
แก่นไม้หอม บทที่ 33 : คดในข้องอในกระดูก
โดย : กิ่งฉัตร
แก่นไม้หอม นวนิยายออนไลน์ โดย กิ่งฉัตร ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์ กับเรื่องราวที่จะทำให้คุณได้รู้ว่าผู้หญิงเป็นเมียและแม่ไม่ต่างจากแก่นไม้ที่แข็งแกร่ง มั่นคงและทรหดที่ยึดให้ใบได้แผ่กว้าง และหากโลกนี้เชื่อว่าผู้ชายเป็นใหญ่ แต่จริงๆ แล้วทุกสรรพสิ่งในธรรมชาติล้วนเป็นหยินที่โอบหยางทั้งสิ้น
วันรุ่งขึ้นกุ้ยเตียงกับซิ่วเฮียงออกจากบ้านตรงไปยังห้างใหญ่แต่เช้า ตัวห้างนั้นเปิดทำการช่วงสายแต่ในส่วนสำนักงานของห้างเริ่มทำงานกันก่อนหน้านั้นเป็นชั่วโมง กุ้ยเตียงเคยมาติดต่องานพร้อมกับหลงจู๊ฮุ้งครั้งหนึ่ง หญิงสาวจึงพอรู้ทางและรู้ว่าจะติดต่อใครบ้าง
ผู้ที่ดูแลเรื่องรับสินค้าจากโรงงานเข้าห้างเป็นชายวัยห้าสิบแซ่เดียวกับเจ้าของห้าง เป็นคนจีนแต้จิ๋ว กุ้ยเตียงจึงคุยกับเขาได้สบายไม่ต้องให้ซิ่วเฮียงเป็นล่ามให้ หญิงสาวไม่อ้อมค้อมนั่งลงได้ก็หยิบสัญญา เอกสารการส่งของและใบรับเงินมาวาง พร้อมทั้งถามข้อคาใจทั้งเรื่องเวลาจ่ายเช็ครวมถึงการที่ห้างแจ้งเรื่องจะปรับโรงงานที่ส่งสินค้าล่าช้า
“เป็นไปไม่ได้เลยที่ของงวดนี้ล่าช้า ฉันเป็นคนเซ็นในใบส่งของเอง ฉันจำได้ว่าส่งตรงเวลาแน่นอน” กุ้ยเตียงเอ่ยอย่างสุภาพแต่หนักแน่น พร้อมกับแสดงสำเนาใบส่งของที่หล่อนเอามาจากโรงงานพร้อมสัญญาเมื่อวานนี้
จี้เสียงหรือชื่อไทยว่าประเสริฐเรียกให้พนักงานนำเอกสารโรงงานส่วงมา เขากางทุกอย่างเทียบให้หญิงสาวสองคนตรงหน้าเห็น เอกสารสองชุดเหมือนกันเกือบทุกอย่างยกเว้นวันที่และจำนวนสินค้า ทั้งกุ้ยเตียงกับซิ่วเฮียงก็ตกใจไปเหมือนกัน โดยเฉพาะเมื่อฝ่ายหลังชี้ไปที่ลายเซ็นในเอกสาร
“นี่…เหมือนลายเซ็นหยี่แจ้เลย”
“อั๊วไม่ได้เซ็น” กุ้ยเตียงเสียงเย็น “แต่เอกสารนี่ออกจากโรงงานแน่ ๆ”
ประเสริฐทำธุรกิจมาตลอดชีวิต ตั้งแต่เล็กก็ช่วยทางบ้านค้าขาย ขายหนังสือขายแผ่นเสียง ก่อนขยับไปขายเครื่องใช้ไฟฟ้าแล้วผันตัวมาเป็นหัวหน้าแผนกจัดซื้อของห้างใหญ่ แน่นอนว่าประสบการณ์เรื่องธุรกิจย่อมโชกโชนกว่าคนอื่นไม่น้อย แค่ฟังเรื่องร้องเรียน…ไม่จำเป็นต้องดูเอกสารด้วยซ้ำ ประเสริฐก็พอเดาเรื่องได้
การที่เจ้าของกิจการไว้ใจคนทำงานมากเกินไปจนถูกโกง…เจ้านี้ไม่ใช่เจ้าแรกและคงไม่ใช่เจ้าสุดท้าย น่าเวทนาสองแม่ม่าย จำได้ว่าสามีเพิ่งจะเสียไปได้ไม่ถึงปีดี แม้จะจับตัวฆาตกรได้แต่เห็นว่าทั้งรถและเงินไม่ได้คืน แล้วนี่ยังถูกโกงอีก…
ทว่าถึงจะสงสารแค่ไหน แต่งานก็คืองาน เขาเห็นใจแต่ต้องชี้แจงให้ชัดเจนว่าทางห้างไม่ได้ทำผิดหรือเอาเปรียบคู่ค้า ประเสริฐส่งเอกสารรับเช็คค่าสินค้าให้กุ้ยเตียงดู การชำระเงินนั้นเป็นไปตามรอบบิลชัดเจนไม่มีการล่าช้าหรือพยายามดึงเช็คไว้
เอกสารพวกนี้เป็นภาษาไทย กุ้ยเตียงอ่านไม่ออกแต่เดาทุกอย่างได้จากจำนวนเงินและวันที่สั่งจ่าย หญิงสาวเปิดพลิก ๆ เอกสารแล้วหัวใจบีบรัดแน่น ลมหายใจติดขัด เนื้อตัวร้อนผ่าวเหงื่อผุดซึมทั่วร่าง ส่วนซิ่วเฮียงนั้นไม่รู้อะไรเกี่ยวกับยอดขายของโรงงานกับห้าง รู้แต่ว่าส่งสินค้าไปหลายงวดได้เงินงวดเดียว ดังนั้นพอเห็นตัวเลขในเอกสารแล้วหล่อนแทบจะหลุดปากอุทานด้วยความตกใจ
รวม ๆ แล้วเช็คที่หลงจู๊ฮุ้งมารับไปในนามของโรงงานยอดน่าจะอยู่ที่สองแสนเศษเกือบสามแสน
เมื่อสองสาวออกจากสำนักงานของห้างใหญ่นั้น ประเสริฐเดินมาส่งที่หน้าลิฟต์ เขาเอ่ยอย่างเห็นใจว่า
“มีอะไรให้ช่วยก็บอกมานะครับ”
ซิ่วเฮียงอยากจะบอกว่า ช่วยยกเลิกค่าปรับได้ไหมจ๊ะ เราถูกโกง ที่ส่งเสื้อผ้าล่าช้าไม่ใช่ความผิดของโรงงานจริง ๆ ของที่หายโรงงานก็เสียหาย อย่าให้เราต้องมาจ่ายค่าปรับผิดสัญญากับห้างเลย…
ทว่าหญิงสาวเห็นสีหน้าเวทนาแต่จนใจที่ช่วยอะไรไม่ได้ของอีกฝ่ายแล้วจำต้องกลืนคำขอร้องลงคอไป ได้แต่พึมพำขอบใจ กุ้ยเตียงเอ่ยขอบใจตาม แล้วสองสาวค่อย ๆ ประคองกันเดินเข้าลิฟต์ไป
เข้าไปนั่งสงบสติอารมณ์กันในรถ ซิ่วเฮียงลูบอกเอ่ยพึมพำว่าคิดไม่ถึงเลย ไม่อยากจะเชื่อเลย ยังจำได้ว่าตอนเง็กซิมพาไปพบหลงจู๊ฮุ้งครั้งแรกนั้นหล่อนคิดว่าเขาเป็นผู้ใหญ่ใจดี แต่เข้มงวดและเอาจริงเอาจังเรื่องงาน หลงจู๊ฮุ้งสนิทกับเถ้าแก่มาก…เป็นมือขวาของเถ้าแก่ก็ว่าได้ นี่ถ้าเถ้าแก่รู้คงเสียใจไม่น้อย…
ผิดกับซิ่วเฮียง…ขึ้นรถมาได้กุ้ยเตียงก็นั่งกำเอกสารในมือนิ่ง หญิงสาวไม่พูดไม่จาแต่ใบหน้าที่ขาวซีดดวงตาที่แดงก่ำนั้นแสดงให้เห็นถึงอารมณ์และความคิดในใจเด่นชัดยิ่งกว่าเอ่ยเป็นวาจาออกมา
ซิ่วเฮียงมอง ๆ ด้วยความกังวล หลังจากรออยู่ครู่แต่อีกฝ่ายไม่ขยับ ไม่บอกคนขับรถด้วยว่าจะไปไหน หญิงสาวจึงเอ่ยขึ้นเบา ๆ ว่า
“หยี่แจ้ เราไปบ้านโบ๊เบ๊กันก่อนไหมจ๊ะ ให้อากู๋ของเด็ก ๆ ช่วยจัดการให้”
กุ้ยเตียงเพิ่งเหมือนรู้สึกตัว หญิงสาวหันมามองซิ่วเฮียง จากนั้นจึงส่ายหน้าเล็กน้อยแต่มุ่งมั่น
“ไม่ อั๊วไม่อยากพึ่งพาใครอีกแล้ว เข็ดแล้ว เข็ดจริง ๆ” น้ำตาของหญิงสาวหยาดลงมาเป็นสาย เจ้าตัวรีบเปิดกระเป๋าใบเล็กหยิบผ้าเช็ดหน้าขึ้นซับ พอน้ำตาเหือดหล่อนก็เอ่ยอย่างคับแค้นใจว่า
“โอ่ยแจ้ ลื้อรู้ไหมว่าความเจ็บที่รู้ว่าถูกโกงยังไม่ปวดใจเท่ากับรู้ว่าคนโกงคือคนที่เราไว้ใจที่สุด หลงจู๊…ไม่สิ…ไอ้ชาติหมานั่นทำงานกับอาส่วงตั้งแต่เริ่มเปิดลานมะเกลือใหม่ ๆ ตอนมันกับเมียมาจากระยองมีกระเป๋าเสื้อผ้าใบเดียว อาส่วงเช่าบ้านดี ๆ ให้ ลูกมันสองคนอาส่วงก็จัดการพาเข้าโรงเรียนจ่ายค่าเทอมให้หมด ทำงานกันมาสิบห้าสิบหกปี อาส่วงไว้ใจมันทุกอย่าง อั๊วก็ไว้ใจ ไว้ใจไอ้ฮุ้งมากกว่าไว้ใจกว่าพี่น้องอั๊วที่บ้านโบ๊เบ๊เสียอีก นึกไม่ถึง…นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าคนที่เราคิดว่ารู้จักดีมาเป็นสิบปีจะกลายเป็นพวกคดในข้องอในกระดูกไปได้ โอ่ยแจ้…อั๊วเจ็บใจ มันคงคิดว่ากุ้ยเตียงคนนี้โง่เหลือเกิน พูดอะไรก็เชื่อ หลอกยังไงก็ฟัง และมันก็คิดถูก อั๊วรู้สึกว่าตัวเองโง่ โง่เหลือเกิน”
“หยี่แจ้ไม่โง่จ้ะ เพียงแค่เชื่อใจคนผิด คิดว่าเราดีด้วยคนอื่นจะดีกับเราตอบ เราผิดที่คิดว่าคนเราไม่เปลี่ยนแปลง นึกว่าใจคนไม่เปลี่ยน มาเจอคนที่เปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือแบบนี้อย่าว่าแต่หยี่แจ้เลยจ้ะ เฮียงเชื่อว่าใคร ๆ ก็คงคิดไม่ถึงเหมือนกัน” ซิ่วเฮียงพยายามปลอบ
“ถ้าอาส่วงยังอยู่มันคงไม่กล้า…” น้ำตาของกุ้ยเตียงไหลลงมาอีก คราวนี้ซิ่วเฮียงก็พลอยตาแดง ๆ ตามไปด้วย
“เฮียงอยากรู้นักทำไมหลงจู๊ถึงได้เปลี่ยนไปได้ขนาดนี้”
“ความโลภมันบังตากระมัง หรือไม่มันก็เป็นของมันอย่างนี้อยู่แต่แรกแล้ว แต่เพราะอาส่วงไม่โง่ไม่ใช่พวกไม่รู้เรื่องรู้ราวแบบอั๊ว มันเลยไม่กล้า”
“แล้วนี่หยี่แจ้จะทำยังไงต่อจ๊ะ ถ้าไม่ให้พวกเฮียทางบ้านโบ๊เบ๊ช่วย เราจะจัดการกับเรื่องหลงจู๊ฮุ้งได้ยังไง”
“อั๊วจะเอาตำรวจไปจับมัน อั๊วจะเอามันเข้าคุก” กุ้ยเตียงตัดสินใจ
หญิงสาวบอกคนขับรถให้ไปสถานีตำรวจท้องที่ของโรงงาน หอบหลักฐานไปแจ้งความกันอย่างเก้ ๆ กัง ๆ กุ้ยเตียงเป็นคนแจ้งความ ซิ่วเฮียงแปลจากภาษาจีนเป็นภาษาไทย ขลุกขลักกันอยู่บ้างเล็กน้อย ในช่วงเวลาแบบนี้ซิ่วเฮียงนึกถึงน้องชายจับใจ
คดีความของเถ้าแก่…อาเส่งกับบุ่งทงเป็นคนจัดการดำเนินเรื่องให้ทั้งหมด สองสาวที่ยังคงโศกเศร้าในตอนนั้นแทบไม่ต้องติดต่อกับตำรวจเลย ให้ปากคำเสร็จแล้วทุกอย่างก็จบ เส่งรับช่วงต่อทุกอย่าง กระทั่งคนร้ายสองผัวเมียถูกจับ สองเมียของส่วงก็มาดูหน้าคนร้ายด้วยความเจ็บแค้นครั้งหนึ่ง ไปปรากฏตัวที่ศาลอีกครั้ง หญิงสาวทั้งคู่จะทำอะไรก็มีเส่งหรือบุ่งทงคอยช่วยกำกับดูแลตลอด
มาขึ้นโรงพักอีกครั้งคราวนี้เลยต้องคลำหาทางแจ้งความกันเอง ทำอะไรไม่เป็นเก้ ๆ กัง ๆ ไม่รู้เหนือรู้ใต้ ต้องยกมือไหว้ถามเจ้าหน้าที่ไปเรื่อย
โชคดีที่มีนายตำรวจจำสองเมียของเถ้าแก่ส่วงที่ถูกฆ่าตายเมื่อปลายปีก่อนได้ การดำเนินการแจ้งความจึงดูสะดวกขึ้นมาก แต่การที่ต้องงก ๆ เงิ่น ๆ ขึ้นโรงพักด้วยตัวเองทำให้ซิ่วเฮียงเข้าใจความรู้สึกของกุ้ยเตียงได้
เข้าใจว่าก่อนหน้านั้นทั้งคู่พึ่งพาเส่ง ทุกอย่างน้องชายหล่อนเป็นคนจัดการให้ทั้งหมดโดยมีบุ่งท่งคอยช่วยในบางกรณี แต่โดยรวมแล้วทั้งเรื่องคดีเรื่องการขึ้นศาลตัดสินคดีเส่งเป็นตัวแทนติดต่อประสานงานทุกอย่าง หญิงสาวทั้งคู่เหมือนผู้ชมอยู่ข้าง ๆ ไม่รู้ขั้นตอนอะไร พอไม่มีเส่งทั้งคู่ต้องจัดการกันเอง ตอนแรกเหมือนกับว่าทุกอย่างยากเย็น วุ่นวาย แต่สุดท้ายทำเองก็ทำได้
ไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้ ยกเว้นแต่ไม่อยากทำเอง
เสียดายแต่ว่ารู้ช้าเกิน มัวแต่ไว้ใจคนอื่นหวังพึ่งพาคนอื่นมากเกิน สุดท้ายจึงต้องเจ็บใจหนักจนต้องมาแจ้งความเองแบบนี้
หลังจากแจ้งความแล้ว กุ้ยเตียงพาตำรวจสองนายไปที่โรงงาน แต่หลงจู๊ฮุ้งเหมือนนกรู้ไม่ได้เข้าโรงงานตั้งแต่เช้า โทร.ตามไปที่บ้านภรรยาของเขาบอกว่าหลงจู๊ออกจากบ้านไปโรงงานตั้งแต่เช้าตามปกติ แต่ที่ไม่ปกติคือเขาเอาเสื้อผ้าบางส่วนไปด้วยบอกว่าที่โรงงานมีงานเร่งด่วน อาจจะต้องอยู่ค้างคืนที่นั่นคืนหรือสองคืน
กุ้ยเตียงที่หวาดระแวงเรื่องความหน้าไหว้หลังหลอกของคนไม่เชื่อใครอีกแล้ว หญิงสาวจึงส่งคนไปดูที่บ้านหลงจู๊ฮุ้ง ปรากฏว่าฮุ้งไม่อยู่บ้านจริง ๆ เขาขับรถเฟี้ยตใหม่เอี่ยมที่เพิ่งซื้อมาหายออกจากบ้านไปตั้งแต่เช้าพร้อมกระเป๋าเสื้อผ้าและของมีค่าหลายอย่างในบ้าน
ในตอนแรกพุดซ้อนภรรยาลูกครึ่งจีนไทยของฮุ้งไม่เชื่อว่าสามีจะโกงเงินโรงงาน หล่อนตามคนงานกลับมาที่โรงงาน พอเห็นตำรวจและเอกสารทั้งหมดหล่อนก็ตกใจจนเป็นลมไปรอบหนึ่ง ตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้คร่ำครวญหน้าตาบิดเบ้ไปหมด พุดซ้อนเป็นเมียคนที่สองของฮุ้ง เมียแรกนั้นแต่งงานอยู่กินกันสิบปีไม่มีลูก ความสัมพันธ์ก็ลุ่ม ๆ ดอน ๆ สุดท้ายจึงเลิกรากันไป พุดซ้อนหน้าตาเรียบ ๆ ธรรมดาไม่โดดเด่น รูปร่างใหญ่ ผิวคล้ำ หาคนแต่งด้วยยาก ผู้ใหญ่เลยจับแต่งกับฮุ้งที่เป็นพ่อม่ายแถมยังอายุมากกว่าหล่อนสิบปี
แม้ในตอนแรกทั้งคู่ไม่ได้รักใคร่กันมาก่อน แต่พอแต่งแล้วพุดซ้อนก็ปรับตัวจนมีความสุขกับชีวิตคู่ ยิ่งพอมีลูกสองคนหล่อนก็ยิ่งพอใจกับครอบครัวของตัวเองมาก ภูมิใจว่ามีสามีดีมีลูก ๆ เก่ง ทว่าสองสามปีที่ผ่านมาโดยเฉพาะในปีนี้หลงจู๊ฮุ้งหรือที่หล่อนเรียกว่าเฮียเปลี่ยนไปมาก กลับบ้านดึกหรือไม่ก็ไม่กลับอ้างว่างานยุ่งมาก
“ยิ่งช่วงหลังพอเถ้าแก่เสีย เฮียบอกว่างานทั้งหนักทั้งยุ่ง เถ้าแก่เนี้ยทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง เขาต้องจัดการเองทั้งหมด บางวันงานหนักจนไม่กลับบ้านสองสามวันก็มี”
กุ้ยเตียงผู้ ‘ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง’ กัดฟันกรอด หน้าตาเครียดเคร่งจนซิ่วเฮียงต้องจับมือหยี่แจ้ของหล่อนไว้เพื่อไม่ให้ฝ่ายนั้นลุกขึ้นเอะอะด่าทอ ระหว่างนั้นพุดซ้อนก็เล่าต่อว่า
“ตอนแรกฉันก็ไม่เชื่อเท่าไหร่ แต่ปีนี้เขาซื้อของเยอะแยะ ซื้อรถใหม่ ซื้อสร้อยทองทั้งสร้อยคอสร้อยข้อมือ อาฮุ้งบอกว่าเถ้าแก่เนี้ยให้รางวัลที่ทำงานหนัก…เอ่อ…เหมือนวัวเหมือนควายมาตลอดชีวิต ฉันก็เลยคิดว่าจริง นึกว่าเถ้าแก่เนี้ยให้รางวัลอาฮุ้งจริง ๆ ไม่คิดว่าจะโกงอะไรกัน เถ้าแก่เนี้ย…ฉันไม่รู้อะไรจริง ๆ นะ ถ้ารู้ฉันคงไม่อยู่ตรงนี้หรอก คงหนีไปกับไอ้ฮุ้งแล้ว…” คิด ๆ แล้วพุดซ้อนเริ่มเจ็บใจ หล่อนร้องไห้โฮคร่ำครวญว่า “ไอ้ผัวเฮงซวย จะหนีไปก็ไม่บอกไม่กล่าวอะไรเลย ใจคอมันเลวยิ่งกว่าหมา ทิ้งลูกทิ้งเมียให้รอรับเรื่องที่มันก่อ ไอ้เลวฮุ้ง!”
เมียหลงจู๊ฮุ้งร้องไห้ไปด่าไป กุ้ยเตียงได้แต่มองอย่างเวทนาและเจ็บใจ
เวทนาผู้หญิงที่ต้องเจอปัญหาใหญ่จากสามีโดยไม่ทันตั้งตัว ลูกสองคน…คนโตเรียนพาณิชย์ใกล้จบ คนเล็กยังอยู่มัธยม ต่อไปทั้งแม่และลูกคงลำบากไม่น้อย
แต่เหนือความเวทนาคือเจ็บใจตัวเองที่มองสันดานคนไม่ออก เมื่อก่อนคิดว่าหลงจู๊ฮุ้งกับเมียนิสัยดี ซื่อสัตย์ มาตอนนี้นอกจากฮุ้งจะลายออกแล้ว ฟังจากคำพร่ำรำพันของพุดซ้อน ผัวเมียคงศีลเสมอกัน เพราะฝ่ายหญิงเอาแต่ด่าผัว…ไม่ใช่ด่าเพราะเขาทำผิดที่คดโกง แต่ด่าเพราะเขาทิ้งหล่อนไว้ข้างหลัง ไม่ได้เตือนให้หนีหรือพาหล่อนหนีไปด้วย หล่อนเลย ‘ซวย’ อยู่คนเดียว
ตลอดเวลาจะร้องห่มร้องไห้ คำขอโทษสักคำก็ไม่หลุดออกจากปาก มีแต่คำครวญว่าต่อไปตัวเองกับลูกจะอยู่อย่างไร เงินทองของมีค่าผัวเอาไปด้วยหมด ต่อไปข้าวสารกรอกหม้อจะหาที่ไหน ค่าเล่าเรียนลูกก็ยังไม่ได้จ่าย…
ไม่มีสักคำที่จะถามไถ่ว่าผู้เสียหายอย่างกุ้ยเตียงและครอบครัวจะเป็นอย่างไร โรงงานถูกโกงไปจะเสียหายมากน้อยแค่ไหน…
มนุษย์คือสัตว์ที่เห็นแก่ตัวที่สุดจริง ๆ!
นอกจากหลงจู๊ฮุ้งที่หนีไปแล้ว กุ้ยเตียงเชื่อว่าในโรงงานต้องมีผู้สมรู้ร่วมคิดกับฮุ้ง เริ่มต้นจากไต้จง รายนี้พอรู้ข่าวก็เข่าอ่อนหน้าซีดเผือด เขายืนยันว่าไม่รู้เรื่องคดโกงเลยแม้แต่น้อย
“ถ้าลื้อไม่รู้อะไรจริง ๆ ทำไมเมื่อวานถึงได้ไม่ยอมให้อั๊วเอาสัญญาซื้อขายไป เจตนาลื้อต้องการปกปิดหลักฐานชัด ๆ”
“ไม่ ๆ เถ้าแก่เนี้ยเข้าใจผิดแล้ว” ไต้จงโบกไม้โบกมือว่อน ตามองตำรวจสองนาย เหงื่อแตกไหลท่วมตัวด้วยความกังวล “อั๊วแค่ทำตามคำสั่งหลงจู๊ หลงจู๊บอกว่าเถ้าแก่เคยสั่งห้ามเอาเอกสารสำคัญออกจากโรงงาน อั๊วแค่ทำตามคำสั่งเดิมของเถ้าแก่”
“เถ้าแก่ตายแล้ว ตอนนี้โรงงานนี้ใครเป็นเจ้าของ” กุ้ยเตียงถามเสียงเย็น
“ถะ…เถ้าแก่เนี้ยเป็นเจ้าของ แต่…แต่หลงจู๊บอกว่าเถ้าแก่เนี้ยยังบริหารงานไม่เป็น ยังไม่รู้กฎโรงงานที่เถ้าแก่เคยตั้งไว้ หลงจู๊บอกว่าให้อั๊วค่อย ๆ บอกค่อย ๆ สอน…”
อันที่จริงหลงจู๊พูดเยอะกว่านี้มาก บอกว่ากุ้ยเตียงนั้นไม่เคยทำงานหนัก ร้านที่สะพานหันก็แค่ไปนั่งดูเฉย ๆ อีกอย่างนิสัยหญิงงามของหล่อนทำให้แต่งตัวเก่ง ค่าใช้จ่ายเสื้อผ้าหน้าผมแต่ละเดือนเป็นร้อยเป็นพันบาท ผู้หญิงสุรุ่ยสุร่ายอย่างนี้ให้รับผิดชอบงานใหญ่ตามลำพังไม่ได้ ต้องคุมให้ดีไม่งั้นกิจการที่เถ้าแก่สร้างมาอย่างยากลำบากคงมีปัญหาแน่
ไต้จงนั้นเคยทำงานกับซิ่วเฮียงที่ลานมะเกลือมาก่อน รู้ว่าเมียคนที่สองของเถ้าแก่เป็นคนทำงาน หนักเอาเบาสู้ ให้เรียนรู้งานก็เรียนอย่างตั้งอกตั้งใจ ส่วนเถ้าแก่เนี้ยนั้นเขาไม่เคยทำงานด้วย แต่รู้ว่ากุ้ยเตียงตัดชุดเสื้อผ้าตัวละห้าร้อยบาท สระผมทำผมต้องเข้าร้านทำผมตลอด ชอบดูหนังดูละคร เวลาจะดูก็เลือกดูประเดิมรอบแรก ตั๋วราคาสูงลิ่ว เรื่องพวกนี้กลายเป็นภาพจำที่ติดลบในความรู้สึกของไต้จงมาตลอด ดังนั้นเมื่อฮุ้งพูดอะไรเขาก็เชื่อ พอกุ้ยเตียงเรียกร้องอะไรที่ขัดกับกฏที่เถ้าแก่เคยตั้งไว้เขาจึงคัดค้านเต็มที่
มาตอนนี้ถึงได้รู้ว่าตัวเองเป็นแค่หมากตัวหนึ่งของหลงจู๊ฮุ้งเท่านั้น
ไต้จงบอกเล่าทุกอย่างตามจริง ทำเอากุ้ยเตียงเลือดขึ้นหน้าอีกรอบ ความรู้สึกเมตตากับงูเห่าแล้วมันแว้งกัดเป็นอย่างนี้นี่เอง นอกจากไต้จงแล้วหญิงสาวยังนึกถึงบรรดาพนักงานระดับสูงที่มีอาการต่อต้านหล่อน คนเหล่านั้นคงเหมือนไต้จง เจอแผนวางยายุแยงของหลงจู๊ฮุ้งจนมีอคติกับหล่อน แถมหล่อนยังโง่เดินตามแผนที่ฝ่ายนั้นแนะนำ บีบให้คนทำงานมีฝีมือลาออกไปเกือบหมด จากนั้นฮุ้งก็เอาคนของตัวเองเข้าทำงานแทน จนกลายเป็นว่าอำนาจในโรงงานตกอยู่ในมือของเขาหมด
“ทำไมหลงจู๊ฮุ้งถึงร้ายขนาดนี้ ใจคอทำด้วยอะไรถึงได้เล่นงานเราได้ขนาดนี้” ซิ่วเฮียงคนอ่อนโยนได้ฟังแล้วยังอดโมโหไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่คิดว่าหลงจู๊คือญาติผู้ใหญ่ คือคนที่น่าเคารพ คนที่ไว้ใจได้ ตอนนี้ความรู้สึกดี ๆ ที่เคยมีให้พังทลายเหลือแค่ซากสิ่งสกปรกกองอยู่ตรงหน้าเท่านั้น
“ใจคอที่เต็มไปด้วยความโลภน่ะสิ ตอนอาส่วงอยู่คงทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้เหลือแต่แม่ม่ายลูกกำพร้า โกงง่ายก็โกยเอาอย่างเต็มที่” กุ้ยเตียงตอบด้วยเสียงโกรธแค้นสุดหัวใจ
หลงจู๊ฮุ้งใช้โอกาสระหว่างครอบครัวส่วงวุ่นวายกับงานศพและการไว้อาลัยไปเซ็นสัญญากับทางห้าง พอเขาเป็นคนลงนามในเอกสาร ทุกอย่างก็ง่ายต่อการส่งสินค้าการรับเช็คและการผ่องถ่ายเงินของโรงงานเข้ากระเป๋าตัวเอง
ไต้จงไม่รู้เรื่องพวกนี้จริง ๆ ตำรวจสอบปากคำแล้วก็เชื่อว่าชายหนุ่มไม่มีส่วนร่วมในการโกง
กุ้ยเตียงจึงยอมให้เขาทำงานต่อ แต่ต่างฝ่ายต่างมีบาดแผลในใจ จนสุดท้ายไต้จงต้องขอลาออกไปเอง ทำให้โรงงานขาดแรงงานสำคัญไปคนหนึ่งอย่างน่าเสียดาย
ส่วน ‘ลูกน้อง’ คนอื่นของฮุ้งนั้น มีทั้งที่รู้เรื่องด้วยและไม่รู้เรื่องด้วย พวกที่รู้เรื่องก็ติดปีกบินหนีตามฮุ้งไปหมด ตำรวจจึงลงบันทึกแจ้งความเรื่องลักทรัพย์เพิ่มเติมก่อนเตรียมออกหมายจับ
กุ้ยเตียงไม่สั่งปิดโรงงาน หญิงสาวให้คนงานทำงานต่อ แต่ในส่วนแผนกการขายและบัญชีนั้นหล่อนและซิ่วเฮียงช่วยกันตรวจสอบทั้งหมด
ตรวจไปได้ครึ่งเดียวเมียสองคนของส่วงแทบหมดแรง หลงจู้ฮุ้งไม่ได้โกงเฉพาะเงินค่าเสื้อที่ส่งห้างใหญ่ ยังการยักยอกเล็ก ๆ น้อย ๆ อีกหลายเจ้า มีทั้งเงินนำส่งไม่ตรง ปัญหาที่ห้างใหญ่สั่งปรับเพราะสินค้าล่าช้าก็เกิดจากฮุ้งนำสินค้าที่ควรจะส่งให้ห้างไปส่งให้ลูกค้าลับ ๆ ของเขาก่อน ลูกค้าของฮุ้งเอาสินค้าดี ๆ ไปเลหลังตลาดในราคาถูกเพื่อจะได้เงินให้เร็วที่สุด
ของดีราคาถูกลงตลาดเท่าไหร่ก็ไม่พอขาย ฮุ้งจึงนำสินค้าออกไปมากขึ้น ๆ จนฝ่ายผลิตทำงานออกมาไม่ทันส่งให้ห้าง ห้างสั่งปรับเพราะผิดสัญญา เรื่องถึงได้แดงออกมา
โดยรวมแล้วยอดความเสียหายของโรงงานมากกว่าตัวเลขที่ซิ่วเฮียงคิดคร่าว ๆ ตอนเห็นเช็คที่ห้างใหญ่ตีออกมาให้มากนัก
ที่สำคัญเสียเงินนั้นไม่เท่าไหร่ แต่ชื่อเสียงดี ๆ ที่ส่วงทำไว้พลอยเสียหายไปอย่างยากจะกู้คืน
นั่งตรวจสอบลงลึกอีกสักพัก ซิ่วเฮียงก็เห็นกุ้ยเตียงวางงานในมือลงช้า ๆ แล้วลุกเดินออกไปเข้าห้องน้ำ หญิงสาวเห็นฝ่ายนั้นหายไปนานรู้สึกเป็นห่วงจึงลุกขึ้นเดินไปตาม มือกำลังจะเคาะประตูเรียก แต่พอได้ยินเสียงร้องไห้เหมือนใจจะขาดของหยี่แจ้ดังลอดออกมา
หล่อนทำได้เพียงแค่หดมือลงเท่านั้น…
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 44 : ฝันสลาย
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 43 : รอยร้าว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 42 : สัญญา
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 41 : อามาลัย
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 40 : พบหน้า
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 39 : ลูกไม่มีพ่อ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 38 : หมากฝรั่งบุหรี่
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 37 : พิราบขาว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 36 : คนนอก
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 35 : ผู้ชนะ (ตอนที่ 2)
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 34 : ผู้ชนะ (ตอนที่ 1)
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 33 : คดในข้องอในกระดูก
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 32 : สัญญาที่ไม่เป็นธรรม?
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 31 : แม่ม่ายลูกกำพร้า
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 30 : ฟ้าถล่ม
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 29 : ลูกชายลูกชาย
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 28 : ไม่มีอะไรแน่นอน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 27 : เด็กน้อยของซิ่วเฮียง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 26 : สันดานคนยากจะเปลี่ยน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 25: รถจี๊ปสีเขียว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 24 : หวังดีเกินไป รักเกินไป
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 23 : เรื่องที่เข้ากันได้
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 22 : หยี่แจ้ โอ่ยแจ้
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 21 : แต่งงาน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 20 : สู่ขอ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 19 : ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 18 : เห็นขี้ดีกว่าไส้
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 17 : กระต่ายก็กัดเป็น
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 16 : เลิกกับผัวแล้ว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 15 : ปุ๋ยดีไม่ควรปล่อยให้ไหลลงนาผู้อื่น
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 14 : ลานมะเกลือ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 13 : ศาลองค์แป๊ะกง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 12 : เข้ากรุง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 11 : ส้วมที่แตกแล้ว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 10 : บ้าน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 9 : หันหลังกลับ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 8 : พยอม
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 7 : หมดสิ้น
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 6 : หาญ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 5 : วาสนา
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 4 : ดอกไม้ผ้า
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 3 : ตุ้มหูทอง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 2 : แม่ผัว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 1 : ซิ่วเฮียง