เจาะเวลาหานายฮ้อย บทที่ 26 : ผัวอยู่ที่ไหน เมียอยู่ที่นั่น

เจาะเวลาหานายฮ้อย บทที่ 26 : ผัวอยู่ที่ไหน เมียอยู่ที่นั่น

โดย : นาคเหรา

เจาะเวลาหานายฮ้อย นวนิยายโรแมนติกคอมเมดี้ อารมณ์ดีเรื่องล่าสุดจากปลายปากกาของ นาคเหรา นักเขียนรางวัลชนะเลิศจากโครงการช่องวันอ่านเอา เรื่องราวของพลอยจำปาที่ย้อนเวลากลับมาตามหานายฮ้อยคนเก่ง ผู้คุมฝูงควายจำนวนมหาศาลเดินทางไปสู่เมืองใหญ่ เมื่อเขาหายตัวไป เรื่องอลวนวุ่นวายจะเกิดขึ้น เธอจะทำให้สำเร็จไหม ไปลุ้นกันเลยตอนนี้

ค่ำคืนวันนี้หลังจากที่ส่งตัวคู่บ่าวสาวแล้ว บรรดาญาติพี่น้องต่างก็มาอวยพรด้วยถ้อยคำที่ดีและเป็นมงคล บุญสิงห์มองหญิงสาวที่อยู่ข้างเขาด้วยความรู้สึกรักและหวงแหนมากขึ้น แม้ในใจจะคิดถึงถ้อยคำของผีเฒ่าจุ่นที่บอกว่า อีกไม่นานพลอยจำปาจะต้องกลับไปยังโลกที่เธอจากมา ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องบุญสิงห์หนักใจมาตลอด ถ้าหากเธอต้องกลับไปจริงๆ เขาและเธออาจจะไม่ได้เจอกันอีกชั่วชีวิต

“พี่บุญ”

เสียงนั้นให้ชายหนุ่มหยุดคิดถึงเรื่องที่ไม่สบายใจชั่วขณะ เขาหันมามองเจ้าสาวพลางยิ้ม

“ว่าจังใด๋ พลอย”

“คือหนูอยากถามพี่ตรงๆมานานแล้ว แต่ไม่มีโอกาสได้ถามสักที ทำไมเราต้องทำถึงขนาดนี้ด้วย พูดตามตรงนะ หนูสับสนและกลัวเรื่องที่มันจะเกิดขึ้นมาก”

“อ้ายกะย้าน แต่อ้ายย้านบ่ได้เห็นพลอยหลายกว่า อ้ายกะแค่อยากแต่งงานกับคนที่อ้ายฮักก็เท่านั้น”บุญสิงห์พูดจบพลอยจำปาก็ดึงร่างเขามากอดแน่น

“ขอบคุณค่ะพี่บุญ หนูไม่อยากโกหกพี่ว่า หนูก็กลัวเหมือนกัน ใจหนึ่งหนูก็อยากกลับไปเพราะคนที่บ้านก็คงรอหนูอยู่ แต่อยู่ที่นี่ หนูก็มีความสุขมาก มีทั้งยาย พ่อ พี่เพ็งและยังมีพี่ที่หนูรัและห่วง หนูยังคิดไม่ออกเลยว่า ถ้าหนูได้กลับไปจริงๆ หนูคงคิดถึงทุกคนมาก”

บุญสิงห์ไม่พูดได้แต่กอดเธอไว้ คิดถึงครั้งแรกที่เจอพลอยจำปาและจนถึงวันนี้วันที่ได้กอดเธอและบอกว่าจะดูแลเธอ ทั้งที่ตัวเขาไม่เคย แม้แต่จะปกป้องอะไรใครได้ แต่สำหรับพลอยจำปาเป็นผู้หญิงคนแรกที่เขาอยากจะใช้ชีวิตทั้งชีวิตปกป้อง ชายหนุ่มนิ่งอยู่นานจนกระทั่งคิดอะไรอย่างหนึ่งออก

“พลอย ลงไปเมืองล่างกับอ้ายได้บ่ อ้ายบ่อยากให้พลอยอยู่นี่ อ้ายเป็นห่วง”

“แล้วยายกับพี่เพ็งล่ะจะว่ายังไง”

“ถ้าบ่เกิดเรื่องนี้ขึ้น อ้ายกะคือสิบ่อยากให้พลอยไปลำบากดอก จากภูแสนคำกว่าสิฮอดเมืองล่าง มันกะคือสิไกลและยากหลาย แต่พลอยฮู้บ่ อ้ายบ่อยากทิ่มพลอยไว้ อ้ายย้านพวกนั้นมาไล่พลอยหนีอีก เฮาแต่งงานเป็นผัวเมียกันแล้ว ไปนำกันคือสิบ่เป็นหยังดอก อ้ายสิไปขอพ่อสนเอง”

“ถ้าอย่างนั้นก็ได้ ผัวอยู่ไสเมียอยู่นั่น พี่บุญไปไหน พลอยก็จะไปด้วย เราสองคนจะไปด้วยกัน”พลอยจำปาพูดกับเขา เธอรู้สึกสุขใจอย่างประหลาด และเมื่อได้ยินคำนี้บุญสิงห์ก็ได้แต่กอดเธอไว้แนบอกและบอกกับตัวเองว่าเ ขาจะไม่มีวันปล่อยมือผู้หญิงคนนี้ไปเลยชั่วชีวิต

ด้านนายฮ้อยพัน เขากลับมาที่บ้านป่าแดงด้วยอารมณ์ขุ่นมัว ในหัวก็เฝ้าคิดหาหนทางที่จะกำจัดบุญสิงห์และผีที่สิงร่างน้องเมียอย่างไม่ลดละ อาการนิ่งเงียบนั้นทำให้นายเพิกผู้เป็นบิดาเดินเข้ามาในห้องพลางถามลูกชาย

“ว่าจังใด๋พัน เพ็งมันยอมคืนดีกับมึงบ่”

“ผมบ่ได้ไปบ้านเพ็งดอก พ่อ” ได้ยินอย่างนั้นเฒ่าเพิกก็มีสีหน้าแปลกใจ ลูกชายของเขาไปที่ภูแสนคำแต่เช้า ตัวเขาก็นึกว่าไปขอคืนดีกับเมีย

“อ้าวแล้วมึงไปไสมาล่ะ อีรำพึงมาหามึงสองสามเทื่อได้ มึงสิเอาจังใด๋กับมัน สิเลือกไผก็เลือกไปซะ อย่าให้กูต้องเสียผู้ใหญ่ไปหลายกว่านี้เด้อ”

“พวกไทบ้านภูแสนคำ บอกว่าเพ็งมีลูก”

“กะดีสั้นดั๋ว มึงก็ต้องดีกับอีเพ็งให้หลายๆ ส่วนอีรำพึงก็ให้เงินทำขวัญมันไปเสีย มันทำใจได้ก็ให้มันไปหาผัวใหม่ มึงก็กลับไปอยู่กับลูกกับเมีย”

“แต่ผมบ่ทันได้คิดเรื่องนั่นดอกพ่อ ผมสิลงไปขายวัวควายอยู่เมืองล่างก่อน บ่มีเวลาคิดเรื่องบ่เป็นเรื่องแบบนั้นดอก”

“แต่นั่นลูกเมียมึงนะ มึงบ่คิดอีหยังอีหลีติด”

พันนิ่งเงียบความจิงแม้จะคิดเรื่องการง้องอนขอคืนดีกับเพ็งบ้าง แต่เขากลับอยากจะแก้แค้นบุญสิงห์และผีที่เข้าสิงน้องเมียมากกว่า เรื่องเพ็งนั้นรอให้เรื่องเงียบกว่านี้ ไปหาเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ที่สำคัญต้องจัดการเรื่องนี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน ชายหนุ่มได้แต่คิดเรื่องนี้อยู่นาน จนกระทั่งคิดถึงหมอผีคนหนึ่งที่อยู่ที่บ้านหนองดู่ไม่ไกลจากเมืองบ้านป่าแดงนัก

“เทื่อนี้ มึงบ่รอดแท้ อีผีนรก”

บ้านไม้หลังใหญ่ แต่มีกลิ่นอายของสิ่งเร้นลับ นายฮ้อยพันรู้สึกว่ารอบๆตัวของเขามีอะไรบางอย่างแอบซ่อนอยู่ ปากก็ท่องคาถากันผีไปตลอด จนมาถึงหน้าประตูเรือน พลันเสียงของใครคนหนึ่งก็กระซิบแผ่วๆ มาให้นายฮ้อยหนุ่มได้ยิน

“มึงมาหยัง”

“กูบ่อยากเว้ากับมึง ไปเอิ้นพ่อใหญ่มีมา”

“แต่พ่อใหญ่ให้กูมาถ่าฮับมึง”เสียงที่กระซิบนั้นคำรามในคอ หวังให้นายฮ้อยหนุ่มกลัว แต่ทว่านายฮ้อยพันกลับฉีกยิ้ม คิดในใจว่าตัวเขาก่อนจะก้าวมาถึงจุดนี้เขาเจอผีมาบ้างและพอมีวิชาป้องกันตัวมาเหมือนกัน แต่ผีชั้นต่ำมีอะไรให้เขาต้องกลัว

“บ้านนี้คือสิมีแต่ผีนะ แต่ว่าก็ว่าเถิด ผีมันบ่ต้องกินข้าว แต่หมอผียังต้องกินข้าวอยู่เด้อ”

“มึงมาหยัง?”

คราวนี้เป็นเสียงถามมาจากชายวัยกลางคนที่ใส่เสื้อม่อฮ่อมเก่าๆ นายฮ้อยพันยิ้มเมื่อเห็นกายของผู้ที่เดินมาจากเรือน

“ข้อยมีเรื่องให้พ่อใหญ่ช่วย”

“หึๆกะคือมึงว่านั่นแหละ ผีมันบ่ต้องกินข้าว แต่กูก็ต้องกินข้าว มึงสิสู้ราคาไหวบ่”

ว่าแล้วนายฮ้อยพันก็ก็ดึงถุงเงินออกมานับ ตาเฒ่าหมอผีก็มองอย่างละโมบ คิดว่าชายหนุ่มที่มาในวันนี้น่าจะเป็นคนมีเงินคนหนึ่ง น้ำเสียงและถ้อยคำต่อจากนี้ยังไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนตอนแรก

“ข้อยบ่เกี่ยงเรื่องเงิน ว่าแต่เจ้าสิไล่ผีให้ข้อยได้บ่พ่อใหญ่มี”

“ผีปอบ ผีโพงที่ว่าฮ้าย กูก็ปราบมาแล้ว มึงบ่เชื่อฝีมือกูติ”

“ถ้าบ่เชื่อ ข้อยคือสิบ่มาฮอดพี้ดอก นี่วันเดือนปีเกิดคนที่ถืกผีเข้าสิง ไล่มันออกให้ได้แล้ว ข้อยสิให้ควายอีกสามตัว”

หมอผีคนนั้นตกปากรับคำยื่นมือไปรับกระดาษวันเดือนปีเกิดมาไว้พลางยิ้มนายฮ้อยพันสำทับว่ าถ้าเป็นได้อยากให้เริ่มพิธีเลย เพราะอีกสามวันขบวณนายฮ้อยบ้านป่าแดงที่บุญสิงห์จะเดินทางต้อนควายไปค้าขายเมืองล่าง ซึ่งตาเฒ่ามีก็รับปากตามที่นายฮ้อยหนุ่มบอกมา

ในใจของนายฮ้อยพันตอนนี้มีแต่ความแค้น เขาเคยคิดว่าคนอย่างบุญสิงห์จะไม่มีวันเทียบเขาได้ แต่ทว่าในเวลาไม่กี่เดือนที่ผีร้ายในร่างสาวน้อยจำปาเข้ามา บุญสิงห์กลับกลายคู่ต่อสู้ที่น่ากลัวเสียแล้ว สำหรับเขาจะไม่ยอมให้ใครมาได้ดีกว่าเขาแน่นอน ต่อให้กำจัดทุกสิ่งทุกอย่าง สูญเสียอะไรบ้างก็ช่าง แต่เขาต้องชนะเท่านั้น

 

หลังแต่งงานวันเดียวบุญสิงห์ขี่ม้าไปที่บ้านป่าแดงบอกกับนายฮ้อยสนว่าจะขอเอาพลอยจำปาตามไปด้วย ตอนแรกนายฮ้อยสนก็ไม่ยอม แต่ก็เข้าใจคิดว่าเป็นช่วงข้าวใหม่ปลามันของคู่แต่งงานใหม่ ย่อมไม่อยากอยู่ห่างกัน แต่บุญสิงห์บอกเหตุผลที่มากกว่านั้นคือเป็นห่วงพลอยจำปา

“มึงสิคิดยากเฮ็ดหยังอยู่บ้านเฮาน่ะดีแล้ว ไปเมืองล่างมันลำบากคือหยังนี่ กว่าสิย่างฮอดเมืองโคราชทั้งคน ทั้งควายจ่อยหมดพอดี อีจำปากะผู้น้อยๆท่อนี้ มึงยังอยากให้มันไปนำอยู่รึ เกิดเป็นหยังมามันสิยากเอาเด้อ”นายฮ้อยสนเอ่ย

“แต่อยู่นี่ผมเป็นห่วงกว่าครับ ผมอยากเอาจำปาไปนำ ได้บ่ครับพ่อสน เอาไปอยู่กองเสบียงช่วยหุงหากับข้าวกับน้ำก็ได้ ถ้าปล่อยให้อยู่บ้านผม ย้านครับ ทั้งพวกหมอฝั้น พวกบักเจิดและนายฮ้อยสุบินพ่อมัน”

“ฤกษ์เดินทางลงเมืองล่าง มันฤกษ์เดียวกันหมด บักสุบิน บักเจิด มันกะไปขายควายคือกัน มันสิมีไผอยู่บ้านมาเฮ็ดหยังจำปาล่ะ”

“แต่ผมขอร้องครับ พ่อสน”

บุญสิงห์เอ่ย เขาบอกความจริงไม่ได้ว่าเขากลัวว่าพลอยจำปาจะหายไปและไม่กลับมาอีก ทางเดียวที่เขาจะทำได้ คือเอาเธอไปด้วย แม้จะรู้ดีว่าการเดินทางจากภูแสนคำลงไปขายควายเมืองล่างนั้นมีแต่อันตราย แต่มันก็ยังดีที่ได้เห็นเธอทุกวัน หมอเทียนเห็นแววตาสับสนของลูก แม้จะเห็นว่าคำขอของบุญสิงห์นั้นเป็นเรื่องเหลวไหล แต่เขากลับช่วยพูดให้

“ให้ไปนำโลด อยู่นี่พ่อใหญ่ฝั้นกะสิมาหาเรื่องไล่ผีไล่ปอบอีก บักบุญมันคือสิห่วงเมียมัน”

“ เฮ้อห่วงกะสิมาเฮ็ดให้กูยากนำ เอาผู้หญิงไปนำมันเบิ่งยากแท้เด้ สิกินสินอนกันจังใด”

“ให้มันนอนกองเสบียงนั่นแหละ มันบ่ยากดอก ซุมไปค้าควายบ้านป่าแดงกะเป็นคนเชื่อใจได้ กองเสบียงกะมีผู้หญิงไปช่วยเบิ่งเรื่องกับข้าวสองคนแม่นบ่ อยู่นั่นคือสิบ่เป็นหยังดอก”

“อันนั้นเขาเคยไปมาแล้ว แต่อีจำปามันยังเคยไปไส กูนี่เป็นห่วงมัน”นายฮ้อยสนพูดตามความเป็นจริง บุญสิงห์ยกมือไหว้เพื่อนของบิดาเชิงขอร้อง

“ขอให้จำปาได้ไปนำผมได้บ่ครับ พ่อสน”

“เฮ้อ มึงนี่ ลงเมืองล่างเทื่อแรกกะเฮ็ดให้กูยากนำแล้ว ไป๊ กลับบอกเมียมึงให้เตรียมของให้ดี คันสิไปนำ อย่ามาจ่มทีหลังล่ะว่ายาก”

ได้ยินคำนั้นบุญสิงห์ก็รีบกลับบ้านบอกให้พลอยจำปาเตรียมของก่อนเดินทางไกล เพ็งมองดูห่อผ้าและอาหารแห้งที่เตรียมให้น้องสาวและบุญสิงห์พลางเอ่ยอย่างเป็นห่วง

“เอื้อยบ่อยากให้ไปเลย”

“มีเมียของเฒ่าฮาดไปนำกับเมียเฒ่าบัวสีไปนำ เขาเอาไว้ไปทำกับข้าว จำปาไปก็ได้อยู่กองเสบียงนะเพ็ง”

“นั่นแหละเพ็งอดเป็นห่วงบ่ได้”หญิงสาวหันไปพูกับบุญสิงห์

“จำปาบ่เป็นหยังดอก เอื้อย”

พูดคำนั้นหญิงสาวก็กอดร่างพี่สาวไว้ เพ็งกลับรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเลย พลอยจำปาก็กอดเพ็งไว้แน่น เธอได้แต่ปลอบเพ็งบอกว่าอย่าได้ห่วงหรือกังวลอะไรเลย เธอไปกับบุญสิงห์และคนในบ้านป่าแดงอีกหลายคน แล้วนายฮ้อยสนก็เป็นคนดีและยังเมตตาเธอมากด้วย แล้วเธอก็อยากจะไปเปิดหูเปิดตาด้วย เพ็งก็ได้แต่พยักหน้ารับ แต่ยังรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาเลย แม้จะรู้ดีว่าบุญสิงห์สามารถดูแลน้องสาวของเธอได้แต่ยังเธอก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี

“เอื้อยเพ็งต้องดูแลตัวเองดีๆเด้อ จำปาจะซื้อเสื้อเด็กน้อยงามๆมาฝาก บ่ต้องห่วงอีหยั งเพราะเดี๋ยวจำปาสิกลับมา”

“แม่น เพ็งบ่ต้องห่วงเลย อ้ายสิบอกพ่อมาถามข่าวเรื่อยๆ แล้วถ้าเพ็งกับยายมีหยังกะให้บักมืดไปบอกพ่ออ้ายได้ แล้วเฮาสิกลับมา”

บุญสิงห์หันไปยิ้มให้เพ็งเหมือนจะบอกให้เธอสบายใจ ส่วนยายลุนก็ยกมือมาเช็ดน้ำตาป้อยๆก่อนจะดึงด้ายสายสิญจน์มาผูกให้หลานสาวและหลานเขย พลอยจำปามองใบหน้าเหี่ยวย่นของหญิงสูงวัยเธอได้ยินว่ายายลุนพูดอวยพรอะไรเธอบ้าง บุญสิงห์ยกมือไหว้ขอบคุณ แต่จำปากลับดึงยายมากอดแน่น

“ยายจ๋า”

“อย่าไห้อีหล่า แต่งงานมีผัวแล้ว จำไว้เด้อลูก คนเฮาเกิดมาดีท่อใดที่ได้พ้อคนที่ฮักและฮักเฮา ยายอยากให้อีหล่าพ้อคนดีๆได้อยู่นำกันจนแก่จนเฒ่า เงินทองบ่ต้องมีหลายดะได้ขอให้มีความสุขกะพอ. ยายดีใจที่จำปาได้พ้อแล้ว ฝากจำปาแน้เด้อหมอบุญ”

“ครับ ยาย”

บุญสิงห์รับคำสั้นๆ แต่พลอยจำปารู้ดีว่าเขาต้องทำได้ดีแน่นอน เพราะทุกๆวันเขาทำหน้าที่ดูแลปกป้องเธอได้ดีมากขึ้น จนเธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่โชคดีคนหนึ่งที่ได้เจอเขาผู้ที่เป็นความรัก แม้จะข้ามเวลามาไกลแสนไกลก็ตาม….

 



Don`t copy text!