอเงิน กูให้เงินมึงเท่านี้แหละ อยู่ได้ก็อยู่ อยู่ไม่ได้ก็ไสหัวไป”
สรวิชญ์ปาธนบัตรใบละร้อยบาทสองใบไปที่ใบหน้าของอีกฝ่าย ก่อนที่ตัวเองจะรีบผลุนผลันเดินออกไปจากห้อง โดยมีเสียงกรีดร้องของกวินนาถดังตามหลังมาด้วยความไม่พอใจ
เขาไม่คิดเลยว่าการได้มาใช้ชีวิตอยู่กับกวินนาถจริงๆ แทนที่ความรักจะสดใส กลับกลายเป็นความทุกข์ยิ่งกว่าเก่า อนาคตที่หวังว่าจะได้เป็นเขยเศรษฐีสุขสบายอยู่บนกองเงินกองทอง ดูท่าจะไม่มีวันเกิดขึ้น ชั่วขณะหนึ่งเขาก็นึกถึงใบหน้าหวานของเมียเก่าขึ้นมา ความรู้สึกผิดจู่โจมเข้ามาในหัวใจ แต่เขาก็ไม่หน้าด้านพอจะกลับไปหา ชายหนุ่มทำได้เพียงกอดพวงมาลัยรถร่ำไห้ระบายความทุกข์ออกมา
สรวิชญ์ขับรถไปเรื่อยๆ จนไปจอดอยู่หน้าบ้านของรินรดา ในเวลาสี่ทุ่มกว่า เขาเห็นไฟในบ้านมืดสนิทก็พอรู้ว่าอีกฝ่ายพาลูกเข้านอนเรียบร้อยแล้ว ชายหนุ่มได้แต่เฝ้ามองบ้านหลังเดิมที่เขาเคยอยู่กับรินรดาและลูกด้วยความคิดถึงเรื่องราวแต่หนหลัง
ชั่วระยะเวลาไม่นาน เขาเห็นไฟในห้องทำงานของเธอเปิดขึ้น ก่อนจะเห็นเงาร่างของรินรดาเดินมาที่โต๊ะทำงานของตัวเอง และนั่งลงทำงานเหมือนเช่นทุกครั้ง
“ระริน…พี่ขอโทษ”
สรวิชญ์ทำได้แต่มองจากในรถบนถนนหน้าบ้าน โดยที่เขาไม่กล้าแม้แต่จะโทร.หาอีกฝ่ายด้วยซ้ำ ก่อนที่จะตัดใจขับรถมุ่งหน้าไปยังร้านเหล้าแห่งหนึ่ง
สรวิชญ์ดื่มเหล้าหวังดับทุกข์ แก้วแล้วแก้วเล่าที่เขากระดกใส่ปาก ได้แต่หวังว่าฤทธิ์ของแอลกอฮอล์จะทำให้ความทุกข์ของเขาจางลงไปบ้าง เขาไม่เคยคิดเลยว่าชีวิตของตัวเองที่เคยเพียบพร้อมไปหมดทุกอย่างจะเปลี่ยนไปได้ถึงเพียงนี้
ชายหนุ่มนั่งในร้านจนกระทั่งถึงเวลาปิด พนักงานจึงเดินมาคิดเงิน หากเขามีเงินติดตัวไม่พอสำหรับจ่ายค่าเหล้า ประกอบกับที่ตัวเองเมาหนักทำให้เขาอ้วกที่โต๊ะก่อนจะหมดสติไป
สรวิชญ์ถูกหามไปทิ้งไว้นอกร้าน ทว่าก่อนที่เขาจะถูกเจ้าของร้านเอาเงินที่มีเหลืออยู่น้อยนิดไป จู่ๆ ก็มีชายคนหนึ่งเข้ามาช่วยพร้อมกับจ่ายเงินค่าเหล้าแทนเขาไว้ได้ทัน ก่อนที่ร่างสูงจะถูกช่วยพาไปที่อื่น
แสงสว่างจ้ายามสายแยงเข้าตาปลุกสรวิชญ์ตื่นขึ้นมาด้วยความงัวเงีย ก่อนจะปรับสายตาเข้ากับบรรยากาศรอบตัว พอเขามองเห็นสิ่งแวดล้อมโดยรอบชัดๆ ชายหนุ่มถึงกับแปลกใจ บัดนี้เขาตื่นขึ้นมาในห้องนอนของใครสักคน สถานแห่งนี้ดูกว้างขวางเป็นระเบียบ ตกแต่งหรูหราสวยงามต่างกับคอนโดฯ ของเขาโดยสิ้นเชิง
“ที่ไหนวะเนี่ย” เขาบ่นกับตัวเองพลางบีบขมับด้วยอาการมึนงง จำไม่ได้ด้วยซ้ำว่าเขามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร ไม่นานนักใครคนหนึ่งก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมยิ้มให้เขาอย่างใจดี เขาปรับสายตาสักพักก่อนจะเห็นใบหน้าอีกฝ่ายชัดเจนขึ้น
“อำนาจ!”
“ครับ ผมเอง ตื่นแล้วเหรอครับคุณต้น”
“อืม มึนหัวชะมัด”
“ออกมาข้างนอกสิครับ ผมชงกาแฟไว้ให้แล้ว เดี๋ยวคุณต้นดื่มกาแฟสักแก้วอาการเมาค้างน่าจะดีขึ้นแล้วละครับ”
“ขอบใจมากนะ”
เขาลุกจากเตียงอย่างเชื่องช้าแล้วเดินตามอำนาจออกไปนั่งบนโซฟาในห้องรับแขก พลางยกกาแฟแก้วที่วางอยู่ดื่ม ก่อนจะถามขึ้น
“ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง”
“ผมก็อยากรู้เหมือนกัน ว่าทำไมคุณต้นถึงไปเมาหมดสภาพอยู่หน้าร้านเหล้าได้ โชคดีนะที่ผมไปที่ร้านใกล้ๆ เลยเห็นเข้า ไม่อย่างนั้นคุณต้นคงเจอคนอื่นรูดทรัพย์ไปหมดแล้วละครับ”
สรวิชญ์เพิ่งจะได้สังเกตอำนาจชัดก็ยิ่งแปลกใจ เมื่ออีกฝ่ายในตอนนี้ แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าแบรนด์เนมราคาแพง คอและข้อมือถูกประดับด้วยทองอร่ามก็ยิ่งทำให้เขาตาโต
“ขอบใจมากนะ ที่ช่วยไว้”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ อย่างที่ผมเคยบอก สำหรับคุณต้น อะไรที่ผมพอช่วยได้ ผมก็จะช่วย แต่ว่าคุณต้นยังไม่บอกผมเลย ทำไมถึงได้ไปเมาหมดสภาพล่ะครับ เท่าที่ผมจำได้ล่าสุดที่เราเจอกัน คุณต้นยังบอกว่าตัวเองโชคดีได้เลื่อนขั้นเป็นผู้จัดการแล้วนี่ครับ”
“ตอนนี้เหรอ โดนไล่ออกจากบริษัท แล้วก็หย่ากับเมีย มาอยู่กับเมียใหม่ แต่แม่งซวยฉิบหาย นึกว่าได้ลูกสาวเจ้าของบริษัทมาเป็นเมียแล้วตัวเองจะได้เป็นหนูตกถังข้าวสาร ที่ไหนได้ ไอ้ตัวพ่อดันรู้ทัน ไม่ให้ทรัพย์สินเงินทองอีลูกคนนี้สักแดง แถมตอนนี้มันยังหอบเสื้อผ้ามาอยู่กับกู ให้กูเลี้ยงดูเสียนี่ ผู้หญิงอะไรไม่รู้ พอไม่มีพ่อแม่คุ้มกะลาหัว ก็ทำอะไรไม่เป็นเลยสักอย่าง งานบ้านกูก็ต้องทำหมด ไม่งั้นคงหาที่จะนอนไม่ได้”
“หนักขนาดนั้นเลยเหรอครับ”
“หนักสิอำนาจ นี่ก็เครียดจนไม่รู้จะทำยังไงละ อยู่ด้วยกันก็ทะเลาะกันทุกวัน อยู่ๆ กันไปก็หวังว่าพ่ออีนังนั่นจะใจอ่อนสงสารลูกมันยอมให้อภัยเสียที ถ้าเกิดมันให้อภัยยอมให้ลูกมันกลับไปเมื่อไหร่ กูจะได้โกยเงินมันมาถลุงเยอะๆ เลย”
“คนรวยก็แบบนี้แหละครับ ฉลาดแต่งก ส่วนลูกคนรวยก็ไม่แปลกที่จะทำอะไรไม่เป็น คุณต้นก็เหนื่อยหน่อยนะครับ”
“ไม่ใช่เหนื่อยธรรมดา โคตรเหนื่อย รายได้ตอนนี้ก็ลดลงแถมยังต้องเลี้ยงเมียอีก อีนั่นก็ไม่ยอมทำงานอ้างว่าเงินเดือนน้อยไม่คุ้มค่าเหนื่อย ตอนนี้กูก็ไม่รู้จะทำยังไงดีแล้วว่ะ”
อำนาจมองสรวิชญ์ด้วยความเห็นใจ ก่อนนิ่งไปพักใหญ่อย่างตรึกตรอง
“แล้วคุณต้นสนใจอยากกลับมาทำงานพิเศษกับผมอีกไหมครับ”
“งานพิเศษเหมือนเมื่อก่อนน่ะเหรอ ไม่ละ อยากทำอะไรก็ได้ที่ได้เงินเยอะกว่าช่วยรับแทงบอล มีไหมล่ะ ไอ้งานที่ได้เงินเร็วและง่ายๆ มีวิธีไหมวะอำนาจ”
“ทำไมจะไม่มีล่ะครับ”
“งานอะไรวะ”
สรวิชญ์ตาลุกวาวด้วยความอยากรู้เมื่อนึกถึงเงินจำนวนมากที่เขาจะได้มาโดยง่าย
“เข้าบ่อนไงครับ…”
“เล่นการพนันน่ะเหรอ กูเล่นไม่เป็นหรอก ดีไม่ดีได้หมดตัวเสียเปล่าๆ”
“คุณต้นก็กังวลมากเกินไป ผมเห็นมีตั้งหลายคน ได้เงินเป็นแสนกลับไปในคืนเดียว บางคนโชคดีหน่อยก็ได้เป็นล้านๆ คุณต้นสนใจไหมล่ะครับ แต่ถ้าคุณต้นไม่สนใจก็ไม่เป็นไรนะครับ เดี๋ยวผมค่อยดูงานอื่นให้แทน แต่อาจจะได้เงินน้อยกว่านี้ แถมเหนื่อยกว่าอีก”
สรวิชญ์คิดพักใหญ่ ก่อนจะพูดต่อ
“ว่าแต่…คืนเดียวได้เป็นแสนเป็นล้านจริงเหรอวะ”
“ผมไม่โกหกหรอกครับ แต่ผมไม่ถนัดเล่น ส่วนใหญ่ผมจะคอยทำงานให้เสี่ยมากกว่า แล้วแต่ว่าเสี่ยจะใช้ไปทำงานอะไร แต่งานนี้ก็มีบางคนที่หมดตัวเหมือนที่คุณต้นเคยบอกเหมือนกัน”
“เรื่องแบบนี้ อยากรู้ก็ต้องลอง ดีไม่ดี กูอาจจะโชคดีได้เงินแสนมาก็ได้นะเว้ย แต่กูจะเอาเงินที่ไหนไปลงทุนวะ มีให้ฉันยืมทำทุนสักหมื่นก่อนไหมอำนาจ”
“หมื่นเดียวผมให้ได้ครับ ไม่ต้องยืม สำหรับคุณต้น แต่คุณต้นต้องรับปากผมเรื่องหนึ่ง ถ้าได้เงินเยอะตามที่ต้องการ คุณต้องหยุดเล่นนะครับ อย่าปล่อยให้ผีพนันเข้าสิง เพราะผมเห็นคนหมดตัวเพราะการพนันมาเยอะแล้ว”
“เออน่า กูรับปาก แล้วนี่จะพาไปเมื่อไหร่”
“แล้วคุณต้นอยากไปลองเล่นเมื่อไหร่ล่ะครับ ผมสอนเล่นและพร้อมพาไปได้ทุกเมื่อ”
“ตอนนี้เลยเป็นไง กูอยากได้เงินเต็มทีแล้ว”
ด้วยเหตุนี้ หลังจากวันนั้น สรวิชญ์จึงหันหน้าเข้าบ่อนเล่นการพนัน เพื่อหวังว่าตัวเองจะได้เงินมากตามที่ต้องการ
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 24 : หัวใจรัก (จบบริบูรณ์)
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 23 : ให้ทุกข์แก่ท่าน...ทุกข์นั้นถึงตัว
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 22 : กรรมตามสนอง
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 21 : เส้นขนาน
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 20 : เริ่มต้นชีวิตใหม่
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 19 : หย่า
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 18 : เจรจา
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 17 : โรงพยาบาล
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 16 : คนที่เลือก
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 15 : มิตรภาพ
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 14 : กาลเวลาผันผ่าน
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 13 : กลับตัวแต่ไม่กลับใจ
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 12 : โอกาสครั้งที่สอง
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 11 : ลมหายใจที่ปลิดปลิว
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 10 : เรื่องไม่คาดฝัน
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 9 : หอพัก
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 8 : แก้ไขหรือแก้ตัว
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 7 : ความจริง
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 6 : คำเตือน
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 5 : แผนลับ
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 4 : แผนขั้นต่อไป
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 3 : สรวิชญ์
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 2 : ชีวิตใหม่ของรินรดา
- READ รักในรอยน้ำตา บทที่ 1 : งานศพ
- READ รักในรอยน้ำตา : บทนำ