ซ่อนรัก บทที่ 32 : อดีตของโสภา

ซ่อนรัก บทที่ 32 : อดีตของโสภา

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

รินทร์จ้องหน้าปารีส

อย่างน้อยผู้หญิงสวยตรงหน้าก็ไม่พยายามจะพูดเอาดีใส่ตัว หรือเถียงเอาเป็นเอาตาย แต่เพราะเธอคนนี้ชนะพี่ทรัพย์ รินทร์จึงไม่ค่อยพอใจ

“ไหนๆ ก็ตัดสินไปแล้วนี่ฮะ ใครได้เปรียบ เสียเปรียบ รู้ๆ กันอยู่ คุณปารีสโชคดีเสมอมีคนหนุนหลังที่แข็งแกร่ง”

ปารีสโคลงศรีษะ

“เรามาพูดกันแบบนี้ มีประโยชน์อะไรหรือเปล่าคะ ฉันรู้ว่าคุณรินทร์ไม่พอใจการตัดสิน แต่ควรจบแล้วนะ”

ใช่…ใช่…จบเถอะ” ทรัพย์สะกิดญาติผู้น้อง “คุณปารีสพูดถูก มันไม่มีประโยชน์จะมาพูดอีก”

รินทร์ถอนใจยาว ในขณะที่ปารีสขอตัวและผละไป โดยมีดุสิตที่ว่างจากการรับรองแขก รีบเดินตามปารีส

รินทร์จึงบ่นดังๆ

“แบบนี้นี่ไง ปารีสคนนี้คงเป็นผู้หญิงคนใหม่ของคุณดุสิตแน่ๆ”

“เจ้านายเธอก็เจ้าชู้เป็นปกติ”

“นั่นสิ แววตาคุณสิตชัดเจนเหลือเกิน เหมือนชอบมากเป็นพิเศษ”

“อาจไม่นานหรอก”

“งั้นมั้ง ไม่เคยมีคนไหนนาน” แล้วมองไปอีกมุมก็เห็นเจ้านายสาวของตนกำลังเดินตรงไปพบกับวิศว์ จึงถอนใจยาว “อีกแล้ว ไม่รู้คุณนุชสนใจอะไรผู้ชายคนนี้มากเหลือเกิน”

ทรัพย์หัวเราะเบาๆ

“รู้นะ คิดอะไรอยู่ หวงหึงคุณนุชสิคท่า รักเจ้านายขนาดนี้ มิน่าเงินเดือนถึงสูง” คำว่าสูงลากเสียงยาว

รินทร์กำมือแน่น

“ใช่…เป็นแบบนี้ผิดหรือไง”

หญิงแต่ใจเป็นชาย และรักแบบไร้เงื่อนไข ไม่มีทางได้ครอบครอง แค่อยู่ใกล้ ได้รับใช้…พอแล้ว…เท่านั้นที่ต้องการ

ทางด้านจิรานุช ถือแก้วเครื่องดื่มสีเหลืองอ่อนเดินมาหาวิศว์

วิศว์…เป้าหมายของจิรานุชเสมอ

“งานเป็นไง มีอะไรขาดตกบกพร่องหรือเปล่าคะ?” จิรานุชเริ่มต้น

วิศว์ยืนอยู่กับบรม แต่จิรานุชเพ่งที่วิทย์คนเดียว เหมือนไม่สนใจบรมสักนิด

“จัดงานได้ดีครับ ขอบคุณที่เชิญผม”

“กรเชิญคุณเพราะคุณเป็นคนดี”

“คุณกรก็ยกย่องจนผมจะลอย ทุกคนก็ดีต่อผม”

“ทำดีครั้งเดียว ความดีจะติดตัวตลอดไปค่ะ”

“อย่างที่บอก ของไม่ใช่ของเรา ใครจะเอามาเป็นของตัวล่ะครับ ต้องคืนเจ้าของสิครับ เพราะเจ้าของเขาเดือดร้อน”

“แสดงว่าคุณได้รับการอบรมมาดีตั้งแต่เด็ก พ่อกับแม่ต้องเป็นคนดีแน่ๆ จึงปลูกฝังลูกเป็นคนดีต่อสังคม แหม…อยากรู้จักพ่อแม่คุณแล้วสิ” นี่คือเป้าหมายของจิรานุช โยงคำพูดไปถึงแม่…พ่อ…จะใช่อย่างที่ตนคิดหรือไม่

“ผมไม่มีพ่อแม่ครับ ท่านตายหมดแล้ว”

จิรานุชชะงักเล็กน้อย และรีบทำตัวปกติซึ่งปกติแล้วเป็นคนเก็บความรีู้สึกเก่ง

ไม่มีพ่อแม่…แล้วที่ตนเห็นที่โรงพยาบาล เห็นชัดๆ ว่าเป็น

โสภา!

โสภากับวิศว์…ลักษณะคือแม่ลูกชัดๆ แล้วถ้าโสภากับวิศว์เป็นแม่ลูก แล้วพ่อล่ะ…จะเป็นใครได้ ต้องเป็นพี่อนันต์เท่านั้น!

มองมุมไหนก็ตาม วิศว์คล้ายดุสิตกับนิกร และยิ่งเหมือนพี่อนันต์มากๆ รูปหล่อ ตา จมูก ปาก ถอดออกจากพี่ชาย ยิ่งกว่าดุสิตกับนิกรเสียอีก

“ทำไมหรือครับ แปลกใจหรือครับ?”

ชะงักเล็กน้อยเท่านั้น อีกฝ่ายยังจับได้ จึงเสหัวเราะเบาๆ

“เห็นคุณเป็นคนดี งานการดี ซื่อสัตย์ จึงเชื่อว่าต้องได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่ที่เป็นคนดีด้วย”

“ผมโตมากับป้าโสภา ตั้งแต่จำความได้ก็มีแต่ป้าที่เลี้ยงดูผม สั่งสอนผมให้เป็นคนดี รักษาศีล ป้าผมค่อนข้างหัวโบราณ”

“ป้าเรอะ…ป้าหรือ?” เผลอพึมพำสงสัย

ป้าเรอะ…ไม่ใช่แม่หรือ?

เป็นไปได้อย่างไร ต้องเป็นแม่สิ…ต้องเป็นแม่

อดีต…ตอนตอนเป็นวัยรุ่น เคยแอบเห็น…เห็นโสภาอุ้มลูกที่เพิ่งคลอดหนีออกจากบ้าน เพราะทนแรงกดดันจากเมียหลวงอย่างพี่นาถไม่ได้

อุ้มทารกชาย…คือ…เด็กชาย…และอาจเป็นผู้ชายตรงหน้า

โสภาคือเมียน้อยที่เคยเป็นพนักงานออกแบบอัญมณีของเพชรอนันต์

โสภาอายุน้อย แต่เก่ง และโดดเด่น จนพี่อนันต์สนใจ พี่นาถพยายามขัดขวางแล้ว แต่ไม่สำเร็จ

สาวๆ อื่นก็อาจถูกพี่นาถกันท่าจนแตกกระเจิง แต่โสภาคนเดียวที่ตั้งท้อง ทำให้พี่นาถโกรธมาก คิดว่าฉลาดเหลือเกิน จะใช้ลูกมาจับสามีของตน อย่างไงก็ต้องกำจัดให้ไม่เป็นสตูหัวใจ

ทำทุกทางให้โสภาออกจากบ้าน

ทำทุกทางขจัดศัตรูหัวใจ กับท้องที่โตขึ้นได้เรื่อยๆ วันแล้ววันเล่าจนท้องโต วันแล้ววันเล่าที่กดดัน คุณนาถอิจฉาโสภา ตนเป็นเมียแท้ๆ ยังไม่มีลูกสักคนให้สามี แต่โสภาเมียน้อย…กลับมีท้อง

และพอโสภาใกล้คลอด…ตนจึงท้องลูกคนแรก…ดุสิต

แต่ลูกของโสภากลับจะได้เป็นลูกคนโต

สุดท้าย โสภาก็ต้องพ่ายแพ้ หลังคลอดลูกชาย ด้วยคำขู่สุดท้ายของตน ยอมอุ้มลูกหนีออกจากบ้านกลางดึก

ภาพนั้น…จิรานุชตอนเป็นวัยรุ่นเห็น

ภาพที่โสภาอุ้มลูกชายออกจากบ้าน โดยมีคุณนาถเฝ้าแอบมองอย่างสะใจ

หลังวันนั้น คุณอนันต์เฝ้าตามหาโสภา แต่ไร้ร่องรอย จนคุณนาถคลอดลูกชายคนแรก ก็เริ่มหยุดค้นหา เพราะรู้ว่าคนอย่างโสภา ถ้าคิดจะหลบก็ต้องหลบไม่ให้พบ ยิ่งโสภาเป็นคนไร้ญาติขาดมิตรตัวคนเดียว การจะเชื่อมโยงหา จึงยากนัก

และสำหรับจิรานุช

โสภากับลูกชาย…ก็คือวิศว์

ทำไมกลายเป็น…ป้าโสภา ไม่ใช่แม่โสภาล่ะ?

“ครับ ผมอยู่กับป้าโสภา” เขาย้ำ

“อยู่กันสองคน?”

“ครับ อ๋อ มีแม่บ้านคนสนิทของป้าอีกคน น้านง เรารักกันแบบญาติสนิท”

“พ่อแม่ชื่ออะไร” เมื่อถามแล้วก็อยากรู้ให้สุดๆ ไปเลย

วิศว์เลิกคิ้ว

“พ่อแม่ผม?”

“พวกเขาชื่ออะไร?”

ชายหนุ่มยักไหล่

“ป้าโสภาไม่เคยบอกครับ”

ไม่สมเหตุสมผล จิรานุชพึมพำ

บรมยืนฟังอยู่ข้างๆ พึมพำบ้าง

เหมือนถูกสอบประวัติเลยว่ะ

แล้วจิรานุชจะถามอีก แต่ถูกนิกรขัดจังหวะ นิกรเดินมาพูดกับวิศว์

“คุณวิศว์ทานอะไรหรือยังครับ ทานของว่างก่อนนะครับ อาหารเหลือเยอะเลย ในงานไม่ค่อยมีใครยอมทานเลย”

“ไม่ต้องห่วงผมหรอกครับ ผมก็เดินทานไปเรื่อยๆ”

“ไปโต๊ะวีไอพีเถอะครับ จะได้นั่งสบายๆ”นิกรชวน

“ไม่ล่ะครับ ผมชอบยืนมากกว่า”

แล้วเทวีก็เดินมาสมทบอีกคน กล่าวกับวิศว์

“อยากคุยกับวิศว์สองต่อสองค่ะ”

อ้าว…พูดขนาดนี้ ทำให้นิกร บรม และจิรานุชต้องผละออกห่าง เปิดโอกาสให้คนที่อุตส่าห์พูดตรงๆ แล้ว

เทวีมองหน้าอดีตคนรัก

“วียังติดตามข่าวคราวของคุณเสมอ และคิดถึงอดีตของเราที่หวานมากๆ วีลืมไม่ลงจริงๆ” เธอพูดด้วยรอยยิ้ม

ชายหนุ่มเองก็ยิ้ม

“ผมก็เก็บความรู้สึกดีๆ ไว้เช่นกันครับ”

“เป็นไปได้มั้ยคะ…ถ้าเราจะกลับมา…เหมือนเดิม” หญิงสาวเปิดโอกาสชัดเจน ทั้งคำพูดและกิริยาท่าทาง แต่คำว่าเหมือนเดิมเบาแสนเบา เพราะอยากรู้ท่าทีของอีกฝ่าย อย่าให้ตนต้องรู้สึกฝ่ายเดียวเลย

วิศว์อยากบอกความจริง

มันเป็นไปไม่ได้ เพราะแต่งงานแล้ว

ปารีต้องการปกปิด ทำให้เขาต้องอยู่ในสภาพอึดอัดเสมอ

“อย่าพูดเล่นเลยครับ” เขาพูดเป็นเรื่องตลก

“ไม่ได้พูดเล่นนะคะ”

“คุณก็มีคนอื่นแล้ว”

หญิงสาวโคลงศรีษะ

“วีเลิกแล้วค่ะ ไม่มีใครดีเท่าคุณเลย พูดจริงๆ นะคะ”

ชายหนุ่มพยายามปฏิเสธอย่างสุภาพ มิให้อีกฝ่ายเสียหน้า

“ผมเองก็มีข้อบกพร่องมากมาย ผมดีใจที่เป็นเพื่อนกับคุณ คุณเป็นคนเก่ง เก่งมาก ผมชื่นชมครับ”

คำพูดของเขา หรือหล่อนยังมีความหวัง

“วิศว์คะ เราน่าจะเหมาะสมกันที่สุด” พูดพลางเดินเข้าใกล้ ใกล้จนเกือบแนบชิด

ตรงข้ามกับบริเวณนี้ สายตาปารีสพยายามจับจ้องทุกครั้งที่มีโอกาส และรู้สึกร้อนรนเล็กน้อย แต่ไม่มีทางที่หญิงสาวจะเข้าไปขัดขวาง

และตรงนั้น กุลวดีกับหฤทัยก็เห็นตลอด

หฤทัยพูดกับกุลวดี

“ดูสิ…ดู…ดูเพื่อนเขยของเรา ถูกสาวอ่อยต่อหน้าต่อตา ดูสิ…ยัยปาตาเกือบถลนแล้ว ทนต่อไปไม่ไหวแล้ว ขอช่วยเพื่อนก่อน” พูดแล้วก็รีบไปทางวิศว์

กุลวดีพยายามห้าม

“อย่าเลย” แต่รั้งตัวไม่ทันแรงอยากช่วยเพื่อน ทำใด้แค่ต้องรีบเดินตาม เพราะต้องคอยช่วยเบรกความแรงของหฤทัย

“อุ๊ย…คุณวิศว์ขา” หฤทัยแสดงบทเป็นสาวหวาน “การต้อนรับของพวกเราขาดตกบกพร่องอะไรมั้ยคะ”

เทวีรีบออกห่างวิศว์ เว้นระยะตามมารยาท และถึงไม่ออกห่าง ร่างของหฤทัยก็แทรกเข้ามาระหว่างกลาง

“อุ๊ย…ขอโทษนะคะคุณเทวี” พูดว่าขอโทษ แล้วหันมาทางชายหนุ่มอีกครั้ง

“ครับ…โอเคครับ” เขาตอบ

หฤทัยเครื่องยื่นหน้าไปใกล้

“รูปหล่ออย่างคุณวิศว์ ทัยอยากต้อนรับเป็นพิเศษ”

“เอ้อ…” เห็นแววตาล้อเลียนของหญิงสาว เขาเริ่มเข้าใจแล้วว่าเธอเข้ามาขัดจังหวะเทวีเบียดตัวใกล้เขา

“สนใจอาหารกับเครื่องดื่มดีกว่านะคะคุณวิศว็ อย่าสนใจหญิงคนอื่น” คำว่า ‘คนอื่น’ เน้นเป็นพิเศษ

วิศว์ถึงกับหัวเราะเบาๆ และพูดเบาๆ

“มีคนทำหน้าที่แทนคุณปาแล้ว”

หฤทัยพูดแทบจะเป็นกระซิบ

“ใช่วิ ต้องช่วยเพื่อน ไม่งั้นจะมีเพื่อนไว้ทำไม”

“ผมไม่เหลวไหลหรอก”

“กันไว้ดีกว่าแก้ค่ะ”

เทวีสงสัย เพราะเห็นกระซิบกระซาบกันจึงพูดขึ้น

“เป็นฝ่ายต้อนรับไม่ใช่เรอะ ทำไมวุ่นวายกับแขกจนเกินงามแบบนี้ วุ่นวายจริงๆ”

หฤทัยหันกลับยิ้มหวาน

“คือคุณวิศว์เป็นแขกพิเศษของคุณนิกรค่ะ ต้องดูแลพิเศษ…พิเศษ…มาก…มาก…ค่ะ” เน้นคำท้ายอย่างตั้งใจสองครั้ง

“มากเกินไป แขกจะคุยกัน อย่ามาวุ่นวาย” เทวีไล่

“อุ๊ย…ขอโทษค่ะ แต่ว่า”

กุลวดีรีบดึงแขนหฤทัย พยายามไม่อยากให้เรื่องบานปลาย

“ไปเถอะ วุ่นวายอย่างที่คุณเทวีพูดจริงๆ”

กันท่าแทนปารีสได้ แต่อย่าน่าเกลียดขนาดนี้เลยเพื่อน

หฤทัยจึงพูดเบาๆ กับวิศว์ก่อนจะพาไปว่า

“ห้ามสนิทกับผู้หญิงอื่น ไม่งั้น…” เว้นไว้ในฐานให้เข้าใจเอง

พอหฤทัยกับกุลวดีผละไป เทวีก็บ่นพึมพำ

“เป็นแค่พนักงานต้อนรับ แต่วุ่นวายกับแขกเกินไป คงต้องบอกให้คุณดุสิตจัดการแล้ว”

“อย่าเลยครับ ผมกับคุณหฤทัยสนิทกัน รู้จักกัน เราเป็นเพื่อนกันครับ”

อ๋อ…งั้นก็แล้วไปค่ะ

แล้วเทวีก็ถูกกัลยาณีฉุดไปหาเพื่อน

“พี่วี…มารู้จักเพื่อนของณีหน่อยค่ะ”

วิศว์หันมาพยักหน้ากับบรมที่ยื่นอมยิ้มอยู่ห่างๆ

“หาอะไรกินดีกว่า”

วิศว์เดินไปบริเวณที่จัดอาหารว่างเรียงราย อาหารล้วนน่าทาน จัดเป็นคำสะดวก ตรงนั้นมีกุ้งวางบนขนมปังชิ้นเล็ก มือของวิสว์เอื้อมไปหยิบ แล้วก็มีอีกมือที่กำลังเอื้อม

ใจตรงกัน วิศว์ชะงักมอง

“คุณอนันต์”

ใบหน้าท่านสงบนิ่ง ถามว่า

“ชอบกินกุ้งเหมือนกันเรอะ?”

“ตอนเด็กผมแพ้กุ้งครับ พอโตเป็นวัยรุ่น อยู่ๆ อาการแพ้ก็ค่อยๆ หายไปจนกลับมากินกุ้งได้ครับ”

“อ้าว! เหมือนกันเลยนะ”

 



Don`t copy text!