
แก่นไม้หอม บทที่ 16 : เลิกกับผัวแล้ว
โดย : กิ่งฉัตร
แก่นไม้หอม นวนิยายออนไลน์ โดย กิ่งฉัตร ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์ กับเรื่องราวที่จะทำให้คุณได้รู้ว่าผู้หญิงเป็นเมียและแม่ไม่ต่างจากแก่นไม้ที่แข็งแกร่ง มั่นคงและทรหดที่ยึดให้ใบได้แผ่กว้าง และหากโลกนี้เชื่อว่าผู้ชายเป็นใหญ่ แต่จริงๆ แล้วทุกสรรพสิ่งในธรรมชาติล้วนเป็นหยินที่โอบหยางทั้งสิ้น
ซิ่วเฮียงไม่รู้ว่าทำไมจู่ ๆ ก็มีข่าวว่าหล่อนนั้นทำอาหารอร่อย พวกช่างที่สนิทกันพากันเปรย ๆ ว่า อยากกินกับข้าวฝึมือซิ่วเฮียง หญิงสาวนั้นเป็นคนมีน้ำใจ ใครขอมาถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็ช่วยไปจัดไปให้ ไม่ได้เกี่ยงงอนอะไร พอมีเวลามีวัตถุดิบที่ถูกใจ หล่อนก็ลงมือทำกับข้าวสองสามอย่างให้เพื่อนลานมะเกลือได้ชิม
บรรดาช่างที่ได้กินต่างชมเป็นเสียงเดียวว่าอาหารอร่อย บางคนแหย่ว่าซิ่วเฮียงฝีมือดีขนาดนี้ สามีคงรักคงหลง ทำไมตัดใจยอมให้หญิงสาวมาทำงานกรุงเทพฯได้ หญิงสาวฟังแล้วหัวเราะ บอกอย่างไม่ปิดบังว่า
“รักหลงอะไรจ๊ะ เลิกกันแล้วต่างหาก”
คนฟังนิ่งอึ้งด้วยความแปลกใจ คนมีมารยาทหน่อยก็เงียบไป แต่มีพวกอยากรู้ถามทันควันว่า
“อ้าว ทำไมเลิกเสียล่ะ ลูกเต้าก็มีกันแล้ว”
ซิ่วเฮียงยิ้มจนตาหยี ตอบอย่างไม่อนาทรว่า
“เขาเจอคนใหม่ดีกว่า เฮียงก็พาลูกกลับบ้านเท่านั้นเองจ้ะ”
ยังมีคนอยากรู้พยายามถามนั่นถามนี่ต่อ แต่ซิ่วเฮียงแค่ยิ้ม ๆ ไม่ตอบไม่เล่าอะไรเพิ่มอีก
ตอนที่เหง็กลั้งได้ยินเรื่อง ‘แม่ม่ายซิ่วเฮียง’ หล่อนนิ่งไปครู่ก่อนถอนใจด้วยความเสียดาย
เด็กสาวดี ๆ มีฝีมือทั้งเย็บผ้าและทำอาหาร แถมยังอ่อนน้อมเชื่อฟังผู้ใหญ่อายุยังไม่ถึงยี่สิบดีก็เป็นแม่ม่ายลูกติดเสียแล้ว ดังนั้นต่อให้ดีกว่านี้แค่ไหนเหง็กลั้งก็ยากจะทำใจทาบทามให้ลูกชายได้ ถ้าอาเต็กจะแต่งเมียหล่อนก็อยากได้ลูกสะใภ้ที่ยังบริสุทธิ์ ไม่ใช่แม่ม่ายไม่ใช่แม่ลูกติด
แต่ก็นั่นแหละนะ…ต่อให้ซิ่วเฮียงเป็นสาวน้อยไร้เดียงสาแต่ลูกชายตัวดีของหล่อนสนใจหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่อง ในสายตาอาเต็กเห็นมีดีแต่แม่เน้ย คำพูดคำเตือนของคนเป็นแม่เข้าหูเสียที่ไหน หน้ามืดตามัวมองแม่สาวแต่งหน้าแต่งตัวเหมือนจะไปออกโรงงิ้วว่าดี ไม่มีสมองคิดเลยว่าถ้าแม่ดอกบัวขาวนั่นดีจริง ป่านนี้เจ้าหล่อนคงได้เป็นเถ้าแก่เนี้ยรองอย่างที่อวดอ้างไปแล้ว ไม่ต้องมาเป็นคนงานปักผ้าอยู่อย่างนี้หรอก
นอกจากเหง็กลั้งแล้วเน้ยยังรู้ข่าวเรื่องซิ่วเฮียง ‘เลิกกับผัวแล้ว’ ด้วยความรู้สึกกึ่งสะใจและกึ่งหวั่นใจอย่างประหลาด ไม่รู้ทำไมถึงไม่ถูกชะตากับนังบ้านนอกคนนี้นัก แค่เห็นหน้าเกลี้ยงเกลากับรอยยิ้มเจิดจ้านั่นแล้วอดไม่ได้ที่จะหมั่นไส้ขึ้นมาทันที
“โถ นึกว่าดีเด่เก่งกาจมาจากไหน ที่แท้ก็ผู้หญิงถูกผัวทิ้งนี่เอง”
ปากว่าเหมือนเวทนา แต่ใจนึกหวั่นอย่างประหลาด เป็นม่ายลูกติดแบบนี้คงไม่มีใครสนใจหรอกนะ…
เน้ยคาดหวัง แต่หล่อนคาดผิดไปมากเพราะไม่นานเถ้าแก่เนี้ยบ้านลานมะเกลือก็ให้คนงานมาตามซิ่วเฮียงไปพบ
บ้านลานมะเกลือที่หญิงสาวเคยได้แต่มองจากห้องเช่าใหญ่โตจริงตามคาด ตัวบ้านสองชั้นกว้างขวาง ลานบ้านที่ลาดปูนกว้างพอ ๆ กับตัวบ้าน สุดลานที่ติดกับห้องเช่าหล่อนมีต้นมะม่วงใหญ่แผ่กิ่งก้านสาขาสองต้น นอกจากทางเข้าตัวบ้านด้านหน้ากำแพงด้านข้างลานทั้งสองด้านยังมีประตูเล็กเข้าออกสองทางตั้งอยู่ในตำแหน่งเยื้องกัน ข้างกำแพงด้านหน้าด้านติดกับศาลเจ้าตั้งกระถางไม้ดัดสวยแปลกตาเรียงราย ส่วนฝั่งตรงกันข้ามมีเพิงกว้างสำหรับซักล้าง ข้างเพิงเรียงตุ่มน้ำสำหรับรองน้ำฝนหลายใบ
ซิ่วเฮียงเข้าบ้านลานมะเกลือทางประตูเล็กข้างกำแพงด้านที่ติดกับห้องเช่า คนงานในบ้านนำหล่อนตัดลานตรงไปยังตัวบ้าน หญิงสาวไม่มีเวลามองรอบตัวมากนัก ผ่านตาเห็นเพียงเครื่องเรือนไม้ชิ้นใหญ่ ติดผนังคือตู้หลังใหญ่วางจานชามงดงามเรียงแน่นไปหมด คนงานพาหล่อนเข้าไปในห้องทำงานเล็กของกุ้ยเตียง ห้องนั้นอยู่ด้านในสุดของตัวบ้าน ทำให้บรรยากาศในห้องค่อนข้างมืด หน้าต่างบานเดียวในห้องเปิดกว้าง ข้างหน้าต่างคือโต๊ะทำงานขนาดย่อม แสงเดียวในห้องที่ส่องผ่านหน้าต่างมาจึงตกลงที่โต๊ะและหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านหลังโต๊ะนั้น
ตั้งแต่ทำงานที่ลานมะเกลือมาเดือนเศษ นี่เป็นครั้งแรกที่ซิ่วเฮียงได้เห็นเถ้าแก่เนี้ยเต็มตา ความคิดแรกที่ผ่านเข้ามาในหัวหญิงสาวคือสวย กุ้ยเตียงสวยสะดุดตาจริง ๆ หญิงสาวมีใบหน้ารูปไข่ ผิวขาวละเอียดโดยเฉพาะผิวหน้านั้นละเอียดบางใสจนเหมือนจะเห็นเส้นเลือดจาง ๆ ใต้ผิว ดวงตาของหล่อนเป็นรูปเรียว หางตาชี้สูงเล็กน้อย ตาดำดำสนิทเหมือนนิล จมูกนิดปากหน่อย ผมของหล่อนดำเหมือนสีดวงตา เส้นเล็กละเอียด แม้จะตัดสั้นเหมือนของซิ่วเฮียง แต่กลับแต่งให้พองโป่งในทรงสมัยนิยม แม้จะมีลูกมาแล้วสองคนแต่ทรวดทรงองค์เอวของหล่อนยังได้รูปงดงามใต้ชุดเสื้อผ้าที่หรูหรามีราคา
ซิ่วเฮียงมารู้ภายหลังว่าข่าวลือทุกอย่างเกี่ยวกับกุ้ยเตียงนั้นเป็นความจริง เถ้าแก่เนี้ยลานมะเกลือตัดเสื้อผ้าชุดละห้าร้อยบาทจริง และตั้งแต่ออกเรือนกับเถ้าแก่ส่วง กุ้ยเตียงไม่เคยต้องทำผมเองเลย หล่อนเข้าร้านทำผมตลอด รูปลักษณ์ของหญิงสาวจึงงามพร้อมตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าจริง ๆ
ที่สำคัญคือกุ้ยเตียงอายุน้อยกว่าที่ซิ่วเฮียงคาดมาก น่าจะมากกว่าหล่อนไม่ถึงสิบปี ไม่ใช่คนอายุสามสิบกว่าอย่างที่หล่อนเคยคิด
ระหว่างที่หญิงสาวมองกุ้ยเตียงด้วยความทึ่ง เถ้าแก่เนี้ยลานมะเกลือก็พิจารณาแม่สาวน้อยตรงหน้าอย่างสนใจเช่นกัน ซิ่วเฮียงคนนี้ยังเด็กอยู่มาก หน้าตาเกลี้ยงเกลา ผมตัดสั้นแนบศีรษะทุย ดวงตากลมโต ท่าทางซื่อ ๆ แต่ไม่ได้ดูโง่หรือไร้เดียงสามากนัก
แต่กุ้ยเตียงรู้ว่าคนเรามองกันแต่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้ หน้าตาท่าทางของคนบางคนอาจจะหลอกสายตาและความคิดของคนอื่น มีเพียงเวลาเท่านั้นที่จะพิสูจน์คน
“นั่งสิ ซิ่วเฮียงใช่ไหม” เจ้าของบ้านทักขึ้น
ซิ่วเฮียงยิ้มสดใส นั่งลงบนเก้าอี้ตรงข้ามอย่างว่าง่ายก่อนเอ่ยเรียกอย่างสุภาพว่า
“จ้ะ เถ้าแก่เนี้ยต้องการเจอเฮียงหรือจ๊ะ”
“ใช่ ได้ยินมาว่าลื้อทำอาหารอร่อย”
“พอทำได้จ้ะ” ซิ่วเฮียงตอบรับอย่างถ่อมตัว หล่อนพูดพร้อมกับยิ้มจนดวงตายิบหยี ในใจนึกว่า ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง เสียแรงกังวลว่าทำอะไรผิดไปอยู่นาน
“มะรืนนี้แม่ครัวที่นี่กลับบ้านสองสามวัน ลื้อช่วยมาทำอาหารเช้าให้หน่อยได้ไหม สักสามวัน อาหารสำหรับผู้ใหญ่สองคนเด็กเล็กสองคน จะเป็นพวกโจ๊กหรือข้าวต้มก็ได้ ถ้าเป็นข้าวต้มกับข้าวแค่สองอย่างพอ เอาที่เด็กกินได้ ทำได้ไหม”
“ได้จ้ะ”
“อั๊วมีค่าแรงให้ ไม่ต้องกลัวว่าจะเหนื่อยเปล่า”
“ไม่เป็นไรจ้ะ เฮียงเต็มใจทำให้ ไม่ได้หนักหนาอะไร ว่าแต่มีใครกินอะไรไม่ได้บ้างไหมจ๊ะ”
“ไม่มี ถ้าไม่ใช่ผักขม ๆ แบบมะระ เด็กกินได้หมด” กุ้ยเตียงนิ่งไปนิดหนึ่งก่อนเอ่ยเสริมว่า “ทำยำเกี้ยมฉ่ายมาด้วยแล้วกัน อาส่วงชอบ”
ซิ่วเฮียงรู้ว่าอาส่วงที่เอ่ยถึงคือเถ้าแก่ หญิงสาวนึกว่าเถ้าแก่ส่วงชอบกินเหมือนหล่อน ไม่ได้คิดอะไรมากกว่านี้จึงพยักหน้ารับ
“ได้จ้ะ”
กุ้ยเตียงเปิดลิ้นชักหยิบเงินส่งให้อีกฝ่าย
“ค่าของสด วันมะรืนลื้อจ่ายตลาดมาให้เรียบร้อยเลยแล้วกัน เตรียมกับข้าวเร็วหน่อยเพราะอาส่วงกินข้าวก่อนหกโมง ทำได้ไหม”
“ได้จ้ะ” ซิ่วเฮียงตอบรับคำเดิม แต่คราวนี้พยักหน้ารับด้วย ตลาดสดที่นี่ติดตลาดตั้งแต่ฟ้ายังไม่สว่างดี เรื่องทำอาหารแต่เช้าตรู่ไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย
“งั้นเดี๋ยวไปที่ครัวดูว่าขาดเหลืออะไรจะได้ซื้อได้”
หญิงสาวรับคำอีกครั้งก่อนลุกออกจากห้อง แต่ก่อนจะก้าวพ้นห้อง หล่อนเหลียวกลับไปมอง กุ้ยเตียงไม่ได้มองมา หญิงสาวเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง แสงแดดส่องผ่านช่องลูกกรงเป็นลำทำให้เกิดแสงเงาที่งามประหลาดบนใบหน้าและช่วงลำคอระหงที่ขาวผ่อง ทั้งทรงผมเสื้อผ้ารวมถึงใบหน้าที่แลเหินห่างเย็นชาทว่างามจับตา ซิ่วเฮียงรู้สึกเหมือนกำลังมองภาพวาดผู้หญิงในแผ่นโฆษณาสินค้าจากเมืองจีนที่เคยเห็นตามร้านต่าง ๆ กุ้ยเตียงสวยสง่าอย่างนั้นจริง ๆ
แบบนี้กระมังที่เขาเรียกราศีเถ้าแก่เนี้ยจับจริง ๆ
จากห้องทำงานเล็กซิ่วเฮียงเดินตามคนงานในบ้านไปที่ห้องครัว หญิงสาวคุยกับแม่ครัวเกี่ยวกับรายการอาหารเช้าตามปกติของสมาชิกในครอบครัวเถ้าแก่ สำรวจของแห้งและเครื่องปรุงรสก่อนกลับโรงงาน
เง็กซิมรออยู่ด้วยความกังวลใจ พอลูกสาวบุญธรรมเดินหน้ายิ้มแป้นเข้ามา หล่อนก็รีบดึงตัวไปสอบถาม ซิ่วเฮียงเล่าไปตามจริงก่อนเสริมอย่างชื่นชมว่า
“เถ้าแก่เนี้ยสวยมากจริง ๆ นะจ๊ะเง็กซิ่ม ผิวขาวเนียนเหมือนกระเบื้องเคลือบเลย เสื้อก็สวย ผ้าเนื้อดีมาก นี่เดินออกจากบ้านไปถ้าใครไม่รู้คงต้องนึกว่าเถ้าแก่เนี้ยเป็นดาราแน่ ๆ”
เง็กซิมเคยพบกุ้ยเตียงหลายครั้ง รู้เรื่องความงามของอีกฝ่ายดีจึงไม่ได้สนใจอะไร ซักแต่ว่า
“เถ้าแก่เนี้ยเรียกเฮียงไปช่วยเรื่องทำอาหารเฉย ๆ เท่านั้นหรือ”
หล่อนประหลาดใจ แม่ครัวบ้านลานมะเกลือนั้นเง็กซิมรู้จักดี รู้ด้วยว่าฝ่ายนั้นมักจะลากลับบ้านสามสี่เดือนครั้งเป็นประจำ ทุกครั้งที่ลาคนงานในบ้านจะออกมาซื้อโจ๊กจากร้านในซอยทางเข้าบ้านหรืออาหารเช้าที่ตลาด ไม่เห็นจะต้องมาตามใครไปทำแค่อาหารเช้าให้ อีกอย่างคนงานหญิงในลานมะเกลือมีหลายคนที่มีฝีมือทำอาหาร พูดตามตรงบางคนก็ทำอร่อยกว่าซิ่วเฮียง แถมยังเป็นคนเก่าแก่ ทำงานมานานกว่าลูกสาวบุญธรรมหล่อนเยอะ แต่ทำไมกุ้ยเตียงเลือกซิ่วเฮียง
มันน่าแปลกจริง ๆ
“จ้ะ เถ้าแก่เนี้ยบอกว่าจะให้ค่าแรงเฮียงด้วย แต่เฮียงคิดว่าจะไม่รับ ไหน ๆ ก็ทำงานอยู่ที่นี่แล้ว แค่ช่วยทำอาหารเช้าสองสามวันคิดเงินเขามันดูน่าเกลียดไปหน่อย เง็กซิ่มว่าไหมจ๊ะ”
เง็กซิมคิดนิดหนึ่งก่อนแนะนำว่า
“รับไว้เถอะ เขาให้ก็รับไว้ ถือว่าเป็นค่าขนมให้หาญก็ได้ เงินนิด ๆ หน่อย ๆ เขาไม่ได้ยุบไม่ได้ยอบอะไร”
ซิ่วเฮียงรับคำอย่างว่าง่ายตามเดิม
ตกบ่ายพวกช่างเย็บช่างปักก็รู้กันทั่วว่า ฝีมือทำอาหารของซิ่วเฮียงเข้าตาเถ้าแก่เนี้ย ขนาดถูกตามให้ไปทำอาหารเช้าให้ช่วงที่แม่ครัวกลับบ้าน ช่างส่วนใหญ่ฟังแล้วยอมรับว่าซิ่วเฮียงทำอาหารอร่อยจริง ๆ แต่เน้ยฟังแล้วไม่พอใจอย่างมาก ปากหล่อนบอกว่าซิ่วเฮียงประจบนายจ้างอย่างน่าเกลียด แต่หญิงสาวกลับวิ่งแล่นไปบ้านลานมะเกลือเพื่อเสนอตัว ‘ช่วยงาน’ แทนซิ่วเฮียง
กุ้ยเตียงไปดูร้านที่สะพานหันตั้งแต่ก่อนเที่ยง เน้ยก็ยังไม่ยอมแพ้เฝ้ารอจนกระทั่งฝ่ายนั้นกลับมาในตอนบ่ายใกล้เย็น ไม่รอให้เจ้าของบ้านลงนั่ง หล่อนก็จู่โจมทันที
“แจ้ ถ้าแจ้ต้องการคนช่วยทำอาหารเช้าให้ แจ้ใช้อั๊วก็ได้ ไม่เห็นต้องไปใช้นัง…เอ่อ…แม่ซิ่วเฮียงเลย อั๊วเต็มใจช่วย เงินบาทเดียวอั๊วก็ไม่เอา”
‘แจ้’ มองกลับด้วยสายตาเย็นชา เงินบาทเดียวไม่เอาจะเอาแต่ตำแหน่งเถ้าแก่เนี้ยรองสินะ ผู้หญิงอะไรไร้สมองเหลือทน เขาไม่เรียกใช้ก็อิจฉาคนอื่นวิ่งมาลอยหน้าลอยตาของานแบบเอาบุญเอาคุณ แล้วดูเอาเถอะขนาดการแต่งตัวผมเผ้ายังจงใจทำเลียนแบบหล่อน ไม่คิดบ้างว่าเลียนแบบแล้วดีไม่เท่า ใครจะไปมองซ้ำสอง สู้เป็นตัวของตัวเองดีกว่าเป็นไหน ๆ ใครจะมองใครจะสนก็เป็นเพราะตัวตนแท้ ๆ ไม่ใช่เพราะลอกแบบมาอย่างไร้ราคา
“อาหารใคร ๆ ก็ทำได้ แต่ทำอร่อยหรือเปล่ามันอีกเรื่อง ลื้อแน่ใจหรือว่าตัวเองทำได้อร่อยจริง”
เน้ยชะงักไปเล็กน้อย แน่ล่ะ…เมื่อเกิดเป็นลูกสาวคนจีน งานบ้านงานครัวหล่อนต้องทำเป็นทุกอย่างอยู่แล้ว แต่นอกจากการเย็บผ้าที่ทำได้ดีโดดเด่นแล้ว งานอื่นหญิงสาวพอทำได้เท่านั้น ไม่ได้เก่งกาจอะไร
แต่เรื่องนี้จะไปยากอะไร แค่ข้าวเช้า ต้มข้าวต้มสักหม้อ กับข้าวหล่อนก็แค่ถือหม้อถืออวยไปตลาดสดซื้ออาหารปรุงสุกอย่างสองอย่าง ถึงเวลาก็เทใส่จานตั้งโต๊ะ เจียวไข่หรือทำอะไรก๊อก ๆ แก๊กๆ อีกสักอย่าง คนครัวไม่อยู่ กุ้ยเตียงไม่ได้ลงครัวสำรวจ ใครมันจะไปรู้ว่าหล่อนทำหรือซื้อ รู้แต่ว่าอร่อยก็เท่านั้น
พอคิดทางหนีทีไล่พร้อมแล้ว เน้ยจึงตอบรับอย่างมั่นใจว่า
“อร่อยสิแจ้ อั๊วก็มีฝีมือนะ เพียงแต่ไม่ได้อวดตัวเหมือนใครบางคนเท่านั้น”
“แหม ไม่รู้นะเนี่ย ถ้าแสดงตัวเสียหน่อยเหมือนกับที่ชอบแสดงเรื่องอื่นก็คงไม่ต้องใช้เด็กซิ่วเฮียงแล้ว เพราะของไม่มีราคา…ไม่ใช่สิ…ต้องบอกว่าแรงงานให้เปล่าใคร ๆ ก็ชอบอยู่แล้ว”
เน้ยฟังแล้วชะงักด้วยความรู้สึกแปร่งหูอย่างประหลาด แต่ใบหน้าผู้พูดยังเรียบนิ่งไม่ได้มีท่าทีดูถูกหรือหมิ่นแคลนอะไร เพียงแค่ความรู้สึกบอกชัด…กระทบด่ากันใช่ไหม
แต่ถึงจะรู้ว่าถูกหลอกด่า แต่หล่อนทำอะไรไม่ได้ ได้แต่กัดฟันแน่น นึกก่นด่ากุ้ยเตียงหยาบ ๆ คาย ๆ สารพัดในใจ คิดอย่างปากพูดอย่างว่า
“ถ้างั้นแจ้ให้อั้วมาช่วยแทนนัง..เอ่อ..ซิ่วเฮียงเถอะ ครอบครัวเดียวกันช่วยกันเองดีกว่าไปจ้างคนอื่น”
กุ้ยเตียงมองคนที่เหมารวมว่าคือครอบครัวเดียวกับหล่อนอย่างเย็นชา บอกปัดไปว่า
“ไว้คราวหน้าเถอะ อั๊วให้งานเด็กไปแล้ว ไม่อยากเสียคำพูด วันนี้อั๊วเหนื่อยแล้วอยากจะพัก ลื้อกลับไปก่อนเถอะ”
ใจเน้ยอยากจะอยู่รอเผื่อเถ้าแก่ส่วงกลับมาจากโรงงานใหญ่ที่สมุทรปราการจะได้พบหน้าเขา ‘โดยบังเอิญ’ แต่กุ้ยเตียงไล่แล้ว จะหาเรื่องชวนคุยต่ออีกฝ่ายก็วางท่าเย็นชาใส่ หญิงสาวเลยต้องยอมถอย
“งั้นอั๊วกลับก่อนนะแจ้ คราวหน้ามีอะไรเรียกหาอั๊วได้ อั๊วเต็มใจช่วย”
“ได้ อ้อ…เห็นอาจือบอกว่าลื้อมารออยู่ตั้งแต่บ่ายสองโมงใช่ไหม”
“ใช่ อั๊วร้อนใจอยากช่วยแจ้” หล่อนกระตือลือร้นอยากแสดงความปรารถนาดีเต็มที่
“อยากช่วยก็ดี แต่ลื้อใช้เวลางานมารอมันสมควรหรือ กลับไปบอกไต้จงให้หักค่าแรงวันนี้ลื้อออกด้วย คนงานที่ไม่ได้ทำงาน…ไม่มีสิทธิรับค่าแรง ต่อให้เป็นคนในครอบครัวก็ไม่มีข้อยกเว้น จำเอาไว้”
กุ้ยเตียงเดินขึ้นชั้นบนไปแล้ว ไม่…แม้แต่จะปรายตามองเน้ยที่แค้นใจจนด่าในใจหยาบ ๆ คาย ๆ คอยดูเถอะ ถ้าหล่อนได้เป็นเถ้าแก่เนี้ยอีกคนเมื่อไหร่ หล่อนจะทำให้นังกุ้ยเตียงหัวเราะไม่ได้ร้องไห้ไม่ออกเลยทีเดียว!
ซิ่วเฮียงที่ไม่รู้ตัวเลยว่ามีคนจ้องแย่งงานอยู่ยังคงตื่นเช้าไปตลาดตามปกติ หญิงสาวคุยกับคนครัวบ้านลานมะเกลือแล้ว พอรู้ว่าส่วนใหญ่กับข้าวที่ทำขึ้นโต๊ะเป็นพวกเครื่องข้าวต้มง่าย ๆ หล่อนเลยตั้งใจเปลี่ยนเป็นอาหารเช้าแบบที่เคยทำที่มหาชัย วันแรกเป็นข้าวต้มปลา วันที่สองต้มเลือดหมูร้อน ๆ กับข้าวสวย ส่วนอีกวันเป็นข้าวต้มพร้อมกับข้าวสองสามอย่าง ส่วนยำเกี้ยมฉ่ายที่ว่าเถ้าแก่ชอบนั้น หล่อนเตรียมทำไว้มากหน่อย ใช้กินแนมกับอะไรก็ได้
ส่วนใหญ่ของในครัวบ้านลานมะเกลือมีพร้อม ขาดแต่ข่าแก่ที่หล่อนคิดจะเอามาย่างไฟให้หอมแล้วโขลกให้ละเอียดเพื่อใส่ข้าวต้มปลาเพื่อดับกลิ่นคาว เครื่องโรยหน้าพวกนี้ทำล่วงหน้าได้ ซิ่วเฮียงจึงมาหาซื้อข่าแก่ พริกสดไว้ทำน้ำจิ้มเต้าเจี้ยว
พอเลือกซื้อของที่ต้องการเรียบร้อยเงยหน้าขึ้นก็เห็นชายใจดียืนมองยิ้ม ๆ อยู่ ซิ่วเฮียงยิ้มตอบเช่นเคย ฝ่ายนั้นยื่นหม้ออวยใบเล็กคืนให้ บอกว่า
“ขอบใจ อร่อยมาก”
“เกี้ยมฉ่ายเขาดองมาดีจ้ะ มายำเพิ่มรสเลยดีตาม”
“งั้นก็ลื้อเลือกของเก่ง เข้าใจเอามาปรุงเลยอร่อย”
ซิ่วเฮียงหัวเราะ ยอมรับคำชมนั้น
ทั้งคู่ไม่ได้พูดกันนาน แค่สนทนากันสองสามประโยคแล้วก็แยกกันไปเช่นเคย
แต่ที่ไม่เหมือนเคยคือมีคนงานหญิงคนหนึ่งบังเอิญเห็นคนทั้งคู่เข้า จากนั้นก็เริ่มมีการพูดปากต่อปาก จนกลายเป็นคลื่นข่าวลือขนาดใหญ่ในลานมะเกลือ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 44 : ฝันสลาย
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 43 : รอยร้าว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 42 : สัญญา
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 41 : อามาลัย
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 40 : พบหน้า
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 39 : ลูกไม่มีพ่อ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 38 : หมากฝรั่งบุหรี่
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 37 : พิราบขาว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 36 : คนนอก
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 35 : ผู้ชนะ (ตอนที่ 2)
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 34 : ผู้ชนะ (ตอนที่ 1)
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 33 : คดในข้องอในกระดูก
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 32 : สัญญาที่ไม่เป็นธรรม?
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 31 : แม่ม่ายลูกกำพร้า
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 30 : ฟ้าถล่ม
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 29 : ลูกชายลูกชาย
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 28 : ไม่มีอะไรแน่นอน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 27 : เด็กน้อยของซิ่วเฮียง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 26 : สันดานคนยากจะเปลี่ยน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 25: รถจี๊ปสีเขียว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 24 : หวังดีเกินไป รักเกินไป
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 23 : เรื่องที่เข้ากันได้
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 22 : หยี่แจ้ โอ่ยแจ้
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 21 : แต่งงาน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 20 : สู่ขอ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 19 : ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 18 : เห็นขี้ดีกว่าไส้
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 17 : กระต่ายก็กัดเป็น
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 16 : เลิกกับผัวแล้ว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 15 : ปุ๋ยดีไม่ควรปล่อยให้ไหลลงนาผู้อื่น
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 14 : ลานมะเกลือ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 13 : ศาลองค์แป๊ะกง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 12 : เข้ากรุง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 11 : ส้วมที่แตกแล้ว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 10 : บ้าน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 9 : หันหลังกลับ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 8 : พยอม
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 7 : หมดสิ้น
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 6 : หาญ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 5 : วาสนา
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 4 : ดอกไม้ผ้า
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 3 : ตุ้มหูทอง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 2 : แม่ผัว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 1 : ซิ่วเฮียง