ซ่อนรักในรอยกาล “ลวปุระ ทวารวดี” บทที่ 16 : สาส์นจากวาสุเทพฤาฤๅษี (1)

ซ่อนรักในรอยกาล “ลวปุระ ทวารวดี” บทที่ 16 : สาส์นจากวาสุเทพฤาฤๅษี (1)

โดย : พิมพ์อักษรา

Loading

ซ่อนรักในรอยกาล โดย พิมพ์อักษรา กับผลงานนวนิยายอิงประวัติศาสตร์อ่านง่าย ว่าด้วยทฤษฎีหนึ่งในตำนานประวัติพระนางจามเทวีกับพระสวามีที่แทบไร้หลักฐาน ผ่านเกมการเมืองในอาณาจักรทวารวดี อันมีชายปริศนาแฝงตัวเข้ามาอยู่เบื้องหลังเกมชิงบัลลังก์ครั้งใหญ่นี้ ติดตามได้ในเพจ อ่านเอา และ anowl.co

“ข้าแต่มหาราชผู้เป็นใหญ่แห่งลวปุระ ข้าพเจ้าขอถวายสาส์นสำคัญพร้อมบรรณาการเพื่อแสดงความระลึกถึงแลจงรักภักดีอยู่เสมอ อันข้าพเจ้าได้จากนครละโว้ไปสู่แดนเหนืออยู่เนิ่นนานหลายฝน แลได้พบดินแดนในชัยภูมิอันเหมาะสมจึงได้สร้างพระนครแห่งหนึ่ง ณ หนขุนน้ำโพ้น (1) บัดนี้นครแห่งนั้นก็สำเร็จบริบูรณ์ทุกประการแล้ว ข้าพเจ้าจึงปรารถนาจักได้ขัตติยราชผู้ประกอบไปด้วยศีลและปัญญา แลทรงตั้งอยู่ในทศพิธราชธรรมเพื่อไปเสวยราชสมบัติในราชธานีใหม่แห่งนั้น ข้าพเจ้าเสาะหาผู้มีบุญญาธิการดังกล่าวทั่วหล้า ก็เห็นจักมีเพียงเจ้าหญิงชวาลา เอกธิดาของละโว้ธานีแต่เพียงผู้เดียว จึงใคร่กราบบังคมทูลขอพระนางจากมหาราช หากได้พระนางมาครองราชย์เป็นนางพญาปกครองนครแห่งนี้จักเป็นพระมหากรุณาธิคุณยิ่งแล้วเจ้าข้า”

สาส์นจากวาสุเทพฤๅษีเป็นเรื่องเหนือความคาดหมายของทุกฝ่ายในราชสำนัก และก่อให้เกิดความรู้สึกแตกต่างกันไป

พระเจ้าจักวัติทรงอ่านถ้อยความจากพระฤๅษีซ้ำไปซ้ำมา อันข้อเสนอนี้ทั้งน่าสนใจและน่าใจหายไปพร้อมกัน ตรัสถามองค์เองว่าทางเลือกนี้เหมาะสมกับพระราชธิดาของพระองค์แน่แล้วหรือ นครหนขุนน้ำอันไกลโพ้นนั้นจักอุดมสมบูรณ์จริงดังกล่าวหรือแร้นแค้นกันดารก็สุดจะรู้ได้ หากครั้นทรงทบทวนอีกหนว่าถ้อยความนี้มาจากวาสุเทพดาบสที่พระองค์เคารพรักอย่างยิ่งแล้วก็พอเบาพระทัยได้ว่าเป็นความสัตย์ กระนั้นก็ยังทรงรู้สึกขมขื่นพระทัยอยู่ดีที่ต้องสละพระราชธิดาผู้เป็นความหวังต่อการสนับสนุนค้ำจุนราชบัลลังก์แก่เจ้าชายรามราชในกาลข้างหน้าไป

หากก็ย่อมปลอดภัยกว่าที่ชวาลาจักประทับในละโว้ต่อไปและถูกกำจัดในที่สุด เพราะอย่างไรฝ่ายที่ต้องการขจัดอำนาจพระนางก็ย่อมไม่ปล่อยให้พระนางเป็นหอกข้างแคร่ตลอดไปแน่แท้

แต่เช่นนั้นเท่ากับทรงเห็นชอบในการขับไสไล่ส่งแก้วตาดวงใจของพระองค์ไปไกลสุดหล้าหรือไม่เล่า

ทว่าวาสุเทพฤๅษีก็กลับโน้มน้าวจอมราชันในสาส์นส่วนพระองค์อีกฉบับว่า

“อันนครใหม่นั้นเป็นดินแดนอันอุดมสมบูรณ์ในแดนเหนือ ปลอดจากขอบข่ายอำนาจของอาณาจักรต่างๆ ที่กำลังแก่งแย่งแข่งขันชิงความเป็นใหญ่เช่นในทวารวดี ย่อมปลอดภัยดีต่อองค์หญิงชวาลา แลอันพระปรีชาสามารถของพระนางนั้น ก็เป็นที่ประจักษ์แจ้งแล้วว่าทรงสามารถปกครองบ้านเมืองให้เจริญได้อย่างยอดเยี่ยม ด้วยเหตุนี้พระนางจักทรงเป็นปฐมกษัตริย์ที่จะครองราชย์ต่อไปในบ้านเมืองใหม่อันรุ่งเรืองนั้นได้อย่างสมควรแก่พระเกียรติยศทุกประการเจ้าข้า”

กษัตริย์ละโว้จึงปลอบพระทัยองค์เองว่ามิได้ส่งเจ้าหญิงชวาลาไปตกระกำลำบากแต่อย่างใด ด้วยพระนางจักเสด็จไปปกครองเมืองใหม่ในฐานะหน่อเนื้อกษัตริย์จากอาณาจักรยิ่งใหญ่แห่งลุ่มแม่น้ำพระแดง มีฐานะดุจกษัตริย์ อันถือเป็นเกียรติยศสูงสุดที่พระบิดาอย่างพระองค์จักมอบให้ราชบุตรีได้

ทรงให้ความมั่นใจแก่พระนางว่า

“อยู่ในละโว้ สูงสุดเจ้าจักเป็นได้เพียงอัครเทวี แต่ด้วยปรีชาสามารถของลูกนั้นเป็นที่ทราบกันทั่วหล้าว่าสามารถนั่งบัลลังก์ครองเมืองเองได้ด้วยซ้ำ ที่นครหนขุนน้ำนั้นเจ้าจักได้เป็นนางพญาปกครองเมือง”

ทั้งที่สุดแสนเสียดาย หากพระองค์ก็จำต้องยอมรับว่า หนทางนี้อาจช่วยประนีประนอมราชสำนักที่กำลังลุกเป็นไฟได้ดีที่สุด เพราะต่อให้ชวาลาได้ครองบัลลังก์กับสวามี เป็นที่รักของทวยราษฎร์ทั่วหล้า ประชาชนอยู่ดีกินดี มีชีวิตผาสุก แต่ในราชสำนักจักมิมีวันสงบสุขได้ด้วยต้องคอยหาหนทางสั่นคลอนพระราชอำนาจ ‘เจ้าหญิงต่างชาติ’ จนกว่าจะตกลงจากบัลลังก์ให้จงได้

นอกจากนี้ยังช่วยระงับสงครามจากภายนอก มิให้ต้องผิดใจกับแคว้นเครือญาติอย่างจันเสน อู่ทอง และศรีเทพ รวมถึงไม่ต้องรับศึกจากพันธมิตรแดนไกลอย่างรักตมปุระและไชยา

ราตรีนั้น พระเจ้าจักวัติวิราชเสด็จไปยังท้องพระโรงอันโอฬารเพียงลำพัง ขึ้นประทับบนบัลลังก์อันสูงส่งหากเดียวดายอย่างยิ่ง ทรงนึกถึงพระราชเทวีผู้ทรยศพระองค์และกลับถูกฝ่ายตรงข้ามหักหลังอย่างเลือดเย็น ข้ามพักตร์พระองค์ไปอย่างอุกอาจ นึกถึงราชธิดาผู้ถูกบังคับให้ต้องนิราศจากมาตุภูมิ เหลือเพียงราชบุตรผู้ไร้เลือดละโว้สักหยด และราชนิกุลวงศ์เวหะที่จ้องชิงอำนาจในราชบัลลังก์ให้พวกพ้องตน

คงหมดเวลาของราชันแก่ๆ อย่างพระองค์เสียแล้ว…

แลอาจถึงคราที่จักต้องลงจากบัลลังก์และส่งต่อให้กับเจ้าชายรามราชสักที

 

ข้างฝ่ายอาณาจักรรักตมปุระนั้นก็แค้นใจจนแทบกระอัก เพราะแผนการเข้าครอบครองอำนาจในละโว้ที่วางไว้ด้วยความรอบคอบใจเย็นจากรุ่นสู่รุ่นซึ่งกำลังจะสำเร็จบริบูรณ์อยู่แล้วถูกทำลายลงหมดสิ้น ถึงกระนั้นก็ตกอยู่ในสภาวะน้ำท่วมปาก ไม่อาจกระโตกกระตากหรือหาเหตุยกเลิกสัมพันธไมตรีและประกาศสงครามต่อนครละโว้ได้ เพราะฝ่ายละโว้ก็แสดงให้เห็นว่าได้ส่งพระนางชวาลาไปในฐานะของเชื้อสายกษัตริย์ลวปุระ ถวายข้าราชบริพารและผู้คนไปด้วยอย่างสมพระเกียรติ นครใหม่นั้นก็เป็นบ้านเมืองอันอุดมสมบูรณ์ มิใช่ที่แห้งแล้งกันดาร จึงไม่ยากที่จะสร้างบ้านสร้างเมือง จึงมิอาจกล่าวหาได้ว่าเป็นการขับไสไล่ส่งเจ้าหญิงชวาลาไปตกระกำลำบาก อีกทั้งละโว้เองก็มิได้เป็นตัวตั้งตัวตีในเรื่องนี้ตั้งแต่ต้น เพราะมีสาส์นจากวาสุเทพฤๅษีมาเป็นหลักฐานอยู่

ฝ่ายที่ตีปีกดีใจย่อมเป็นฝ่ายปฏิปักษ์ทั้งหมดของเจ้าหญิงชวาลา เพราะเมื่อพระนางถูกส่งไปพ้นราชสำนักละโว้ ก็เป็นการขจัดอิทธิพลของพระนางและกลุ่มเจ้านายรักตมปุระที่เตรียมการยึดครองละโว้ผ่านราชบัลลังก์ของเจ้าชายกัษษกรในอนาคตอย่างเบ็ดเสร็จ เมื่อปลอดอิทธิพลของฝ่ายชวาลาแล้ว กลุ่มอำนาจใดก็ตามในราชสำนักก็มีหนทางสะดวกยิ่งขึ้นในการสั่งสมบารมีและความชอบธรรมให้กับพระธิดาของตนเพื่อเข้ารับการคัดเลือกเป็นมเหสีราชันลวปุระองค์ต่อไป

และก็มิต้องอกสั่นขวัญแขวนเตรียมรับศึกจากนครทางทะเลใต้อีกต่อไปด้วย

อีกทั้งดินแดนที่พระนางชวาลาจักไปปกครองนั้นก็อยู่ห่างไกล ย่อมไม่กระทบกระเทือนต่อละโว้ หรือหากพระนางต้องการกลับมาทวงสิทธิ์ในบัลลังก์เดิมคืนในกาลข้างหน้า ทางละโว้ก็จะมีเวลาเตรียมตัวรับมือได้ เพราะกว่าบ้านเมืองใหม่จะมั่นคงได้ พระนางอาจต้องเสียเวลารบรากับชนพื้นถิ่นดั้งเดิมในแดนนั้นอยู่นาน และย่อมใช้เวลาหลายปีในการสร้างเมืองและกองทัพให้เข้มแข็งเสียก่อน

หรือถ้าหากในวันหน้า พระนางชวาลาทรงยืนกรานจักกลับมาทวงละโว้ในที่สุด พวกเขาก็จะใช้ชีวิตชาวรักตมปุระในลวปุระเป็นตัวประกันต่อรอง

ไม่ว่ามองอย่างไร พวกเขาก็ได้ประโยชน์จากทางออกนี้ทั้งสิ้น

นับเป็นการดับแสงชวาลาได้อย่างประนีประนอมที่สุดแล้ว

 

เชิงอรรถ : 

(1) ขุนน้ำ หมายถึง ต้นน้ำ นครหนขุนน้ำ จึงหมายถึงเมืองที่อยู่ตั้งอยู่ต้นสายแม่น้ำ



Don`t copy text!