
แก่นไม้หอม บทที่ 6 : หาญ
โดย : กิ่งฉัตร
แก่นไม้หอม นวนิยายออนไลน์ โดย กิ่งฉัตร ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์ กับเรื่องราวที่จะทำให้คุณได้รู้ว่าผู้หญิงเป็นเมียและแม่ไม่ต่างจากแก่นไม้ที่แข็งแกร่ง มั่นคงและทรหดที่ยึดให้ใบได้แผ่กว้าง และหากโลกนี้เชื่อว่าผู้ชายเป็นใหญ่ แต่จริงๆ แล้วทุกสรรพสิ่งในธรรมชาติล้วนเป็นหยินที่โอบหยางทั้งสิ้น
ถ้าวาสนามายืนด่าหน้าห้องเหมือนพิกุล ซิ่วเฮียงคงไม่สนใจและทำอะไรในห้องไปเงียบ ๆ แต่เด็กสาวกลับร้องไห้เหมือนจะเป็นจะตาย แถมยังกล่าวหาว่าเหตุเกิดจากหล่อน หญิงสาวเลยจำต้องเปิดประตูรับ
วาสนาพุ่งตัวเข้ามาในห้อง ตาหูยังแดงก่ำ ปากร้องด้วยน้ำเสียงเจ็บใจว่า
“ฉันตกงานแล้ว พี่ณีไล่ฉันออก เพราะพี่เฮียงแท้ ๆ”
“หนาตกงานแล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันด้วย” ซิ่วเฮียงยังมึนงงจับต้นชนปลายไม่ถูก สองมือประคองท้องไว้ วันนี้หล่อนรู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ท้องไส้บิดมวนเหมือนอยากจะถ่ายแต่ถ่ายไม่ออก ไม่รู้ว่าเมื่อวานกินอะไรผิดสำแดง กำลังคิดว่าจะพักสักหน่อย วาสนาก็มาร้องไห้ใส่เสียก่อน
“เกี่ยวสิเพราะไอ้เรื่องดอกไม้บ้านั่น ฉันไม่อยากให้พี่เฮียงมาว่าว่าเอาของไปฟรี ๆ เลยไปขอเก็บเงินกับพี่ณีกับพวกเพื่อนที่ร้าน พวกนั้นเขาไม่ยอมให้บอกว่าแพงเกินใช้ไปดอกไม้ก็หลุด ไม่คุ้ม แถมพูดไปพูดมาพี่ณีเกิดเคืองหาว่าฉันงก เลยไล่ฉันออก ค่าแรงที่ค้างไว้ก็ไม่ยอมจ่าย”
“อะไรกัน เรื่องแค่นี้ก็ถึงกับไล่ออกจากงานเลยหรือ” ซิ่วเฮียงตกใจจริง ๆ
วาสนายกมือปาดน้ำตาป้อย ๆ แต่จริง ๆ แล้วแอบกลอกตา แหง๋ล่ะ…เรื่องขี้หมูราขี้หมาแห้งแค่นี้ใครจะไล่ลูกจ้างออกกันล่ะ อีกอย่างเรื่องเงินค่าดอกไม้นั่นหล่อนเก็บจากนังพี่ณีและพวกคนงานในร้านมาหมดแล้ว ปัญหาที่เกิดขึ้นวันนี้เป็นเพราะนังเจ้าของร้านดันจับได้ว่าหล่อนแอบดึงเงินทอนลูกค้าเข้ากระเป๋าตัวเองต่างหาก เรื่องแอบทอนเงินลูกค้าไม่ครบชักขึ้นมาสองสามบาทนั้นเด็กสาวทำมานานแล้ว แต่วันนี้ต้องโทษว่าดวงหล่อนซวยเลือก ‘ทอนพลาด’ ให้ลูกค้าผิดคน
ก็แหมนะ…เห็นเป็นคุณนายใส่ทองเต็มตัว ขี่เก๋งคันใหญ่มาจากกรุงเทพฯ วาสนาก็คิดว่าคุณนายคงจะเหมือนลูกค้าคนอื่นที่รับเงินทอนมาก็เก็บใส่กระเป๋าไม่ได้นับ ที่ไหนได้นังคุณนายจอมขี้เหนียวดันนับทุกบาททุกสตางค์ พอเห็นเงินทอนหายไปสามบาทก็โวยวายเหมือนหมูถูกเชือด
นังพี่ณีรีบเข้ามาขอโทษก่อนจ่ายเงินส่วนที่ขาดให้ เมื่อร้านไม่มีลูกค้า นังพี่ณีก็ชี้หน้าด่าหล่อน บอกว่าหามานานแล้วว่าใครแอบยักยอกเงินทอนลูกค้าจนมีคนเอาไปพูดจนทั่วว่าร้านนี้โกงเงิน ไม่นึกเลยว่าจะเป็นหล่อน ผู้หญิงหน้าตาดี ๆ แต่กลับมีนิสัยขี้ขโมย
วาสนาพยายามเถียงแก้ตัว ทว่าถึงเด็กสาวจะเจ้าเล่ห์และเก่งในการกลับดำเป็นขาวแค่ไหนแต่อายุแค่สิบหกไม่มีทางสู้เจ้าของร้านที่มากทั้งอายุและประสบการณ์ได้ ดังนั้นแค่ต้อนไม่กี่ประโยค ปราณีก็รู้แล้วว่าวาสนาขโมยเงินทอนลูกค้าจริง ทำมานานแล้ว แรก ๆ ก็ชักขึ้นห้าสิบสตางค์บ้างหนึ่งบาทบ้าง แต่หลัง ๆ ย่ามใจไม่เห็นใครทักท้วงเลยลักเงินคราวละบาทสองบาทจนมาถูกจับได้คราวนี้เพราะลูกค้าโวยวายและตัวหล่อนได้ยินเสียงตำหนิจากลูกค้าคอยระวังและจับตาดูอยู่
ปราณีไม่มีเมตตากับหัวขโมย หล่อนชี้นิ้วสั่ง
“ร้านนี้ไม่เลี้ยงคนซื่อสัตย์ กลับบ้านไปได้เลย ไปเดี๋ยวนี้เลยนะและไม่ต้องกลับมาอีก”
วาสนาคอตกออกจากตลาด จะกลับบ้านเลยก็กลัวถูกพิกุลตี เลยไปเตร็ดเตร่อยู่แถวสถานีรถไฟ หมุนไปหมุนมาอยู่พักใหญ่หล่อนก็คิดได้ เรื่องถูกไล่ออกนี่ปิดแม่ไม่ได้แน่ วันนี้ไม่รู้พรุ่งนี้ก็ต้องรู้ แต่สาเหตุที่ถูกไล่ออกหล่อนโยนความผิดให้คนอื่นได้นี่นา…
ดังนั้นแทนที่จะกลับบ้านหล่อนจึงหยิกตัวเองจนน้ำตาไหลแล้วมุ่งตรงมายังห้องเช่าของซิ่วเฮียงกับพนม ร้องไห้เอะอะเสียงดังไว้ งานนี้ถ้าจะถูกด่าหรือถูกตีหล่อนก็ไม่ได้โดนคนเดียวแน่ ๆ
“ก็…ก็เจ้าของร้านฉันมันบ้า” หล่อนตอบคำถามของพี่สะใภ้อย่างกระแทกกระทั้น “ไม่รู้ว่าผีเข้าหรือไง จู่ ๆ ก็มาบอกว่าฉันไม่มีน้ำใจ ไม่รักพวกพ้อง ทีของที่ร้านฉันให้พี่เฮียงได้ แต่พอถึงทีเขาฉันกลับไม่ยอมกระเซ็นแม้แต่สตางค์เดียว มันเลยไล่ฉันออกซะงั้น”
“แต่ฉันไม่เคยเอาอะไรจากร้านหนาเลยนะ เคยแวะเข้าไปซื้อกุ้งแห้งหน่อยเดียวเท่านั้น” ซิ่วเฮียงท้วงอย่างแปลกใจ
“ก็คนมันจะหาเรื่องไง เห็นฉันแถมให้พี่เฮียมากหน่อยก็หาว่าฉันแอบเอาของให้เกินตาชั่งไปมาก พอฉันจะเก็บเงินค่าดอกไม้ผ้าให้พี่เฮียงเขาเลยโกรธ เห็นไหม…นี่เป็นเพราะพี่เฮียงแท้ ๆ ทำให้ฉันเดือดร้อน ฉันตกงานแล้ว ไม่มีเงินให้แม่ทุกวัน แม่ต้องตีฉันตายแน่ พี่เฮียงต้องช่วยฉันนะ”
ซิ่วเฮียงฟังแล้วอยากกุมขมับ แม้หญิงสาวจะไม่ไว้ใจวาสนาแต่ก็ไม่เคยคิดว่าเด็กสาววัยแค่สิบสี่สิบห้าจะสามารถปั้นเรื่องโกหกได้ขนาดนั้น ดังนั้นซิ่วเฮียงจึงไม่สบายใจแต่ก็ยังพยายามปัดไปว่า
“เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย”
“ไม่เกี่ยวได้ไง ถ้าไม่เพราะฉันจะช่วยพี่เฮียงทวงเงินค่าดอกไม้ ฉันก็คงไม่ถูกพี่ณีไล่ออกจากงานหรอก ไม่รู้ล่ะ พี่เฮียงต้องรับผิดชอบเรื่องนี้”
“หนาจะให้ฉันรับผิดชอบยังไง ให้ฉันไปคุยกับนายจ้างหนาไหมบอกว่าฉันไม่สนใจค่าดอกไม้แล้ว เขาไม่ต้องให้ก็ได้”
“ไม่มีประโยชน์หรอกพี่เฮียง” วาสนาสะอึกสะอื้นบีบน้ำตา “พี่ณีเขามีอคติกับฉันแล้ว เขาคงไม่รับฉันเข้าทำงานแล้วล่ะ มีปัญหากันขนาดนี้แล้วคงไม่สนิทใจ อีกอย่างฉันก็ไม่อยากทำงานที่นั่นแล้ว เจ้าของร้านนั่นหน้าตาก็ดีหรอกนะแต่ใจดำเหลือเกิน ใช้ลูกจ้างทำทุกอย่างเหมือนทาส ทั้งที่ทำงานเหนื่อยคุยกับคนซื้อแทบตาย น้ำสักแก้วก็ยังไม่ให้หยุดพักกิน ต้องขาย ๆ ต้อนลูกค้าบังคับให้เราขายทำกำไรให้ได้เยอะ ๆ มาก ๆ”
“ถ้านายจ้างไม่ดี หนาออกจากงานมาก็ดีแล้วนี่ จะได้หางานร้านอื่นที่นายจ้างดี ๆ กับเราแทนร้านเดิม”
“แหม…พี่เฮียงอยู่แต่กับบ้านจะรู้อะไร” วาสนาเบ้ปาก น้ำเสียงเหมือนจะเหยียดหยามอีกฝ่ายอยู่ไม่น้อย “งานน่ะมันหาง่ายนักหรือ กว่าจะได้งานสักงานต้องเดินยกมือไหว้ขอเขาไปทั่วทั้งตลาดกระมัง”
“งั้นหนามาช่วยลัยงมหอย”
“โอ๊ย…งมหอยหลังขดหลังแข็งเหนื่อยจะตาย แถมวัน ๆ งมได้ไม่กี่โล ฉันไม่ทำให้เมื่อยหรอก”
ซิ่วเฮียงมองเด็กสาวที่เชิดหน้าอย่างดื้อรั้นตรงหน้าด้วยความระอาใจไม่น้อย อย่างนั้นก็ไม่ดีอย่างนี้ก็ไม่ชอบ…
“แล้วหนาจะให้ฉันทำยังไง”
“ก็ไม่ยังไง แค่พี่เฮียงก็แค่ดูแลฉันหน่อย ช่วงที่ฉันยังหางานทำไม่ได้พี่เฮียงก็ให้เงินฉัน ฉันจะได้เอาไปให้แม่ ไม่ต้องเยอะหรอก ขอแค่วันละสิบ…ไม่สิ…สิบห้าบาทให้แม่ไม่บ่นฉันก็พอ”
ซิ่วเฮียงอึ้งไป อยากจะหัวเราะและร้องไห้ไปพร้อมกัน วาสนาพูดออกได้ว่าแค่สิบบาทสิบห้าบาท หล่อนเย็บดอกไม้ขายนะไม่ใช่เป็นครูหรือพยาบาลที่จะมีเงินเดือนเดือนละเจ็ดแปดร้อย อีกอย่างหล่อนไม่ใช่บ่อเงินบ่อทองที่จะมาวิดตักกันง่าย ๆ
“ฉันไม่มีหรอกเงินขนาดนั้น ช่วงนี้มือบวมเย็บดอกไม้ไม่ได้” หล่อนกางมือให้อีกฝ่ายดู “จะลุกจะนั่งก็ลำบาก หนาคงต้องช่วยตัวเองแล้วล่ะ”
“ทำงั้นได้ไง พี่เฮียงจะปัดความรับผิดชอบหรือ” วาสนาโวยวาย
ซิ่วเฮียงฟังเสียงวิ้ด ๆ ของอีกฝ่ายแล้วอยากจะยกมือกุมหัวแต่มือหล่อนกลับเลื่อนไปที่ท้องแทน
“ก็จะให้รับผิดอะไรล่ะในเมื่อฉันไม่ได้ทำอะไรผิด” หญิงสาวเริ่มขึ้นเสียงอย่างมีอารมณ์เหมือนกัน
“ผิด เห็นอยู่ว่าผิด ถ้าไม่ใช่เพราะดอกไม้ผ้าบ้าบอนั่นฉันจะตกงานหรือ เลวจริง ๆ ทำให้คนอื่นเดือดร้อนแล้วยังทำเป็นทองไม่รู้ร้อนอีก”
สองสาวโต้เถียงกันอย่างดุเดือด แต่เหมือนฟ้าร้องเสียงดังทว่าฝนลงเม็ดน้อย เถียงกันแรงแต่วนอยู่ว่าความผิดใคร วาสนาโทษแต่ซิ่วเฮียง ซิ่วเฮียงไม่ยอมรับ สุดท้ายฝ่ายแรกโมโหเพราะแพะไม่ยอมรับบาปแทนจึงลุกพรวดขึ้น ตะโกนใส่หน้าว่า
“ฉันจะฟ้องแม่ว่าพี่เฮียงทำฉันตกงาน คอยดูเถอะแม่ต้องเล่นงานพี่เฮียงแน่ ๆ” พูดแล้วหล่อนก็ผลักโต๊ะตรงหน้าเต็มแรง
ทั้งคู่นั่งคุยกันที่โต๊ะไม้เล็ก ๆ ในห้อง โต๊ะนี้ซิ่วเฮียงขอให้พนมซื้อมาให้เพราะหล่อนท้องใหญ่จนนั่งกินข้าวหรือนั่งทำงานกับพื้นไม่สะดวกแล้ว พนมเอาเงินไปตอนเช้าตอนเย็นก็แบกโต๊ะเก่า ๆ ตัวหนึ่งกับเก้าอี้ไม้กลม ๆ ไร้พนักเหมือนเก้าอี้ตามร้านกาแฟมาสองตัว เก้าอี้ใช้งานได้แต่ไม่แข็งแรงนัก ซิ่วเฮียงเองก็นั่งหมิ่น ๆ ไม่เต็มก้น พอวาสนาผลักโต๊ะจนเคลื่อนใส่ หญิงสาวก็รีบเอามือยันไว้ตามสัญชาติญาณ แต่แรงดันของโต๊ะทำให้ตัวหล่อนเคลื่อน เก้าอี้ตัวเล็กที่นั่งอยู่ก็หงายไปด้านหลัง ทั้งคนทั้งเก้าอี้เลยลงไปนอนกับพื้น
ซิ่วเฮียงเจ็บสะโพก จุกจนร้องไม่ออก ผิดกับวาสนาที่ร้องกรี๊ดด้วยความตกใจ รีบวิ่งมาดูจากนั้นก็ช่วยประคองคนท้องโตให้ลุกนั่ง ถามเสียงสั่นว่า
“พี่เฮียงเป็นอะไรหรือเปล่า” ทว่าพออีกฝ่ายนั่งได้ เด็กสาวมองแล้วอดหัวเราะคิกคักไม่ได้ เอ่ยอย่างไม่รู้เรื่องรู้ราวว่า “อะไรกัน ตกเก้าอี้แค่นี้ถึงกับฉี่ราดเลยหรือ”
ซิ่วเฮียงถอนใจ ทำมือให้อีกฝ่ายช่วยพยุงหล่อนยืนขึ้น ข่มความเจ็บทั้งในช่องท้องและสะโพกครู่หนึ่งก่อนบอกว่า
“น้ำเดินน่ะ ฉันจะคลอดแล้ว”
“หา” วาสนาร้องลั่นอีกรอบ ลืมเสียสนิทว่ากำลังทะเลาะกันอยู่รีบถามว่า “แล้วเอาไงดี เอาไงดี”
ซิ่วเฮียงคิดถึงพนมจับใจ เมื่อคืนเขาไม่ได้ค้างที่ห้องเช่า วันนี้ทั้งวันหล่อนยังไม่เห็นหน้าเขาเลย แต่หญิงสาวรู้ว่าการจะให้วาสนาไปตามพนมที่ท่าเรือและรอชายหนุ่มกลับมาพาไปโรงพยาบาลนั้นไม่ใช่เรื่องดี ดังนั้นหล่อนจึงรีบบอกน้องสามีว่า
“หนาไปตามน้าแก้วมาที บอกว่าฉันจะคลอดแล้วให้ช่วยหารถไปโรงพยาบาลที”
“ได้ ๆ ว่าแต่น้าแก้วนี่ใครกันล่ะ”
“คนเช่าบ้านชั้นบน อย่าเคาะประตูผิดห้องล่ะ”
วาสนารับคำก่อนวิ่งออกจากห้องไปอย่างว่องไว
เมื่อเด็กสาวกลับลงมานั้น ซิ่วเฮียงเปลี่ยนผ้านุ่งผืนใหม่แล้ว หญิงสาววางกระป๋องแป้งเด็กกลม ๆ คืนไว้บนชั้นข้างกำแพง ก่อนม้วนธนบัตรตั้งเล็ก ๆ ใส่ลงในกระเป๋าเงินใบเล็ก วาสนานั้นจ้องความเคลื่อนไหวของพี่สะใภ้ตาเขม็ง ผิดกับน้าแก้วที่ลงมาก็ถามไถ่พร้อมวางแผนทุกอย่างให้ว่า
“จะคลอดแล้วหรือ ของพร้อมหรือยัง เดี๋ยวฉันไปเรียกรถให้ เอ็งรอตรงหน้าบ้านนี่แหละ รถมาแล้วจะเข้ามาตาม”
ครู่เดียวน้าแก้วก็ตามรถสามล้อถีบมาได้คันหนึ่ง หล่อนนั่งรถไปโรงพยาบาลเป็นเพื่อนซิ่วเฮียง ส่วนวาสนานั้นถูกไล่ให้เดินไปแจ้งข่าวกับพนมที่ท่าเรือ แรก ๆ เด็กสาวไม่ค่อยพอใจนักบ่นว่า
“เป็นใครกันจู่ ๆ ก็มาสั่งให้ทำโน่นทำนี่ ใหญ่มาจากไหนเชียว แล้วพี่พนมยังกะหาตัวแกง่ายนักนี่ ปากก็ว่าขับเรือข้ามฟากแต่เคยอยู่ท่าเรือเสียที่ไหน วัน ๆ ร่อนไปนั่นไปนี่ตลอด ยุ่งอะไรอย่างนี้!” ทว่าบ่นแล้วก็นึกได้ว่าหลานจะคลอดแบบนี้ที่บ้านคงวุ่นวาย อย่างน้อยก็คงไม่มีใครสนใจเรื่องที่หล่อนถูกไล่ออกจากงานไปพักหนึ่งล่ะ
คิดได้วาสนาก็อารมณ์ดี เดินแกมกระโดดไปพร้อมกับป่าวประกาศไปว่า
“หลานฉันจะคลอดแล้วโว้ย ฉันจะมีหลานแล้ว พี่เฮียงจะคลอดแล้ว”
แก้วเป็นเพื่อนซิ่วเฮียงอยู่ที่โรงพยาบาลจนมาลัยกับสันต์ที่รู้ข่าวตามมาเฝ้า ฝ่ายแรกจึงยอมกลับไป ส่วนพนมนั้นกว่าวาสนาจะหาตัวเขาเจอพระอาทิตย์ก็ตกดินไปพักใหญ่แล้ว ชายหนุ่มมานั่งให้กำลังเมียกระทั่งหมดเวลาเยี่ยม ต้องออกจากห้องรอคลอดไปรอที่หน้าระเบียงทางเดินของตึกแทน รออยู่ได้ไม่นาน พิกุลก็มาตามลูกผัวกลับบ้าน
พอเห็นแต่ละคนทำท่าอิด ๆ ออด ๆ ไม่อยากกลับ หล่อนก็ตะเบ็งเสียงใส่ว่า
“จะนั่งรอทำไม ท้องแรกมันไม่ออกง่าย ๆ หรอก ดีไม่ดีพรุ่งนี้ก็ยังไม่ออก กูเบ่งพวกมึงมาสามคนกูรู้ดีสุด มานั่งถ่างตารอเสียเวลานอนเปล่า กลับให้หมดเลยนะพวกมึง งานการที่บ้านมีให้ทำ อีกเดี๋ยวเรือโป๊ะจะเข้าแล้ว จะมาอ้อยส้อยเสียเวลาตรงนี้ทำไม นังเฮียงมันคลอดลูกออกมาเป็นเงินหรือพวกมึงถึงต้องรอเฝ้านับเงินกัน ไป กลับ ๆ พรุ่งนี้ค่อยมาใหม่”
พนมยังลังเล ลูกคนแรกจะเกิดคนเป็นพ่ออดตื่นเต้นไม่ได้
“ถ้าลูกคลอดคืนนี้ล่ะแม่”
“ก็ให้มันคลอดไป มึงอยู่ด้วยจะช่วยอะไรได้ ช่วยนังเฮียงมันเบ่งลูกได้หรือ อยู่ไปก็ทำอะไรไม่ได้ พรุ่งนี้ถ้าพวกมึงว่างกันนักค่อยแห่กันมาใหม่ แต่กูบอกไว้เลยนะว่ากูไม่มา ลูกใครคนนั้นก็เลี้ยงไปแล้วกัน กูเลี้ยงพวกมึงมาเหนื่อยฉิบหายแล้ว ขี้เกียจแลลูกคนอื่น”
“ลูกพนมมัน ใช่ว่าลูกคนอื่นคนไกลที่ไหน หลานแกแท้ ๆ” สันต์งึมงำเบา ๆ แต่พอเมียปรายตามองมาเขาก็เงียบแล้วเดินตามพิกุลกลับบ้านแต่โดยดี
พนมเองก็ขัดใจแม่ไม่ได้ อีกอย่างพอนั่ง ๆ นอน ๆ บนที่นั่งปูนตรงระเบียงทางเดินได้ไม่กี่ชั่วโมงหลังเขาก็ปวดไปหมด แถมยุงก็เยอะ ชายหนุ่มคิดแล้วถ้ารออยู่ที่นี่ทั้งคืนลูกยังไม่ทันคลอดเขาคงถูกยุงหามตายไปก่อนแน่ เขาจึงตัดสินใจกลับบ้านพร้อมคนอื่น ๆ
ถึงบ้านแล้วพนมก็กินข้าวอาบน้ำ พิกุลกับมาลัยไปควักพุงปลาที่แพ สันต์ก็คึกคักตามไปช่วย เหลือเพียงชายหนุ่มที่นอนฟังวิทยุเล่นอยู่ในห้อง ไม่มีความคิดจะกลับไปดูห้องเช่าเลยแม้แต่น้อย
วาสนายื่นหน้าเข้าไปถามว่า
“พี่พนมไม่กลับไปดูห้องทางโน้นหน่อยหรือ พี่เฮียงรีบออกไปโรงพยาบาล ผ้านุ่งผลัดไว้ไม่ได้ซัก ฉันเห็นมีกับข้าวทำวางไว้ที่โต๊ะด้วย ทิ้งไว้แบบนั้นกว่าพี่เฮียงจะกลับห้องมิเน่าหนอนขึ้นหมดหรือ”
ชายหนุ่มชักสีหน้า งานพวกนี้เขาจับทำเสียที่ไหน แล้วให้ไปซักผ้านุ่งเมีย ผู้ชายที่ไหนเขาทำกัน…
“รอเฮียงกลับมาเหอะ ไปคลอดแค่สองสามวันเท่านั้นคงไม่ถึงขนาดเน่าหนอนขึ้นหรอก”
“แต่พี่เฮียงกลับมาจะมีแรงทำหรือ คนเพิ่งคลอดไหนจะต้องยุ่งเลี้ยงลูกอีก เอางี้พี่พนมเอากุญแจห้องมา พรุ่งนี้ก่อนไปทำงานฉันจะไปจัดการทำความสะอาดให้”
“ให้ลัยมันไปทำก็ได้มั้ง ลัยว่างกว่าไม่ต้องไปขายของที่ตลาดแต่เช้าเหมือนหนา”
“ให้ฉันช่วยเถอะ ฉันอยากช่วยพี่กับพี่เฮียง” เด็กสาวอาสาอย่างเต็มอกเต็มใจ “ฉันอยากแก้ตัวที่ทำให้พี่เฮียงแกถูกแม่ด่า อยากทำอะไรดี ๆ ให้หลาน ก็หลานคนแรกของฉันนี่นะ”
พนมฟังแล้วไม่คิดอะไรมากควักกุญแจห้องโยนให้ พร้อมกำชับว่า
“ทำอะไรเสร็จแล้วก็เอากุญแจมาคืนแล้วกัน”
“ได้เลยจ้ะพี่พนม” วาสนายิ้มกว้างจนตายิบหยี ชายหนุ่มมองแล้วได้แต่นึกแปลกใจนิดหน่อย ไม่เคยรู้เลยว่าน้องสาวคนเล็กจะขยันขันแข็งและคิดจะทำดีกับซิ่วเฮียงได้ถึงขนาดนี้
ระหว่างที่พนมนอนฟังเพลงฟังละครวิทยุก่อนผล็อยหลับไปอย่างสบายนั้น ซิ่วเฮียงก็นอนเจ็บท้องคลอดอยู่เกือบทั้งคืน บางครั้งปวดทรมานจนน้ำตาไหล หญิงสาวกังวลเรื่องนั้นเรื่องนี้สารพัดตามประสาท้องแรก กลัวนั่นกลัวนี่กลัวการคลอดกลัวลูกออกมาไม่สมประกอบ คิดถึงพนม แต่ที่คิดถึงมากที่สุดคือม้า อยากให้เซี่ยมลั้งอยู่ใกล้ ๆ หล่อนอยากกอดม้า…
กระทั่งเช้ามืดลูกชายคนแรกของซิ่วเฮียงถึงคลอดออกมาอย่างปลอดภัย
เด็กน้อยร้องไห้จ้าเสียงดังฟังชัด
“ครบไหมคะหมอ” ซิ่วเฮียงถามเป็นคำแรก
“ครบสิ ปอดแข็งแรงดีด้วยร้องเสียงดังเชียว แถมยังกำหมัดร่อนเหมือนจะหาเรื่องหมอ ห้าวหาญจริง ๆ เด็กคนนี้ ลูกคนแรกใช่ไหม ดีมากเลยโตขึ้นจะได้ดูแลปกป้องแม่กับน้อง ๆ ได้” คุณหมอที่ถูกปลุกขึ้นมาทำคลอดตอนเช้ามืดแต่ยังอารมณ์ดีเอ่ยชม
ซิ่วเฮียงยิ้มอย่างมีความสุข ความเจ็บปวดทรมานตลอดทั้งคืนเหมือนความฝันที่ลืมเลือนไปได้อย่างรวดเร็ว
ตกสายพนมกับสันต์ก็มาที่โรงพยาบาล พอรู้ว่าซิ่วเฮียงคลอดแล้วและถูกย้ายไปนอนในห้องรวมของแม่ลูกอ่อนทั้งหลาย ทั้งคู่ก็ตกใจแกมยินดี ยิ่งเมื่อเห็นเด็กน้อยตัวขาวกลมทั้งพ่อและปู่ก็ยิ้มกว้างไม่หุบ
“ลูกหน้าเหมือนฉัน” พนมบอกอย่างภูมิใจ
ซิ่วเฮียงมองแล้วเห็นเพียงหน้าแดง ๆ ออกจะยู่เล็กน้อยของลูกชาย ไม่แน่ใจว่าเหมือนพนมหรือเปล่า แต่ถ้าเขาบอกว่าเหมือนหล่อนก็ยิ้มหวานไม่เอ่ยขัด
พนมที่กำลังตื่นเต้นบอกซิ่วเฮียงว่าน้องสาวสองคนของเขาอยากมาโรงพยาบาลเหมือนกัน แต่ติดงานทั้งคู่ ถ้าว่างทั้งมาลัยและวาสนาคงมาเยี่ยมช่วงบ่าย และถ้าทั้งคู่รู้ว่าได้หลานชายแล้วคงจะดีใจมาก
ซิ่วเฮียงยิ้มรับ
ส่วนพิกุลนั้น…
“แม่แกก็วางท่าไปอย่างนั้นแหละ ใจจริงก็คงอยากเห็นหน้าหลาน ไว้รอเฮียงอุ้มลูกกลับบ้าน เห็นหลานตัวขาว ๆ อวบ ๆ หน้าตาน่ารักน่าชังขนาดนี้ แม่ต้องรักต้องหลงหัวปักหัวปำแน่”
ซิ่วเฮียงแค่ยิ้มเช่นเคย แต่ในใจนั้นไม่มีความเชื่อเลยแม้แต่นิดเดียว
แม่ผัวแบบหนึ่ง พ่อผัวก็อีกแบบหนึ่ง ขณะที่พิกุลไม่สนใจไยดีลูกสะใภ้กับหลาน แต่สันต์กลับเห่อหลานชายคนแรกมาก ชมเปาะว่าน่าชังเหลือเกิน แถมยังอุ้มไว้แบบไม่อยากวางมือ สุดท้ายเขาหยิบห่อผ้าขนาดเล็กออกจากกระเป๋า ในห่อคือพระใบมะขามขนาดเท่าปลายก้อย เนื้อพระสีเข้มเป็นแบบเนื้อชินเขียว ท่าทางเจ้าของทนุถนอมมากประคองไว้กลางฝ่ามือพร้อมบอกว่า
“เดี๋ยวพ่อจะเอาไปให้ร้านเลี่ยมทอง เอาไว้หลานสวมติดตัว”
พระองค์เล็กขนาดนี้ไม่ได้เลี่ยมกรอบพระจริง แต่แค่รัดทองไว้เหมือนลวดมัดด้านบนทำเป็นห่วงสำหรับร้อยเชือกเส้นเล็กไว้คล้องคอเด็ก
พอพูดถึงการเลี่ยมทอง พนมก็กระตือรือล้นทันทีอาสาว่า
“เดี๋ยวฉันเอาไปทำให้เองพ่อ”
“เออ แล้วก็หาซื้อกำไลข้อเท้าให้ไอ้หนูมันสักคู่ด้วยนะ ตอนนี้เอากำไลเงินแท้ไปก่อน ไว้โตอีกหน่อยค่อยใส่กำไลทอง เอ็งเลือกเอาแบบมีกระพรวนกรุ๊งกริ๊งดัง ๆ หน่อยจะได้เรียกโชคลาภวาสนา นำพาแต่สิ่งดี ๆ มาสู่ไอ้หนูมัน เอาเงินนี่” สันต์ว่าพลางควักเงินออกมาจากชายพกม้วนหนึ่ง เล่นเอาลูกชายตาโตเลยทีเดียว
“พ่อเอาเงินมาจากไหน”
สันต์หัวเราะเสียงดัง มองลูกชายเหมือนเหนือชั้นกว่ายามตอบ
“ก็เม้มเก็บไว้สิวะ” สันต์เคยเป็นไต้ก๋งเรือประมง รายได้ดีกว่าคนงานทั่วไปมาก ช่วงมีเงินเขาก็แอบกันไว้ส่วนหนึ่งไม่ได้ส่งให้พิกุลหมด เลยพอมีเงินใช้จ่ายลับหลังเมียอยู่บ้าง “ไอ้เรื่องพวกนี้มันต้องเป็นกันบ้าง แล้วนี่อย่าบอกแม่เอ็งล่ะว่าข้าแอบกั๊กเงินไว้ บอกว่าเอ็งหรือเฮียงซื้อให้ลูกก็ได้ อย่าบอกว่าข้าซื้อให้ เดี๋ยวบ้านแตก…”
“ฉันว่าบ้านไม่แตกหรอก หัวพ่อจะแตกก่อนล่ะไม่ว่า”
สันต์ไม่กลัวหัวแตก ยังคงหัวเราะร่วนอย่างมีความสุข
พอถึงเวลาพยาบาลมารับเด็กน้อยไปดูแล ซิ่วเฮียงก็หมดแรงและง่วงตาแทบลืมไม่ขึ้น สันต์กับพนมจึงกลับไปกันก่อน ท่าทางอาลัยอาวรณ์ของพ่อมือใหม่นั้นทำเอาซิ่วเฮียงหลับไปพร้อมรอยยิ้ม
เมื่อหญิงสาวตื่นขึ้นมาอีกครั้งมาลัยกับน้าแก้วก็แวะมาเยี่ยมและชื่นชมพ่อหนูน้อยอยู่พักใหญ่ มาลัยทำกับข้าวมาให้ด้วย แม้รสมือจะหนักไปสักนิดแต่นับว่ามีน้ำใจคิดถึง จากนั้นตอนเย็นพนมก็แวะมาหาซิ่วเฮียงกับลูกอีกรอบ ชายหนุ่มอวดกำไลเงินวงเล็กคู่หนึ่งเงินแท้น้ำหนักไม่น้อยให้หล่อนดู แต่ซิ่วเฮียงยังไม่ยอมให้พนมใส่ข้อเท้าลูก หล่อนว่า
“พนมเก็บไว้ก่อนเถอะ พอกลับถึงบ้านค่อยใส่ให้ลูก”
“ได้ ๆ ให้พ่อเก็บไว้ก่อนนะไอ้หนู ไว้ถึงบ้านค่อยใส่ทั้งกำไลเงินใส่ทั้งสร้อยพระเลี่ยมทองเอาให้หล่อไปเลย” ประโยคท้ายชายหนุ่มพูดแหย่ลูกชาย พูดแล้วก็นึกได้ว่า “เออ…ยังไม่ได้ตั้งชื่อลูกเลย พ่อแกอยากให้เจ้าอาวาสที่วัดตึกตั้งชื่อให้ แต่ตอนนี้ลูกศิษย์นิมนต์ท่านไปกรุงเทพฯ ยังไม่รู้จะกลับเมื่อไหร่ เราคงต้องหาชื่อเล่นเรียกไอ้หนูไปพลาง ๆ ก่อน เฮียงมีชื่ออะไรดี ๆ ตั้งให้ลูกไหมจ้ะ”
ซิ่วเฮียงหยุดคิดนิดหนึ่ง ตอนท้องหล่อนเคยตั้งชื่อลูกไว้ในใจเหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าลูกผู้หญิงหรือลูกผู้ชาย และไม่คิดว่าตัวเองจะเป็นคนตั้งชื่อลูกเองเลยไม่ได้จริงจังเท่าไหร่นัก มาให้คิดตอนนี้…
“เฮียงจำได้ว่าคุณหมอชมว่าลูกแข็งแรง ร้องเสียงดัง เป็นเด็กห้าวหาญ เราเรียกลูกว่าหาญไปก่อนดีไหมจ้ะ ไว้หลวงพ่อท่านตั้งชื่อให้แล้วค่อยเปลี่ยนไปเรียกตามชื่อนั้น”
“ดีเลย หาญ ความหมายดี หาญของพ่อพนม”
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 30 : ฟ้าถล่ม
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 29 : ลูกชายลูกชาย
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 28 : ไม่มีอะไรแน่นอน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 27 : เด็กน้อยของซิ่วเฮียง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 26 : สันดานคนยากจะเปลี่ยน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 25: รถจี๊ปสีเขียว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 24 : หวังดีเกินไป รักเกินไป
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 23 : เรื่องที่เข้ากันได้
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 22 : หยี่แจ้ โอ่ยแจ้
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 21 : แต่งงาน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 20 : สู่ขอ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 19 : ชีวิตไม่มีอะไรแน่นอน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 18 : เห็นขี้ดีกว่าไส้
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 17 : กระต่ายก็กัดเป็น
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 16 : เลิกกับผัวแล้ว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 15 : ปุ๋ยดีไม่ควรปล่อยให้ไหลลงนาผู้อื่น
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 14 : ลานมะเกลือ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 13 : ศาลองค์แป๊ะกง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 12 : เข้ากรุง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 11 : ส้วมที่แตกแล้ว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 10 : บ้าน
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 9 : หันหลังกลับ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 8 : พยอม
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 7 : หมดสิ้น
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 6 : หาญ
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 5 : วาสนา
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 4 : ดอกไม้ผ้า
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 3 : ตุ้มหูทอง
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 2 : แม่ผัว
- READ แก่นไม้หอม บทที่ 1 : ซิ่วเฮียง