ซ่อนรัก บทที่ 21 :  ลิขิตพบชายอีกคน

ซ่อนรัก บทที่ 21 : ลิขิตพบชายอีกคน

โดย : โสภี พรรณราย

ซ่อนรัก โดย โสภี พรรณราย เมื่อความรักพังทลาย ปารีสจึงออกเดินทางด้วยหวังว่าโลกกว้างจะช่วยเยียวยาหัวใจ แต่สิ่งที่เธอคิดและตัดสินใจอาจไม่เป็นอย่างที่คาด เมื่อหนุ่มหล่อเข้มคนนี้เข้ามาในชีวิต และความหลังของหล่อนกับเขาเป็นความรักที่ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ในส่วนลึก นวนิยายออนไลน์ที่อ่านเอาอยากให้คุณได้อ่านออนไลน์

วิศว์และบรมมาดูงานการตกแต่งที่ร้านของอุเทน

ช่างสามคนทำงานอย่างขยันขันแข็ง ช่างเป็นช่างของบริษัทที่วิศวืและบรมร่วมงานกันมานาน กินเงินเดือนบริษัท เป็นช่างฝีมือที่มีความสามารถและไว้ใจได้

นิกรกับกุลวดี และหฤทัย ทั้งสามปรากฏตัวที่หน้าร้าน พร้อมกระเช้าผลไม้

กุลวดีหิ้วกระเช้าให้เจ้านาย หฤทัยในฐานะฝ่ายประชาสัมพันธ์ก็อาสาช่วยหิ้วกับกุลวดี เพราะเป็นกระเช้าใหญ่ และหนักพอควร ช่วยหิ้วสองคนเบาลงได้

เมื่อก้าวเข้ามา ทั้งวิศว์กับบรมหันมามองพร้อมกัน

“คุณวิศว์…” นิกรรี่มาอย่างยินดี ใบหน้ายิ้มแย้ม “ดีใจได้พบคุณอีก”

“ครับ?” วิศว์งงๆ

“ผมเอาผลไม้มาฝากครับ” หันไปทางสองสาวที่มาเป็นเพื่อนเจ้านาย “ยกมาเลย มามอบให้คุณวิศว์ ผู้มีพระคุณของผม”

รับมาจากสองสาว ส่งให้อีกคน

“เลขาผมเองครับคุณกุลวดี กับคุณหฤทัย ฝ่ายประชาสัมพันธ์ครับ” แนะนำอย่างรวดเร็ว เพราะเป้าหมายคือ นำเอามาให้วิศว์

“ไม่ต้องหรอกครับ” วิศว์ปฏิเสธ ยังไม่ยอมรับ

“คุณมีบุญคุณ ช่วยรับเถอะครับ”

“แต่ว่า…”

บรมที่อยู่ข้างๆ วิศว์พูดขึ้น

“รับไปเถอะว่ะ คุณเขามีน้ำใจอยากตอบแทน”

นิกรมองคนพูด

“คุณ?”

“ผมชื่อบรมครับ เป็นเพื่อนและหุ้นส่วนบริษัท”

“บรมมันเป็นเจ้าของบริษัท ผมแค่ถือหุ้นเล็กๆ” วิศว์โพล่งให้เกียรติเพื่อนรัก

“ยินดีที่ได้รู้จักครับ ผมชื่นชมเพื่อนคุณมาก คุณวิศว์ช่วยผมไว้ ไม่งั้นผมคงแย่” นิกรพูดกับบรม

“ผมรู้มาเหมือนกันครับ ไอ้วิศว์เป็นคนแบบนี้ล่ะครับ ของไม่ใช่ของมัน มันไม่เอาหรอกครับ”

“คุณบรมโชคดีที่มีเพื่อนอย่างคุณวิศว์

บรมหัวเราะ

“ผมกับมันคบกันจนจะสิงเป็นคนๆ เดียวกันอยู่แล้วครับ” พูดพลางส่งตาให้วิศว์

กุลวดีกับหฤทัยเกือบกลั้นหัวเราะไม่ไหว แต่พยายามกลั้น

บรมตาเหลือ เข้าใจพฤติกรรมของสองสาวรีบพูดขึ้น

“อย่าเข้าใจผิดนะครับ พวกเราเป็นเพื่อนรักกันจริงๆ ครับ๐

นิกรหันมาพูดกับวิศว์

“ช่วยรับกระเช้าด้วยนะครับ”

เพราะเห็นความตั้งใจ วิศว์จึงยอมรับ อีกอย่างเห็นนิกรถือไว้ เกรงจะหนัก รับมาและวางไว้บนโต๊ะที่เกะกะไปด้วยเครื่องมือช่างต่างๆ

“ขอบคุณครับ แต่ไม่ต้องเลยครับ”

“ขอให้ผมสบายใจเถอะครับ”

“ก็…ขอบคุณครับ”

“ผมสิต้องขอบคุณคุณวิศว์ คุณมีบุญคุณต่อผมมาก”

“อย่าให้ถึงขนาดนั้นเลยครับ”

“ไม่รู้จะตอบแทนอย่างไร ถึงสมกับความดีของคุณ”

ขณะที่วิศว์คุยกับนิกร บรมก็หันมาพูดกับสองสาวว่า

“เจ้านายคุณนี่เป็นคนแบบนี้หรือครับ รู้สึกเกรงอกเกรงใจคนแบบนี้หรือครับ”

“ใช่ค่ะ” กุลวดีตอบทันที “คุณนิกรเป็นคนดีมากๆ ค่ะ เป็นคนที่ซื่อสัตย์ และสำนึกบุญคุณคนค่ะ”

หฤทัยอมยิ้มแทรกว่า

“ค่ะ…เป็นเจ้านายแสนดีของเลขาแสนมั่นคงในความรัก”

กุลวดีหันมาตวาดเพื่อนเบาๆ

“แกจะบ้าเรอะ พูดอะไร”

“โทษจ้ะ…มันอดไม่ได้สักที กับเลขาที่แอบซ่อน…”

กุลวดีตีแขนเพื่อน

“หยุด…หยุดเลย”

หฤทัยที่หัวเราะเบาๆ หันมาพูดกับบรม

“อย่าถือสากับความบ้าบอของเราเลยนะคะ”

บรมพลอยหัวเราะ

“พวกคุณ…”

“พวกเราสนิทกันมากเกินไปค่ะ”

“สนิท มีคำว่า…เกิน…ด้วยหรือครับ”

“เหมือนพวกเราบ้าบอนะคะ”

“ไม่หรอกครับ ผมว่าเจ้านายคุณเป็นคนดี”

“ใช่…ใช่ค่ะ เขาเป็นเจ้านายโดยตรงของวดี”

กุลวดีจึงพูดกับบรม

“คุณนิกรซาบซึ้งที่คุณวิศว์เก็บของมาคืน หาคนดีอย่างคุณวิศว์ยากนะคะ เรียกว่าคนดีสองคนมาเจอกัน คุณนิกรอยากตอบแทนคุณวิศว์จนเครียดจนตัวคุณนิกรไม่สบายใจค่ะ แค่กระเช้าผลไม้ยังไม่พอค่ะ ยังตอบแทนไม่เท่าใจของคุณนิกรที่ต้องการจะตอบแทนเลยค่ะ”

บรมหัวเราะอีกครั้ง

“ไอ้วิศว์ก็เป็นประเภทไม่ต้องการอะไรตอบแทนเสียด้วยสิ คนหนึ่งอยากตอบแทน อีกคนไม่ใส่ใจ”

“จริงๆ แล้ว คนเก็บของได้จะเรียกร้องอะไรก็ได้นะคะ เพราะเจ้านายของฉันอยากให้มากๆ”

บรมโบกมือ

“อย่าพูดเรื่องเงินหรือค่าตอบแทนกับไอ้วิศว์เลยครับ เดี๋ยวมันจะโกรธเอา”

กุลวดียิ้มแห้งๆ

“คือว่าฉันไม่ได้หมายความว่าคุณวิศว์จะเรียกร้อง ยิ่งคุณวิศว์เป็นคนดี เจ้านายของฉันก็ยิ่งเกรงใจและนับถือค่ะ”

“เออ…ครับ ให้คนดีสองคนคุยกันนะครับ คุณเชื่อไหม เดี๋ยวพอพวกคุณกลับไป ไอ้วิศว์ก็จะแกะกระเช้าผลไม้ และแจกจ่ายให้ช่างที่ทำงานเอาไปแบ่งกันกิน เพราะมันมีน้ำใจและมีแต่ให้ครับ”

จริงอย่างที่บรมพูดเลย หลังจากนิกรกลับไปกับสองสาวแล้ว วิสว์ก็ตะโกนบอกช่างสามคนที่กำลังทำงานอย่างขยันขันแข็งว่า

“เอาผลไม้ไปแบ่งกันกินนะ…พรรคพวก กินไม่หมดก็เอากลับไปให้ลูกเมียกินด้วย แบ่งๆ กันไป”

เห็นแล้วบรมยืนยิ้ม วิศว์ถามเพื่อน

“แกยิ้มอะไรวะ?”

“ก็แกแบ่งหมด”

“หรือแกอยากกิน ก็เอาไปสิ”

“เปล่า กันรู้ว่าแกต้องให้ช้างกิน แกมันใจกว้างเสมอ”

“พอ…พอ…ไม่ต้องชมกันเอง”

 

ดุสิตจัดการกับเอกสารกองโตจนรู้สึกหนักๆ ที่ศีรษะ จึงออกมาเดินเล่นในศูนย์การค้า

การออกมาเดินเล่นไม่ใช่นิสัยของเขา เพราะเป็นคนชอบทำงาน แต่วันนี้รู้สึกอยากเดินเป็นพิเศษ

ศูนย์การค้าที่กว้างขวางและมีหลายชั้น มีร้านค้ามากมาย ถึงจะอยู่ใกล้ตึกสำนักงาน เขาก็ไม่เคยเดินทั่วถึงเลย ยังเห็นร้านค้าแปลกใหม่ ยังเห็นร้านอาหารหรูๆ ที่เรียงรายก็ยังกินไม่ครบทุกร้าน

ถึงจะเคยพาลูกค้ามาเลี้ยงรับรอง ก็มักจะเข้าแต่ร้านหรูเดิมๆ อาหารอร่อยๆ ตามเดิม เพราะคุ้นเคยกับอาหาร คุ้นเคยกับพนักงานร้านและคุ้นเคยกับผู้จัดการร้านที่ต้อนรับเข้าเป็นพิเศษ

เดินผ่านร้านกาแฟดัง ปกติแล้ว สายชล…เลขาจะคอยบริการเครื่องดื่ม ไม่ว่ากาแฟ โกโก้หรือน้ำขิง เลขาสาวจะจัดการให้และก็ถูกปากเขาเสมอมา

ไม่ค่อยเคยสั่งกาแฟเอง นึกอยากดื่มขึ้นมา เดินผ่านร้านกาแฟชื่อดัง จึงแวะเข้าไปสั่งเครื่องดื่ม

สั่งแล้วก็เดินไปชำระเงิน เพื่อรอเครื่องดื่ม

อ้าว…เป็นเรื่องแล้วสิ เขาออกจากสำนักงานโดยไม่หยิบทั้งกระเป๋าเงิน ทั้งโทรศัพท์มือถือ คงจะมึนงงมากจนลืมทุกอย่าง เดินตัวปลิวออกจากบริษัท

ไม่เคยรู้สึกอายนะ…แต่ครั้งนี้รู้สึกอายนิดๆ

“เอ้อ…ผมลืมกระเป๋าตังค์” บอกกับพนักงานเก็บเงินที่ยิ้มๆ “ยกเลิกทันไหมครับ หรือผมขอยืมโทรศัพท์ ผมจะโทรให้เลขาผมเอาเงินมาให้”

พนักงานเก็บเงินยังไม่ทันตอบก็มีเสียงใสๆ ดังขึ้นข้างๆ

“ฉันจ่ายให้เองค่ะ”

“พูดพลางส่งแบงค์ห้าร้อยให้พนักงาน โดยที่เขายังพูดอะไรไม่ออก ได้แต่มองเธอ…

ผู้หญิงสวย…แต่งตัวดี ใบหน้าครบเครื่อง ผิวขาวมาก แต่งหน้าบางๆ แต่น่ามอง มองไม่เบื่อ ทั้งน้ำเสียงก็ยังระรื่น

เพราะน้ำใจของเธอหรือ ทำให้เธอดูสวยโดดเด่น อย่างที่เขาอธิบายไม่ถูก ถูกชะตาตั้งแต่แรกเห็น

“เอ้อ…ขอบคุณมากครับ”

“ไม่เป็นไรค่ะ เพราะฉันก็เคยลืมกระเป๋าเงิน”

“แล้วคุณทำอย่างไร?”

“ฉันมีโทรศัพท์ค่ะ โทรให้เพื่อนเอากระเป๋ามาให้”

“ผมลืมโทรศัพท์ ผมช่างสะเพร่า” ซึ่งปกติเขาไม่ใช่คนแบบนั้นเลย

“เรื่องลืมเป็นเรื่องปกตินะคะ ทุกคนลืมได้ค่ะ”

เธอเน้นคำว่า ‘ลืม’ เพราะอะไร ดูจากสีหน้า แม้จะเรียบเฉยแต่คำว่า…ลืม…เธอเน้นจริงๆ จนเขารู้สึกได้

แล้วยังไม่ทันพูดอะไร เธอรับเครื่องดื่มและกล่าวเบาๆ

“ไปก่อนนะคะ”

ไปก่อน…และไปแล้ว ในขณะที่เขาทำอะไรไม่ถูก กลายเป็นผู้ชายเงอะงะ เก้ๆ กังๆ ชั่วขณะ ทั้งที่ยังอยากคุยกับเธอต่อ คุยอะไรก็ได้ ขอได้คุย

ช้าไปแล้ว ได้แต่มองหลังเธอเดินออกไปจากประตู

เฮ้ย! ดุสิต…แกเป็นอะไรของแก มองเหม่อ…มอง…นานแค่ไหน จนได้ยินพนักงานพูด

“เครื่องดื่มได้แล้วค่ะ”

จึงได้สติรับเครื่องดื่ม และยกไปดื่มที่มุมร้าน ที่ใกล้กับกระจกมองออกไปข้างนอกได้ มองไปที่ถนน ร้านอยู่ชั้นล่างของศูนย์การค้า จึงมองเห็นคนเดินผ่านไปมา

นานแค่ไหนเขาไม่ได้มองผู้คน

นานแค่ไหนที่เขาไม่ได้ออกมานั่งสบายๆ แบบนี้

นานแค่ไหนที่เขาเกือบลืมความสุขง่ายๆ

เพราะเขาบ้างาน ชอบทำงาน

จริงๆ แล้ว ความสุขของเขาคืออะไรกันแน่

ดุสิต…กับสาวๆ ในตอนกลางคืน กับสังคมหรู

กาแฟง่ายๆ แก้วเดียว มาซื้อเองดื่ม ไม่ทำหรอก

กับสาวๆ ต้องดื่มในโรงแรมเท่านั้น และราคาก็กระโดดไปไกล บวก…บวกแล้ว ราคาเท่าไหร่ล่ะ ไม่เคยสนใจ รูดการ์ดจ่ายทุกครั้ง

เขาแปลกใจตัวเอง ทำไมอยู่ๆ ก็นึกถึงความเรียบง่าย ที่ไม่เคยทำ เขาคุ้นเคยกับความสบายที่มีคนปรนนิบัติรับใช้

เพราะอะไร?

เพราะเขาทำงานหนักนี่นา หนักกับงาน แล้วเรื่องอื่นๆ กลายเป็นไม่สำคัญ

คิดอะไรเนี่ย…คิดอย่างไร สุดท้ายงานก็ต้องมาก่อน

เพชรอนันคือสายเลือดที่เขาต้องสืบทอดต่อจากบิดา ในฐานะลูกคนโต ถ้านิกรเก่งเขาจะไม่หนักใจเลย

กำลังคิดอะไรเพลินๆ ก็เห็น

ตรงถนนนั้น…จักรยานยนต์คันหนึ่งพุ่งอย่างเร็วและชนหญิงวัยกลางคนคนหนึ่งล้ม

ดุสิตเห็นกับตา ตกใจ รีบออกจากร้าน

ตรงนั้น…ที่นั่นมีหญิงคนหนึ่งที่กำลังจะข้ามถนนและเห็นจึงรีบเข้าไปช่วย

“เป็นอะไรหรือเปล่าคะ”เธอถาม…

เธอคือ ปารีส

“ไม่เป็นไร เจ็บที่เข่า” คนถูกชนหน้าเบ้

ชนล้มและขาเลือดไหล

“แย่จังเลย คนชนขับหนีไป แล้วคุณต้องไปโรงพยาบาลนะคะ”

ดุสิตวิ่งมาถึง และมีพลเมืองดีอีกสองคนก็ตรงมาจะช่วย

เขาเห็น…เธออีกครั้ง คนที่ช่วยจ่ายค่ากาแฟให้

มือของเธอเปื้อนเลือด เพราะสัมผัสขาของคนถูกรถชน

หลายคนมีน้ำใจช่วย ที่แน่ๆ เธอคนนี้มาถึงคนแรก และอย่างรวดเร็ว รถของมูลนิธิก็มาสมทบ

รถมูลนิธิอยู่ใกล้มาก จึงมาถึงทันใจ

ดุสิตส่งผ้าเช็ดหน้าให้เธอ ทั้งสองสบตากัน

“คุณ?”

“รับไปเช็ดเลือดก่อนครับ มือคุณเปื้อน”

“ขอบคุณนะคะ” แล้วหันไปพูดกับคนเจ็บว่า “ฉันไปกับคุณได้นะคะ ฉันจำทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ที่ชนคุณได้ค่ะ จะช่วยติดตามตัวมาชดใช้ความผิดให้คุณค่ะ”

หญิงที่ถูกรถชนได้แต่พูด

“ขอบคุณค่ะ ขอบคุณ”

อีกครั้งสำหรับดุสิต ได้แต่มองเธอผละไป ไม่รู้จักชื่อเลยแต่ประทับใจมาก



Don`t copy text!