
แก่นไม้หอม บทที่ 34 : ผู้ชนะ (ตอนที่ 1)
โดย : กิ่งฉัตร
แก่นไม้หอม นวนิยายออนไลน์ โดย กิ่งฉัตร ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์ กับเรื่องราวที่จะทำให้คุณได้รู้ว่าผู้หญิงเป็นเมียและแม่ไม่ต่างจากแก่นไม้ที่แข็งแกร่ง มั่นคงและทรหดที่ยึดให้ใบได้แผ่กว้าง และหากโลกนี้เชื่อว่าผู้ชายเป็นใหญ่ แต่จริงๆ แล้วทุกสรรพสิ่งในธรรมชาติล้วนเป็นหยินที่โอบหยางทั้งสิ้น
ข่าวหลงจู๊โกงเงินโรงงานหลายแสนก่อนหลบหนีไปสร้างความตกใจให้กับบรรดาอดีตคนงานของลานมะเกลือเป็นอย่างมาก ต่างพูดตรงกันเป็นเสียงเดียวว่าไม่อยากจะเชื่อ หลงจู๊ฮุ้งที่พวกเขารู้จักเป็นชายวัยกลางคนที่หน้าตายิ้มแย้ม เป็นผู้ใหญ่ใจดีแต่เป็นผู้จัดการที่เข้มงวดกับงาน
หลงจู๊รักลานมะเกลือและทุ่มเทให้กับงานที่โรงงานที่สมุทรปราการ คนดี ๆ แบบนี้ทำไมโกงเงินโรงงานได้ ไม่อยากจะเชื่อเลยจริง ๆ!
อาเต็กเองก็เป็นอีกคนที่ไม่อยากเชื่อหูตัวเอง เขาตะลึงมองเหง็กลั้งที่กำลังเล่าเรื่องอย่างออกรสด้วยสายตาสับสน
“หลงจู๊ฮุ้งเนี่ยนะม้าโกงเงินโรงงาน มีอะไรผิดไปหรือเปล่า”
“ไม่ผิด ๆ ตอนแรกได้ข่าวอั๊วก็ไม่อยากเชื่อหูตัวเองเหมือนกัน ต้องวิ่งไปถามอี้ซิมของลื้อ พอดีเจออาเฮียง อีไปช่วยเถ้าแก่เนี้ยดูบัญชีที่โรงงาน เห็นว่าบัญชีเละไปหมด หลงจู๊แกร่วมมือกับบัญชีโกงเงินไปตั้งเท่านี้…” เหง็กลั้งยกมือกางนิ้วทั้งห้าออกตรงหน้าลูกชาย “สีหน้าเถ้าแก่เนี้ยไม่ดีเลย อั๊วละสงสารอีจริง ๆ เลย ทั้งเถ้าแก่เนี้ยทั้งอาเฮียง เถ้าแก่ตายยังไม่ทันได้ทำบุญครบปีเลยมาถูกโกงเสียแล้ว แล้วคนโกงก็ดันเป็นคนที่ไว้ใจที่สุด เจ๊กอั๊กหนอ”
“แล้วจับหลงจู๊ได้ไหมม้า”
“จับได้เสียที่ไหน อีนกรู้หนีไปแล้วทั้งฝ่ายบัญชีที่ช่วยอีโกงก็หนีไปหมด ไอ้คนทำบัญชียังดียังหอบลูกเมียไปด้วย แต่หลงจู๊ฮุ้งทิ้งหมด ขับรถเฟี้ยตใหม่เอี่ยมราคาตั้งสี่ห้าหมื่นหนีไปคนเดียว เงินทองกวาดไปคนเดียวหมด ลูกเมียไม่สนแล้ว เห็นว่าอาพุดเมียอีด่าผัวจนเป็นลมแล้วเป็นลมอีก เฮ้อ…คนเรารู้หน้าไม่รู้ใจจริง ๆ”
“ม้า…” แรก ๆ เสียงเรียกของอาเต็กนั้นมีความไม่มั่นใจอยู่ไม่น้อย แต่เมื่อเอ่ยต่อทั้งสีหน้าและน้ำเสียงกลับมีความมั่นใจขึ้นหลายส่วน “หลายเดือนก่อนอั๊วเห็นเน้ยที่ประตูน้ำ…”
“ทำไม เห็นนังนั่นแล้วทำไม มันเข้ามาเกาะแกะลื้อใช่ไหม นัง…”
“ม้าใจเย็น ๆ ฟังอั๊วก่อน เน้ยจะมายุ่งอะไรอั๊วได้ อั๊วขับรถมีลูกค้านั่งอยู่ ส่วนเน้ยเขามากับผู้ชายคนหนึ่ง ควงแขนกันมาเลยนะม้า ผู้ชายถือร่มกันแดดให้เน้ย อั๊วเลยมองหน้าไม่ชัดแต่รู้สึกว่าคุ้นมาก มั่นใจว่าต้องเป็นคนที่อั๊วรู้จัก แต่วันนั้นคิดไม่ออก…” อันที่จริงเป็นเพราะนึกไม่ถึงมากกว่า “วันนี้มีเรื่องหลงจู๊ อั๊วเลยนึกได้ว่าผู้ชายที่เดินอยู่กับเน้ยวันนั้นน่าจะเป็นหลงจู๊ฮุ้ง”
เหง็กลั้งตะลึงไปอ้าปากแล้วหุบ ก่อนสุดท้ายหาเสียงตัวเองเจอ ร้องว่า
“ไอ๊หยา ลื้อพูดจริงหรืออาเต็ก ลื้อตาฝาดหรือเปล่า”
“ตาอั๊วยังดีอยู่ม้า”
“บางทีอาจจะบังเอิญเจอกัน”
“กางร่มให้กัน เดินกอดแขนกันขนาดนั้น ผัวเมียเขายังไม่ทำกันเลยนะม้า”
“ไอ๊หยา ๆ หลงจู๊ฮุ้งอายุปาเข้าไปห้าสิบกว่าแล้ว ลูกเมียก็มี นังเน้ยมันยังไปแย่งเขามาอีกหรือ อาเต็กลื้อเห็นแล้วใช่ไหมว่าผู้หญิงคนนี้เป็นคนยังไง เห็นหรือยังว่าทำไมอั๊วถึงได้ห้ามไม่ยอมให้ลื้อเอาผู้หญิงคนนี้เป็นเมีย ผู้หญิงแบบนี้ไม่ดี ไม่เหมาะกับลื้อ”
อาเต็กฟังคำมารดาว่าอย่างได้ใจแล้วอดหัวเราะเสียงขื่นไม่ได้ เขาเล่าว่า
“ตลกนะม้าวันที่เถ้าแก่แต่งงานกับอาเฮียง หลงจู๊ฮุ้งเคยเตือนอั๊วเหมือนที่ม้าพูดเลยว่า เน้ยไม่ใช่ผู้หญิงดี ไม่เหมาะกับอั๊ว เฮอะไม่เหมาะกับอั๊วแต่เหมาะกับหลงจู๊สินะ ผู้หญิงไม่ดีกับผู้ชายคดโกง สมกับเหมือนหม้อแตกกับฝาร้าวจริง ๆ”
เหง็กลั้งได้ยินลูกชายพูดแล้วตาลุกวาบ นึกอะไรได้ทักขึ้นว่า
“เอ๊ะหรือว่าที่หลงจู๊โกงโรงงานก็เพราะนังเน้ยมันยุ”
อาเต็กพยายามเตือนมารดาว่าอย่าเพิ่งมั่นใจนัก แต่หญิงสูงวัยไม่ฟังเสียงลากลูกชายไปหากุ้ยเตียงเพื่อเล่าเรื่องที่อาเต็กเจอมา
กุ้ยเตียงฟังแล้วเอนเอียงไปกว่าครึ่งว่าเรื่องของเน้ยกับหลงจู๊ฮุ้งน่าจะเป็นเรื่องจริง เพราะพุดซ้อนเล่าว่าหลงจู๊มักกลับบ้านดึกหรือไม่ก็ค้างคืนที่โรงงานบ่อย ๆ ทั้งที่ในความเป็นจริงฮุ้งกลับบ้านตรงเวลาแทบทุกวัน ดังนั้นกุ้ยเตียงพอเดาได้หลงจู๊ฮุ้งต้องมีบ้านเล็กซ่อนอยู่ เพียงแต่คาดไม่ถึงว่าจะเป็นเน้ย
แต่กุ้ยเตียงไม่ได้หุนหันตัดสินเหมือนเหง็กลั้ง หญิงสาวเรียกคนงานในโรงงานมาถามว่ามีใครพอรู้เรื่องอะไรของหลงจู๊บ้าง จากนั้นยอมจ่ายค่าน้ำร้อนน้ำชาใช้อิทธิพลตำรวจแวะไปเยี่ยมเยียนเพื่อนฝูงของฮุ้ง หลงจู๊ฮุ้งนั้นมีเพื่อนฝูงไม่มาก ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนกินมากกว่าเพื่อนตาย ดังนั้นพอเห็นเถ้าแก่เนี้ยเจ้าของโรงงานพาตำรวจมาเคาะประตูเรียก ทุกคนก็พร้อมจะเล่าเรื่องทุกอย่างของหลงจู๊โดยไม่เกี่ยงงอน
ผลที่ออกมาเป็นอย่างที่อาเต็กเห็นและเหง็กลั้งคาดเดา เน้ยเป็นเมียเก็บของหลงจู๊ฮุ้งจริง ๆ ฮุ้งหลงหญิงสาวเป็นอย่างมากออกปากกับเพื่อนว่าเน้ยนั้นทั้งสวย มีเสน่ห์และใจกล้าในห้องหับ ไม่เหมือนเมียแก่ที่ทั้งขี้ริ้วและตัวดำใหญ่เหมือนลูกกลิ้งรีดผ้าที่บ้าน…
เรื่องโกงโรงงานเพื่อน ๆ ของฮุ้งไม่รู้เรื่อง แต่บางคนเคยได้ยินฮุ้งเล่าว่าเน้ยมักพูดเตือนสติเขาว่า ทำงานหนักตัวเป็นเกลียวแต่นอกจากเงินเดือนนิดหน่อยแล้วไม่เห็นมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอัน เหมือนวัวควายไถนาเลี้ยงเจ้าของ พอแก่เฒ่าก็ถูกเขาเชือดกิน ในขณะที่เจ้าของรวยเอา ๆ มีเงินซื้อรถอยากได้ที่แปลงสวย ๆ ก็กำเงินสดไปซื้อ
กุ้ยเตียงฟังถึงตรงนี้ก็ชะงัก ถามขึ้นว่า
“หลงจู๊ฮุ้งรู้หรือว่าผัวอั๊วกำลังจะซื้อที่ดิน”
“รู้สิ คนงานที่รู้จักเจ้าของที่เขามาบอกว่ามีใครสนใจที่บ้างไหม ฮุ้งมันนึกครึ้มเลยชวนเถ้าแก่ไปดูที่ ที่สวยฮุ้งมันก็อยากได้แต่ไม่มีเงิน ไม่เหมือนเถ้าแก่ที่พอถูกใจปุ๊บก็พร้อมกำเงินมาซื้อเลย”
“งั้นที่ไอ้เลวนั่นมันรู้ว่าผัวอั๊วมีเงินสดติดตัวไปจะซื้อที่ก็เป็นเพราะไอ้ฮุ้งมันประกาศไปเสียทั่วสินะ” เถ้าแก่เนี้ยเอ่ยอย่างแค้นใจ
เพื่อนของฮุ้งชะงัก ก่อนรีบบอกเลิกลั่กว่า
“เรื่องนี้อั๊วก็ไม่รู้เหมือนกัน ไม่ได้ทำงานที่เดียวกับอาฮุ้ง เขาเล่ามายังไงอั๊วก็เล่าไปอย่างนั้น มากน้อยกว่านี้ไม่รู้แล้ว”
กุ้ยเตียงเองก็มากน้อยกว่านี้ไม่รู้ แต่มั่นใจว่าหลงจู๊ฮุ้งต้องมีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของอาส่วงแน่นอน หญิงสาวกลับไประบายกับซิ่วเฮียงว่า
“อาส่วงกับอั๊วเลี้ยงงูเห่าไว้ข้างตัวแท้ ๆ ขุนมันจนอ้วนยกย่องจนหางมันลอยชี้ฟ้าหันหัวมากัดเราได้”
ส่วนเรื่องเน้ยนั้น กุ้ยเตียงเล่าเรื่องทุกอย่างให้พี่สะใภ้ของหล่อนฟังอย่างละเอียด หลีมุ่ยที่ตั้งแต่เกิดเรื่องเอาแต่พร่ำรำพันเสียดายเงินที่หลงจู๊ฮุ้งโกงไปประหนึ่งว่าเป็นเงินของตัวเองนั้น…ฟังแล้วตกใจจนหน้าขาวปากที่ทาลิปสติกสีแดงสดลอยเด่นขึ้นทันที
“เป็นไปไม่ได้ เน้ยมันชอบผู้ชายหล่อ ๆ รวย ๆ ตามันมองสูงเห็นแต่คนดี ๆ อย่างอาส่วง อีกอย่างมันมีแฟนนะ มีสองคน คนแรกแฟนคนเก่าของมันที่ทำงานห้างด้วยกันก็หน้าตาดี มันพามางานเลี้ยง อั๊วเห็นอยู่ แต่พ่อแม่เขาไม่ชอบเน้ย ทะเลาะกันแทบทุกวันเน้ยมันเลยเลิก ส่วนคนใหม่นี่ก็ว่าเด็กกว่ามันด้วยซ้ำ เป็นเด็กมาฝึกงานที่แผนก…หัวหน้าให้มันช่วยสอนงาน สุดท้ายคบกันซะงั้น เน้ยมันเนื้อหอมมีแฟนเป็นตัวเป็นตนอยู่แล้ว จะไปเป็นเมียน้อยหลงจู๊ฮุ้งได้ไง เชื่ออั๊วสิอาเตียง…หลงจู๊ฮุ้งพุงพลุ้ยแบบนี้มันไม่มองหรอก”
กุ้ยเตียงหัวเราะหยัน
“ไม่มองแต่เอาได้ เป่าหูผู้ชายให้โกงโรงงานอั๊วได้ ญาติซ้อนี่เก่งจริง ๆ อั๊วล่ะนับถือเลย”
“เดี๋ยว ๆ เรื่องนี้ลื้อจะมากล่าวหากันมั่วซั่วไม่ได้นะอาเตียง”
“ไม่มั่ว ซ้อไปหานังเน้ยมันได้เลยนะ ถ้ามันไม่ได้เป็นเมียน้อยไอ้ฮุ้ง อั๊วยอมให้ตัดคอทิ้งเลย”
หลีมุ่ยเห็นสีหน้าเอาจริงน้ำเสียงแค้นสุดใจของน้องสาวสามีแล้วใจคอไม่ดี หล่อนรีบไปหาเตี่ยและม้าของเน้ย ถามหาคน
สีหน้าของอาเจ็กและอาซิ่มของหล่อนไม่ดีเลย ท่าทางไม่ค่อยเต็มใจนักเมื่อยอมรับว่า
“เน้ยมันไม่อยู่บ้านนานแล้ว มันไปเช่าบ้านอยู่กับเพื่อนบอกว่าสะดวกไปทำงานมากกว่า เมื่อก่อนมันกลับบ้านบ่อย สองสามอาทิตย์กลับทีมาจ้างให้น้อง ๆ มันซักเสื้อรีดเสื้อให้บอกว่าไม่มีเวลาทำ แต่ตอนนี้มันหายหน้าไปสองสามเดือนแล้ว”
“เดี๋ยวนะซิ่ม เน้ยมันอยู่กับเพื่อนหรือไม่ได้อยู่กับผัวมันหรือ คนที่เด็กกว่ามันห้าหกปีน่ะ…” หลีมุ่ยถาม
ใบหน้าของอากับอาสะใภ้ยิ่งบิดเบี้ยวหนัก ฝ่ายหลังพูดเสียงเบาอย่างอ่อนอกอ่อนใจว่า
“เลิกกันหลายปีแล้ว…” ได้ข่าวว่าผู้ชายเจอคนใหม่ที่เด็กกว่า สาวกว่า สวยกว่า แถมยังมีเงินถุงเงินถังไม่ใช่พนักงานขายของในห้างต๊อกต๋อยแบบเน้ย แต่เน้ยกลับบอกที่บ้านและทุกคนว่า รำคาญ…ผัวเด็กนิสัยก็เหมือนเด็กไม่รู้จักโต หล่อนเลยเป็นฝ่ายบอกเลิก “ตอนนี้เน้ยมันไม่มีใคร”
ฟังถึงตรงนี้กุ้ยเตียงยิ้มเหยียด หลีมุ่ยร้อนตัวร้อนใจจนต้องถามต่อว่า
“อาซิ่ม ลื้อเอาที่อยู่เน้ยมาให้อั๊วหน่อย อั๊วมีเรื่องจะคุยกับเน้ย”
อาสะใภ้ของหล่อนส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
“ที่อยู่มีแต่ไปก็เปล่าประโยชน์ อั๊วกับเจ็กลื้อเพิ่งรู้เมื่อเดือนก่อนว่าเน้ยมันย้ายออกจากบ้านเช่าเกือบจะปีนึงแล้ว มันไม่บอกทางบ้านเลย นี่ถ้าไม่เป็นเพราะเดือนนึงไม่เห็นหัวมันแล้วไปตาม พวกอั๊วคงไม่รู้ว่ามันไม่อยู่บ้านหลังนั้นแล้ว”
“แล้วเพื่อน ๆ เน้ยรู้หรือเปล่าว่าเน้ยย้ายไปอยู่ที่ไหน” กุ้ยเตียงถามอย่างกระตือรือร้น หล่อนเริ่มมีความหวังว่าเน้ยอาจจะย้ายไปอยู่กับหลงจู๊ฮุ้ง ถ้าตามรอยเน้ยไปอาจจะได้ตัวไอ้ฮุ้ง
แต่อีกฝ่ายกลับส่ายหน้าอย่างจนปัญญา
“ถามแล้วไม่รู้ งานการมันก็ไม่ได้ทำแล้ว นังลูกไม่รักดีคนนี้” ปากด่าทอแต่ลงท้ายก็เอ่ยเสียงอ่อนลงอย่างขอร้องว่า “อามุ่ยถ้าลื้อเจอมันบอกให้มันกลับบ้านด้วย อั๊วเป็นห่วง…”
แม้จะรู้ว่าเน้ยไม่ได้อยู่บ้านเช่าที่เช่ากับเพื่อนร่วมงานแล้ว แต่กุ้ยเตียงและหลีมุ่ยก็ยังไปตามไปที่บ้านเช่าหลังนั้น อดีตเพื่อนร่วมงานทั้งสองคนพูดตรงกันว่าเน้ยลาออกจากงานและขนข้าวของออกไปจากบ้านหลายเดือนแล้ว
“ที่แผนกคุยกันว่าเน้ยมันคงถูกหวย จู่ ๆ ก็ยิ้มแย้มหน้าตามีความสุข ใส่ทองเต็มคอเต็มมือไปหมด บทจะลาออกมันก็ไม่พูดไม่จา ยื่นใบลาแล้วออกเลย หัวหน้ายังด่ามันซะไม่มีดี”
หลีมุ่ยหน้าดำคล้ำเมื่อได้ยิน ในใจโต้ว่า หวยบ้าบออะไรกัน สร้อยแหวนกำไลที่ได้มาคงมาจากเงินที่ไอ้ฮุ้งโกงโรงงานมาทั้งนั้น ส่วนกุ้ยเตียงไม่พูดอะไรมากแค่หยิบรูปฮุ้งให้ผู้หญิงทั้งคู่ดู หนึ่งในสองไม่เคยเห็น แต่อีกคนพยักหน้าบอกว่า
“เคยเห็นผู้ชายคนนี้มาส่งเน้ยสองสามครั้ง เน้ยบอกว่าเป็นโซ๊ยเจ็ก”
“บ้าแล้ว เตี่ยเน้ยต่างหากที่เป็นโซ๊ยเจ็ก ไอ้ฮุ้งนี่ใช่น้องชายเตี่ยอั๊วที่ไหน…” หลีมุ่ยเอะอะก่อนนึกได้ว่ายิ่งพูดเน้ยยิ่งเสียหาย หล่อนจึงหุบปากลงได้อย่างน่าอัศจรรย์
กุ้ยเตียงไม่พูดอะไรมากแค่ส่งนามบัตรหล่อนให้ผู้หญิงทั้งสองบอกว่า
“ถ้ามีข่าวอะไรเกี่ยวกับเน้ยโทรหาอั๊วตามหมายเลขนี้ ถ้าตามจนเจอตัวได้อั๊วมีรางวัลให้”
“อ่า มีเรื่องอะไรกันกับเน้ยหรือจ๊ะ”
“มีเรื่องแจ้งจับ ข้อหาลักทรัพย์และเจตนาฆ่า”
สองสาวอ้าปากค้าง แต่ยังไม่ทันซักอะไรเพิ่มกุ้ยเตียงก็เดินออกจากบ้านเช่าหลังเล็กนั่นแล้ว หลีมุ่ยกระหืดกระหอบตามหลังมา บ่นว่า
“ลื้อพูดไปอย่างนั้นจะดีหรืออาเตียง กล่าวหากันชัด ๆ นะ”
“กล่าวหาที่ไหน อั๊วพูดความจริง”
“ถึงงั้นก็เถอะ พูดไปแรงขนาดนี้ ถ้าสองสาวนั่นไม่แจ้งเราแต่เตือนเน้ยมันก่อน มันจะยิ่งเตลิดหนี” พี่สะใภ้ว่าเสียงอุบอิบ
“ให้มันหนีไป” กุ้ยเตียงตอบอย่างเย็นชา ทุกคำเน้นย้ำแช่งสาป “ให้มันกลัวจนเตลิดเปิดเปิงอยู่ไม่สุข ไร้ที่ซุกหัวนอน ให้ทุกคืนมันหลับตาไม่ลงเพราะกลัวจะถูกตำรวจบุกเข้าจับ”
“เฮ้อ ๆ นึกไม่ถึงเลยว่าเน้ยมันจะเป็นได้ถึงขนาดนี้” หลีมุ่ยยังคร่ำครวญ “โคตรเหง้าเหล่าตระกูลไม่เคยมีใครทำเลวแบบนี้ ไม่รู้มันไปเอานิสัยเสียแบบนี้มาจากไหน แต่ว่าก็ว่าเถอะนะ ตอนนั้นถ้าลื้อกับอาส่วงเลือกมันเป็นเมียรองแทนเด็กเฮียงนั่น มันคงไม่สติแตกเตลิดเปิดเปิงทำอะไร ๆ เหลือรับแบบนี้แน่”
กุ้ยเตียงที่เดินนำอยู่ถึงกับหยุดเดินเพื่อหันไปมองหน้าพี่สะใภ้ของตัวเอง มองด้วยความโกรธก่อนเปลี่ยนเป็นหัวเราะขำอย่างขมขื่น
“อ้อ ความผิดอั๊วกับอาส่วงสินะ เพราะไม่อยากได้ผู้หญิงหน้าด้านหน้าทนศีลธรรมต่ำมาร่วมวงศ์ไพบูลย์วันนั้น วันนี้อาส่วงเลยต้องตาย โรงงานโดนโกงจนแทบไม่มีอะไรเหลือ ความผิดพวกอั๊วทั้งนั้น พวกที่เสนอหน้าอยากได้ผัวอั๊วจนตัวสั่นหรือคนที่พยายามเอานังนั่นมาเสนอไม่ผิดเลยแม้แต่นิดเดียว ดี ดีจริง ๆ”
พูดจบหญิงสาวก็เดินก้าวเร็ว ๆ ไปที่รถ เปิดประตูขึ้นนั่งแล้วสั่งให้คนขับรถออกรถเลย ไม่สนใจหลีมุ่ยที่สับเท้าไล่ตามพร้อมโวยวาย
“อาเตียงลื้อจะทิ้งอั๊วตรงนี้ไม่ได้นะ บ้าจริง พูดจี้ใจดำเข้าล่ะสิถึงได้โกรธขนาดนี้”
กุ้ยเตียงโกรธจริง โกรธมากด้วย แต่หญิงสาวไม่ได้โกรธตัวเอง…หล่อนโกรธหลีมุ่ยถึงขนาดอยากจะทำร้ายร่างกายพี่สะใภ้จนแทบจะอดใจไว้ไม่อยู่ คนเราหนอคนเราไม่เคยเห็นความผิดของตัวเองแม้แต่น้อย นี่ถ้าไม่เป็นเพราะหลีมุ่ยอยากยื่นมือเข้ามายุ่งเรื่องครอบครัวหล่อน พยายามผลักดันเน้ยเข้ามาตั้งแต่แรกโดยไม่ได้ถามความเห็นของหล่อนและอาส่วงก่อน เรื่องทั้งหมดนี่จะเกิดขึ้นหรือ ถ้าพี่สะใภ้ไม่คิดแต่ว่า ‘ปุ๋ยดีไม่ให้ไหลลงนาผู้อื่น’ ป่านนี้อาส่วงก็คงยังไม่ตาย หล่อนกับซิ่วเฮียงไม่ต้องเป็นม่าย เด็กเจ็ดคนไม่ต้องกลายเป็นเด็กกำพร้า
ดูเอาเถอะ…อากกของหล่อนไม่มีแม้แต่โอกาสจะรู้ว่าอ้อมกอดของเตี่ยนั้นอบอุ่นและมั่นคงเพียงใด
ลูก ๆ คนอื่นยังเคยรู้จักเตี่ย ยังเคยเรียกเตี่ยต่อหน้า แต่อากกนั้นมีวาสนาแค่เรียกเตี่ยต่อหน้าภาพถ่ายเท่านั้น
ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจ แต่จะปรับทุกข์กับม้าก็ไม่ได้เพราะช่วงนี้อาการของเตี่ยหล่อนทรุดลงมาก นอนติดเตียงลุกไม่ได้ แทบจะพูดจาไม่ได้อยู่แล้ว หมุยเจ็งม้าหล่อนเฝ้าประกบสามีหน้าตาดำคล้ำด้วยความกังวล กุ้ยเตียงจึงห้ามไม่ให้ใครบอกม้าเรื่องโรงงานหล่อนถูกหลงจู๊โกง ดังนั้นพอมีเรื่องคับอกอยากระบาย หล่อนจึงไม่สามารถเล่าให้มารดาฟังได้ ในบ้านเองหล่อนก็ไม่เล่าเรื่องนี้ให้ลูก ๆ รู้ แม้ฉื่อย้งเหมือนจะรู้ว่าธุรกิจมีปัญหา แต่กุ้ยเตียงบอกลูกสาวคนโตเสียงดุว่า
“เป็นเด็กเป็นเล็กไม่ต้องยุ่งเรื่องผู้ใหญ่เขาหรอก ลื้อตั้งใจเรียนให้ดี สอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ได้ก็พอแล้ว ส่วนเรื่องอยากช่วยช่วงนี้ม้ายุ่ง ลื้อช่วยดูแลน้อง ๆ แทนม้าแล้วกัน เรื่องอื่นไม่ต้องไปสนใจ”
สรุปแล้วพอหันซ้ายหันขวาไม่มีใคร กุ้ยเตียงก็ลากซิ่วเฮียงโดยมีเง็กซิมเป็นของแถมพ่วงมาด้วยเข้าห้องทำงานเล็ก ปิดประตูเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อนตบท้ายด้วยน้ำเสียงสั่นด้วยแรงอารมณ์ว่า
“นังเน้ยนังงูพิษ ตอนนี้มันคงกำลังลำพองคงสะใจที่เห็นอาส่วงตาย เห็นพวกเราเจ็บปวดแดดิ้น มันคงคิดว่ามันเป็นผู้ชนะ ได้แก้แค้นเราจนสาสมใจมัน”
ซิ่วเฮียงก็คิดแค้นใจเน้ยเหมือนหยี่แจ้ของหล่อน ในชีวิตหญิงสาวเจอคนเลวมามากเจอคนดีมาก็ไม่น้อย แต่ไม่เคยมีใครปากปราศรัยน้ำใจเชือดคอเท่าหลงจู๊ฮุ้ง และยิ่งไม่มีใครภายนอกสุกใสภายในมีแต่พิษร้ายเน่าเหม็นอย่างเน้ยมาก่อน เพียงแค่พลาดหวังไม่ได้เป็นเถ้าแก่เนี้ยรอง หล่อนก็อาฆาตมุ่งร้ายทำลายคนบ้านลานมะเกลือให้จมดิน ที่น่าเศร้าคือหล่อนทำสำเร็จเสียด้วย…
“น่าแค้นจริง ๆ นะจ๊ะ” ดวงตาของซิ่วเฮียงแดงพยายามกลั้นน้ำตาที่ทั้งเศร้าใจและแค้นเคืองไม่ให้ไหลออกมา “ไม่น่าเชื่อเลยว่าหน้าตาดี ๆ จะเลวทรามต่ำช้าได้ถึงขนาดนี้ เฮียงขอแช่งให้เวรกรรมตามทันมัน ให้มันตายตกนรกหมกไหม้ ให้มัน…” แม่สาวเรียบร้อยของเถ้าแก่ส่วงสบถด่าหยาบคายอย่างไม่น่าเชื่ออีกหลายคำ กุ้ยเตียงที่วางตัวดีมารยาทงดงามเสมอยามนี้ก็พยักหน้าเห็นด้วยตามอย่างแข็งขัน
เง็กซิมปล่อยให้เมียทั้งสองของส่วงช่วยกันก่นด่าเน้ยจนเหนื่อย แล้วจึงเอ่ยขึ้นว่า
“ด่ากันพอหรือยัง”
สองสาวหันมามองเป็นตาเดียว เง็กซิมมองตอบยิ้ม ๆ บอกว่า
“ด่าแล้วพอใจแล้วก็ไม่ต้องไปสนใจอีอีก ให้รู้ไว้เถอะว่าระหว่างที่พวกลื้อด่ากันอยู่นี่ กรรมเวรตามสนองอีอยู่แล้ว เถ้าแก่เนี้ย…ลื้อว่าเน้ยมันคือผู้ชนะที่ทำให้พวกลื้อเจ็บปวดได้ทำให้พวกลื้อเดือดร้อนได้ แต่ถามหน่อยเถอะ ผู้หญิงที่ต้องทนเป็นเมียน้อยผู้ชายอายุน้อยกว่าเตี่ยตัวเองไม่กี่ปี ต้องถูกตราหน้าว่าเป็นมือที่สามทำให้ครอบครัวคนอื่นบ้านแตกทั้ง ๆ ที่ไม่มีความจำเป็นแม้แต่น้อยมันมีสุขหรือ มีผู้ชนะที่ไหนบ้างที่ต้องหนีหัวซุกหัวซุนไปกับผู้ชายแก่ ๆ พุงพลุ้ยหน้าย่นแบบนั้น ผู้ชนะที่ไหนต้องคอยระแวงว่าจะถูกตำรวจจับหรือเปล่า จะกลับบ้านก็กลับไม่ได้ จะไปไหนก็ไม่รู้หนทาง ตื่นก็กลัวหลับก็ระแวง ชีวิตแบบนี้มีสุขที่ไหนกัน อั๊วว่ามีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่เอาชีวิตและความสุขทั้งชีวิตของตัวเองมาแลกกับความสะใจชั่วครั้งชั่วคราว คนโง่เท่านั้นแหละที่ทำให้คนอื่นเจ็บแต่ตัวเองทรมานกว่ามากนัก เห็นไหม…เวรกรรมมันลงทัณฑ์ตั้งแต่อาเน้ยมันวางแผนนี้ขึ้นมาแล้ว พวกลื้อสาปแช่งไปก็เสียปากเปล่า ๆ เอาปากไปดื่มไปกินไปพูดจาดี ๆ กับคนในบ้านดีกว่า”
“เง็กซิ่ม…” ซิ่วเฮียงเสียงสั่น ตอนด่าเน้ยกับกุ้ยเตียงนั้น…หล่อนสะใจพอใจ แต่ภายในยังรู้สึกพ่ายแพ้ ทว่าคำพูดเรียบง่ายของเง็กซิมกลับพลิกความรู้สึกทุกอย่างของหล่อน
“ว่าไปแล้ว เถ้าแก่เนี้ยกับลื้อต่างหากที่เป็นผู้ชนะ เพราะไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกลื้อสองคนก็ยังพยายามสู้ พยายามลุก ไม่เคยคิดท้อ นี่ต่างหากคือผู้ชนะ”
ซิ่วเฮียงฟังแล้วขยับเข้าไปกอดแม่บุญธรรมของหล่อนไว้แน่น กุ้ยเตียงไม่ได้สนิทพอที่จะทำแบบซิ่วเฮียงได้ หญิงสาวแค่เบือนหน้าไปปาดน้ำตาทิ้ง ตอนหล่อนโกรธแค้นด่าว่าเน้ยนั้น…น้ำตาสักหยดก็ไม่ไหลออกมา แต่ตอนนี้หล่อนกลับคุมตัวเองไม่ได้ น้ำตามันไหลออกมาเอง แต่ความโกรธเกลียดที่อัดแน่นในอกจนเจ็บร้าวไปหมดกลับบรรเทาลงได้อย่างน่าอัศจรรย์ ยิ่งยามนึกว่าเน้ยผู้ที่ ‘รักสวยรักงาม’ และ ‘รักตัวเองเป็นที่สุด’ ต้องแลกอะไรไปบ้างในอดีตและต้องเสียอะไรอีกมากในอนาคตเพื่อทำลายครอบครัวหล่อน กุ้ยเตียงเกือบจะยิ้มออกเสียด้วยซ้ำ
สม! นังหน้าโง่ ก่อนจะทำลายคนอื่นหล่อนได้ทำลายตัวเองเรียบร้อยแล้ว นี่หล่อนเสียเวลาสาปแช่งคนไร้ค่าอย่างที่เง็กซิมพูดไม่มีผิด
“ขอบใจนะเง็กซิ่ม ถ้าไม่ได้เง็กซิ่มเตือนสติ อั๊วคงมัวคิดแค้นจนไม่มีสติคิดทำอะไร” กุ้ยเตียงขอบคุณอีกฝ่ายอย่างจริงใจ
“ไม่เป็นไร ๆ ไม่ต้องขอบอกขอบใจอะไรกัน” เง็กซิ่มตอบอย่างยิ้มแย้ม “ทั้งเถ้าแก่เนี้ยและอาเฮียงเป็นคนฉลาด ตอนนี้ยังคิดไม่ได้เพราะความโกรธบังตา แต่พรุ่งนี้มะรืนนี้พวกลื้อก็คิดได้”
“อาจจะคิดได้แต่ถ้ามีคนช่วยบอกก็ยิ่งดี” หญิงสาวบอกด้วยสีหน้าที่ดีขึ้นว่าในตอนแรกมาก
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 44 : ฝันสลาย
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 43 : รอยร้าว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 42 : สัญญา
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 41 : อามาลัย
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 40 : พบหน้า
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 39 : ลูกไม่มีพ่อ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 38 : หมากฝรั่งบุหรี่
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 37 : พิราบขาว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 36 : คนนอก
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 35 : ผู้ชนะ (ตอนที่ 2)
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 34 : ผู้ชนะ (ตอนที่ 1)
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 33 : คดในข้องอในกระดูก
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 32 : สัญญาที่ไม่เป็นธรรม?
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 31 : แม่ม่ายลูกกำพร้า
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 30 : ฟ้าถล่ม
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 29 : ลูกชายลูกชาย
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 28 : ไม่มีอะไรแน่นอน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 27 : เด็กน้อยของซิ่วเฮียง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 26 : สันดานคนยากจะเปลี่ยน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 25: รถจี๊ปสีเขียว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 24 : หวังดีเกินไป รักเกินไป
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 23 : เรื่องที่เข้ากันได้
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 22 : หยี่แจ้ โอ่ยแจ้
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 21 : แต่งงาน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 20 : สู่ขอ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 19 : ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 18 : เห็นขี้ดีกว่าไส้
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 17 : กระต่ายก็กัดเป็น
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 16 : เลิกกับผัวแล้ว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 15 : ปุ๋ยดีไม่ควรปล่อยให้ไหลลงนาผู้อื่น
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 14 : ลานมะเกลือ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 13 : ศาลองค์แป๊ะกง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 12 : เข้ากรุง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 11 : ส้วมที่แตกแล้ว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 10 : บ้าน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 9 : หันหลังกลับ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 8 : พยอม
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 7 : หมดสิ้น
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 6 : หาญ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 5 : วาสนา
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 4 : ดอกไม้ผ้า
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 3 : ตุ้มหูทอง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 2 : แม่ผัว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 1 : ซิ่วเฮียง